รมช.คมนาคม ประกาศลั่น รฟท.จะกลับมามีกำไรภายใน 5 ปี หลังเคลียร์หนี้สินกว่าแสนล้านสำเร็จ เผยหนี้ 6 หมื่นล้านใช้ที่ดินให้กรมธนารักษ์เช่าดำเนินธุรกิจ อีก 4 หมื่นล้านโอนให้คลัง ส่วนอีกหมื่นล้านแก้ได้ไม่มีปัญหา
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม กล่าวถึงแผนฟื้นฟูกิจการของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าขณะนี้ได้มีความชัดเจนในการแก้ปัญหาหนี้สินสะสมกว่า 1.1 แสนล้านบาทแล้ว ตามขั้นตอนจะโอนภาระหนี้ที่เกิดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ระบบรางกลับไปให้กระทรวงการคลังประมาณ 40,000 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 60,000 ล้านบาท นำที่ดินของ รฟท. ให้กรมธนารักษ์บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ เพื่อแลกกับ การลดหนี้
คาดว่ากรมธนารักษ์จะตีมูลค่าการลง ทุนส่วนนี้ ที่รฟท.จะได้รับไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวขณะนี้ กระทรวงคมนาคมรอให้ผู้บริหารรฟท.มารายงานความคืบหน้าผลเจรจากับกระทรวงการ คลังหากเป็นไปตามขั้นตอน ในอนาคตการรถไฟฯจะเหลือหนี้เพียง 10,000 กว่าล้านบาทเท่านั้น และหลังจากนี้เมื่อมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเชื่อว่าภายใน 5-6 ปีข้างหน้ารฟท.จะล้างขาดทุน หรือกลับมามีกำไรได้แน่นอน
ยืนยันว่าแผนการฟื้นฟูกิจการของรฟท.พัฒนางานของรถไฟทุกด้าน และมีตัวชี้วัดกับกรอบดำเนินการที่ชัดเจน โดยในส่วนการพัฒนารถไฟทางคู่จะลงทุนใหม่ 6 เส้นทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดเวลาในการขนส่ง พร้อมกับกำชับผู้บริหารรฟท.ให้เริ่มกระบวนการประกวดราคาทั้งหมดภายในปีนี้ เพื่อให้ทุกโครงการก่อสร้างเสร็จใน ปี 2562 ซึ่งจะทำให้การเดินรถไฟเกิดความคล่องตัวมากขึ้นกว่าปัจจุบัน
นายออมสิน กล่าวอีกว่า ส่วนโครงสร้างการให้บริการเดินรถ รฟท.จะปรับเปลี่ยนเช่นกัน ต่อไปสัดส่วนการให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟจะเพิ่มขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ สัดส่วนการให้บริการรถโดยสาร ซึ่งปัจจุบันยอดขนส่งสินค้ามีเพียง 2-3% เท่านั้น แต่หลังจากนี้อีก 2-3 ปีข้างหน้า สัดส่วนจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5%
สำหรับการแยกบทบาทของ รฟท.กับกรมรางที่กำลังจะจัดตั้งนั้น หลังจากการหารือทำความเข้าใจกับสหภาพ แรงงานรัฐวิสาหกิจ รฟท. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และแอร์พอร์ตลิงก์ก็เข้าใจบทบาทชัดเจนว่ากรมรางมีหน้าที่เป็นหน่วยงานกำกับ ดูแลการให้บริการระบบราง ขณะที่รฟท.และหน่วยงานอื่นยังเป็น ผู้บริหารการเดินรถเหมือนเดิม
ที่มา : นสพ.ข่าวสด