ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มมีการเติบโตอย่างชัดเจน ในช่วง 3-5 ปีทีผ่านมา และจากการที่บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ได้ร่วมเป็นที่ปรึกษาด้านการขายแบบครบวงจรกับลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Young Developer) ราว 12 แห่ง จำนวน 12 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท  พบปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่หันมาสนใจธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่อยู่บนปัจจัยที่สำคัญของทุกคน เป็น Real Sector ที่สำคัญของประเทศ มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล สามารถขับเคลื่อน ธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างมีนัยสำคัญ สามารถพิสูจน์ความสำเร็จให้กับรุ่นพ่อแม่ให้เห็นได้รวดเร็ว และยังสามารถต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ เช่น อพาร์ทเมนต์ หรือโรงแรมได้

เราจึงได้เห็นว่าอสังหาริมทรัพย์ยังคงเติบโตไปได้ตลอดแม้ในสภาวะที่มีการแข่งขันสูง หรือเศรษฐกิจชะลอ แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เพิ่มเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย และสร้างโปรดักซ์ใหม่ๆ กับกับวงการอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะเห็นว่าภาครัฐและเอกชนต่างๆ ได้มีการเปิดหลักสูตรเฉพาะด้านอสังหาเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ประกอบการหน้าใหม่อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจและความต้องการที่จะเข้ามาทำธุรกิจที่เพิ่มขึ้นในช่วงหลังนี้อย่างชัดเจน

ลักษณะของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ ต่อยอดจากรุ่นพ่อแม่ ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว โดยรุ่นลูกอาจจะมีการพัฒนาเป็นรูปแบบใหม่ มีการปรับคาแรกเตอร์ให้ทันสมัยขึ้น และต่อยอดแบรนด์ใหม่ๆ และอีกส่วนหนึ่งมาจากการร่วมมือกับกลุ่มเพื่อนทายาทธุรกิจที่มีความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน ซึ่งอาจจะพบกับตามคอร์สระยะสั้นที่เปิดสอนด้านการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ถ่ายทอดโดยผู้มีประสบการณ์จริง อีกกลุ่มหนึ่งคือขยาย Business Line เป็นกลุ่มทายาทธุรกิจที่เห็นโอกาสจากการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ว่ารุ่นพ่อแม่จะประสบความสำเร็จจากธุรกิจอื่น แต่สามารถต่อยอดสิ่งที่มีอยู่เช่น Landbank ที่รับตกทอดมา เป็นต้น

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เมื่อเข้าสู่ตลาดอสังหาฯ ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ มิติ อาทิ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่เหล่านี้ เป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับฐานข้อมูลตลาดมากขึ้น  พร้อมทั้งวิเคราะห์ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อนำไปสู่การออกแบบโครงการ ขนาดห้อง และการกำหนดราคา ให้ตรงกับความต้องการผู้บริโภค มี มี connection ที่กว้างขวาง รวมถึงการดึงมืออาชีพเข้ามาเป็นที่ปรึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ทั้งในส่วนของการอยู่อาศัยและการก่อสร้างเข้ามาช่วยลดข้อจำกัดในการใช้พื้นที่ เช่นใช้ระบบ Jet Pool เพื่อแก้ปัญหาสระว่ายน้ำที่เล็ก / ห้อง แบบ One Bed Plus ที่ปรับฟังก์ชั่นได้หลากหลาย ใช้ Home Automation เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายแก่ลูกค้า

ด้านการทำตลาด จะเลือกทำเลในการลงทุนที่เลี่ยงการชนกับเจ้าตลาดหรือรายใหญ่   เน้นทำเลศักยภาพที่มีความต้องการอยู่อาศัยจริงอยู่ไม่ห่างจาก Prime Area มีความครบถ้วนในทุกมิติ ทั้งใกล้รถไฟฟ้า ใกล้แหล่งชอปปิ้ง ร้านอาหาร มีผู้คนอาศัยอย่างหนาแน่น สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลากหลาย โดยทำเลนี้ยังตอบโจทย์ผู้ที่เคยอาศัยอยู่เดิมแต่ต้องการแยกออกมาอยู่อาศัยส่วนตัว โดยทำเลที่ได้รับความนิยมคือ พระราม 9 ลาดพร้าว รัชดา และพหลโยธินตอนกลาง ในส่วนของกลยุทธ์ด้านราคาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้โครงการเหล่านี้ประสบความสำเร็จ โดยการทำราคาให้เอื้อมถึงง่าย เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าอยู่อาศัยเอง มากกว่าที่เน้นเก็งกำไรหรือลงทุน ส่วนการดีไซน์เป็นอีกปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของโครงการที่เน้นกลุ่มลูกค้าที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะเนื่องจากการวางคอนเซปต์การกำหนดคาแรกเตอร์ของโครงการล้วนมีผลต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อที่ไม่ต้องการได้สินค้าเหมือนท้องตลาดทั่วไป

สำหรับ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เราเน้นการให้ความสำคัญของที่ปรึกษาด้านการขายแบบครบวงจร  ด้วยทีมวิจัยแบบเจาะลึกที่มีประสบการณ์การลงพื้นที่ต่างๆ กว่า 20 ปี ซึ่งจุดเด่นของหน่วยงานนี้คือการบอกต่อของลูกค้า ส่งผลให้พลัสฯ สามารถขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพในการทำธุรกิจ รวมถึงกลุ่มทุนต่างประเทศทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง จีน ล่าสุด ธุรกิจ Sole agent ของพลัสฯได้เปิดตัวเว็บไซต์

 www.plussoleagent.com เพื่อเป็นช่องทางในการนำเสนอบริการให้กับกลุ่มทุนทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศที่มีความสนในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ พร้อมทั้งเป็นช่องทางในการนำเสนอ ข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ และข่าวสารความเคลื่อนไหวของโครงการต่างๆ ที่ทำการพัฒนา โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าชาวไทย 75% และต่างชาติ 25%