ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ที่ค่อนข้างสะเทือนวงการอสังหา เกี่ยวกับการผลักดันกฏหมายให้ต่างชาติเข้ามาถือครองอสังหาในไทยได้มากขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องหลักๆ ที่ทางผู้ประกอบการยื่นขอจากรัฐบาลมาโดยตลอด ข้อมูลจากประชาชาติธุรกิจระบุว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเตรียมยื่นเรื่องให้พิจารณาภายในสิ้นเดือนเม.ย. นี้
แม้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลจะมีการปลดล็อควีซ่าระยะยาว 5 ปี สำหรับชาวต่างชาติที่ซื้อคอนโดพ่วง Elite Card จากโปรแกรม Elite Flexible One แต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้เกิดกำลังซื้อเท่าไหร่ ยังคงมีคอนโดเหลือขายอีกหลายหมื่นยูนิต ที่คาดว่าน่าจะใช้เวลามากกว่า 4 ปี กว่าจะระบายหมด
สาระสำคัญของกฏหมายปลดล็อคให้ต่างชาติซื้อบ้าน-คอนโด มีอะไรบ้าง
- ปรับสัดส่วนต่างชาติในการถือครองคอนโดเพิ่มจาก 49% เป็น 70-80% ซึ่งจะทำให้บริษัทที่มีคอนโดค้างสต็อกสามารถเอาไปขายชาวต่างชาติได้มากขึ้น แต่สิทธิ์การโหวตในคอนโดยังคงอยู่ที่ 49%
- ปลดล็อกโครงการแนวราบ บ้าน-ทาวน์โฮมระดับราคา 10-15 ลบ. ขึ้นไป ให้สามารถขายชาวต่างชาติได้ แต่จะต้องไม่เกิน 49% ของจำนวนยูนิตในโครงการ
- ปรับเพิ่มการเช่าระยะยาวของนักลงทุนต่างชาติจาก 30 ปี เป็น 50 ปี และต่อได้อีก 40 ปี
สำหรับระยะเวลาของมาตรการปลดล็อคฯ ที่กำหนดไว้น่าจะไม่เกิน 3-5 ปี เพราะคาดว่าหลังจากนี้สถานการณ์เศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้น และหากมาตรการดังกล่าว ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลจริง เราคงต้องมาดูกันอีกทีว่า จะสามารถกระตุ้นตลาดอสังหาได้มากแค่ไหน เพราะปัจจุบันสัดส่วนของลูกค้าต่างชาติมีอยู่เพียง 10% เท่านั้น
ถ้าอยากรู้ว่าสัดส่วนการโอนกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติปี 2563 เป็นอย่างไร สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ การโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของคนต่างชาติ ต่ำสุดใน Q2/2563 จาก Covid-19 เป็นเหตุ