กลุ่มบริษัทอิตัลไทย กลุ่มธุรกิจสำคัญกลุ่มหนึ่งในวงการธุรกิจอุตสาหกรรมและวงการธุรกิจพัฒนาโครงการเพื่อการพาณิชย์ของประเทศไทยตลอดระยะเวลา 60 ปีที่ผ่านมา ประกาศว่า กลุ่มบริษัทอิตัลไทยตั้งเป้าผลักดันยอดขายธุรกิจในเครือให้เติบโตขึ้น 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปี ให้มียอดขายต่อปีอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับสถานภาพทางการแข่งขันของกลุ่มบริษัทอิตัลไทยในยุคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กำลังจะเกิดขึ้น พร้อมเตรียมรับประโยชน์จากโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากการรวมตัวกันของประเทศกลุ่ม AEC
นายยุทธชัย จรณะจิตต์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อิตัลไทย เปิดเผยว่า ในโอกาสฉลองครบรอบ 60 ปีการก่อตั้งกลุ่มบริษัทอิตัลไทย เรามุ่งมั่นตั้งใจที่จะเสริมสร้างองค์กรให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพื่อก้าวไปในอนาคตข้างหน้าอย่างมั่นคงแข็งแรง โดยจะเร่งเครื่องการเติบโตของธุรกิจ พร้อมทุ่มเงินอีก 11,000 ล้านบาทลงทุนในส่วนของศูนย์บริการ สิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ๆ และโรงงาน ตลอดจนการบริการใหม่ๆ รวมไปถึงการพัฒนาศักยภาพองค์กร ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะเดินหน้าทำให้เห็นผลตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2562
นายยุทธชัย กล่าวว่า ธุรกิจของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย มีอยู่สองประเภทธุรกิจในสัดส่วนพอๆ กัน ซึ่งทั้งสองประเภทธุรกิจนี้ ถือเป็นรากฐานที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย ได้แก่ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่อง จักรกลและบริการด้านวิศวกรรม’ และ ‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์’ ที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวของไทยซึ่งสามารถแข่งขันได้กับทั่วโลก โดยบริษัทจะมุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจทั้งสองส่วนเท่าเทียมกัน
กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลและบริการด้านวิศวกรรม
ธุรกิจจำหน่ายเครื่องจักรกลและบริการหลังการขายที่แข็งแกร่ง รวมทั้งการเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยให้กับแบรนด์วอลโว่ (Volvo) ทาดาโน่ (Tadano) และเอสดีแอลจี (SDLG) ยอดขายของธุรกิจในส่วนนี้ปัจจุบันอยู่ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งบริษํทตั้งเป้าจะผลักดันให้เติบโตขึ้นเป็น 8,000 ล้านบาทภายในปี 2562 และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นจาก 14% เป็น 20%
บริษัทฯกำลังขยายธุรกิจเข้าไปในตลาดเซคเตอร์ใหม่ๆ เพิ่มเติมจากฐานลูกค้าเดิมในกลุ่มวิศวกรรมเครื่องจักรกล ไปสู่ลูกค้าในกลุ่มงานไฟฟ้าและวิศวกรรมโยธา โดยการลงทุนอย่างหนักในเรื่องสถานที่และสิ่งอำนวยความสะดวกในการให้บริการลูกค้าต่างๆ นอกจากนี้ เรายังสยายปีกออกไปยังตลาดพื้นที่ใหม่ๆ เช่น การสร้างธุรกิจในพม่า โดยเน้นรับงานด้านวิศวกรรมภายในอาคาร ด้านไฟฟ้าและท่อประปา
นายยุทธชัย กล่าวว่า พลังงานทดแทนอย่างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์และพลังลม สร้างโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าเกินหน้าสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกในประเทศไทย ที่เป็นตัวเลือกที่ลูกค้าต้องการใช้บริการ ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์
‘กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์’ ของกลุ่มบริษัทอิตัลไทย เป็นกลุ่มธุรกิจที่เราตั้งเป้าหมายการเติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยแผนการขยายธุรกิจ ในต่างประเทศ ซึ่งจะทำให้จำนวนโรงแรมในเครือ ออนิกซ์ ฮอสพิทาลิตี้ กรุ๊ป ของกลุ่ม อิตัลไทย เพิ่มขึ้นจาก 38 แห่งในปัจจุบัน เป็นมากกว่า 100 แห่ง ด้วยจำนวนห้องพัก 18,500 ห้อง ใน 10 ประเทศภายในระยะเวลา 5 ปี โดยในปี 2558 นี้ จะมีการเปิดโรงแรมใหม่ในประเทศมัลดีฟส์ มาเลเซีย ศรีลังกา และจีน
นายยุทธชัย กล่าวว่า กลุ่มบริษัทอิตัลไทยดำเนินธุรกิจ ‘โรงแรมและรีสอร์ท’ 3 แบรนด์ คือ แซฟฟรอน (Saffron) แบรนด์ระดับลักชัวรี่ อมารี (Amari) แบรนด์สำหรับตลาดระดับบน และ โอโซ่ (Ozo) แบรนด์สำหรับการบริการเฉพาะอย่าง
ธุรกิจอื่นๆ ในกลุ่มธุรกิจบริการและไลฟสไตล์ ได้แก่ ‘เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์’ ซึ่งให้บริการภายใต้แบรนด์ ชามา ลักซ์ (Shama Luxe) ชามา (Shama) และ ชามา ไลท์ (Shama Lite) นอกจากนั้นยังมีธุรกิจ ‘สปา’ ภายใต้แบรนด์ มาย (Maai) สำหรับตลาดลักชัวรี่ และ บรีซ (Breeze) สำหรับตลาดระดับบน
ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมบริการและไลฟ์สไตล์ กลุ่มบริษัทอิตัลไทย ยังเป็นผู้บริหารธุรกิจ แฟรนไชส์ชาทีดับลิวจี (TWG Tea Franchise) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะทำยอดขายให้เติบโตขึ้นมากกว่า 2 เท่า ภายในระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า
นายยุทธชัย กล่าวว่า บริษัทฯทุ่มงบลงทุนประมาณ 7,000 ล้านบาทในธุรกิจเหล่านี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีข้างหน้า พร้อมกับตั้งเป้าหมายดันยอดขายให้เติบโตเพิ่มขึ้นจาก 5,700 ล้านบาทในปี 2557 ให้เป็น 10,200 ล้านบาทในปี 2562