01-%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%8a%e0%b8%8a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%b4-%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b9%8c

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2559 บริษัทฯยังคงสร้างผลการดำเนินงานได้ในทิศทางที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง  โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 204 ล้านบาท หรือเติบโต 5%จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558 ทั้งนี้แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม 4,200 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 183 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5 % จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 310 ล้านบาท  และรายได้อื่นอีก 40 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 768 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198  ล้านบาท หรือเติบโต 35% จากไตรมาสเดียวกันของปี 2558

สำหรับรายได้รวมสะสม 9 เดือนแรก ปี 2559 นั้น  บริษัทฯมีรายได้รวม 15,326 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,421 ล้านบาท หรือเติบโต 19% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น รายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดินและคอนโดมิเนียม  14,313 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2,415 ล้านบาท หรือเติบโต 20%) รายได้จากค่าเช่าและค่าบริการ 889 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 124 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิ 2,407 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 604 ล้านบาท หรือเติบโต 33% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558

ปัจจัยที่ทำให้รายได้สะสมตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเติบโต ถึง 19% เนื่องมาจาก การนำนโยบายด้านนวัตกรรมมาพัฒนาสินค้าทุกเซกเมนต์ ทั้งการออกแบบบ้านรุ่นใหม่สู่ตลาด   สิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในโครงการภายใต้แนวคิดใหม่ อาทิ สวนสาธารณะ พร้อม Jogging Track ลู่วิ่งออกกำลังกาย และ Bike Lane ช่องทางสำหรับปั่นจักรยาน, คลับเฮ้าส์, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ, Co-Working Space มุมทำงานเพื่อการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่, ห้องสมุด, มุมพักผ่อน สำหรับโครงการเปิดใหม่ และโครงการปัจจุบัน ที่ยังได้ปรับสภาพแวดล้อมในโครงการด้วย เพื่อให้ทันสมัยและตอบรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของลูกค้ากลุ่มคนรุ่นใหม่ยิ่งขึ้น จึงทำให้ได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้น และอีกปัจจัยสำคัญคือ การบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพในทุกๆด้าน ทั้งค่าใช้จ่ายด้านการขายและบริหาร ซึ่งรวมถึงการเลือกใช้สื่อโฆษณา โดยเน้นสื่อออนไลน์ และโซเชียลมีเดียที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ในวงกว้าง เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และมีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าสื่อแบบเดิมมากจากปัจจัยทั้งหมดจึงทำให้บริษัทฯสามารถสร้างสัดส่วนกำไรต่อรายได้ได้เพิ่มขึ้น 

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 บริษัทฯและบริษัทย่อยได้เปิดขายโครงการใหม่ รวม 8 โครงการ มูลค่ารวม 9,000 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน  4 โครงการ (ได้แก่ วรารมย์ พรีเมี่ยม แก้วนวรัฐ (เชียงใหม่), คาซ่า วิลล์ รามอินทราวงแหวน 2, คาซ่า วิลล์ รามคำแหงวงแหวน 2 และเดอะทรัสต์ วิลล์ ราชพฤกษ์รัตนาธิเบศร์) และโครงการทาวน์โฮมระดับ พรีเมี่ยม จำนวน 4 โครงการ (ได้แก่ คาซ่า ซิตี้ วงแหวนลำลูกกา 2, คาซ่า ซิตี้ ดอนเมืองศรีสมาน, คาซ่า ซิตี้ กัลปพฤกษ์สาทร และกัสโต้ เพชรเกษมทวีวัฒนา) ซึ่งทุกโครงการยังได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดี แม้ว่าในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาจะมีชะลอตัวไปบ้างเนื่องจากบรรยากาศภาพรวมของประเทศ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าจะเริ่มกลับมาคึกคักตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน 2559 นี้ รวมทั้งบริษัทฯเองก็จะมีการส่งเสริมการขายช่วงโค้งสุดท้ายที่เป็นโอกาสดีของลูกค้าที่กำลังตัดสินใจซื้อ    ที่อยู่อาศัยของบริษัทฯในปีนี้ จะได้สิทธิประโยชน์ทั้งจากแคมเปญกระตุ้นยอดขาย และราคาสินค้าที่ยังไม่ปรับขึ้น นายชัชชาติกล่าว

สำหรับแผนงานในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 บริษัทฯมีแผนเปิดตัว โครงการใหม่ อีกจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 1,500 ล้านบาท โดยเป็นโครงการทาวน์โฮมระดับพรีเมี่ยม คือ โครงการคาซ่า ซิตี้ กิ่งแก้วสุวรรณภูมิ และกัสโต้ ราชพฤกษ์พระราม 5 ซึ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตคุณภาพในระดับราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้