SMART เผยผลประกอบการปี 58 รายได้รวม 354.17 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 13.7 ล้านบาท ปักธงรายได้ปี 59 แตะ 420 ล้านบาท กางแผนผุดโปรดักส์ใหม่ อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง รองรับความต้องการตลาดวัสดุก่อสร้าง มั่นใจตลาดอิฐมวลเบาปีนี้คึกคัก เดินหน้าขยายฐานลูกค้างานรัฐ พร้อมเดินหน้าขยายตลาดCLMV ล่าสุดส่งสินค้าเข้ากัมพูชา และมีออเดอร์อย่างต่อเนื่อง
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง และงานกั้นผนังอาคาร เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2558 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 354.17 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 432.70 ล้านบาท จำนวน 78.5ล้านบาท มีขาดทุนสุทธิ 13.7 ล้านบาท เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ความต้องการในตลาดลดลง อีกทั้งมีการแข่งขันด้านราคาค่อนข้างสูง ส่งผลให้ยอดขายและความสามารถในการทำกำไรลดลงตาม
อย่างไรก็ตามในปี 2559 บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์ใหม่เพื่อสร้างการเติบโต โดยเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ “อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง” เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า โดยคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่เข้ามาในไตรมาสที่ 2/59 และจะเร่งบุกตลาดโครงการภาครัฐ ซึ่งจะมีการลงทุนในโครงการต่างๆ เช่น โรงพยาบาล โรงเรียน รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วขนาดรางกว้าง 1.435 เมตร และโครงการขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ อีกหลายเส้นทาง หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริง จะผลักดันให้เกิดแหล่งชุมชนและที่อยู่อาศัย ซึ่งจะส่งผลดีกับทางบริษัท และทำให้มีความต้องการใช้วัสดุอิฐมวลเบาในการก่อสร้างมากขึ้น ดังนั้น ตั้งแต่ต้นปี2559 คาดว่าจะสามารถปรับสัดส่วนรายได้เป็นงานภาครัฐ 50% ภาคเอกชน 50%
สำหรับความคืบหน้า การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ที่ผ่านมาบริษัทได้มีการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ทำให้ปัจจุบันบริษัทได้มีการส่งสินค้าไปยังประเทศกัมพูชาและยังมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้เริ่มทยอยเข้ามาได้ตั้งแต่ไตรมาส 4 /2558 และอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดที่ประเทศพม่า ลาว เพื่อทำการกระจายสินค้าให้ครอบคลุม เพิ่มช่องทางการสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นในอนาคต ขณะที่งบลงทุนในปีนี้บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 200 ล้านบาท เพื่อไว้ใช้สำหรับขยายกำลังการผลิตและออกผลิตภัณฑ์ผนังมวลเบานวัตกรรมใหม่ โดยจะขอดูภาวะตลาดอีกระยะหนึ่งก่อนการลงทุน
นายรังสี กล่าวต่อไปว่า เป้าหมายรายได้ในปี 2559 คาดว่าจะมีรายได้เติบโตมากกว่าปี2558 ประมาณ 10% หรือไม่ต่ำกว่า 390 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการขยายตลาดไปยังตลาด CLMV และ นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมภาคอสังหาริมทรัพย์ และ จากงบลงทุนของภาครัฐในปี 2559 ซึ่งจะกระตุ้นภาคเอกชนในการลงทุน รวมทั้งอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ผู้ผลิตจำหน่ายวัสดุก่อสร้างโดยรวม และบริษัทผู้รับเหมา ซึ่งทางบริษัทฯก็จะได้รับผลบวกโดยตรง