เป็นข่าวรายเดือนสำหรับ “ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่” ที่ล่าสุดส่อแววว่าน่าจะเลื่อนไปปี 2563 แทน ซึ่งแม้ว่าจะผ่านการพิจารณาขั้นแรกมาแล้ว แต่ในส่วนของกรรมาธิการวิสามัญ ยังเถียงกันไม่จบ ไม่รู้ว่าเป็นอาถรรพ์ หรือมือที่มองไม่เห็นกันแน่ ที่ทำให้ภาษีที่ดินฉบับนี้ เลื่อนแล้วเลื่อนอีก และยังไม่มีวี่แววที่จะเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้ว โดนผลักดันมาตั้งแต่ยุครัฐบาล ชวน หลีกภาย ในปี 2537
มาถึงสมัย คสช. เริ่มต้นดี ว่าประกาศใช้แน่ๆ แต่เจอโรคเลื่อนมากว่า 8 ครั้ง ครั้งล่ะ 90 วัน รวมเกือบสองปี นับตั้งแต่เริ่มประกาศในปี 2558 แล้วขยับมาเรื่อยๆ จนถึง 1 ม.ค. 2562
ล่าสุดมึเสียงจาก “วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ” เปรยออกมาว่า คณะกรรมาธิการยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดของกฎหมายทั้งหมด ยังไม่มีความคืบหน้าเพิ่มเติม และยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเริ่มใช้ได้วันที่ 1 ม.ค. 2562 ตามเป้าหมายเหมือนเดิมหรือไม่
เดิมทีมีการกำหนดเส้นตาย รอบสุดท้ายไว้ที่ ก.ค. นี้ แต่ก็มีการต่ออายุมาถึงเดือนนี้ และถ้าภายใน 24 ยังไม่ได้ข้อสรุปจากการประชุมของคณะกรรมการวิสามัญ รับรองได้เลยว่า “แท้ง” แน่ๆ เพราะถ้าเลือนไปอีก 90 วัน จะตกราวๆ ธ.ค. ซึ่งก็ใกล้กับช่วงเวลาหาเสียงเลือกตั้งที่คงไม่มีใครกล้าออกกฏหมายนี้เพื่อทุบหม้อข้าวตัวเอง
สวนทางกับ แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังที่ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลสนับสนุนให้กระทรวงการคลังเดินหน้าออก พ.ร.บ.เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง แต่ในรายละเอียดโดยเฉพาะวันที่กฎหมายบังคับใช้อาจจะต้องเลื่อนจากเดิมที่ตั้งใจไว้เป็นวันที่ 1 ม.ค. 2562 เป็น 1 ม.ค. 2563 เพื่อให้ อปท. มีเวลาเตรียมตัวในการเก็บภาษี แต่ในส่วนของกฎหมายคาดว่าจะผลักดันให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอให้เสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้
ซึ่งจากการประเมินของ อปท. จะต้องรอให้กฎหมายมีผลบังคับใช้เสียก่อน ถึงจะมีอำนาจในการเข้าไปสำรวจการใช้ที่ดินจริงของประชาชน ว่าใช้เพื่อการเกษตร ที่อยู่อาศัย เพื่อการพาณิชย์ หรือ ที่ดินรกร้างว่างเปล่า เพื่อเก็บภาษีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวคาดว่าจะต้องใช้เวลา 6-7 เดือน ถึงจะเสร็จทั้งหมดทั่วประเทศ
ดังนั้นกระทรวงการคลังเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ยังมีเวลาการพิจารณาของกรรมาธิการของ สนช. ให้ออกมาภายปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า รวมกับเวลาที่ อปท. ต้องใช้สำรวจพื้นที่ก็จะเสร็จประมาณปลายปี ทำให้การเก็บภาษีน่าจะเริ่มได้ 1 ม.ค. 2563 โดยที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมได้อย่างดี
ที่มา: ฐานเศรษฐกิจ, Thaipost