ผลประกอบการ 10 บริษัทอสังหาริมทรัพย์ ในปี 2563

หากแผนธุรกิจเปรียบได้กับความหวัง #ผลประกอบการ ก็คือ “ความจริง” และถือเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดหลักของความมั่นคงทางธุรกิจ ซึ่งก็อย่างที่รู้กันดีว่าปีที่ผ่านมา สภาพตลาดอสังหาทรุดหนักขนาดไหน…เริ่มต้นมาจากมาตรการ #LTV, เศรษฐกิจในประเทศ แถมยังมาเจอ #Covid19 ที่ทำให้ผู้ประกอบการหลายรายแทบจะไปต่อไม่เป็น

การเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2563

จากการสำรวจพบว่า จำนวนหน่วย Supply ที่เปิดขายใหม่ (ไม่นับรวมบ้านมือสอง) เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล หดตัวลงจากปี 2562 ราว 36.7% โดยมีการเปิดตัวใหม่ จำนวน 62,227 หน่วย ประกอบด้วยโครงการบ้านจัดสรรเปิดตัวใหม่ 35,702 หน่วย ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 17.9% และโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ 26,525 หน่วย ลดลงจากปี 2562 ประมาณ 51.6%

สถานการณ์ที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่ ปี 2563 ถือว่าผู้ประกอบการเปิดตัวอยู่อาศัยใหม่ต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี โดยสัดส่วนการเปิดตัวใหม่เริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่อาคารชุดจะมากกว่าบ้านจัดสรร แต่ในปี 2563 สัดส่วนเปิดตัวใหม่บ้านจัดรรมากกว่าอาคารชุด เท่ากับ 57.4 : 42.6 และคาดว่าบ้านจัดสรรจะเปิดตัวใหม่ในปี 2564 เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 22.5% หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 43,732 หน่วย ส่วนโครงการอาคารชุดเปิดตัวใหม่ ปี 2564 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 46.5% สัดส่วนอาจจะดูเพิ่มขึ้นมากแต่เป็นการเพิ่มขึ้นจากฐานที่ต่ำมากจากปี 2563 หรือมีจำนวนหน่วยประมาณ 38,862 หน่วย

สำหรับสถานการณ์ด้าน Demand ทาง REIC ประเมินสถานการณ์โดยรวมว่าปี 2564 จะมีหน่วยโอนกรรมสิทธิ์ประมาณ 353,236 หน่วย จะลดลงจากปี 2563 ประมาณ 1.5% ซึ่งการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยแนวราบจะลดลงเพียงเล็กน้อยหรือประมาณ 0.1% ในขณะที่อาคารชุดจะลดลง 4.2%

ยังไงก็ตาม…ท่ามกลางวิกฤต ยังมีโอกาสเสมอ ปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นปีที่ท้าทายมากๆ หลายบริษัทเลือกจะปรับแผน งัดกลยุทธ์ใหม่ขึ้นมาใช้ ทำให้ทิศทางของตลาดพอประคองตัวไปได้

แล้วอะไรคือกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการหลายราย  พร้อมใจทำร่วมกัน?

  • เบนเข็มหันไปจับตลาดแนวราบมากขึ้น ในระดับราคาที่จับต้องได้
  • เลื่อนเปิดคอนโดใหม่ และมีการ Rebrand เพื่อปรับราคาในบางทำเล
  • อัดโปรโมชั่นหนักๆ ลดราคาราว 15-30%
  • ขายที่ดินบางแปลงออกไป

ตลาดจะปรับตัวให้มีสินค้าใหม่เข้ามาเพิ่มมากขึ้นทดแทนสินค้าที่ถูกดูดซับไป โดยคาดการณ์ว่าในปี 2564 จะมีการเปิดตัวใหม่ จำนวน 82,594 หน่วย เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 32.7% และคาดว่าผู้ประกอบการยังจะลงทุนในบ้านจัดสรรมากกว่าอาคารชุด