สวัสดีครับผม ช่วงสัปดาห์ก่อนผมได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นในเขต “Osaka โอซากะ ซึ่งเป็นเมืองที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ของประเทศญี่ปุ่น (มีประชากรประมาณ 3 ล้านกว่าคน) และเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งนึงของประเทศเลยครับ

ซึ่งหัวข้อในวันนี้คงจะเป็นความสงสัยที่เกิดขึ้นจากคำถามว่าที่อยู่อาศัยของชาวญี่ปุ่นนั้นเค้าอยู่กันยังไงนะ บางทีเราก็เห็นแต่หน้าตาอาคารภายนอก แต่การจะเข้าไปเห็นหน้าตาด้านใน ในรูปแบบที่อยู่อาศัยนั้น (ที่ไม่ใช่โรงแรมนะ) นั้นเข้าไปดูได้ยากพอสมควร เพราะที่นี่เค้าขึ้นชื่อเรื่องความเป็นส่วนตัวสูงเลยล่ะ

คอนโดมิเนียม ที่ผมได้ไปศึกษา มีชื่อว่า “PRESSANCE GRAND Koshien Gobancho” จาก บริษัทอสังหายักษ์ใหญ่อย่างPRESSANCE สถิติล่าสุดนั้นมียอดจำนวนยูนิตขายอันดับหนึ่งในโอซากะ และยอดจำนวนยูนิตขายอันดับสองในประเทศ

ซึ่งในปีหน้า DEV อย่าง PRESSANCE เองก็จะมีการเข้ามาร่วมทุนก่อสร้างกับ Shinwa Real Estate & Prebuilt เป็นโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพบ้านเราด้วย เป็นคอนโดที่ชื่อว่า REN Sukhumvit 39 ที่กำลังใกล้จะเปิดตัวเร็วๆนี้

มาดูรายละเอียดโครงการกันนิดนึง เป็นอาคารสูงเพียง 4 ชั้นเท่านั้น เพราะตั้งอยู่ในเขตผังเมืองที่ทำสูงได้เท่านี้ อยู่ไม่ไกลจาก Koshien Station ซึ่งระยะทางเดินประมาณ 5 นาทีเท่านั้น

ย่าน Koshien Gobancho เป็นพื้นที่เล็กที่อยู่ในเขตของ Nishinomiya อีกที เป็นพื้นที่อยู่อาศัยที่มีราคาที่ดินสูงพอสมควร และมีความสงบเงียบน่าอยู่ อีกทั้งอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าและตัวเมืองโอซากะ

โดยโครงการนี้มียูนิตทั้งหมดเพียง 24 ห้องเท่านั้น สร้างอยู่บนเนื้อที่ดินประมาณ 2 ไร่กว่า โดยมีราคาขายประมาณ 840,000 Yen/Sq.m. (หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 250,000 บาท/ตร..) ส่วนใหญ่เป็นห้องไซส์ใหญ่ ที่ใหญ่สุดขนาดอยู่ที่ 110 ตร.. ซึ่งมีราคา “1 ร้อยล้านเยน” (ประมาณ 30 ล้านกว่าบาท) อืมมมมมมฟังไม่ผิดครับ ราคานี้แหละ และที่สำคัญกำลังจะปิดการขายแล้ว เหลืออีกไม่กี่ยูนิตเท่านั้น

ปัจจุบันโครงการนี้ ใกล้จะปิดการขายแล้วนะครับ โดยเหลือประมาณ 2-3 ยูนิตเท่านั้นเอง กลุ่มลูกค้าหลักๆเป็นอาชีพคุณหมอ ที่มีรายได้ค่อนข้างสูงระดับนึง ตัวอาคารจะสร้างเสร็จสิ้นเดือน พฤษภาคม 2562 นี้

หน้าตาของ Sale Gallery ภายนอกนั้นดูเรียบง่ายมากๆ ซึ่งต่างจากโครงการระดับ Super Luxury ในบ้านเราอย่างเห็นได้ชัดที่ต้องเน้นดีไซน์ และ Facade ที่ดึงดูสายตามาก่อน

ซึ่งตำแหน่งแปลงไซท์ที่ดินก่อสร้างโครงการก็อยู่ติดๆกันเลยครับ มีการควบคุมการก่อสร้างที่เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก โดยโครงการนี้จะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 13 เดือน (อาจจะดูนานสำหรับคนญี่ปุ่นเพราะเป็นคอนโด Low Rise แต่เพราะมีการทำส่วนชั้นใต้ดินในเรื่องที่จอดรถด้วย)

เข้ามาด้านในจะมี Ground Plan ให้เห็นขนาดใหญ่ จุดจอดรถในโครงการนี้มีเพียง 5 Slot เท่านั้น ซึ่งมีไม่จุดกลับรถ แต่จะเป็นระบบหมุนตัวรถบนแอเรียพื้นที่ในวงกลมนั้นแทน / ส่วนด้านข้างอีกฝั่งจะแยกเป็นส่วนของที่จอดรถจ๊อก มอเตอร์ไซค์ และจักรยานครับ / ด้านในอาคารก็จะมีพื้นที่ Lobby ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก มีห้องน้ำให้ใช้ และเริ่มมีส่วนของยูนิตพักอาศัยที่ชั้นแรกนี้เลย 4 ยูนิต

โดยข้อสังเกตแรกที่เค้าจะต่างกับบ้านเรา คือ เรื่องของกฏหมายการเว้นระยะห่างตัวอาคารกับขอบเขตรั้ว (Setback) ซึ่งทางญี่ปุ่นนั้นจะสามารถก่อสร้างในใกล้กับรั้วกำแพงมากกว่านั้นเอง ซึ่งจะสามารถคำนวนพื้นที่ใช้สอยได้ในผืนที่ดินมากกว่าบ้านเรา

อีกเรื่องก็คือเรื่องของการตกแต่งหน้าตาอาคาร ผิวอาคาร ต้องบอกว่าคอนโดแบรนด์ (PRESSANCE GRAND) ถือว่าถูกจัดเป็นเกรด A เป็นตัวรองท๊อปสุดของเจ้านี้ แต่ถ้าดูจากดีไซน์หน้าตาแล้วต้องบอกว่า ออกแบบมาเรียบๆธรรมชาติตามสไตล์นิยมชาวญี่ปุ่นมากๆ ซึ่งหน้าตาภายนอกก็เหมือนกับอาคาคพักอาศัยทั่วไป แต่จะเน้นวัสดุปิดผิวธรรมชาติอย่างหิน และก็แผ่นกระเบื้องมาปิดผิวอาคาร (ที่นี่ไม่นิยมทาสีแบบบ้านเรานะ ตัวอาคารภายนอกจะปิดผิวทุกส่วนครับ) ซึ่งเค้ามองว่าการใช้ Facade พวกกระจก, มีส่วนแคนทีลีฟยื่นมาโชว์ดีไซน์เยอะๆ เป็นการเปลืองต้นทุนโดยใช่เหตุ อีกทั้งประกอบกับประเทศเค้ามีเรื่องของแผ่นดินไหวบ่อยๆ พวกนี้จะอันตรายเวลาหลุดลงมาบริเวณหน้าอาคาร เป็นต้น

หน้าตาชิ้นส่วนวัสดุต่างๆ ที่ถูกใช้ในห้องพักอาศัยภายในโครงการ ถูกนำมาแสดงโชว์ในพื้นที่ Sale Gallery ซึ่งส่วนใหญ่จะมุ่งไปทางวัสดุลวดลายธรรมชาติ ลายไม้ ลายหิน ตัวพื้นก็เป็น Engineered Floor

ทีนี้เราลองมาดูส่วนของห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ห้องนี้มีขนาดอยู่ที่ 75.25 ตร.. ซึ่งโครงการนี้เค้าไม่คิดเงินพวกพื้นที่ระเบียงนะครับ ต่างจากบ้านเราอีกอย่างแล้ว พอเอาขนาดมารวมทั้งหมดจะอยู่ที่ 87.86 ตร.. ครับผม ซึ่งราคาขายจะอยู่ประมาณ 20 ล้านบาทต้นๆ หรือหารออกมาเป็น ก็ประมาณ 250,000 บาท/ตร.. อย่างที่บอกไปตอนแรก

ห้องเป็นแบบ 2 Bedroom, 1 Bathroom, 1 Powder Room โดยจะไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ขนาดของห้องนอนทั้งคู่เท่าไร เพียงแค่พอนอนได้และก็มีตู้เสื้อผ้าแบบ Built-In ฝังผนังไปในตัว แต่จะไปเน้นน้ำหนักที่สุด Common Area หรือพื้นที่โถงรวมนั่นเอง เพื่อให้มีลักษณะเหมือนกับอยู่บ้านที่มีห้องนั่งเล่นกว้างหน่อย และมีระเบียงส่วนตัวที่ใช้งานได้จริง 

ส่วนของด้านหน้าห้องประตู้ไม้สีโอ๊ค บานเปิดแบบสวิง พร้อมระบบโช๊คกันกระแทก  มีติดตั้งทั้ง Digital Door Lock และตัวล็อคเพิ่มอีกชั้นด้านในครับ ซึ่งหน้าห้องจะมี VDO Door Phone อยู่ด้วย ระหว่างตัวธรณีนั้นถูกก่อขึ้นเป็นงานสแตนเลสสวยงาม

เอกลักษณ์อย่างนึงในรูปแบบการอยู่อาศัยของเค้า ที่เราจะเห็นแทบทุกประเภทเลยทั้งบ้าน อพาร์ทเมนท์ คอนโด ไม่ว่าห้องจะเล็กขนาดไหน เจ้า Foyer นั้นเป็นวัฒนธรรมที่เค้ามีทุกที่ เป้นจุดถอดรองเท้า เพื่อไม่ให้มีฝุ่นจากข้างนอกบ้านปะปนไปยังโซนพื้นที่อาศัยด้านใน

ด้านบนฝ้าเพดานบริเวณนี้มีการดรอปฝ้าเล่นระดับ กรุวัสดุผิวไม้ เพิ่มบรรยากาศในบริเวณ Foyer

อันนี้ผมของถ่ายย้อนไปทาง Foyer นะครับ ประตูทางขวาคือทางเข้าห้อง ส่วนประตูตรงกลางนั้นอยกส่วนเป็นห้องเก็บรองเท้าและเก็บของอีกที

ซึ่งด้านในห้องเก็บของ เก็บรองเท้านั้นขนาดค่อนข้างกว้างทีเดียว และมีจุดสังเกตอีกอย่างคือ ถึงแม้มีห้องเก็บรองเท้าแล้ว คนญี่ปุ่นบางคนเค้ายังเก็บรองเท้าเอาไว้ในกล่องเพิ่มไปอีกชั้นนะ

เอาละ ถัดไปที่เราเห็นส่วนของพื้นไม้ นั้นจะเป็นโถงทางเดินกลางห้อง ที่คอยแจกทางไปยังห้องส่วนต่างๆ

โดยพื้นนั้นจะเปลี่ยนเป็น Engineered Wood ซึ่งวิธีการปูของที่นี่จะมีการอัดวัสดุซับแรงกระแทก เสริมความนุ่มเวลาเดิน ซึ่งคนในบ้านเราไม่ได้ใช้กันเท่าไร เวลาเดินแล้วมันจะยวบลงไปนิดหน่อย เป็นสัมผัสที่แปลกนี่ครับ

ทางซ้ายมือเป็นส่วนของห้องนอนแรก ซึ่งขนาดอยู่ราวๆ 6 ตร.ม.ครับ ก็ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ตำแหน่งจะเป็นมุมพอดี เลยมีช่องแสงไว้สองฝั่ง ในห้องนี้ได้แอร์เป็นแบบ Wall Type

มุมทางซ้ายมือถ้าเป็นบ้านเราคงจะจัดฟังก์ชันเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงาน แต่ที่นี่เน้นจัดเป็น พวกชั้นวางของต่างๆ

ที่ปลายเตียงมีส่วนของผนังที่เว้าเข้าไป โครงการทำเป็นตู้เสื้อผ้า Built-In มาให้เลยครับ ซึ่งมุมนี้จะเห็นส่วนฝ้าด้านบนที่เก็บพวกงานระบบดรอปลงมาเยอะพอสมควรเลย

ผมลองเปิดหน้าบานให้ดูพื้นที่การเก็บเสื้อผ้าภายในแบ่งเป็น 2 ช่องประมาณนี้ครับ

อันนี้เป็นส่วนของห้องนอนที่ 2 ที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อยประมาณ 5.5 ตร.ม. พอจะวางเตียงขนาด 3 ฟุตครึ่งได้ครับ มีมุมโต๊ะเครื่องแป้งทำงาน ตู้เสื้อผ้า และช่องแสงจุดเดียว

ซึ่งห้องนอนทั้งสองนั้น ต้องออกมาใช้ห้องน้ำร่วมกันที่โถงทางเดินด้านนอก แต่ก็ไม่ได้ไกลมาก เค้าจัดโซนนิ่งเอาไว้ใกล้ๆกับประตูทางเข้าห้อง

อย่างที่บอกห้องนี้นั้นมี 1 ห้องน้ำปกติ(แต่ไม่ได้ใส่โถสุขภัณฑ์เอาไว้ให้ ก็คือห้องนี้) และ 1 ห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ไม่มีส่วนอาบน้ำ / พื้นที่บริเวณนี้เลยทำเอาไว้สำหรับเผื่อใครจะติดตั้งเพิ่มครับ

หน้าตาชุดอ่างล้างมือดูดี ให้ตู้เก็บของหน้าบานกระจกเงาเต็มพื้นที่ผนัง ไฟส่องสว่างเยอะทีเดียว

ชิ้นของอ่างล้างมือนั้นเป็นแบบเรซิ่นหล่อสำเร็จมาเป็นชิ้นเดียวกันเลย เข้ากับพื้นที่ วางของด้านข้างได้เต็มที่ และมีตู้เก็บของด้านล่างได้เยอะ

หันไปมองทางซ้ายจะเป็นส่วนของทางเข้าพื้นที่อาบน้ำ ที่จะกั้นด้วยประตูกระจกบานสวิงชั้นนึง กรอบบานเป็นอลูมิเนียมสีดำตัดกับห้องน้ำที่ใช้โทนสว่าง

แน่นอน Signature อีกอย่างที่คนญี่ปุ่นไม่มีวันขาดไปก็คือ “อ่างอาบน้ำ” คนที่นี่เค้าต้องมีอ่างและไปยืนอาบกันในอ่างด้วยนะครับ แต่จะเปลี่ยนบรรยากาศลงไปแช่ก็ได้ แต่อาจจะต้องชันเข่านิดหน่อย อันนี้จะแล้วแต่ขนาดของห้องเลยครับ บางที่อ่างอาบน้ำเล็กมากๆ (เดี๋ยวตอน Part 2 ตอนหน้าผมจะให้ดู)

อันนี้เป็นห้องน้ำอีกห้องนึงที่บอกว่าเป็น Powder Room ไม่มีฟังก์ชันส่วนอาบน้ำ พืนที่เรียกว่าพอเข้าไปยืน ไปนั่ง เท่านั้นเอง โดยอุปกรณ์ที่นี่เค้าให้เป็นของ TOTO Washlet

มุมนี้กดลงที่พื้นบริเวณหน้าห้องน้ำ Powder Room ซึ่งตรงข้ามกันนั้นจะมีการซ่อนตู้เก็บของอีก 2 ห้องนะ โถงทางเดินกลางห้องนี่ต้องบอกว่าประหยัดพื้นที่มาก ราวๆแค่ 70 เซนติเมตรกว่าเอง ถ้าสองคนเดินสวนกันต้องเอียงตัวนะฮะ

ระบบที่มีมาให้มาตรฐาน VDO Door Phone เหมือนกับบ้านเราครับไม่มีอะไรต่าง

นัดไปส่วนสุดท้ายที่เป็นหัวใจหลักของห้องนี้ เป็น Common Area หรือที่เรียกกันว่า “โถงรวม” นั้นเอง โดยที่โครงการจัดผังห้องประหยัดพื้นที่ห้องอื่นๆ เพื่อมาเน้นน้ำหนักในห้องนี้ เพราะต้องการให้เปรียบเสมือนมีพื้นที่มุมนึงที่จะพักผ่อนแบบกว้างๆได้ และใช้ร่วมกันได้ด้วย

หันไปทางขวามือเป็นส่วนของพื้นที่ครัว ซึ่งที่นี่เค้าจัดมาเป็นแบบครัวเปิดนะครับ ก็คงจะมีกลิ่นอาหารรบกวนส่วนนั่งเล่นนิดหน่อยถึงแม้จะมีเครื่องดูดควันมาช่วย

ฝั่งขวามือด้านในเป็น Pantry ท๊อปหินสังเคราะห์พร้อมชุดตู้ชั้นด้านล่างและด้านบนแขวนผนัง

ฝั่งด้านนี้เป็นส่วนของเตาแก๊สและเตาอบ อ้อ… คอนโดของญี่ปุ่นเค้าเป็นระบบเตาแก๊สนะครับ ต่างจากบ้านเราที่ใช้แต่แบบแม่เหล็กไฟฟ้า ที่นี่เค้ามีมาตรฐานการวางท่อแก๊สตั้งแต่เริ่มออกแบบก่อสร้างมาแล้ว

ตำแหน่งของเครื่องดูดควันที่อยู่เหนือเตาแก๊สพอดี

ถัดไปไปดูส่วนของพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน รับแขกกันบ้าง ซึ่งจะมีการกั้นพาร์ทิชั่นเล็กๆเป็นแนวไม้ระแนงอยู่ ให้ดูปรับอารมณ์ย้ายโซน

Living Area นั้นมีพื้นที่ค่อนข้างมากครับ นั่งเล่นกันได้แบบสบาย รองรับแขกก็ได้ แต่พื้นที่จะเป็นแบบผืนผ้ายาวหน่อย จุดเด่นก็คือจะได้ส่วนของช่องแสงธรรมชาติเยอะ และที่เห็นคือช่องแสงเค้าออกแบบให้มองไม่เห็นด้านนอกไปเลย เพราะส่วนใหญ่อาคารญี่ปุ่นมักจะติดๆกันอยู่แล้ว

Living Area อีกมุมนึงไปทางใกล้ๆฝั่งระเบียงครับ แอร์กยังคงได้เป็น Wall Type นะ

ที่ฝั่งตรงข้ามกันเป็นส่วนของมุม Dining Area จัดวางโต๊ะเป็นแบบ 4 ที่นั่งได้ อยู่ใกล้ๆกับ Pantry ครัว และก็ได้อานิสงค์แสงธรรมชาติใกล้กับระเบียงครับ

อันนี้ถ่ายไปที่ผนังในห้องเราจะเห็นส่วนของการปิดผิวตกแต่งในห้องทั้งกระเบื้องลายหิน ลามิเนต และก็วอลเปเปอร์เลย

ส่วนที่น่าสนใจคือเจ้าตัวนี้ครับ ผมลืมกล่าวไป คอนโดมิเนียมที่นี่เป็นแบบ Pet Friendly หรือสามารถเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ครับ โดยไอ้เจ้ากลมๆ 2 วงนี้คือ ส่วนของการเปิดปิด Ventilation ช่วยให้มีอากาศไหลเวียนเข้ามาในตัวห้อง เผื่อเจ้าสัตว์เลี้ยงของเราอยู่ในห้องก็อยู่ได้ โดยไม่ต้องเปิดพวกประตูระเบียงหน้าต่างครับผม

ส่วนฟังก์ชันสุดท้ายด้านนอกคือ ระเบียง ที่อยู่ติดกับห้องโถงรวม ซึ่งเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ส่องเข้ามาในพื้นที่บริเวณโถงรวมนี้ด้วย

ส่วนของระเบียงจะมีการกั้นธรณีก่อสูงขึ้นมาสักหน่อย เอาไว้กันพวกน้ำฝนสาดครับ ส่วนของกระจกนั้นจะเป็นแบบลามิเนตประกบกันสองชั้น และมีช่องว่างระหว่างแผ่นนิดหน่อย เพื่อช่วยกันพวกละอองน้ำมาเกาะกระจกได้

ทางฝั่งขวามือของระเบียงจะเห็นส่วนของระบบท่อน้ำ มี Sink อ่างล้างมือมาให้ เผื่องานซักล้างนิดหน่อย วัสดุผนังปิดผิวกระเบื้อง ตัวพื้นเป็นกระเบื้องลายไม้

พื้นที่ระเบียงถือว่าค่อนข้างกว้างทีเดียวนะครับ อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า ส่วนของระเบียงไม่ได้อยู่ในโฉนดแต่ว่าโครงการนับแถมมาให้เลยเป็นพื้นที่ส่วนตัวครับ

โดยโครงการจะมีเจ้าตัวเหล็กพับได้แบบนี้ในส่วนของเอาไว้งานตากผ้าในห้องได้เลย

และที่ระเบียงนั้นมีพื้นที่ช่องของบันไดหนีไฟอยู่ด้วย

โดยช่องบันไดหนีไฟ จะเปิดพื้นแล้วมีบันไดให้สามารถถีบลงไปชั้นล่าง จนไปถึงชั้น 1 ได้นั่นเอง

สรุป จากที่ได้เห็นส่วนที่แตกต่างรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียมในตัวโครงการนี้ คือ เริ่มตั้งแต่ตัวอาคารโครงการนั้นมีระยะถอยร่นจากรั้วโครงการ หรือ Setback ที่ต่างจากไทย ห่างจากรั้วนิดเดียวเท่านั้น ทำให้ได้พื้นที่อาคารมากกว่า, การบริหารจัดการเรื่องความคุ้มค่าที่สุดอย่างที่จอดรถ มีจุดกลับตัวรถเป็นระบบให้เลย เพราะพื้นที่กลับรถนั้นมีค่ามากๆ

หน้าตาวัสดุทั้งภายนอกอาคาร ที่ไม่เน้น Facade ความหวือหวา เหมือนกับบ้านเรา เพราะเรื่องจะทำให้ราคาห้องสูงขึ้นไปอีก และก็มีเรื่องของแผ่นดินไหว ถ้าเกิดขึ้นมา ชิ้นส่วนตกแต่งผิวอาคารอาจหลุดร่อนตกลงมาบนท้องถนนได้

รูปแบบของห้องพัก สิ่งที่เราจะเห็นฟังก์ชันที่เป็นวัฒนธรรมของบ้านเค้า ที่จะมีตลอด อาทิเช่น Foyer หน้าห้อง, พื้นที่เก็บของที่แฝงตามผนังคุ้มค่าทุกจุด, เตาแก๊สที่วางระบบมาตั้งแต่ก่อสร้าง, ระบบหมุนเวียนอากาศในห้องที่สามารถเปิดปิดให้กับสัตว์เลี้ยงในห้องเราได้, บันไดทางออกหนีไฟที่เห็นใช้ได้งานจริง ฯลฯ เป็นต้น

ซึ่งฟังก์ชันบางอย่าง ก็น่าจะเอาปรับใช้กับบ้านเราได้ดีด้วยนะครับ แล้วมาติดตามกันต่อในตอนที่ 2 นะครับ ว่าผมจะพาไปดูอะไรกัน 😀