ประกาศเดินหน้า และเติบโตอย่างต่อเนื่องสำหรับ ดี–แลนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาฯ เจ้าถิ่นเมืองท่าสมุทรสาคร หลัง 10 เดือน กวาดรายได้ทะลุ 1,000 ล้าน ลั่นสิ้นปีแตะเป้า 1,200 ล้าน พร้อมเติบโตอีก 60% คาดการณ์ปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังโตต่อเนื่องรับแรงกระตุ้นจากมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลที่กำลังทยอยออกมาเพิ่มเติม ประกาศกลยุทธบุกอสังหาฯ ทั้งกรุงเทพฯ–ปริมณฑล และโซนตะวันออก พร้อมกระจายการลงทุนในทุกเซกเมนต์
นายศิริพงษ์ สมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดี–แลนด์ กรุ๊ป จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตกรุงเทพฯ ตอนใต้ สมุทรสาคร และโซนภาคตะวันออก เปิดเผยถึงภาพรวมผลประกอบการของบริษัทในช่วง 10 เดือน (มกราคม–ตุลาคม 2558) กวาดยอดขายไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่วางไว้ทั้งปีที่ 1,200 ล้านบาท โดยเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 30% ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมียอดขายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้แน่นอน โดยจะมาจาก Backlog ที่สะสมอยู่ในมืออีกประมาณ 300 ล้านบาท ซึ่งหากสามารถทำได้ตามเป้าหมายจะเติบโตจากปีที่แล้วในอัตราเติบโตที่ 60%
“ปีนี้ที่เราสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่วางไว้นั้น นอกจากจะเพราะมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ จากรัฐบาลที่มีผลเป็นรูปธรรมในช่วง Q3 แล้ว อีกส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการที่เราสามารถพัฒนาโครงการใหม่ๆ ออกมาได้สอดคล้องรองรับความต้องการลูกค้าเพิ่มมากขึ้น อาทิ โครงการ The Proud พระราม 2 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวที่มีทำเลอยู่กลางเมืองจริงๆ ในราคาเริ่มต้นที่ 4.5 ล้าน และได้รับการตอบรับที่ดีมากจากจำนวน 77 ยูนิต เราสามารถปิดการขายได้ เกือบ 50% แล้ว ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ยังมี โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ พระราม 2 ซึ่งเป็นอาคารพาณิชย์ขนาด 14 ยูนิต ที่สามารถปิดการขายได้ภายในวันเดียว และโครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา–ปิ่นทอง 1 ใน Concept อาคารพาณิชย์กึ่งอพาร์ทเม้นท์ ที่ยังคงมียอดขายที่แรงต่อเนื่อง จากจำนวนทั้งหมด 115 ยูนิต ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 90% ภายในระยะเวลา 1 ปี เท่านั้น”
นอกจากนี้ ศิริพงษ์ ยังได้วิเคราะห์ถึงแนวโน้มการเติบโตของอสังหาฯ ในปี 2559 เพิ่มเติมอีกด้วยว่ายังคงมองตลาดเป็นไปในทิศทางบวก เนื่องจากอสังหาฯ มีแนวโน้มการเติบโตดีกว่าปีนี้ สืบเนื่องจากมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ อาทิ แรงส่งจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ระยะสั้น ทั้งการลดค่าธรรมเนียมโอน ค่าจดจำนอง ซึ่งจะหมดลงภายใน Q1 ของปี 2559 รวมถึงโครงการบ้านหลังแรกไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ปีละ 600,000 บาท ในเวลา 5 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคม 2559 ซึ่งเมื่อสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นดังกล่าว ในปีหน้าก็ยังมีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากโครงการลงทุนสาธารณูปโภคพื้นฐานจากภาครัฐ ทั้งทางน้ำ ทางบก ทางอากาศ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐกว่า 3 แสนล้านบาท ลงมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งมีผลทางบวกโดยตรงกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
สำหรับปัจจัยลบนั้น ศิริพงษ์ มองว่ายังเป็นปัญหาเดิมที่ส่งผลต่อเนื่องมาจากปี 2558 นั้นคือเรื่องของภาระหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร รวมถึงปัญหาเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความอ่อนไหว และส่งให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกของไทยมากพอสมควร โดยมองว่าปัญหาดังกล่าวจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีหน้า
สำหรับแผนรับมือกับตลาดอสังหาฯ ในปีหน้านั้น บริษัทฯ ได้มีการวางแผนที่จะขยายตัวจากสมุทรสาคร เข้าสู่กรุงเทพ – ปริมณฑล และโซนภาคตะวันออก โดยเฉพาะชลบุรีเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นโซนที่ยังมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ และอสังหาริมทรัพย์ที่ดีในอนาคต ซึ่งในส่วนของการพัฒนาสินค้าก็จะมีการปรับสัดส่วนใหม่ให้ตอบสนองความต้องการของลูกค้าและตลาดมากขึ้น โดยจะแบ่งเป็นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ออกเป็นประเภทที่อยู่อาศัย (Residential) ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียมประมาณ 45% และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าและการลงทุน (Product For Investment) อีกประมาณ 45% โดยจะเป็นการต่อยอดความสำเร็จจาก โครงการ ดีคอมเพล็กซ์ ศรีราชา–นิคมปิ่นทอง 1 พร้อมกันนี้ยังมองถึงการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อการลงทุนในรูปแบบอื่นๆ เข้ามาเสริมอีก โดยจะจับกลุ่มทั้งนักลงทุน รวมทั้งพนักงานประจำที่ต้องการมีสินทรัพย์ และรายได้ในระยะยาวไว้เลี้ยงตัวเองหลังเกษียณอายุ โดยจะเป็นการเพิ่มกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพเพื่อแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือน นอกจากนี้จะมีแผนการพัฒนาอสังหาฯ ประเภทเช่าที่สร้างรายได้ประจำหรือ Recurring Income อีก 10% เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงและกระจายการลงทุนอีกด้วย
“โดยรวมแล้วมองว่าปีหน้าตลาดอสังหาฯ ยังมีแรงบวกอยู่ ซึ่งเป็นการทำงานที่ท้าทายสำหรับบริษัทฯ ในการช่วงชิงโอกาสจากปัจจัยบวกดังกล่าวมาพัฒนาและบริหารธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ซึ่งจะต้องศึกษา และเตรียมแผนการรับมือโดยพิจารณาทั้งทำเล รูปแบบของโครงการ และเรียลดีมานด์ที่มีอยู่จริง ในทำเลนั้นๆ โดยกลยุทธ์ของ ดี–แลนด์ กรุ๊ป ในปีหน้าคือ เน้นการกระจายการลงทุน และแบ่งสัดส่วนการพัฒนาสินค้าตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะเป็นแนวทางในการเดินหน้าสู่เป้าหมายของเราต่อไป” ศิริพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย