บทสัมภาษณ์คุณวีรวรรณ อธิพันธุ์อำไพ แห่ง “สวนหลวงบ้านและที่ดิน”

สำหรับแฟนๆ ที่ตามอ่าน Think of Living ตั้งแต่ช่วงแรกๆ คงจะจำคอลัมน์ “อยู่สบายกับคุณนายสวนหลวง” กันได้ เน้นให้ความรู้และคำแนะนำในการเลือกซื้อบ้าน เริ่มต้นตั้งแต่การพิจารณา การตรวจรับบ้าน เรื่อยไปจนถึงการตกแต่งภายใน ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในคอลัมน์ที่ชาว Think of Living ชอบกันมาก 

วันนี้เราจะพาไปรู้จัก “คุณนายสวนหลวง” หรือ “คุณปุก-วีรวรรณ อธิพันธุ์อำไพ” จากสวนหลวงบ้านและที่ดิน ปัจจุบันเธอนั่งในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ โดยเรามีนัดกับเธอที่โครงการบ้านริมสวน รามอินทรา ที่เพิ่งเปิดเฟสใหม่ได้ไม่นาน

คุณวีรวรรณเล่าให้เราฟังคร่าวๆ ว่า สวนหลวงบ้านและที่ดินเป็นธุรกิจของครอบครัวใหญ่ โดยบริษัทเริ่มก่อตั้งในปี พ.ศ. 2531 เธอในฐานะที่เรียนมาตรงสายที่สุด ทำให้ได้รับหลายหน้าที่ เริ่มตั้งแต่ออกแบบจนถึงวางแผนการตลาด ส่วนรายละเอียดลึกๆ จะเป็นอย่างไรนั้น ตามอ่านได้ในบทสัมภาษณ์เลยค่ะ ….

– สวัสดีค่ะ คุณวีรวรรณ อยากให้เล่าคร่าวๆ ถึง “สวนหลวงบ้านและที่ดิน” และอะไรที่ทำให้มาอยู่วงการนี้ได้

บริษัทสวนหลวงบ้านและที่ดินเป็นธุรกิจครอบครัว ก่อตั้งมาประมาณ 25 ปีแล้ว ตั้งแต่รุ่นคุณลุงกับคุณพ่อ ซึ่งปุกเลือกเรียนสถาปัตย์ จุฬา เพื่อจะได้มาช่วยงานตรงนี้ได้ ทันทีที่เรียนตรีจบ ก็เข้ามาทำที่บริษัทฯเลย ตอนนั้นตรงกับช่วง “ต้มยำกุ้ง” อสังหาฯ ค่อนข้างซบเซา หลายบริษัทประสบวิกฤตทางการเงิน จนไม่สามารถทำโครงการต่อได้ โชคดีที่บริษัทเราไม่ได้เจอปัญหานั้น เราเพิ่งเปิด “บ้านริมสวน ประชาอุทิศ” ได้ไม่นาน ก็ทยอยๆ สร้างบ้านและส่งมอบให้ลูกค้า ปุกทำงานร่วมกับทีมฯ ช่วยกันออกแบบทาวน์เฮ้าส์ 3 ชั้น พยายามคิดรูปแบบใหม่ๆ เช่นบ้านที่สามารถใช้ห้องน้ำพร้อมกันได้ 2 คน จนประมาณ 2 ปี หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว ทางสวนหลวงฯ ก็เลยเปิดโครงการใหม่ “บ้านริมสวน ดอนเมือง” ตัวโครงการเป็นทาวน์เฮ้าส์  3 ชั้น

หลังเปิดตัวได้ซักพัก  ปุกก็ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ ด้าน MBA ที่ Babson College อยู่ใกล้ๆ เมือง Boston ซึ่งก็พยายามเลือกเรียนวิชาที่เกี่ยวกับ Real Estate และระหว่างเรียนก็กลับมาฝึกงานกับบริษัท Real Estate Consulting เรียนอยู่ประมาณ 2 ปี พอเรียนจบ…ตอนนั้นฟองสบู่แตกที่สหรัฐฯ อีก คือเรียนจบที่ไหน ตรงนั้นจะมีปัญหาตลอด (หัวเราะ) ครอบครัวเลยขอให้กลับมาช่วยที่ “สวนหลวงบ้านและที่ดิน”  เนื่องจากว่าตอนนั้นเมืองไทยเริ่มฟื้น ก็เลยตัดสินใจกลับมา ทำงานไปด้วยและมาเรียนโทอีกใบที่ธรรมศาสตร์ ในสาขาอสังหาฯ (Master in Real Estate)

– ภาพรวมของ “สวนหลวง” ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีโครงการอะไรใหม่ๆ บ้าง และวางแนวทางพัฒนา สวนหลวง อย่างไรในระยะเวลา 5 ปี อนาคตเราจะได้เห็นโครงการแบบไหน

ประมาณช่วง 2 ปีที่ผ่าน สวนหลวงฯ มีการพัฒนาภายในค่อนข้างเยอะ คือเราพยายามที่จะสร้างสินค้าที่มีคุณภาพให้ลูกค้า  อย่างโครงการนี้ บ้านริมสวน รามอินทรา แม้ว่าโครงการจะเปิดไปแล้ว แต่เราไม่ได้ปลอยไป มีการทำด้านหน้าใหม่ ทำด้านในใหม่ ตัวนี้ก็เหมือนกับผู้บริโภคที่ซื้อไปแล้ว เขาก็ได้ประโยชน์ด้วย คือข้างหน้าเราก็ลงทุนเยอะ

การก่อสร้างตอนนี้เราก็มีการจัดระบบมาตรฐาน QC 3 ขั้นตอน คือเราก็พยายามพัฒนาสินค้าและบริการให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นงาน finishing หรืองานสถาปัตยกรรม เราก็อยากให้มันเนี้ยบขึ้น ให้ลูกค้าพึงพอใจ

ปรัชญาการทำงานของสวนหลวง เราไม่ใช่บริษัทที่เน้นการหากำไรสูงสุด เราไมได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ไม่ได้มีแรงกดดันที่จะต้องหากำไรสูงสุดประมาณนั้น เรารู้สึกว่าเราอยากให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าของเราไปแล้ว เดินกลับมาบอกเราว่า เขามีความสุขที่ได้อยู่บ้านหลังนี้ ตรงนี้คือ return ของเรา

– จากการสังเกตโครงการที่ผ่านมาของสวนหลวงฯ ค่อนข้างมีทำเลที่โดดเด่น ไม่ทราบว่าทางบริษัทมีหลักในการพิจารณาที่ดินอย่างไรบ้างคะ

ในปัจจุบัน เราพัฒนาจากที่ดินที่เรามีอยู่แล้ว แต่เราก็มองหาที่ใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่งเราจะพยายามเลือกที่ดินที่คนต้องการ ใกล้ชุมชน ใกล้แหล่งงาน และเดินทางสะดวก อย่างโครงการบ้านริมสวน รามอินทรานี้ ก็สามารถใช้ทางด่วนเข้าเมืองได้ มีลูกบ้านหลายคนที่ทำงานในเมืองแล้วเลือกมาอยู่ที่นี้ เพราะเขามองว่าเดินทางสะดวก

– แล้วในอนาคต วางแผนที่จะไปจังหวัดอื่นๆ รึเปล่าคะ

ปัจจุบันเราก็พยายามหาที่ดินที่เหมาะสมอยู่เรื่อยๆ เพื่อให้ทันกับการเติบโตธุรกิจ แต่ในช่วง 2-3 ปีนี้ คงจะให้น้ำหนัก “กรุงเทพฯ และปริมณฑล” มากกว่า เนื่องจากเราสามารถดูแลได้ทั่วถึง และระหว่างนี้ถ้าเจอที่ดินที่ใช่ เราก็อาจพัฒนาเป็นคอนโด ซึ่งเป็นโครงการที่เราไม่เคยทำมาก่อน เราอยากลองทำอะไรใหม่ๆ บ้าง

– จากสถานการณ์ความไม่มั่นคงทางการเมืองที่เกิดขึ้น มองว่าทิศทางอสังหาฯ ของไทยจะเป็นอย่างไร

ตอนนี้เรียกว่าสงบกว่าปีที่ผ่านมา แต่ไม่ว่าการเมืองหรือเศรษฐกิจจะเป็นแบบไหน ถ้าลูกค้ามีความต้องการจริงๆ เขาก็ต้องซื้อต่อไป แต่ในภาวะที่เขาต้องซื้อไว้เผื่อ หรือซื้อไว้เก็งกำไร ซื้อไว้ก่อน มันก็จะน้อยลง แต่คนที่มีความต้องการเขาก็ยังมองหาอยู่ต่อไป แต่การใช้เงินอาจมีความระมัดระวังมากขึ้น เก็งกำไรน้อยลง

– มาถึงคำถามสุดท้ายนะคะ สำหรับชาว Think of Living ที่กำลังมองหาบ้านอยู่ คุณวีรวรรณมองว่าเราควรใช้หลักอะไรในการเลือกซื้อบ้านค่ะ

ในความรู้สึกส่วนตัว การเลือกซื้อบ้าน เราต้องเลือกบ้านที่เข้ากับไลฟ์สไตล์เราได้จริงๆ เราอยากได้อะไร เดินทางตรงนี้สะดวกรึเปล่า ใกล้ที่ทำงาน ใกล้โรงเรียนลูก แล้วก็ดู developer น่าเชื่อถือแค่ไหน ที่ผ่านมามีผลงานอะไรบ้าง และดูวัสดุ การก่อสร้าง ได้คุณภาพรึเปล่า ปลอดภัยมั้ย ดูหลายๆ ที่ แล้วค่อยตัดสินใจ อย่าใช้แต่อารมณ์ หรือลองเข้าไปอ่าน “อยู่สบายกับคุณนายสวนหลวง” ใน Think of Living ก็จะมีคำแนะนำดีๆ อยู่ค่ะ 

หลังจากการสัมภาษณ์ คุณวีรวรรณ ได้พาเราเดินชมโครงการบ้านริมสวน รามอินทรา พร้อมบ้านตัวอย่างที่เพิ่งตกแต่งใหม่ เราขอปิดท้ายด้วยภาพสวยๆ จากโครงการนะคะ 🙂