Plus Property ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจรเผยผลสำรวจพบกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ กลุ่มมิลเลนเนียลนิยมซื้อคอนโดมิเนียมขนาดต่ำกว่า 30 ตารางเมตร ในช่วงราคา 130,000- 300,000 บาทต่อตารางเมตร เหตุเน้นขนาดห้องที่พอเหมาะแต่จัดสรรพื้นที่การใช้สอยได้ดี เข้ากับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่เน้นความคล่องตัวยืดหยุ่นได้ ให้ความสำคัญกับโครงการที่อยู่ในทำเลศักยภาพ เดินทางเชื่อมต่อสะดวกด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย ซึ่งทำเลที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปัจจุบันส่วนใหญ่อยู่ในโซนชั้นกลาง ได้แก่ เอกมัย – ห้วยขวาง – พญาไท    โดยโครงการที่ให้ความสำคัญเรื่อง Sharing Economy กำลังเป็นกระแสน่าจับตา

นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่าจากข้อมูลการสำรวจของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ของ พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่ที่มีอายุ 21-30 ปีและวัยทำงานตอนต้น ที่มีอายุ 31-40 ปี ถือเป็นกลุ่มหลักที่เลือกซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียม โดยกลุ่มอายุ  31-40 ปี เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการซื้อมากที่สุด ด้วยสัดส่วนที่ 41% ส่วนกลุ่มอายุ 21-30 ปี แม้จะมีสัดส่วนการซื้อที่ 13% แต่พบว่าเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีอัตราการเติบโตสูงถึง 25% ของจำนวนผู้ซื้อเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง (ปี 2556 – 2560) และมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มผู้บริโภคเหล่านี้จัดเป็นคนรุ่นใหม่ หรือกลุ่มมิลเลนเนียล (เกิดระหว่างปี 2523 – 2543) เป็นกลุ่มผู้บริโภคที่เติบโตมากับเทคโนโลยี การใช้ชีวิตจึงมีความคล่องแคล่ว รวมถึงมีการเลือกที่อยู่อาศัยที่สามารถเดินทางได้สะดวกตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ มีขนาดห้องที่พอเหมาะกับความต้องการทำให้ดูแลได้ง่ายแต่สามารถจัดสรรให้เกิดประโยชน์ได้สูงสุด รวมถึงต้องเป็นโครงการที่พัฒนาโดยผู้ประกอบการที่น่าเชื่อถือ

สำหรับขนาดห้องที่กลุ่มมิลเลนเนียลให้ความนิยมคือขนาดห้องที่ต่ำกว่า 30 ตารางเมตร ระดับราคาที่นิยมซื้อคือ 130,000- 300,000 บาทต่อตารางเมตร ให้ความสำคัญกับโครงการที่เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานของพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น จัดสรรพื้นที่ใช้สอยเป็นสัดส่วนลงตัวเกิดประโยชน์สูงสุด ดังนั้นคอนเซปต์การอยู่อาศัยแบบเศรษฐกิจแบ่งปัน (Sharing Economy)  เน้นการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน จึงนับเป็นกระแที่น่าจับตาที่อาจจะตอบโจทย์คนกลุ่มนี้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตหลายๆ ด้านร่วมกัน เช่น เป็นโครงการที่มีห้องทำงานส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกัน (Co-working Space) หรือห้องครัวส่วนกลาง (Co-kitchen) เป็นต้น

อย่างไรก็ตามกลุ่มคนรุ่นใหม่ยังคำนึงถึงปัจจัยด้านการเลือกที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพที่สอดคล้องกับกำลังซื้อ ดังนั้นทำเลกรุงเทพฯ ชั้นกลาง หรือชั้นในตอนปลายจึงตอบโจทย์มากที่สุด นับเป็นทำเลศักยภาพที่น่าจับตามองในอนาคต ประกอบไปด้วย โซนที่เป็นแหล่งงานอย่างเอกมัย-พระโขนง พญาไท-ราชเทวี หรือโซนที่มีการเติบโตของโครงการมิกซ์ยูส เช่น รัชดา-ห้วยขวาง เนื่องจากเป็นโซนที่อยู่ใกล้อาคารสำนักงาน ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียลที่อยู่ในวัยทำงาน อยู่ไม่ไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ และยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อได้ด้วยการขนส่งระบบรางทั้งรถไฟฟ้า BTS และ MRT รวมถึงเชื่อมต่อ Airport Rail Link ได้ง่าย

หากพิจารณาแยกในแต่ละทำเล นำโดย เอกมัย ถือเป็นทำเลที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดคล้องไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ครบ เป็นทำเลศักยภาพที่เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ได้ง่าย อยู่ใกล้กับ อโศก และ พระราม 9  ซึ่งเป็น NEW CBD และยังเดินทางได้สะดวกเพราะเอกมัยเป็นเส้นเชื่อมกับถนนเส้นหลัก 2 สาย อย่าง ถนนเพชรบุรี และ ถนนสุขุมวิท ที่เป็นแหล่งศูนย์กลางการอยู่อาศัย สำนักงาน นอกจากนี้ยังสามารถออกนอกเมืองไปโซนสุขุมวิทตอนปลายซึ่งกำลังมีการขยายตัวของอาคารสำนักงานได้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สอดคล้องไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ครบ โดยจากการสำรวจช่วงครึ่งหลังปี 2560 พบว่าคอนโดมิเนียมที่เป็นโครงการเปิดใหม่ในทำเลเอกมัยมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 175,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาปรับสูงขึ้น 40% จาก 4 ปีก่อน

ขณะที่ ทำเลห้วยขวาง เป็นอีกหนึ่งทำเลที่น่าสนใจเนื่องจากเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า MRT อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางในอนาคตทั้งรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและส้ม อยู่ใกล้กับโซน New CBD (รัชดา-พระราม 9) ที่มีอาคารสำนักงานที่สำคัญจำนวนมาก มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และสำนักงานให้เช่าที่ทันสมัย เป็นศูนย์รวมสำนักงานของกลุ่ม Startup และกำลังมีการพัฒนาอาคารมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของกรุงเทพและอาเซียน จึงดึงดูดอุปสงค์ด้านที่อยู่อาศัยของกลุ่มคนทำงานในย่านนี้ จากการสำรวจช่วงครึ่งหลังปี 2560 พบว่าคอนโดมิเนียมทำเลใกล้รถไฟฟ้า MRT ในระยะประมาณ 300 เมตร บนถนนเส้นรัชดาภิเษกตั้งแต่สถานีพระราม9 จนไปถึงสถานีลาดพร้าว มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 185,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งรวมถึงราคาที่ดินติดรถไฟฟ้าใต้ดิน ที่ปรับตัวสูงขึ้นเท่าตัว ในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งสะท้อนการเติบโตของทำเลห้วยขวางได้อย่างน่าสนใจ

นอกจากนี้ ทำเลพญาไท เป็นอีกหนึ่งทำเลที่ตอบโจทย์กลุ่มมิลเลนเนียล เนื่องจากอยู่ใกล้สยามสแควร์ แหล่งศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินทางเชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้า BTS ไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ได้หลายเส้นทาง เป็นย่านแหล่งงานที่แวดล้อมด้วยตึกสำนักงานออฟฟิศ การเดินทางสะดวกทั้งรถไฟฟ้า หรือรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อไปถนนสำคัญได้หลากหลาย และใกล้ Airport Rail Link เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิได้ จากการสำรวจช่วงครึ่งหลังปี 2560 พบว่าคอนโดมิเนียมที่เป็นโครงการใหม่ในทำเลพญาไทมีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 220,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นประมาณ 35% จากราคาโครงการเปิดขายใหม่ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา