Habitat Group เผยโมเดลอสังหาฯเพื่อการลงทุน ในรูปแบบ” Lifestyle Investment” ยังดึงดูดนักลงทุนท่ามกลางสถานการณ์ Covid-19 เหตุตอบโจทย์ได้ครบทุกความต้องการของคนยุคใหม่ ทั้งด้านการลงทุนเพื่อแสวงหาผลตอบแทนคุ้มค่า และการท่องเที่ยว พ่วงมาพร้อมกับมาตราฐานบริการระดับสากลของฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้  ดันยอดขายสูงเป็นประวัติการณ์ ด้านโรงแรมและรีสอร์ททั้ง 3 แห่งที่เปิดให้บริการ อย่าง ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์,
ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, เดอะ วิลล์ จอมเทียน มียอดเข้าพักคึกคักต่อเนื่อง

นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า “จากการที่ฮาบิแทท กรุ๊ป เป็นผู้บุกเบิกอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในรูปแบบ Lifestyle Investment รายแรกในตลาดพัทยา ซึ่งการลงทุนคอนเซ็ปต์ดังกล่าว ประสบผลสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากกลุ่มผู้ซื้อและนักลงทุนหลากหลายที่ต้องการผลตอบแทนที่คุ้มค่าและสม่ำเสมอ พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของ คนยุคใหม่ครบทุกความต้องการ นอกจากนั้น เรายังมองเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะของกลุ่มนักลงทุนครั้งแรกและนักลงทุนรุ่นใหม่”

“ฮาบิแทท กรุ๊ป มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยาจำนวน 7 โครงการ โดยมีโรงแรมและรีสอร์ทที่เปิดให้บริการแล้วจำนวน 3 แห่ง ได้แก่ ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์, ครอสทู ไวบ์ พัทยา ซีเฟียร์, เดอะ วิลล์ จอมเทียน ในขณะที่โรงแรมอีก 4 แห่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งทุกแห่งล้วนตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพในเมืองพัทยาและเป็นที่นิยมของคนไทยและต่างชาติ”

นอกจากจะเป็นผู้บุกเบิกในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในพัทยาแล้ว ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังได้รับรางวัลการันตีคุณภาพระดับชาติและนานาชาติรวมกว่า 54 รางวัล ด้วยโครงการที่โดดเด่นด้วยดีไซน์และการก่อสร้างคุณภาพ พร้อมการบริการระดับมาตรฐานสากล ภายใต้การบริหารของ ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ (Habitat Hospitality) เป็นบริษัทในเครือของ ฮาบิแทท กรุ๊ป ที่มุ่งมั่นให้บริการทั้งนักลงทุนและแขกที่เข้าพักของโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ และยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเชนโรงแรมระดับโลกเพื่อสร้างประสบการณ์ในการเข้าพักในโรงแรมและรีสอร์ทในเครือตลอดจนสร้างมูลค่าของสินทรัพน์และสร้างผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องให้กับนักลงทุน

โดยโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั้ง 3 แห่งที่ได้เปิดบริการแล้ว คือ ครอสทู พัทยา โอเชียนเฟียร์, ครอสทู ไวบ์ พัทยา  ซีเฟียร์, เดอะ วิลล์ จอมเทียน ซึ่งสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่น ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักในอยู่ระดับ 70-80%

ด้านนายปีเตอร์ ลูคัส กรรมการผู้จัดการ ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ กล่าวว่า ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ มุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการพูลวิลล่ารีสอร์ทและแบรนด์โรงแรมระดับลักซ์ชัวรี่ โดยทำงานอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์นานาชาติที่มาบริหารโรงแรมและรีสอร์ท และพร้อมสร้างประสบการณ์และการบริการที่ดีเยี่ยมให้กับลูกค้าที่เข้าพัก นอกจากนั้นเรายังมีการจัดการบริหารผลประโยชน์ให้กับนักลงทุนและบริหารการจัดการดำเนินงานของโรงแรม เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับนักลงทุน เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ปัจจุบันโรงแรมและรีสอร์ทในเครือทั้งหมดสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นเกินมาตรฐานทั่วไปเนื่องจากความสำเร็จด้านกลยุทธ์การทำตลาดทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติที่ผ่านมา และเรามีความพร้อมเป็นอย่างยิ่งในการที่จะต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม”

นอกจากนี้ทาง ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ เตรียมเปิดโรงแรมอีก 3 แห่งในปี 2564 นี้ คือ เบสท์ เวสเทิร์น พรีเมียร์ เบย์เฟียร์ พัทยา, บลูเฟียร์ บีดับเบิลยู พรีเมียร์ คอลเล็คชั่น บาย เบสท์ เวสเทิร์น และ วินด์ดัม แอทลาส วงศ์อมาตย์ พัทยา

นายชนินทร์ ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่มีความท้าทายต่อทุกภาคธุรกิจว่า “ความสำเร็จของ ฮาบิแทท กรุ๊ป ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาเป็นเพราะเรามีแผนงานและกลยุทธ์ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือโมเดลธุรกิจที่มีความโดดเด่น อย่างไรก็ตาม เราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการและการบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกับความต้องการของลูกค้าและนักลงทุนที่หลากหลาย”