ความไม่แน่นอนทางการเมืองในช่วงปลายปี 2556 ส่งผลกระทบต่อวงการอสังหาฯทั้งตลาดคอนโดฯและบ้านแนวราบ ผู้ชื้อและนักเก็งกำไรตัดสินใจทิ้งดาวน์ คอนโดเหลือยอดรอโอนประมาณ 2.5 แสนล้านบาท ส่วนบ้านเอื้ออาทร ยอดขายพลาดเป้า 25%
“หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ” ได้สัมภาษณ์บรรดาบิ๊กๆ ในวงการอสังหาฯ เกี่ยวกับผลกระทบทางการเมืองต่อธุรกิจ
นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ปี 2557 กำลังอยู่ในช่วงที่ยากลำบาก เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดคอนโดมิเนียม แต่รวมไปถึงตลาดบ้านแนวราบ ในส่วนของศุภาลัยยอดขายบ้านแนวราบช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาลดลง 15% ส่วนยอดผู้เยี่ยมชมโครงการลดลงเกือบ 50% ซึ่งประเมินจากสถานการณ์ได้ว่าบรรยากาศทางการเมืองทำให้อารมณ์ในการชื้อบ้านลดลง
ด้านนายธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า ปัจจัยลบทางการเมืองมีผลกระทบให้การโอนกรรมสิทธิ์ชะลอตัวลง โดยเป็นผลมาจากทั้งกระบวนการของภาครัฐที่ล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นการออกโฉน การกำหนดราคาประเมิน และปัญหาของผู้ซื้อบางส่วนที่ไม่สามารถกู้เงินจากสถาบันการเงินได้ หรือบางรายยืดการรับโอนออกไป ทำให้มีห้องชุดหลุดดาวน์ต้องนำกลับมาขายใหม่ในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมาประมาณ 20-30% โดยสมาคมฯ ประเมินจากสถานการณ์ดังกล่าวได้ว่าจำนวนคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในปีนี้ไม่น่าจะหวือหวา คือไม่เกิน 60,000-70,000 หน่วย แต่โครงการบ้านแนวราบจะเติบโตแทนที่
ส่วน นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานพัฒนาธุรกิจ และพัฒนาคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เหตุการณ์ทางการเมืองตลอด 3เดือนที่ผ่านมากระทบต่อยอดการโอนคอนโดมิเนียม จากเดิมที่คาดไว้คือ 17,000 ยูนิต กลายเป็นว่าโอนจริงได้แค่ 15,500 ยูนิต โดยสาเหตุเกิดจากการทิ้งจองและทิ้งดาวน์ การกู้ไม่ผ่าน และลูกค้าบางส่วนที่ขอยืดเวลาการโอน เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง
ทาง นายดลพิวัฒน์ ปรีดาวิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2556 ผู้ประกอบการส่วนใหญ่พลาดยอดขายและรายได้ ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งทำยอดให้ได้มากที่สุด โดยจำเป็นต้องปรับลดราคาลง 5-10% หรือกระตุ้นด้วยการจัดโปรโมชั่น ซึ่งจะกระทบต่อแผนในการเปิดโครงการใหม่ๆ ทำให้ไม่สามารถเปิดได้ตามแผนที่วางไว้ หากเลวร้ายที่สุดก็คือเปิดได้เพียงครึ่งเดียวของแผนทั้งหมด
อย่างไรก็ตามภาวะการเมืองที่ยืดเยื้อไม่ได้ส่งผลต่อโครงการของเอกชนเท่านั้น แต่รวมไปถึง “บ้านเอื้ออาทร” ของการเคหะแห่งชาติด้วย โดย นางพรรณสุภา ยุทธภัณฑ์บริภาร รองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า ผลประกอบการของการเคหะฯในรอบ 4 เดือน (ตุลาคม 2556-มกราคม 2557) ไม่เป็นไปตามเป้า โดยขายได้เพียง 3,900 หน่วย จาก5,200 หน่วย หรือประมาณ75% ซึ่งทางการเคหะฯ ได้เร่งแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนโดยให้ทีมงานสำรวจโครงการที่เหลือ เพื่อซ่อมแซม และบริหารอสังหาฯ ไม่ให้ถูกทิ้งร้าง
ที่มา : หนังสือพิมพ์ดอกเบี้ยธุรกิจ