ความสวยงามในการมองสิ่งต่างๆ เป็นเรื่องของรสนิยม และความชอบส่วนบุคคล บางสิ่งเรามองว่าดีแล้ว สวยแล้ว อยู่ไปนานๆ อาจมีคนมาแย้งก็ได้ว่าไม่เห็นจริงเลย…วันนี้เราจะพาไปดู UGLY ARCHITECTURE: รวม 15 สถาปัตยกรรมสุดเพี้ยน ที่มองยังไง ก็ไม่แน่ใจว่าดูดี 😉
1 The Rock อาคารหนึ่งใน Wellington International Airport สร้างขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของสนามบิน โดยสามารถรับผู้โดยสารได้ถึง 1,000 คน/ ชั่วโมง
อันที่จริง The Rock ได้รับรางวัลออกแบบจากหลายสถาบันมาก แต่พอไปสถานที่จริง หลายๆ คนก็รู้สึกว่ามันไม่ดีไซน์มันไม่ว้าวเลย ออกจะทื่อๆ ซะด้วยซ้ำ
กว่าที่จะออกมาโดดเด่นขนาดนี้ Renmin Ribao ไม่ได้มาเล่นๆ นะครัช Zhou Qi สถาปนิกผู้ออกแบบเล่าว่า เขาได้แรงบันดาลใจมาจากการบรรจบของโลกและท้องฟ้า สื่อถึงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในประเทศ และยังย้ำอีกว่าหลังจากตกแต่งด้วยสีทองแล้ว ตึกนี้จะต้องกลายเป็นหนึ่งใน Landmark ของเมืองแน่นอน
แต่…ถ้ามองอีกมุม ตึกนี้ก็คล้ายกับ The 30 St Mary Axe หรือ Gherkin แห่งอังกฤษนะ
3. Frank Gehry’s Australian Blunder ส่วนหนึ่งของอาคารใน University of Technology Sydney ใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 150 ล้านดอลลาร์ สามารถรองรับนักศึกษาได้มากถึง 1,600 คน
อาคารหลังนี้เป็นผลงานของ Frank Gehry สถาปนิกชาวอเมริกัน ซึ่งได้ไอเดียการออกแบบระหว่างทานอาหารกลางวัน โดยสเก็ตช์ลงบนกระดาษเช็ดปาก ส่วนหนึ่งของค่าก่อสร้าง มีมหาเศรษฐีชาวจีนผู้ใจดีออกให้บางส่วน เพื่อช่วยให้ลูกชายของเขาได้สิทธิ์ในการเข้าเรียนที่สถาบันแห่งนี้
จุดเด่น (หรือจุดด้อย) ของอาคารคือ Facade ที่พริ้วเหมือนผ้า ซึ่งกว่าจะทำให้เนียนขนาดนี้ได้ ก็ต้องใช้อิฐปั้นมือ 320,000 ตัว แต่…ระหว่างการก่อสร้างก็มีคนร้องเรียนถึงความไม่โปร่งใสของหัวหน้าช่างปูนทำให้เขาต้องลาออกไปก่อนที่อาคารจะเสร็จ
แม้ว่า Frank Gehry จะเป็นสถาปนิกชื่อดัง แต่งานชิ้นนี้กลับไม่ได้กลายเป็นที่ชื่นชมของคนออสเตรเลีย หลายเสียงบอกว่ามันดูแย่ เหมือนอาคารที่โครงสร้างพังๆ จนอยากให้เอาถุงกระดาษมาห่อไว้
4. ArcelorMittal Orbit Sculpture หอสังเกตการณ์ในสนามกีฬาที่ลอนดอน เป็นส่วนหนึ่งในการจัดกีฬาโอลิมปิค ที่ลอนดอนเป็นเจ้าภาพในปี 2012
ArcelorMittal Orbit Sculpture ตั้งอยู่ใกล้กับสนามกีฬาโอลิมปิค โดยเราสามารถมองเห็นวิวของบริเวณที่จัดงานจากชั้นบนสุด ทีแรก ARUP ทีมงานสถาปนิกได้รับโจทย์มาให้ออกแบบหอคอยสังเกตการณ์ แต่…ต้องพิเศษพอที่ทำให้คนจำโอลิมปิคครั้งนี้ได้ ทีมงานเลยเพิ่มเกลียวเหล็กสีแดงไว้รอบๆ หอคอย
โครงการนี้ใช้งบในการสร้าง 19.1 ล้านดอลลาร์ โดยได้รับความช่วยเหลือจากหลายๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น 16 ล้านดอลลาร์จาก Lakshmi Mittal เจ้าของบริษัทเหล็ก Arcelor Mittal (ชื่อของหอคอยถูกตั้งขึ้นตามชื่อของบริษัทนี้) และ 3.1 ล้านดอลลาร์ จาก London Development Agency
วงโคจรเหล็กสีแดงที่หมุนเกลียวรอบหอคอย เปรียบได้กับความคิดขบถเล็กๆ ของการออกแบบ โดยทีมงานพยายามหนักมากที่จะสร้างความแปลกใหม่ ซึ่งน่าเสียดาย…เพราะกระแสตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มีลอนดอนเนอร์หลายคนค่อนขอด ArcelorMittal Orbit Sculpture ว่าดูจับต้องไม่ได้และเปล่าประโยชน์
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะ หลังจากการแข่งขันโอลิมปิคจบลง หอคอยถูกปิดปรับปรุงไม่มีกำหนด โครงการมูลค่า 19.1 ล้านดอลลาร์ เลยกลายเป็นแท่งเหล็กที่บดบังทัศนียภาพของลอนดอน ไม่มีใครสามารถขึ้นไปชื่นชมความงามของเมืองได้
ล่าสุดรัฐบาลอาจทนเห็นภาพบาดตานี้ไม่ไหว เลยตัดสินใจปรับ ArcelorMittal Orbit Sculpture ให้กลายเป็นเครื่องเล่นสไลด์ที่ยาวที่สุด เพื่อดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยอะๆ คาดว่าน่าจะเสร็จไม่เกินปลายปีนี้ ส่วนค่าเล่นที่รู้คร่าวๆ ประมาณ 5 ดอลลาร์/ครั้ง
5. The Elephant Building หรือตึกช้าง โดดเด่นจนติดอันดับที่ 4 ใน 20 World’s Ugliest Skyscrapers จาก CNNGO
ผู้ออกแบบคือคุณองอาจ สาตรพันธ์ุ ศิลปินแห่งชาติและสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญด้าน Brutalist ผลงานนอกจากอาคารตึกช้าง ยังมี อาทิ อาคารโรงเรียนปานะพันธุ์วิทยา กรุงเทพฯ, แทมมารีนวิลเลจ (เฮือนแทมมารีน) เชียงใหม่, อาคารเรียนฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และโรงแรมราชมรรคา เชียงใหม่ นอกจากนี้ ความรู้ความสามารถยังส่งขึ้นเป็นกรรมการตัดสินผลงานดีเด่นทางสถาปัตยกรรมของสมาคมสถาปนิกสยาม
ตึกมีความสูง 102 เมตร สร้างเสร็จในปี ค.ศ.1997 ด้วยรูปลักษณ์ของช้าง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของคนไทย เป็นสัตว์ที่อยู่ในประวัติศาสตร์ไทย ความสูงโดดเด่นทำให้ตึกช้างกลายเป็นที่สะดุดตาแก่ผู้ที่ผ่านไปมา แม้ว่าตึกช้างจะไม่ได้มีความสวยงามดังเช่นตึกอื่นๆ ที่ติดอันดับ แต่คงไม่ปฏิเสธว่าคนจะเหลือบมองทุกครั้งที่ผ่านไปมา
ตึกช้างมีแนวคิดการออกแบบมาจากพื้นฐานที่ว่า อาคารนี้เป็นอาคารประเภทอาคารสำนักงานและพักอาศัยรวม เป็นอาคารขนาดใหญ่พิเศษ รูปลักษณ์ของอาคารถูกบังคับตามพื้นที่ดินที่มีลักษณะยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว ด้วยกฎหมายและความต้องการของเจ้าของโครงการ คือ ศ.ดร.อรุณ โดยเริ่มแรกอาคารถูกแบ่งออกเป็น 3 ทาวเวอร์ แต่เนื่องจากต้องการพื้นที่ขายมากจึงจำเป็นต้องเชื่อม 3 ทาวเวอร์เวอร์เข้าด้วยกัน แต่ด้วยข้อกำหนดเรื่องพื้นที่เปิดโล่ง จึงทำให้เชื่อมอาคารได้เพียงส่วนบนและเกิดช่องว่าขนาดใหญ่ 2 ช่อง ต่อมา ศ.ดร.อรุณเห็นว่าอาคารมีลักษณะคล้ายช้างและส่วนตัวท่านชื่นชอบช้างอยู่แล้ว อาจารย์องอาจจึงออกแบบตกแต่งส่วนของอาคารเพิ่มเพื่อให้เหมือนช้างจริงๆ
(ขอบคุณข้อมูลจาก: น้าชาติ รู้ไปโม้ด ข่าวสด)
6. Mirador Building คอนโดมิเนียมที่มีรูตรงกลาง ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของ Madrid เป็นโครงการร่วมกันระหว่าง MVRDV บริษัทสถาปนิกเนเธอร์แลนด์ และ Blanca Lleo สถาปนิกชาวสเปน องค์ประกอบที่โดดเด่นของอาคารคือช่องว่างตรงกลาง โดยถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่ส่วนกลางและสนามเด็กเล่น ซึ่งจากตรงนี้เราสามารถมองเห็นภูเขา Guadarrama ได้ทั้งลูก
สถาปนิกทีม MVRDV มักมีวิสัยทัศน์และการสร้างสรรค์ผลงานที่ดีเยี่ยม แต่ Mirador Building กลับกลายเป็นผลงานชิ้นที่ขาดสุนทรียทางศิลปะ การเลือกใช้สีหน้าต่างที่ดูปนเปกันไปหมด และความไม่พอดีของสัดส่วน ทำให้ตึกนี้กลายเป็นส่วนเกินของโครงการอื่นๆ ในละแวกนั้น ที่แย่ไปกว่านั้นคือผู้อาศัยบน Mirador ไม่ค่อยปลื้มกับตึกเท่าไหร่ ส่วนมากมองว่า “สวยแต่รูปจูบไม่หอม” เนื่องจากฟังก์ชั่นการใช้งานภายในมีข้อบกพร่องหลายอย่าง
Mirador1
7. Fang Yuan Building อาคารสำนักงานสูง 25 ชั้น ผลงานของ C.Y. Lee สถาปนิกชื่อดังผู้สร้าง Taipei 101 ซึ่งต้องการผสมผสานระหว่างแนวคิดตะวันตกและตะวันออก โดยออกแบบให้ฐานด้านล่างเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ส่วนด้านบนเป็นเหรียญเก่าแก่ของจีน
แม้ว่าแนวคิดในการออกแบบจะแจ่มแมวแค่ไหน อาคารแห่งนี้ก็ไม่ใช่ความภาคภูมิของคนในละแวกนี้อยู่ดี โครงสร้างที่ทึบตันและอุ้ยอ้าย ทำลายความโดดเด่นในการออกแบบไปจนหมด
8. National Library ห้องสมุดแห่งชาติใน Kosovo ตัวอาคารเป็นการผสมระหว่าง Byzantine Art เข้ากับ Modern Art
ไม่มีใครเคยคิดว่าการร่วมศิลปะสองแนวที่ต่างกัน จะให้ผลลัพท์ที่ไม่พึงใจเท่าไหร่ มองยังไงก็ไม่เหมาะสมฐานะของหอสมุดแห่งชาติเลยซักนิด
หอสมุดแห่งนี้สูงที่สุดใน Kosovo โดยนอกจากจะอัดแน่นด้วยหนังสือแล้ว ยังเป็นสถานที่รวบรวมประวัติศาสตร์ของประเทศ และมีการจัดนิทรรศการศิลปะเป็นครั้งคราว
Credit: Fitore Syla
9. Scottish Parliament Building อาคารรัฐสภาในสก็อตแลนด์ ที่ใช้งบก่อสร้างสูงถึง 750 ล้านดอลลาร์
หน้าต่างทรงแปลกประหลาดได้แรงบันดาลใจมาจากภาพ The Skating Minister ของ Henry Raeburn ศิลปินชาวสก็อต ซึ่งผู้ออกแบบต้องการให้หน้าต่างทรงนี้ สะท้อนถึงเสรีภาพของประชาธิปไตยภายในประเทศ
อันที่จริง…ก็เก๋ดีนะ แต่สิ่งที่ทำให้ชาวเมืองยิ้มไม่ออกคือ ค่าทำความสะอาดหน้าต่างแสนพิลึกพิลั่นที่แพงหูฉี่ โดยหลังจากสร้างเสร็จตั้งแต่ปี 2004 ชาวสก็อตต้องเสียค่าทำความสะอาดและซ่อม บำรุงเกือบ 16 ล้านดอลลาร์ o_O
Credit Photo: Andrew Cowan
10. Sharp Center for Design อาคารแสดงนิทรรศการศิลปะของ Ontario College of Art and Design ในแคนาดา
ด้านบนของตึกเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้า ล้อมรอบด้วยหน้าต่างเจาะเป็นสีๆ ฐานด้านล่างเป็นเสาเล็กๆ 12 ต้น ซึ่งมีสีแตกต่างกันไปตามเสา แรกเริ่มเดิมทีสถาปนิกตั้งใจที่จะผสาน Modern Art ให้เป็นหนึ่งเดียวกับบรรยากาศในมหาลัยเก่าแก่ แต่…นอกจากจะไม่ “เนียน” แล้ว กลับทำให้ดูรกรุงรัง และน่ารำคาญสุดๆ
11. Aoyama Technical College
ผลงานชิ้นแรกของ Makoto Sei Watanabe สถาปนิกชื่อดัง อาคารแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของ Aoyama Technical College ความตั้งใจของเขาคือการสะท้อนภาพของสังคมญี่ปุ่น แม้ว่าจะเป็นเมืองที่มีระเบียบ ก็ไม่อาจรอดพ้นพิษของสงครามได้ และถึงแม้สงครามจะทำลายเมืองไปหมด สังคมเกิดความยุ่งเหยิง แต่ก็ไม่อาจทำลายจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่นได้
Watanabe กล่าวว่า “ผมไม่ได้ต้องการสร้างสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นอยู่ หรือสะท้อนความยุ่งเหยิงของสังคมโตเกียว แต่ต้องการค้นหาหนทางที่เมืองนี้จะเดินต่อ เพื่อก้าวข้ามความล้มเหลวของสงคราม”
12. Epi Apartments อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งใน Seattle ซึ่งพยายามตกแต่ง facade ด้วยเหล็กรูปทรงแปลกๆ ที่สูงถึง 65 ฟุต
ครั้งแรกที่เห็นตึกนี้ หลายคนคงอยากอุทานพร้อมกันว่า “นี่มันอะไรกัน? ทำเพื่อ?” โครงเหล็กข้างหน้า ดูเหมือนตากับปากเบี้ยวๆ ยิ่งทำให้เกะกะไปหมด แต่…ก่อนทำลายคุณค่าไปมากกว่านี้ เราขอเฉลยว่าโครงเหล็กประหลาดนี้ เป็นผลงานของ Mark Steven ศิลปินประจำเมืองนี้ ซึ่งเจ้าของ Epi Center ลงทุนซื้อมาด้วยเงิน 250,000 ดอลลาร์
และที่พีคกว่าคือ Mark Steve ตั้งชื่อผลงานชิ้นนี้ว่า “แมนสรวง” มาจากภาษาไทย หมายถึงเครื่องประดับจากสวรรรค์
13. Pixel Building อาคารสำนักงานสุดล้ำใน Melbourne
นำพลังงานมาใช้ใหม่ เก็บน้ำไว้ใช้ยามขาดแคลน ลดการใช้พลังงาน และหลังคาสีเขียว ใช้พลังงานอย่างยั่งยืน
ผลงานของ Studio 505
Credit Photo: Stringio
14. Antilia บ้านของ Mukesh Ambani มหาเศรษฐีชาวอินเดีย ถูกจัดอันดับว่าแพงที่สุดในปี 2013 รองจาก Buckingham Palace
Ambani ซื้อที่ดินบริเวณนี้มาจากองค์กรการกุศล ซึ่งถูกคัดค้านอย่างหนักในตอนแรก แต่หลังจากที่เขายอมจ่ายเป็นจำนวนเงินที่ค่อนข้างสูงข้อคัดค้านก็ตกไป ตัวอาคารออกแบบโดย Perkisn and Will ก่อสร้างด้วยพนักงานมากถึง 600 คนและใช้งบก่อสร้างสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งทำให้คนอินเดียไม่ค่อยปลื้มกับตัวเลขนี้เท่าไหร่ เพราะมองว่า Ambani ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไป
15. Ryugyong Hotel
โรงแรมร้างในเกาหลีเหนือ ที่ถูกทิ้งร้างในปี 1987 และถูกรื้อมาทำใหม่อีกรอบในปี 2008 และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2011 ซึ่งปัจจุบันก็ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะมีแบรนด์ไหนมาดูแล ก็ได้แต่หวังว่า…ถ้าโรงแรมเปิดให้บริการจริงๆ จังๆ เมื่อไหร่ Ryugyong Hotel คงเป็นหนึ่งใน Landmark สำคัญของประเทศ
Source of Information: Weburbanist