คงจะจำภาพยนตร์โฆษณาเรื่อง คุณค่าที่แท้จริง- Whizdom 101 by MQDC กันได้ใช่ไหมคะ ที่ได้ หมาก-ปริญ สุภารัตน์ และ ญาญ่า- อุรัสยา เสปอร์บันด์นำแสดง บอกเล่า เรื่องราวของนักพัฒนาแอปพลิเคชั่นที่ต้องการสร้างแอปพลิเคชั่นช่วยเหลือผู้ขาดแคลนอาหาร ท่ามกลางคำว่า “เป็นไปไม่ได้” แต่ด้วยพื้นที่ที่เอื้ออำนวยต่อความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ทำให้ทั้งคู่สามารถคิดสิ่งใหม่ได้สำเร็จ พื้นที่แห่งนั้นในโฆษณาคือพื้นที่ส่วนหนึ่งของโครงการวิสซ์ดอม 101 โดย MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น
โครงการ True Digital Park at Whizdom 101 นี้เป็นโครงการ Mix-Use ที่ผสมผสานพื้นที่สำหรับอยู่อาศัย ทำงาน และการพักผ่อน ตลอดจนทำกิจกรรมทางสังคมเข้าไว้ด้วยกัน พื้นที่โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมือง ริมถนนสุขุมวิท ติดรถไฟฟ้าปุณณวิถี บนพื้นที่ 200,000 ตร.ม. รองรับผู้ใช้งานได้ถึง 20,000 คน
ภายในเป็นเมืองดิจิทัลด้วยเครือข่ายสื่อสารโทรคมนาคมสุดล้ำ 4G Plus, บรอดแบนด์ และ WiFi แวดล้อมด้วยระบบนิเวศน์สมบูรณ์แบบ ทั้งบรรยากาศ World-Class, Co-Working Space ที่เปิดโล่งบนพื้นที่สีเขียว ท่ามกลางธรรมชาติ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล การดำเนินธุรกิจ และไลฟ์สไตล์ ซึ่งจะเป็นศูนย์รวมหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เข้ามาตั้งสำนักงาน และตั้งศูนย์ DATA Center ไม่ว่าจะเป็นบริษัทข้ามชาติรายใหญ่ของโลก, กลุ่ม Start-Up รุ่นใหม่ๆ, กลุ่ม SME, มหาวิทยาลัย และ R&D พร้มมีแพลตฟอร์มบริการด้านดิจิทัล รองรับการทำงานทางธุรกิจทั้ง Cloud, e-Commerce และ e-Payment อีกทั้งยังจะมีการสนับสนุนจากภาครัฐที่จะสร้างบรรยากาศและมอบสิทธิประโยชน์ที่เอื้อต่อการลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยแล้ว ยังนำมาซึ่งการพัฒนาประเทศในด้านอื่นๆตามมาอีกมากมาย
ในส่วนของคอนโดจะมีทั้งหมด 3 อาคารนะคะ ซึ่งทางทีมงานได้เคยเข้าไปทำรีวิวอาคารแรกมาแล้ว อ่านรีวิวโครงการได้ที่นี่เลยค่ะ
ผู้พัฒนาโครงการ : MQDC
ชื่อโครงการ : Whizdom 101 (วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน)
สถานที่ตั้ง : สุขุมวิทซอย 101 กรุงเทพมหานคร
มูลค่าการลงทุน : 30,000 ล้านบาท
ขนาดพื้นที่โครงการ : 43 ไร่
แนวคิด : “The Great Good Place” ซึ่งผสมผสานระหว่างพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย
พื้นที่ทำงาน และพื้นที่พักผ่อน สันทนาการและกิจกรรมทางสังคม สถานที่ซึ่งทุกคนสามารถสัมผัสได้ถึงพลังขับเคลื่อน แรงบันดาลใจใหม่ หรือแม้กระทั่งเหตุผลที่ดี ในการใช้ชีวิต
https://www.youtube.com/watch?v=RfG_eMMwyeU
ส่วนประกอบ :
1.สโมสรกีฬาและสุขภาพ พื้นที่ประมาณ 10,000 ตร.ม. อุปกรณ์ สถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวก สำหรับฟิตเนสและสปอร์ตคลับ ห้องนั่งเล่น (Social Lounge) โซนสำหรับครอบครัว คอร์ทเทนนิสในร่มและ สระว่ายน้ำแบบชายทะเลสไตล์รีสอร์ทแห่งแรกในกรุงเทพฯ
2.พื้นที่ร้านค้าปลีก พื้นที่ประมาณ 20,000 ตร.ม. ผสมผสานพื้นที่ในอาคารและพื้นที่นอกอาคารเข้ากับพื้นที่ว่างสำหรับการทำกิจกรรมไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมถึงพื้นที่สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งกำลังจะเปิดขายปลายเดือนหน้า ไม่เน้นร้าน Luxury พื้นที่ 50% เป็นร้านอาหาร ที่เหลือเป็น Service อย่างเช่น ธนาคาร เพื่อให้พื้นที่ภายในโครงการรองรับความต้องการได้ครบถ้วน
3.พื้นที่สำนักงาน พื้นที่ให้เช่าประมาณ 30,000 ตร.ม. พื้นที่แบบ Co-Working Space ด้วยคอนเซปต์ Innovative Office Park ที่เปิดโอกาสให้คนทำงานได้ทำงานในออฟฟิศที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ
4.พื้นที่โครงการที่พักอาศัย จำนวน 3 อาคาร ขนาดพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 140,000 ตร.ม. พร้อม Smart Home Automation System ที่ผู้พักอาศัยสามารถสั่งการทำงานต่างๆในบ้านได้จากระยะไกลแม่อยู่นอกบ้าน และแอพลิเคชั่นพิเศษ Whizdom Society Apps ที่ผู้พักอาศัยสามารถใช้จองฟิตเนส ร้านอาหาร หรือกิจกรรมต่างๆได้
กำหนดแล้วเสร็จ : ตึกแรกมีกำหนดโอนภายในปี 61 ประมาณ 3000 ล้าน ตึก 2และ 3 โอนในปี 62
นอกจากนี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยโครงการ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” มุ่งเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัล (Digital Hub) ของไทย พร้อมกล่าวว่ามีความตั้งใจในการสนับสนุนนโยบายประสานพลังประชารัฐของรัฐบาล และตอบสนองนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อนประเทศสู่ Thailand 4.0 โดยโครงการ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” จะเป็นพื้นที่รวบรวมคนเก่ง ผู้มีความรู้ความสามารถ จากทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เกิดการหลอมรวมองค์ความรู้ที่เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล และยังเป็นการดึงเงินลงทุนจากทั่วโลกเข้ามาในเมืองไทย นับเป็นความภาคภูมิใจของกลุ่มทรูที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างประเทศไทยให้ก้าวขึ้นเป็นประเทศศูนย์กลางด้านดิจิทัลของภูมิภาค โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการสร้างระบบสร้างระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างสรรค์และวิจัยนวัตกรรมดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Open Innnovation
โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ ภาคการศึกษา รวมถึงองค์กรเอกชนทั้งไทยและบริษัทข้ามชาติระดับโลก ที่จะมาร่วมสร้างระบบนิเวศน์ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของสตาร์ทอัพไทยในการคิดค้นนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
นอกจากนี้ยังเผยความมั่นใจว่าประเทศไทยมีศักยภาพที่จะก้าวขึ้นเป็นประเทศศูนย์กลางของอาเซียน ดังนั้น การมีศูนย์กลางด้านดิจิทัลเกิดขึ้นในประเทศไทย ภายใต้ระบบนิเวศน์ครบวงจรที่เอื้อประโยชน์ต่อการสร้างสรรค์นวัตกรรม และเป็น Open Innovation จะทำให้เกิดการผสมผสานความรู้ มีการวิจัยพัฒนา ต่อยอดในการสร้างสรรค์ นวัตกรรม ช่วยส่งเสริมให้กลุ่ม Start-Up รุ่นใหม่ๆ สามารถสร้างธุรกิจได้เติบโตอย่างยั่งยืน