แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ไตรมาส 3 นี้สิงห์ฯจะเริ่มเปิดโครงการใหม่ โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ซื้อที่ดินบนถนนอโศกใกล้มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ด้านหลังเบียร์สิงห์เฮ้าส์เดิมอีก 200 ตารางวา เพื่อรวมกับที่ดินที่มีอยู่อีก 1 ไร่ครึ่ง จะเปิดตัวเป็นโครงการคอนโดมิเนียมสูงไม่ต่ำกว่า 40 ชั้น ประมาณ 400 ยูนิต ราคาขายตารางเมตรละตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป จากเดิมออกแบบไว้ 39 ชั้น จำนวน 200-300 ยูนิต
ขณะเดียวกัน ไตรมาส 3 จะเริ่มพัฒนางานฐานรากโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บนที่ดินกว่า 11 ไร่ ติดถนนอโศก-เพชรบุรี เป็นอาคารแบบมิกซ์ยูส พื้นที่รวมกว่า 1.4 แสนตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน 1 แสนตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีกกว่า 3 พันตารางเมตร คอนเสิร์ตฮอลกว่า 3-4 หมื่นตารางเมตร และโรงแรม 22 ห้องพัก
ส่วนโครงการบ้านหรูเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา บนที่ดินกว่า 30 ไร่ยังอยู่ระหว่างออกแบบ และกำลังพิจารณาว่าจะซื้อที่ดินเพิ่มหรือไม่ จากปัจจุบันมีกว่า 30 ไร่ มีความเป็นไปได้ทั้งการพัฒนาบ้านราคาตั้งแต่กว่า 10-100 ล้านบาท ขึ้นกับทีมผู้บริหารและสถานการณ์เศรษฐกิจ
นายล่องลม บุนนาค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บมจ.สิงห์ เอสเตท เปิดเผยว่า นโยบายการลงทุนของสิงห์ เอสเตทในปีนี้เตรียมงบฯไว้ 2 หมื่นล้านบาท จะเน้น 2 ส่วน คือ 1) เข้าซื้อโครงการหรือควบรวมกิจการแบบเป็นพันธมิตรร่วมกันทำธุรกิจ และ 2) พัฒนาโครงการเอง โดยโครงการแนวราบจะให้บจ. เนอวานาดีเวลลอปเม้นท์ ที่สิงห์ฯเข้าควบรวมกิจการเมื่อมีนาคมที่ผ่านมาดูแลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนแนวสูงจะใช้ทีมงานของสิงห์ฯ มีนายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัยดูแล
การลงทุนแบ่งเป็นแผนระยะสั้น 1-3 ปี เน้นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ได้แก่ โรงแรม สนามกอล์ฟ ออฟฟิศให้เช่า โดยมีดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาทั้งในและต่างประเทศ ศึกษาการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในธุรกิจรีเทลและคลังสินค้า แต่จะต้องเป็นเซ็กเมนต์ที่ตลาดยังมีช่องว่าง ส่วนแผนระยะกลาง 3-5 ปี และแผนระยะยาว 6-10 ปี ลงทุนในทรัพย์สินที่ต้องการถือระยะยาว เช่น โครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ ฯลฯ
โดยปีนี้คาดว่าจะปิดดีลซื้อกิจการโรงแรมในประเทศได้ 2 แห่ง ขนาดไม่ต่ำกว่า 150 ห้องพัก ใช้งบฯลงทุน 5 พันล้านบาท และมีดีลในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างเจรจา ทั้งโรงแรม ที่อยู่อาศัย ตั้งเป้า IRR หรือผลตอบแทนการลงทุนกว่า 10% ขึ้นไป
ที่มาข่าว: ประชาชาติ