%e0%b8%94%e0%b8%a3-%e0%b8%a7%e0%b8%b5%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%87%e0%b8%a9%e0%b9%8c-%e0%b8%8a%e0%b8%b8%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%a0%e0%b8%b1%e0%b8%97%e0%b8%a3-3

ดร.วีรพงษ์ ชุติภัทร์ กรรมการบริหาร บริษัท พรอพเพอร์ตี้ คอนแท็ค จำกัด ในเครือเอ็มไทย กรุ๊ป เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปีนี้จะเริ่มที่การพัฒนาโครงการวารีโอ สุวรรณภูมิ บนเนื้อที่กว่า 220 ไร่ บริเวณทำเลถนนศรีวารี สุวรรณภูมิ ซึ่งเริ่มศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2555 โดยได้กำหนดแนวคิดของโครงการให้เป็นโครงการ lifestyle residential community มูลค่าการลงทุนกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งได้เริ่มต้นพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวเป็นเฟสแรกบนเนื้อที่ 20 ไร่ รวม 60 ยูนิต มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท และได้เริ่มเปิดขายแล้วตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายประมาณ 30% ส่วนโครงการในเฟสต่อไปกำลังอยู่ระหว่างการศึกษาและพัฒนาแผนให้ได้โครงการที่ตอบโจทย์และสามารถเติมเต็มความต้องการที่แท้จริงในย่านนี้ ตลอดจนผลักดันสู่การเป็นฮับของการอยู่อาศัยอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์นั้น ดร.วีรพงษ์ กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า อันดับแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ กลุ่มลูกค้า ให้ได้รับความคุ้มค่าในการอยู่อาศัยมากที่สุดทั้งในด้าน การเป็นชุมชนคุณภาพ ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก โดยเฉพาะสถานที่ออกกำลังกาย ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางจะพัฒนาเพื่อรองรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย อาทิ เทรนด์ด้านการขี่จักรยาน เทรนด์ด้านการวิ่งเพื่อสุขภาพ รวมถึงคลับเฮ้าส์และฟิตเนสที่มีความครบครันในทุกด้าน อันดับที่ 2 คือความปลอดภัย ที่ครบทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ ได้แก่ การติดตั้งกล้องวงจรปิดทั่วทุกมุมของโครงการเพื่อให้สามารถมองเห็นได้เป็นมุมกว้าง มีการแบ่งโซนอย่างชัดเจน รวมถึงมีระบบรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ตลอด 24 ชั่วโมง อันดับที่ 3 พื้นที่เชิงพาณิชย์ ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร เพื่อให้บริการกับลูกค้าในโครงการ ซึ่งความต้องการที่แท้จริงของเราไม่ต้องการพัฒนาโครงการที่ใหญ่เท่านั้น แต่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และลูกบ้านสามารถใช้ชีวิตอย่างผ่อนคลาย ปั่นจักรยานและวิ่ง ใช้ชีวิตอยู่ในโครงการได้อย่างตอบโจทย์

“ด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ในย่านสุวรรณภูมิ มองว่า จริงๆ แล้วทำเลย่านตะวันออก ถือเป็นหัวใจการพัฒนาเศรษฐกิจระดับประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีการเติบโตด้านธุรกิจท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องถือเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ที่ดินในย่านนี้ รวมถึงมูลค่าเพิ่มในการอยู่อาศัยของคนในพื้นที่ ทั้งนี้ รัฐบาลเองมีแผนในการก่อสร้างสุวรรณภูมิ เฟส 2 แม้การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ แต่คาดว่าในปีนี้จะเห็นแนวทางที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ทำให้มีกระแสของการก่อสร้างที่อยู่อาศัยเติบโตตามมาด้วย รวมถึงแผนการขยายถนนศรีวราจาก 2 ช่องจราจร เป็น 4 ช่องจราจร ซึ่งจะส่งผลให้ราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยย่านนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ปัจจุบันมูลค่าที่ดินที่พัฒนาแล้วอยู่ที่ประมาณ 2-3 หมื่นบาทต่อตารางวา และคาดว่าใน 3-4 ปีข้างหน้าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงถึง 30-50%” ดร.วีรพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ หากวิเคราะห์ประเด็นภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี พ.ศ. 2560 ดร.วีรพงษ์ กล่าวแสดงความเห็นในประเด็นดังกล่าวว่า “ภาพโดยรวมน่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากปัจจัยในหลายๆ ด้าน ตามภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มมีความเคลื่อนไหวในทางบวก อาทิ โครงการรถคันแรกที่เริ่มทะยอยหมดลง ถัดไปคือเรื่องของราคาพืชผลทางการเกษตรที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อและการจับจ่ายของภาคประชาชนด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนของภาครัฐ แม้จะมีการก่อสร้างต่อเนื่องมาหลายปี แต่หลายโครงการเริ่มทยอยเสร็จแล้ว เช่น รถไฟฟ้าสายสีม่วง คาดว่าช่วงไตรมาสแรกและไตรมาส 2 จะมีการพัฒนาและส่งเสริมการใช้บริการยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทำเลย่านนี้ ในแผนการก่อสร้างสุววรณภูมิ เฟส 2 ที่จะช่วยส่งเสริมการพัฒนาของโครงการเรา