By Tharis T.

วันนี้ผมไปเจอคนรับจ้างเช็ดกระจกรถตามสี่แยกคนหนึ่ง

ตอนนั้นไฟแดงพอดี รถผมจอดเป็นคันที่สอง เขายืนอยู่ข้างรถของผมพอดีเป๊ะห่างไปซักประมาณ 3-4 เมตร ในใจคิดว่า ไม่รอดแล้วกูโดนแน่

ทันใดนั้นเองพอรถของผมหยุดปุ๊บ คนเช็ดกระจกคนนั้นก็เดินตรงเข้ามา พร้อมกับยกมือไหว้ ด้วยท่ามาตรฐานของคนเช็ดกระจกทั่วไป

ด้วยความที่ผมคิดว่า สบู่กับฟองน้ำที่เขาเอามาเช็ด มันถูกใช้มาทั้งวันแล้ว มันจะต้องไม่สะอาดแน่ๆเลย ผมก็ไม่อยากจะให้เขาเช็ดกระจกรถของผม แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า ถ้าไม่ให้เงินเขา เขาก็อาจจะไม่ปล่อยเราไปเฉยๆ อาจจะเอาอะไรมาขูดรถผมก็ได้ ในใจก็แอบกลัวเหมือนกัน

ผมคิดได้อย่างนั้น ผมจึงใช้วิธีขยับรถขึ้นหน้านิดหนึ่ง พร้อมกับเปิดกระจกลงแล้วยื่นเหรียญสิบบาทให้กับเขา แล้วบอกกับคนเช็ดกระจกว่า

“พี่ๆ ไม่ต้องหรอก”

ถ้าเป็นคนเช็ดกระจกมาตรฐานทั่วไปเขาก็คงจะรับเอาเหรียญของผมไปและอาจจะยกมือไหว้อีกสักที แล้วก็เดินไปหารถคันต่อไปเพื่อทำแบบเดียวกัน

แต่วันนี้ คนเช็ดกระจกที่ผมเจอ ยิ้มให้ผมครั้งนึง พร้อมกับพูดว่า

“ไม่เอาหรอพี่ สะอาดจริงๆนะพี่ รับรอง”

ผมรู้สึกสะดุดกับคำพูดของเขามาก แปลกที่คนเช็ดกระจกทั่วไปจะพูดด้วยกับคนขับรถบนท้องถนน ผมจึงถามกลับไปว่า

“หรอ? แน่ใจหรอ?”

“แน่ใจพี่”

“เอ้อ งั้นก็เอาเลย”

หลังจากนั้นผมก็นั่งมองเขาลงมือเช็ดกระจกให้ทั้งสองด้าน ด้านคนขับ กับด้านคนนั่งข้างคนขับ ผมยังไม่ได้เอากระจกข้างลง

“ทำงี้มานานยังพี่”

“อ๋อ ก็ทำมาตั้งแต่เด็กแหละ” รอยยิ้มเล็กๆที่มุมปากเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขา

ก่อนเอากระจกขึ้นผมก็บอกกับเขาว่า

“โชคดีนะพี่ สู้ๆ”

“คร้าบ”

หลังจากเช็ดกระจกหน้าเสร็จ เขายิ้มให้ผมอีกครั้งหนึ่งพร้อมกับก้มหัวเบาๆ แล้วเขาก็เดินไปเช็ดกระจกหลังให้ด้วย ต่อจากนั้นเขาก็เดินกลับไปที่ตำแหน่งที่เขายืนอยู่เมื่อตอนที่ผมมาถึงที่สี่แยกนี้ ทันใดนั้นเอง ไฟแดงก็เปลี่ยนเป็นไฟเขียว แล้วผมก็ขับรถออกไป สายตาเหลือบไปเห็นคนๆนั้นมองตามรถผมออกไป

ผมขับรถออกไปสักพัก ผมก็สังเกตว่า กระจกมันสะอาดขึ้นจริงๆ!

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมไม่ได้ล้างรถมาซักพักแล้วหรือเปล่า แต่ผมรู้สึกได้จริงๆ ว่ากระจกมันใสขึ้น ขณะที่ผมกำลังขับรถกลับบ้าน ในใจผมก็คิดว่า ผมต้องเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกคนฟัง

ผมไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมจำชายคนนี้ได้ แต่เรื่องนี้ มันทำให้ผมมองคนเช็ดกระจกข้างถนนเปลี่ยนไป ผมเคยถูกสังคมหล่อหลอมและสั่งสอนว่า คนเช็ดกระจกไม่ดี น่ากลัว น่าหวาดระแวง และไม่ควรไปยุ่งเกี่ยว แต่สังคมที่ผมอยู่ไม่เคยบอกผมว่า คนเช็ดกระจกข้างถนน ก็คือคนธรรมดาๆคนหนึ่ง มีความรู้สึก มีจิตใจ แล้วเราก็คุยกับเขาได้ เหมือนคนปกติคนหนึ่ง

สังคมที่พวกเราอยู่มันสร้างเกราะกำบังจิตใจที่เรียกว่า “ความเห็นแก่ตัว” ของเราขึ้นมา ทำให้พวกเราลืมบางสิ่งบางอย่างที่สวยงาม แล้วพวกเราก็มองข้ามมันไป ก็คือ “ความมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์” บางทีคนเช็ดกระจกอาจจะไม่ได้อยากได้เงินสิบบาท แต่เขาอยากมีชีวิต อยากมีคนคุยด้วย อยากมีสังคมเหมือนคนทั่วๆไป ผมไม่ได้คิดว่า คนเช็ดกระจกไว้ใจได้ทุกคน แต่ผมคิดว่าบางครั้งคนเราก็สามารถมองโลกในมุมดีๆได้เช่นกัน อย่างเช่นเหตุการณ์ครั้งนี้ ที่ทำให้ผมได้เห็นมุมเล็กๆที่สวยงามมุมหนึ่งในสังคมแห่งนี้ มุมทีหลายๆคนอาจจะไม่เคยเห็น และไม่เคยนึกถึง.

Tharis T.