CGSCAPE-LANCEO11-TWINHOUSE_130129_re

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยหลังการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ครึ่งหลังวางแผนเปิดโครงการใหม่ 5-7 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2557  ยังคงขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง มียอดรับรู้รายได้ที่ 662.46 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13%  โดยบริษัทยังคงความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ ได้ดีอย่างต่อเนื่อง  แม้ยอดขายปรับเพิ่มขึ้นแต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับลดลง ส่งผลให้ในไตรมาสที่ 2 นี้บริษัทมีกําไรสุทธิทั้งสิ้น 136.03  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% พร้อมกันนี้  บอร์ดมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.135 บาท

IMG_7325_cr
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จํากัด (มหาชน) หรือ LALIN ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2557 นี้ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง จากที่ขยายตัวได้ดีในไตรมาสแรก ส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดรับรู้รายได้เข้ามาแล้วกว่า 1,318 ล้านบาท ซึ่งสามารถขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 10% แม้ว่าปัจจัยภายนอกในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาจะไม่เอื้ออํานวยก็ตามจากปัญหา
IMG_7345_cr
ด้วยแผนกลยุทธ์ที่วางเอาไว้ ช่วยให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง และมีตัวเลขกําไรที่สูงที่สุดในรอบกว่า 8 ปี โดยบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายในปี 2557 ไว้ที่ 3,200 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 2,700 ล้านบาท ในแง่ของการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ บริษัทยังคงความสามารถในการบริหารจัดการได้ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสากรรมอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยในไตรมาสที่สองนี้ มีอัตราส่วนกําไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 38.4%
CGSCAPE-LANCEO11-TWINHOUSE_130129_re
ประกอบด้วยความสามารถในการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่างๆได้ดี โดยในไตรมาส 2/2557 นี้แม้บริษัทจะมียอดรับรู้จากการขายที่ปรับเติบโตขึ้นกว่า 13% แต่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารปรับลดลงประมาณ 5% ส่งผลให้มีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A/Sales) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 9.5% จากที่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 11.2% ส่งผลให้ในไตรมาสที่สองนี้บริษัทมีกําไรสุทธิทั้งสิ้น 136.03 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากําไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 20.5% ซึ่งนับเป็นอัตราส่วนกําไรสุทธิที่ดีเป็นลําดับต้นๆ ของอุตสาหกรรม