แสนสิริ ย้ำศักยภาพเจ้าตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนในทำเลติดแนวรถไฟฟ้าบีทีเอสและใจกลางย่านธุรกิจ ประกาศปิดการขายทุกโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในปี 2558 ได้ทันทีในวันพรีเซลล์ โดยล่าสุดปิดการขายโครงการเดอะ ไลน์ ราชเทวี จำนวนทั้งสิ้น 231 ยูนิต มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 4 ของปีนี้ เผยความสำเร็จมาจากความใส่ใจในทุกๆ รายละเอียดตามแนวทางการดำเนินงานของแสนสิริ ทั้งการวาง Product อย่างละเอียดพิถีพิถัน และการควบคุมระยะเวลาการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมหลังจากผ่านการประเมินผลสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วเท่านั้น ทำให้โครงการลดความเสี่ยงและลดข้อผิดพลาด ซึ่งจะทำให้งานก่อสร้างมีคุณภาพและประสิทธิภาพของต้นทุนที่ดีขึ้นและทำให้คาดว่าในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 11-12% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ แสนสิริมีการเปิดตัวคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาไปแล้วถึง 4 โครงการ ประกอบด้วย เดอะ โมนูเมนต์ สนามเป้า จำนวน 86 ยูนิต มูลค่า 1,500 ล้านบาท รวมทั้งคอนโดมิเนียมภายใต้การร่วมทุนระหว่างแสนสิริและบีทีเอส กรุ๊ป ในแบรนด์ THE LINE (เดอะ ไลน์) อีก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเดอะ ไลน์ จตุจักร- หมอชิต จำนวน 841 ยูนิต มูลค่า 5,700 ล้านบาท, โครงการเดอะ ไลน์ สุขุมวิท 71 จำนวน 291 ยูนิต มูลค่า 2,000 ล้านบาท และโครงการล่าสุด เดอะ ไลน์ ราชเทวี จำนวน 231 ยูนิต มูลค่า 2,900 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นกว่า 1,449 ยูนิต มูลค่ารวม 12,100 ล้านบาท ซึ่งทุกโครงการล้วนประสบความสำเร็จ ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีจนสามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของลูกค้าที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเชื่อมั่นของลูกค้าที่มีต่อแบรนด์คุณภาพอย่างแสนสิริที่เหนียวแน่น ในฐานะที่เป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมียมมายาวนานกว่า 31 ปี
“ทุกโครงการคอนโดมิเนียมของแสนสิริ บริษัทมีความพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้งที่ถือว่าเป็นที่สุดสำหรับการอยู่อาศัยใจกลางเมือง การเลือกชื่อโครงการที่สะท้อนถึงการใช้ชีวิตที่พิเศษเหนือใคร รวมทั้งการออกแบบดีไซน์โครงการในมุมมองที่แตกต่าง นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจภายใต้แนวทาง Engineer for Growth ภายหลังการเพิ่มทุน เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของแสนสิริที่จะพลิกโฉมเป็นองค์กรที่สร้างกำไร และมีรากฐานที่แข็งแกร่งพร้อมก้าวสู่ AEC ในอนาคต ทั้งนี้ แผนธุรกิจที่บริษัทได้ดำเนินงาน อาทิ การปรับการใช้งบการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งทำให้เห็นผลสำเร็จอย่างรวดเร็วและชัดเจนจากกำไรในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมาที่เพิ่มสูงขึ้น การปรับเปลี่ยนการทำงานเป็นแบบ value chain ที่ให้ฝ่ายออกแบบ ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายก่อสร้าง สามารถทำงานร่วมกันแบบองค์รวม เพื่อให้งานก่อสร้างมีคุณภาพและประสิทธิภาพของต้นทุนที่ดีขึ้น ลดความเสียหายจากการก่อสร้างฯ เป็นต้น รวมถึงการควบคุมระยะเวลาการก่อสร้างอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมหลังจากผ่านการประเมินผลสิ่งแวดล้อม (EIA) เท่านั้น ซึ่งผลจากการมุ่งมั่นดำเนินงานตามแนวทางทั้งหมดในช่วงที่ผ่านมา เป็นอีกเหตุผลให้การพัฒนาโครงการประสบความสำเร็จและเชื่อมั่นว่าจะทยอยส่งผลให้กำไรของบริษัทปรับเพิ่มดีขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยในสิ้นปีนี้บริษัทจะมีอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 11-12% และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 15% ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้
สำหรับคอนโดมิเนียมโครงการล่าสุด เดอะ ไลน์ ราชเทวี ซึ่งประสบความสำเร็จ Sold Out ในวันพรีเซลล์ บริษัทพิถีพิถันตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้งซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งทำเลใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ การออกแบบดีไซน์โครงการที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับตัวอาคารอย่างชัดเจน เพื่อให้กลายเป็น Iconic แห่งใหม่ของย่านราชเทวี การบรรจงเลือกสรรวัสดุอย่างดี อาทิ ผนังหินอ่อนจากอิตาลี และแชนเดอเลียร์ทรงหยดน้ำอันปราณีต จากแบรนด์ Ochre จากอังกฤษ รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง ไดนาฟอซ อินเตอร์-เนชั่นแนล เลือกใช้เครื่องออกกำลังกายคุณภาพ เป็นต้น ซึ่งการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมที่มีคุณภาพและความโดดเด่นเช่นนี้จึงส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดีในทุกโครงการที่ผ่านมา
“นอกจากกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่ได้วางไว้อย่างแข็งแกร่งแล้ว แสนสิริยังเป็นผู้นำในด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมมายาวนานกว่า 31 ปีที่ไม่ใช่เพียงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่นำเสนอที่อยู่อาศัยแก่ผู้บริโภค แต่ยังเป็น Lifestyle Company ที่ส่งมอบไลฟ์สไตล์แห่งการใช้ชีวิตอันตอบสนองทุกความต้องการให้ลูกค้า โดยมีองค์ประกอบที่สำคัญที่สร้างให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีศักยภาพต่อเนื่องตลอดมา อันได้แก่การเป็นองค์กรที่มีวิสัยทัศน์มองไปข้างหน้า รวมทั้งมีความพร้อมและความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าจะนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จแบบยั่งยืนได้ในระยะยาว” นายเศรษฐา กล่าว