จุดเริ่มต้นของหนังสือ “ซื้อบ้านอย่าลืมถาม” เล่มนี้ เกิดจากการที่เรามองเห็น “ปัญหา” ของคนซื้อบ้านและคอนโด ไม่ว่าจะซื้อไปแล้วและประสบพบเจอกับเหตุการณ์แย่ๆจนลืมไม่ลง หรือ คนที่กำลังตัดสินใจจะซื้อแต่ก็มีคำถามคาใจที่ไม่สามารถหาคำตอบได้ เช่น การไม่ได้วางแผนการเงินล่วงหน้า  ไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นระหว่างซื้อ โครงการอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม เพื่อนบ้านต่อเติมมั่วซั่ว หรือ ข้อเสนอสุดพิเศษของโครงการที่อาจจะต้องแลกกับอะไรบางอย่าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้หลายๆเคสที่สอบถามมา เกิดจากความเผลอ ลืมตัว ในช่วงบรรยากาศความดีใจที่กำลังจะได้บ้านหลังใหม่จากน้ำพักน้ำแรง ทำให้เราลืมถามประเด็นสำคัญในกระบวนการขั้นตอนการซื้อก็เป็นได้ จนทำให้เราได้ยินประโยคที่ว่า “ถ้ารู้อย่างนี้ ไม่น่าพลาดเลย” กันบ่อยครั้ง

พวกเราจึงอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ ของผู้ที่เคยพลาดไปแล้ว ไม่ให้ต้องเจอกับความเจ็บปวดแบบเดิมๆ ซึ่งปัญหาเหล่านี้บางคนไม่รู้ คิดไม่ถึง หรือ คิดว่าช่างมันเถอะเรื่องแค่นี้เอง แต่พอซื้อบ้านไปแล้วกลับกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ทำให้เรา เสียใจ เสียเงิน เสียเวลา จนบ้านไม่ได้เป็นสิ่งที่เติมเต็มความสุข แต่กลับทำให้เราทุกข์และกังวลใจแทน

ทางทีมงานจึงได้รวบรวมปัญหาที่คิดว่าเป็นความ “เจ็บ” จริงๆ ของคนซื้อบ้าน เพื่อนำมาไขข้อข้องใจพร้อมแนะนำแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งเรื่องของ ตัวโครงการ พื้นที่ส่วนกลาง ตัวบ้าน และการเงิน ยกตัวอย่างเช่น

เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญของคนซื้อโครงการประเภททาวน์โฮมเลยนะคะ เพราะบางทีกว่าเราเจอบ้านที่ทำเลดี การออกแบบโครงการและฟังก์ชันถูกใจเราหมดทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็อาจมาจบตรงที่ “ที่จอดรถกว้างไม่พอ” ทำให้เราจอดรถที่เราขับอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ซะอย่างงั้น ซึ่งนี่อาจจะกำลังเป็นปัญหาสำหรับคนที่มีรถยนต์มากกว่า 1 คันกันอยู่เลยนะคะ 

จากรูปข้างบนนี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างส่วนหนึ่งในหนังสือเท่านั้น ที่ทำการเปรียบเทียบบ้านหน้ากว้าง 5 เมตร และ 5.5 เมตร กับขนาดของรถรุ่นต่างๆว่าสามารถจอดรถแล้วเปิดประตูเข้า-ออกได้สะดวกหรือเปล่า ถ้าจอดรถแล้วเหลือระยะเปิดประตูข้างรถน้อยเกินไป นั่นหมายความว่าคุณอาจซื้อบ้านที่มีหน้ากว้างไม่เหมาะสมกับขนาดความกว้างของรถที่คุณมีอยู่ทำให้ไม่สะดวกต่อการใช้งานนั่นเอง โดยในเล่มจริงจะมีการเปรียบเทียบกับบ้านหน้ากว้างขนาดอื่นๆอีก ทำให้คนที่กำลังวางแผนจะซื้อทาวน์โฮมและกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ ตัดสินใจได้อย่างถูกต้องมากขึ้น

“คอนโดน้ำรั่ว เคลมประกันอะไรได้บ้าง”

อีกหนึ่งปัญหาที่เป็นความเจ็บของชาวคอนโดก็คือความเสียหายที่เกิดขึ้นภายในห้องของเรา เช่นเกิดขึ้นกับ พื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ ซึ่งพอเกิดขึ้นแล้ว เราจะต้องทำอย่างไรต่อไป? ต้องซ่อมเองรึเปล่า? มีประกันภัยมั้ย? แล้วเคลมอะไรได้บ้าง? ความไม่รู้นี้เองเมื่อเกิดความเสียหายขึ้นอาจจะทำให้เราเสียประโยชน์ในการประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม แทนที่จะเคลมประกันกลับไปหาช่างมาซ่อมและจ่ายเงินเอง หรือถ้าห้องเรายังไม่มีความเสียหายใดๆ หากเรารู้เรื่องประกันไว้ว่าประกันไม่ได้คุ้มครองอะไรบ้าง เช่น เฟอร์นิเจอร์ เราก็สามารถวางแผนซื้อประกันเสริมเพิ่มเติมได้ เผื่อถ้าในอนาคตเกิดเหตุไม่คาดฝันจะได้มีอะไรคุ้มครอง ไม่ต้องเจ็บตัวเยอะค่ะ

ภายในหนังสือ “ซื้อบ้าน อย่าลืมถาม” ของเรามีแนะนำประกันแต่ละประเภทของทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร ซึ่งจะมีความคุ้มครองแตกต่างกันไป รวมถึงมีการแนะนำความคุ้มครองพิเศษ เพื่อให้เราศึกษาและวางแผนก่อนจะเสียเงินซ่อมแซมบ้านค่ะ

เคยไหมคะที่โดนชักชวนให้รีบโอนบ้านก่อนที่เราจะได้ตรวจห้อง แลกกับการได้ส่วนลดพิเศษ อย่างเช่น ฟรีค่าโอน, ค่าจดจำนอง, ค่ากองทุน ฯลฯ ทำให้ประหยัดเงินไปได้หลักแสนเลย เราก็ตัดสินใจรีบโอน แต่พออยู่ๆไปกลับเจอกับ Defect ชนิดที่ว่าค่าซ่อมแซมเกินมูลค่าของส่วนลดพิเศษไปเสียแล้ว หนังสือเล่มนี้จะแนะนำความเสี่ยงในการการรีบโอนโดยที่ไม่ได้ตรวจรับห้อง และพาไปรู้จักกับโปรโมชัน “Free All” ว่าคืออะไรและถ้าเราจะเลือกรับ ควรจะต้องตรวจสอบอะไรบ้าง

ปิดท้ายด้วยภาพหนังสือเล่มจริง พิมพ์สีสดใส คลิกดูได้เลยค่ะ

Image 1/6
ซื้อบ้านอย่าลืมถาม

ซื้อบ้านอย่าลืมถาม

เป็นอย่างไรบ้างคะ สำหรับตัวอย่างปัญหาเจ็บๆ ถ้าไม่อยากเจ็บใจทีหลัง อย่าพลาดหนังสือ  “ซื้อบ้านอย่าลืมถาม” หากสนใจสามารถมาลงทะเบียนเพื่อรับหนังสือฟรี ได้ที่นี่ : http://bit.ly/2RYgiMe

แล้วมารับเล่มจริงได้ที่
-> Living Expo @ Siam Paragon วันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ 63
-> Living Expo @ Mega Bangna วันที่ 4-10 มีนาคม 63
-> Living Expo @ Central Ladprao วันที่ 23-29 มีนาคม 63

สุดท้ายนี้ ทางทีมงาน ThinkofLiving.com หวังว่าหนังสือเล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ แก่ทุกท่านที่กำลังจะซื้อ บ้านหรือคอนโด ผ่านเนื้อหาประสบการณ์ที่พวกเราไปเจอมา ฝากเป็นกำลังให้พวกเราด้วยนะคะ

แล้วเจอกันค่ะ