นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยผลผลสำรวจความต้องการอสังหาริมทรัพย์พบว่าปัจจุบันความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ชั้นกลาง อาทิ ทำเลบนถนนเพชรบุรี, รัชดาภิเษก, ลาดพร้าว, รัชโยธิน และพหลโยธิน กลายเป็นอีกหนึ่งพื้นที่เป้าหมายที่มีความต้องการสูง ด้วยศักยภาพพื้นที่ที่สามารถเชื่อมต่อเข้าสู่ย่านใจกลางเมืองได้อย่างสะดวกสบายจากระบบรถไฟฟ้าทั้งบนดิน–ใต้ดิน อีกทั้งยังมีแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ และยังเต็มไปด้วยอาคารสำนักงาน ซึ่งมีกลุ่มผู้เช่าที่เป็นคนทำงานในพื้นที่คอย
รองรับ รวมถึงราคาขายคอนโดมิเนียมย่านนี้ยังต่ำกว่าพื้นที่ชั้นในมากกว่า 36% โดยปัจจุบันพื้นที่ชั้นกลางมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 120,000 บาท/ตร.ม. ส่วนพื้นที่ชั้นในราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 190,000 บาท/ตร.ม. จากราคาขายเฉลี่ยของพื้นที่ชั้นกลางที่ยังต่ำกว่าชั้นใน และมีแนวโน้มที่ราคาจะเพิ่มขึ้นตามความต้องการซื้อในตลาด จึงส่งผลให้พื้นที่ชั้นกลางเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในแง่การลงทุน ที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสม
“การลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะการซื้อคอนโดมิเนียม จัดเป็นอีกหนึ่งการลงทุนยอดนิยม ด้วยผลตอบแทนที่อยู่ในระดับน่าพอใจ เช่น การลงทุนเพื่อการปล่อยเช่าที่นอกจากเจ้าของห้องจะได้รายได้จากการปล่อยห้องเช่าแล้ว ยังสามารถนำดอกเบี้ยจากกการซื้ออสังหาริมทรัพย์ไปลดหย่อนภาษีเงินได้ อีกทั้งยามมีปัญหาทางการเงิน ยังเป็นสินทรัพย์ที่ขายได้ในราคาสูง และหากโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่ดีเดินทางสะดวกสบายแล้ว ยังสามารถสร้างผลตอบแทนในรูปแบบการปล่อยเช่าได้ง่าย หรือเรียกได้ว่า “ปล่อยเช่าก็ง่าย ปล่อยขายก็คล่อง” แต่ทั้งนี้พื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจเขตพื้นที่ชั้นในเช่น เพลินจิต–ชิดลม, สีลม–สาทร รวมถึงพื้นที่สุขุมวิทชั้นในจัดเป็นพื้นที่ที่ได้รับความนิยม อย่างมากจากผู้ที่ต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยราคาขายที่ขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง จึงทำให้ผู้บริโภคและนักลงทุนเริ่มหันมามองพื้นที่ชั้นกลาง ที่ยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ในระดับสูง โดยเฉพาะทำเลในพื้นที่ชั้นกลาง ย่านที่มีอาคารสำนักงานตั้งอยู่ เช่น บริเวณอารีย์–สะพานควาย, ลาดพร้าว– รัชโยธิน และ เพชรบุรี–พระราม 9 ยังเป็นทำเลที่ได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี เพราะเป็นแหล่งจ้างงานจำนวนมาก อีกทั้งกำลังจะขึ้นเป็นว่าที่ศูนย์กลางธุรกิจ แห่งใหม่ในอนาคตอันใกล้ เพราะเป็นทำเลที่รองรับด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน จึงสนับสนุนให้ผลตอบแทนที่ได้จาก การปล่อยเช่าห้องชุดในย่านนี้ (Rental Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ซึ่งสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร โดยส่วนใหญ่นิยมปล่อยเช่าในรูปแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35-40 ตร.ม. ค่าเช่าอยู่ที่ 15,000-23,000 บาทต่อเดือน และรูปแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 60-70 ตร.ม. ค่าเช่าเฉลี่ย อยู่ที่ 28,000-38,000 บาทต่อเดือน
ไม่เพียงเท่านี้ตลาดคอนโดฯ มือสองที่นำกลับมาขายใหม่ (Resale Market) ในพื้นที่ชั้นกลางนี้ พบว่าขยับตัวสูงขึ้นกว่าราคาตอนเปิดตัวราว 10-20% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคอนโดมิเนียมมือสองรูปแบบ 1-2 ห้องนอน และเมื่อเทียบราคาระหว่างช่วงเปิดตัวกับช่วงที่นำกลับมาขายใหม่ จะพบการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ซึ่งทำเล “ลาดพร้าว–รัชโยธิน” ปรับราคาขายสูงขึ้น 15-20% “เพชรบุรี–พระราม 9” ปรับราคาขึ้น 10-20% และ “อารีย์– สะพานควาย” ปรับราคาขึ้น 5-15% ตามลำดับ ดังนั้นพื้นที่ชั้นกลาง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนดี จากศักยภาพด้านทำเล และราคาขาย อย่างไรก็ตามการลงทุนที่จะได้ผลตอบแทนตามที่คาดหวังนั้น นอกจากจะขึ้นอยู่กับปัจจัยราคาและทำเล ยังขึ้นอยู่กับความน่าเชื่อถือของผู้ประกอบการโครงการว่าจะสามารถพัฒนาโครงการให้ได้ตามกำหนดหรือไม่ นอกจากนี้หากต้องการซื้อเพื่อปล่อยเช่าก็ต้องพิจารณาถึงการออกแบบโครงการที่ทันสมัยดึงดูดผู้เช่าให้เข้าพักมากขึ้นได้ ซึ่งเป็นอีกปัจจัยที่ไม่ควรมองข้าม ตลอดจนการบริการหลังการขายและการบริหารจัดการอาคารที่มีประสิทธิภาพ จะสร้างความมั่นใจให้ทั้งผู้ซื้อห้องชุด ผู้เป็นเจ้าของห้อง หรือผู้เช่าที่เช่าอยู่ ได้ไม่น้อย ดังนั้น การลงทุนในสินทรัพย์ที่ดีควรพิจารณาองค์ประกอบเหล่านี้ให้ครอบคลุมด้วยเช่นกัน” นายภูมิภักดิ์ กล่าว