นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการบริษัท เจ.เอส.พี.แอสพลัส จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ปี 2560 นี้ถือเป็นปีที่สำคัญของบริษัทฯ เนื่องจากได้มีความเคลื่อนไหวภายในองค์กรหลายด้าน โดยเฉพาะในเรื่องภาพลักษณ์แบรนด์ของบริษัทฯ ล่าสุดบริษัทฯ ได้มีการนำทีมพนักงานเปลี่ยนโฉมชุดยูนิฟอร์มใหม่ เพื่อสอดรับกับกลยุทธิ์มาตรฐานบ้าน J ID หรือ J Intelligent Design เครื่องหมายมาตรฐาน ของบ้านชาญฉลาด เพื่อให้ดูมีความทันสมัยสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ “ชุดยูนิฟอร์มใหม่ได้ออกแบบให้พนักงานสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพ มีความปราดเปรียวคล่องตัวในการทำงานสูง สะท้อนตัวแทนบุคลิกของกลุ่มเป้าหมายได้ สมกับการเป็นองค์กรยุคใหม่ที่พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จ”
นายไพโรจน์กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมเพื่อการปรับแบรนด์ มาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการตั้งเป้าเป็นโครงการที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ในทุกมิติ อุดมไปด้วยนวัตกรรม ภายใต้แนวคิด “ผู้นำสู่การสร้างสังคมและความสุขของครอบครัว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบวิถีคนเมือง” ตามด้วยการเปิดโครงการในลักษณะ J Series เพื่อการสร้างความจดจำให้แก่ลูกค้า พร้อมออกเครื่องหมายการันตีคุณภาพสินค้าตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรม คือ J ID หรือ J Intelligent Design เครื่องหมายการันตีมาตรฐานของบ้านอันชาญฉลาดของ JSP ซึ่งเป็นหลักการแนวคิดที่สามารถจับต้องได้จริงใน 4 ด้าน ได้แก่
- iFunction การพัฒนาการออกแบบ ที่ปรับทิศทางองค์ประกอบต่างๆของบ้าน เพิ่มอรรถประโยชน์ใช้สอยได้อย่างกว้างขวางเต็มประสิทธิภาพ
- iEnergy เพิ่มการออกแบบที่ใส่ใจรายละเอียดด้านการประหยัดพลังงาน เปิดรับแสงให้เข้าถึงได้ง่ายทำให้บ้านสว่าง
- iColor คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยโดยการเลือกโทนสี ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและไม่ล้าสมัย
- iConnet การออกแบบที่คำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกบ้าน โดยการออกแบบ Club House และCoworking Space เพื่อเชื่อมทุกความสัมพันธ์ในครอบครัวร่วมกัน “
ปัจจัยสำคัญในการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ คือ ต้องการมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยระดับคุณภาพที่สามารถครองใจลูกค้าได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มGenXและGenY โดยจุดแข็งที่ต้องการเน้นคือในด้านที่ดิน ทำเล ที่ตั้ง ประกอบกับนวัตกรรมของการดีไซน์แบบบ้าน ที่ให้เกินกว่าคาดหมาย การก่อสร้างและการตลาด รวมไปจนถึงการให้บริการหลังการขาย เพื่อในอนาคตบริษัทฯจะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน”นายไพโรจน์ กล่าว
สำหรับความเคลื่อนไหวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ ตั้งเป้าไว้ที่ 5,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการจำนวนทั้งสิ้น 16 โครงการ โดยกลุ่ม J series ประเดิม Q1/60 จำนวน 7 โครงการ ได้แก่
- เจ คอนโด พระราม 2 คอนโดใหม่ติดเซ็นทรัลพระราม 2 เริ่ม 1.39 ลบ.
- เจ แกรนด์ สาทร-กัลปพฤกษ์ ทาวโฮม 3 ชั้น ติดถนนสาทร-กัลปพฤกษ์ เริ่ม 3.89 ลบ.
- เจ ซิตี้ ติวานนท์-บางกะดี ทาวโฮมฟังก์ชั่นบ้านเดี่ยว เริ่ม 2.39 ลบ.
- เจ ซิตี้ รัตนาธิเบศร์-บางบัวทอง ทาวโฮมทำเลใจกลางตลาดบางบัวทอง เริ่ม 2 ลบ.
- เจ วิลล่า สุขุมวิท-แพรกษา บ้านแฝดนวัตกรรมบ้านเดี่ยว เริ่ม 3.15 ลบ.
- เจ วิลล่า รังสิต คลองหนึ่ง บ้านแฝด ดีที่สุด ระดับ 4Best บนถนนรังสิตคลองหนึ่ง เริ่ม 3.59 ลบ.
- เจ วิลล่า บางปะกง- บ้านโพธิ์ ทาวโฮมสไตล์บ้านเดี่ยว ใกล้กรุงเทพ เริ่ม 2.09 ลบ.
“บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และกำลังซื้อ ความต้องการที่อยู่อาศัยก็คาดว่าน่าจะกลับมาฟื้นตัว ซึ่งส่งผลต่อการสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน ทั้งนี้จึงได้มีการวางแผนและเตรียมพร้อมในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการปรับภาพลักษณ์ใหม่ครั้งนี้ ซึ่งจะทำผ่านสื่อต่างๆ ได้แก่ โทรทัศน์ ป้ายโฆษณา เว็บไซต์ พร้อมโซเชียลมีเดียช่องทางต่างๆ เพื่อผลักดันบริษัทฯ สู่ความเป็นองค์กรยุคใหม่พร้อมก้าวสู่ความสำเร็จให้ได้ภายในปีนี้”นายไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย