แสนสิริประกาศแผนคอนโดฯ ปี 65 เปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ลบ.
ไฮไลท์ “เดอะ เบส” 5 โครงการใหม่ พร้อมสานต่อคอนโดฯ ราคาเข้าถึงง่าย
วางเป้าระยะยาว 3 ปี เปิดคอนโดฯใหม่ มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท
เป้ายอดขายคอนโดมิเนียมรวม 58,000 ล้านบาท
- แสนสิริ ประกาศแผนคอนโดมิเนียมปี 65 เปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ครอบคลุมกรุงเทพฯ – ต่างจังหวัด
- ชูสานต่อความสำเร็จของการพัฒนาคอนโดฯ ราคาเข้าถึงได้ ไฮไลท์เปิดตัวแบรนด์คอนโด มี, เดอะ มูฟ, ดีคอนโด, เดอะ เบส และ เดอะ ไลน์ เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์เข้าถึงง่าย
- พร้อมปลุกกระแสแบรนด์ “เดอะ เบส” เตรียมเปิดตัว THE BASE New Series ภายใต้แนวคิด “BASE ON YOU” ให้ความชอบ บอกความเป็นคุณ 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 7,230 ล้านบาท นำร่องโครงการแรก “เดอะ เบส ไฮท์ – เชียงใหม่” คอนโดตึกสูงแห่งแรกจากแสนสิริในเชียงใหม่ พรีเซลล์ 19 – 20 มีนาคมนี้
- มองตลาดต่างจังหวัดมีดีมานต์ ลุย Holiday Home Condominium เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ในหัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ พร้อมรุกสร้างยอดขายเพิ่มในพัทยา
- เผยเตรียมโอนคอนโดฯ สร้างเสร็จ 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,300 ล้านบาท ไฮไลท์โครงการแรก “เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ” คอนโดพร้อมอยู่ 2 นาทีจากทองหล่อ เริ่ม 3.29 ล้านบาท
- ตั้งเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมปีนี้ 14,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 30% พร้อมเป้าโอน 13,000 ล้านบาท
- พร้อมวางเป้าเติบโตแข็งแกร่งระยะยาว 3 ปี ด้วยแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท และเป้ายอดขายคอนโดมิเนียมรวม 58,000 ล้านบาท
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แสนสิริแข็งแกร่งจากความเชื่อมั่นของลูกค้าและการให้การตอบรับที่ดีในคอนโดมิเนียมในปีที่ผ่านมา จากการพัฒนาโปรดักส์ที่ตอบรับการมีบ้านได้ง่ายขึ้น เพิ่มโอกาสการเข้าถึงการมีบ้านของคนทุกกลุ่มโดยเน้นการพัฒนาโครงการที่ตอบรับ Real Demand และการเปิดตัวโครงการ Affordable Segment ราคาเข้าถึงง่าย ไฮไลท์ความสำเร็จด้วยคอนโดมิเนียม 2 แบรนด์ใหม่ที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ได้แก่ “คอนโด มี” แบรนด์คอนโดราคาต่ำล้าน ที่ปิดการขายทันทีที่เปิดจองโครงการแรก “คอนโด มี นวนคร” และ “เดอะ มูฟ” แบรนด์คอนโดแนวคิดใหม่ ราคาล้านต้นของแสนสิริ และเป็นแบรนด์คอนโดไฮไลท์ในปีที่ผ่านมา จากการเปิดตัวไปถึง 5 โครงการ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี ทั้ง เดอะ มูฟ เกษตรและเดอะ มูฟ ราม 22 ที่ปิดการขายในทุกยูนิตที่เปิดขาย, เดอะ มูฟ ประดิพัทธิ์ ที่โอนจองสิทธิ์ได้ตามเป้าหมาย รวมทั้ง เดอะ มูฟ บางนาและเดอะ มูฟ บางแค ที่โกยยอดขายตามเป้าทุกรอบการขาย นอกจากนี้แสนสิริยังประสบความสำเร็จจากไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในซีรีย์ XT โครงการล่าสุด XT ห้วยขวาง ด้วยยอดขายและยอดโอนแล้ว 60% รวมถึงคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้แนวคิด “Green Condominium” ทำเลรถไฟฟ้าสายสีเขียว “ห้าแยกลาดพร้าว” ด้วยยอดโอนกว่า 90% ของยอดขาย และความสำเร็จของคอนโดมิเนียม “คาวะ เฮาส์” รีสอร์ทคอนโดริมน้ำกลางสุขุมวิท ที่ปิดยอดโอน 100% ในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้มียอดขายรวมคอนโดมิเนียมในปีที่ผ่านมาถึง 11,100 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย และยอดโอนคอนโดมิเนียมรวม 14,200 ล้านบาท สูงกว่าเป้าประมาณ 10% จากเป้าโอนคอนโดมิเนียม 13,000 ล้านบาทที่วางไว้ จากการปิดการขายคอนโดมิเนียม 5 โครงการ อาทิ คาวะ เฮาส์, ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด ธาร จรัญฯ, เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101 และเดอะ เบส ไฮท์ อุดรธานี
สำหรับแผนธุรกิจในการพัฒนาคอนโดมิเนียมในปี 2565 แสนสิริบริษัทวางแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่จำนวน 18 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ครอบคลุมในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 14 โครงการ และต่างจังหวัดอีก 4 โครงการ โดยไฮไลท์การพัฒนาคอนโดมิเนียมในปีนี้ แสนสิริจะสานต่อความสำเร็จของการพัฒนาคอนโดมิเนียมในระดับราคาเข้าถึงได้ เพื่อให้แสนสิริเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่าย ใน Affordable เซกเมนต์ สัดส่วน 60% โดยสานต่อความสำเร็จของคอนโดมิเนียมแบรนด์ Condo ME (คอนโด มี) ไฮไลท์ 5 โครงการใหม่ 5 ทำเลในปีนี้ รวมทั้งเปิดตัว เดอะ มูฟ อีก 2 โครงการใหม่ นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวแบรนด์ ดีคอนโด ต่อเนื่อง และไฮไลท์รุกเปิดตัวแบรนด์ เดอะ เบส รวมทั้งต่อยอดความสำเร็จของ เดอะ ไลน์ พหลโยธิน พาร์ค ด้วยการเดินหน้าเปิดขาย เดอะ ไลน์ เดอะ ไลน์ ไวบ์ คอนโดมิเนียมใหม่ ใจกลางห้าแยกลาดพร้าว เดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย เพียง 300 เมตรจาก BTS สถานีห้าแยกลาดพร้าว และ 700 เมตรจาก MRT พหลโยธิน ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท*
นอกจากนี้ในปี 2565 แสนสิริยังไฮไลท์การพัฒนาโครงการใหม่ภายใต้แนวคิด “YOU-Centric” ปลุกกระแสแบรนด์ “เดอะ เบส” ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ “BASE ON YOU” “ให้คนรุ่นใหม่ได้ทำสิ่งชอบได้มากขึ้น ใช้ชีวิตที่ไม่เคยหยุดนิ่งไปข้างหน้าได้มากกว่า และมีพื้นที่ที่ต่อยอดในทุกด้านของไลฟ์สไตล์ และใช้ชีวิตเต็มที่ในแบบของตัวเอง เดอะ เบส ทั้ง 5 โครงการใหม่จากแสนสิริได้ถูกออกแบบผ่านการสร้างพื้นที่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ทั้งดีไซน์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Historical & Local Context ของแต่ละทำเล ผสมผสานให้ร่วมสมัย พร้อมพื้นที่ส่วนกลางที่ครบครันและปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้ โดยเตรียมเปิดตัวทั้ง 5 โครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพทั้งอยู่อาศัยและลงทุน มูลค่ารวม 7,230 ล้านบาท อาทิ เดอะ เบส ริเวอร์วิว, เดอะ เบส สุขุมวิท 71 โดยจะเปิดตัว “เดอะ เบส ไฮท์ – เชียงใหม่” คอนโดตึกสูงแห่งแรกจากแสนสิริในเชียงใหม่ เป็นโครงการการแรก โดดเด่นด้วยทำเลที่ตั้งโครงการกลางเมืองเชียงใหม่ เพียง 3 นาทีจากเซ็นทรัล เฟสติวัล ราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท เตรียมเปิดพรีเซลล์ในวันที่ 19 – 20 มีนาคมนี้
แสนสิริยังมองเห็นสัญญาณที่ดี ในตลาดอสังหาฯ เมืองท่องเที่ยว ที่ยังมีดีมานต์ความต้องการในโครงการอสังหาริมทรัพย์คุณภาพที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้จริง จากความสำเร็จจากการ Sold out ปิดการขายโครงการ “1517 NIMMAN” (1517 นิมมาน) เชียงใหม่ ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา จึงมีแผนรุกตลาดต่างจังหวัดในปีนี้ ด้วยการเปิด Holiday Home คอนโดมิเนียมในเมืองท่องเที่ยว อาทิ หัวหิน เชียงใหม่ ขอนแก่น หาดใหญ่ รวมทั้งรุกสร้างยอดขายและยอดโอนต่อเนื่องในคอนโดมิเนียมเอดจ์ เซ็นทรัล – พัทยา คอนโดไลฟ์สไตล์สุดพีคใจกลางพัทยา ที่มียอดขายแล้ว 60% และคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้ โดยจ่อคิวเปิดการขายคอนโดมิเนียม “เดอะ เบส ไฮท์ – เชียงใหม่” และ “HAY Hua Hin” ในไตรมาสแรก
“แสนสิริตั้งเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมในปีนี้ไว้ที่ 14,000 ล้านบาท โตขึ้นเกือบ 30% พร้อมวางเป้ายอดโอนคอนโดมิเนียมในปีนี้ไว้ที่ 13,000 ล้านบาท นอกจากนี้แสนสิริยังมองถึงความแข็งแกร่งระยะยาวในช่วง 3 ปี ที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่มูลค่ารวม 70,000 ล้านบาท พร้อมเป้าหมายยอดขายคอนโดมิเนียมรวม 58,000 ล้านบาท สอดคล้องแผนธุรกิจระยะยาวที่เคยประกาศไว้ โดยผลงานในปีนี้คาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายและยอดโอนได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ รวมทั้งการเตรียมโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ถึง 6 โครงการ มูลค่ารวม 11,300 ล้านบาท ได้แก่ คอนโด มี นวนคร ที่ปิดการขายและมียอดโอนแล้วกว่า 90%, คอนโดมี สมุทรสาคร, คอนโด มี บางพลี คอนโด มี อ่อนนุช และ XT พญาไท ที่มียอดขายแล้ว 50% นอกจากนี้ ล่าสุดแสนสิริยังได้เตรียมเปิดโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่โครงการแรกของปี “เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ” คอนโดพร้อมอยู่ 2 นาทีจากทองหล่อ ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท ที่มียอดขายแล้ว 60% อีกด้วย” นายองอาจ กล่าว
โครงการ “เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ” คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการแรกของปีและโครงการล่าสุดภายใต้แบรนด์ “เดอะ เบส” โดดเด่นด้วยทำเลโครงการที่เชื่อมต่อใจกลางเมืองได้สะดวก เพียง 2 นาทีจากทองหล่อ โครงการตั้งอยู่บนเพชรบุรีที่เชื่อมต่อสู่ทุกซิตี้ไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว ทั้ง กิน ช้อป เที่ยว และทำงาน ใกล้ซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) เพียง 400 เมตร All Around Access ด้วยทางเชื่อมต่อเอกมัย-ทองหล่อ-พร้อมพงษ์ ใกล้ MRT เพชรบุรี (2 กม.), BTS ทองหล่อ (3.8 กม.) และ BTS พร้อมพงษ์ (4.1 กม.) และเพียง 5-10 นาที จากทางพิเศษศรีรัชและฉลองรัช แวดล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์และแหล่งออฟฟิศแหล่งใหญ่ของกรุงเทพฯ อย่างย่านอโศก และสถานศึกษาชั้นนำ โครงการตั้งอยู่บนที่สุดแห่งทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองทั้งในแง่ของการอยู่อาศัยและการลงทุน ขายต่อหรือปล่อยเช่า โดยราคาที่ดินเฉลี่ยบริเวณถนนเพชรบุรีมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย้อนหลัง 5 ปี (จากปี 2017 – 2021) ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 9.5% เทียบกับอัตราเฉลี่ยราคาที่ดินรวมในกรุงเทพที่ 7.7% ซึ่งเดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ นับว่าระดับราคาคุ้มค่าที่สุดในย่าน โดยมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 115,000 บาท/ตารางเมตร ขณะที่ราคาเฉลี่ยของคอนโดใหม่ในโซนนี้อยู่ที่ 130,000-150,000 บาท/ตารางเมตร Capital Gain เฉลี่ยอยู่ที่ 4% ต่อปี และ Rental Yield อยู่ที่ 4.5-5% ต่อปี
เดอะ เบส เพชรบุรี – ทองหล่อ มีความเป็นส่วนตัวสูงด้วยการอยู่อาศัยแบบ Low Density ด้วยการจำกัดจำนวนยูนิตในแต่ละชั้นไม่เกิน 17 ยูนิต รองรับทั้งการอยู่อาศัยคนเดียวและเป็นครอบครัวในห้องแบบ 1- 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 27.25-61.25 ตารางเมตร ในแนวคิด ’Trophy of Life’ รางวัลแห่งความสำเร็จที่โดดเด่นตามจุดมุ่งหมายที่ตนเองตั้งไว้โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับใคร ประกอบด้วยพื้นที่สีเขียวบริเวณด้านหน้าโครงการ และ Rooftop Garden ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ลูกบ้าน พร้อม Facilities ในโครงการพื้นที่กว่า 1 ไร่ครึ่ง รองรับทุกการใช้ชีวิตแบบคนเมือง อาทิ อาคารคลับเฮ้าส์แบบ Stylish Café & Garden ที่มี Retail Shop อยู่ที่ชั้น 1 และ Co-working Hub อยู่ชั้น 2 แยกการใช้งานระหว่างลูกบ้านและคนนอกอย่างชัดเจน ส่วนในอาคารพักอาศัย มี Co-Living Area และ Waiting Lounge บริเวณชั้น 1, Swimming Pool และ ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ทันสมัยจัดเต็มบริเวณชั้น 6, Sky Lounge และ Sky Theater สำหรับพักผ่อนหรือจัดงานเลี้ยงสังสรรค์พร้อม City View 270 องศาบนชั้น 36 และ Outdoor Pantry พื้นที่พักผ่อนกลางแจ้งรายล้อมด้วยสวนสวยบนชั้นดาดฟ้า โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ ความสูง 36 ชั้น จำนวน 496 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 3.29 ล้านบาท* จองวันนี้ ลุ้นรับทองคำหนักสูงสุด 3 บาท* เตรียมเปิดโอนในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้