นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 ว่า “เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงชะลอตัว เนื่องจากการส่งออกเติบโตน้อยและภาวะการบริโภคของภาคประชาชนชะลอตัว เนื่องจากภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ในปี 2560 จะได้รับแรงขับเคลื่อนจากการลงทุนของภาครัฐบาลในโครงการสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคการส่งออกฟื้นตัวเล็กน้อยจากการที่เงินบาทอ่อนค่า และต้องประเมินนโยบายจากโดนัลด์ ทรัมป์และยุโรปอีกระยะหนึ่ง ภาคการท่องเที่ยวยังเป็นรายได้หลัก และจากการเร่งรัดโครงการต่างๆ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และการเริ่มลงทุนโครงการจากบี.โอ.ไอ ตลอดจนภาคเอกชนเริ่มเห็นสัญญาณลงทุนชัดเจนจากรัฐบาลก็จะมีแรงส่งการลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้น โดยจะค่อยๆ เห็นชัดเจนในไตรมาสที่ 3-4 เป็นต้นไป
ในภาคอสังหาริมทรัพย์ปี 2560 การขยายตัวในตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand ก็ยังคงขยายตัวได้ระดับหนึ่ง สำหรับตลาดอาคารชุดน่าจะทรงตัว เพราะยังมี Supply คงเหลือในหลายทำเลที่ยังคงค่อยๆ ดูดซับ Supply โดยเฉพาะตลาดกลาง – ล่าง ตลาดบนที่ทำเลเด่น และ Design โดดเด่นก็ยังพอมีช่องว่างบ้าง โดยภาพรวมของตลาดน่าจะขยายตัวได้ 3-5%
“บริษัทฯ ได้ประเมินจากสถานการณ์แล้ว และได้มีแผนการดำเนินงานเพื่อรองรับสถานการณ์ โดยได้กำหนดแผนประจำปีให้มีความยืดหยุ่นให้เข้ากับภาวะแวดล้อมเศรษฐกิจ ทั้งนี้ยังควบคุมความเสี่ยงมี D/E ต่ำ แผนควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ ประกอบกับมีแผนกลยุทธ์อื่นๆ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยบริษัทฯ มีแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายยอดขาย 3,600 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท เติบโต 15% ” นายไชยยันต์ กล่าว
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวเสริมว่า ในปี 2560 นี้ “ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ปรับกลยุทธ์การดำเนินงานในเชิงรุกเพื่อตอกย้ำความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคที่ไว้วางใบริษัทฯ มาโดยตลอดและในปีที่ผ่านมา ได้เปิดตัวอาณาจักร “ลลิล ทาวน์ (LALIN Town)” ไปแล้วหลายแห่ง ได้แก่ ลลิล ทาวน์–พัทยา, ลลิล ทาวน์ เศรษฐกิจ–พุทธสาคร ซึ่งในโครงการประกอบด้วย บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ส์ใหม่ บนพื้นที่ใช้สอย 140-175 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านกว่าบาท – 5 ล้านบาท และทาวน์โฮม ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85-105 ตารางเมตร ในราคาสุดคุ้มเพียง 1 ล้านกว่าๆ – 2 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมหน้ากว้าง พร้อมเปิดประสบการณ์ครั้งแรกที่ฟังก์ชั่นปรับได้ตามใจ โดดเด่นด้วยสไตล์การออกแบบ Modern Stripe Contemporary โดย KTGY บริษัทออกแบบชั้นนำระดับโลก และรองรับไลฟ์ลไตล์การใช้ชีวิตสบายๆ ในสไตล์ที่แตกต่าง สะท้อนความเป็นตัวตนเฉพาะของลูกค้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ มองเห็นความต้องการที่อยู่อาศัยตลาดเรียลดีมานด์ของผู้บริโภคที่ยังขยายตัวสูงขึ้นในทุกๆ ปี บวกกับพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยในทำเลดังกล่าวมีความต้องการที่หลากหลายไลฟ์สไตล์ นับว่าตอบโจทย์ด้วยพื้นที่ใช้สอยกว้างขวาง มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ลงตัว สามารถปรับแต่งให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของครอบครัว และสามารถรองรับกิจกรรมของครอบครัวได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ 3 สิ่งสำคัญที่บริษัทฯ ยังคำนึงถึงเสมอ คือ คุณภาพ (Quality) ที่ยังคงมุ่งมั่นรักษาระดับมาตรฐานงานออกแบบและการก่อสร้าง เพื่อส่งมอบโครงการคุณภาพให้ถึงมือผู้บริโภค การบริการ (Service Mind) ที่สร้างความประทับใจ และการดูแลลูกค้า (CRM) ให้ความใส่ใจสร้างสังคมแห่งคุณภาพภายใต้โครงการของบริษัทดังนั้นปีนี้จะเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญและสร้างความไว้วางใจและความพึงพอใจให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นในสินค้าและบริการของบริษัทได้
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าหมายทั้งปีนี้ไว้ประมาณ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ–ปริมณฑล และต่างจังหวัดในส่วนของหัวเมืองหลัก และหัวเมืองชั้นรอง แบ่งสัดส่วนทำเลออกเป็น โซนกรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และในทำเลต่างจังหวัด 30% ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มุ่งสู่ความเป็นผู้นำด้านการเปลี่ยนแปลงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะโครงการแนบราบที่บริษัทมีความชำนาญ โดยเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านแนวคิด การวางคอนเซ็ปต์ ตลอดจนการให้ความคุ้มค่าในการอยู่อาศัย การเลือกทำเลศักยภาพสะดวกทุกการเดินทาง และการใช้ประโยชน์ได้จริงของผู้อยู่อาศัย ให้พื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า มีพื้นที่สวนและที่จอดรถ ในราคาที่สมเหตุสมผล
“บริษัทฯ มีแผนงานกลยุทธ์ด้านการก่อสร้าง ที่ตั้งเป้าหมายให้บ้านของบริษัทฯ ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกัน มีสภาพแวดล้อมน่าอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น มีระบบรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มแข็ง โดยมีผลลัพธ์คือความสุขของลูกบ้านในโครงการ ทั้งนี้บริษัทฯ ได้มีการนำนวัตกรรมมาใช้ในการก่อสร้างซึ่งผสมผสานกับมาตรฐานของบริษัทฯ ซึ่งทำให้สามารถลดระยะเวลาในการก่อสร้างได้อย่างดียิ่ง” นายชูรัชฏ์ กล่าว
นายกร ธนพิพัฒนศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินและบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวเสริมทัพถึง แผนงานกลยุทธ์ทางการเงินของบริษัทฯ ปี 2560 ที่จะนำพาบริษัทฯ เดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืนจากการตั้งเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทฯ มั่นใจว่าจะสามารถขยายตัวได้ดีเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยตั้งเป้ายอดขายในปีนี้ไว้ที่ 3,600 ล้านบาท และเป้ารับรู้รายได้ที่ 3,100 ล้านบาท หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ประมาณ 15% บริษัทฯ ตั้งงบซื้อที่ดินประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดที่มีในมือที่ได้จากการโอนโครงการที่มีอยู่ อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มีแผนออกหุ้นกู้หากมีความจำเป็นเพื่อรองรับในระยะยาวให้เติบโตอย่างต่อเนื่องยั่งยืน และเตรียมพร้อมสำหรับการก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ทศวรรษในปี 2560 นี้อย่างแน่นอน