บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยผลประกอบการไตรมาสแรก พร้อมย้ำทิศทางธุรกิจครึ่งปีหลัง 58 ถึง ปี 59 ยังคงเน้นนโยบายเดิมในการหาพันธมิตรทางธุรกิจและลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูง ทั้งกลุ่มโรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย รวมถึงอาคารสำนักงาน
นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครึ่งปีหลังของปี 58 ถึงแม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้จะส่งผลกระทบให้ประชาชนชะลอการจับจ่ายใช้สอย แต่ไม่ได้กระทบกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ที่ยังคงจับจ่ายใช้สอยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางสิงห์ เอสเตทเองมีแผนงานรองรับในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้เช่นกัน โดยได้มองกลุ่มตลาด พรีเมี่ยมและพร้อมจะเปิดตัวโครงการภายในปลายปีนี้ โดยจะมีโครงการอโศกคอนโดมิเนียม โครงการสิงห์คอมเพล็กซ์ ที่เป็นมิกซ์ยูส ที่ถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งยังไม่รวมโครงการในของกลุ่มพันธมิตร คือ เนอวานา ดีเวอลอปเมนท์ ที่ตามแผนงานจะเปิดตัวอีก 2-3 โครงการในปลายปีนี้เช่นกัน
สำหรับคอนโดที่จะเปิดตัวใน Q3/2558 ทำเลอยู่ถัดจาก Singha Estate ประมาณ 500 เมตร เปิดให้ลงทะเบียนประมาณสิ้นเดือนก.ค.นี้ แต่เปิดขายอย่างเป็นทางการก.ย. นี้ ตัวโครงการเป็นคอนโด 55 ชั้น 1 อาคาร 450 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 200,000 บาท/ตร.ม. หรือประมาณ 9 ล้านบาท
ด้านคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท กำลังจะมีโครงการคอนโดมิเนียมย่านอโศก ซึ่งถือว่าอยู่ในโลเคชั่นที่เป็นที่ต้องการของตลาด โดยโครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 4,500 ล้านบาท ที่พร้อมเปิดตัวโครงการในไตรมาส 3
สำหรับปีหน้า มีแผนงานเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวอีก 1 โครงการ รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการ ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างมูลค่าให้กับภาพรวมธุรกิจที่พักอาศัยในประเทศได้เป็นอย่างดี ครึ่งปีหลัง 2558 เตรียมเจรจาเพิ่มอีก 3 ดีล คาดว่าจะรับรู้รายได้เพิ่มเติมในปี 2019 ประมาณ 20,000 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในไตรมาสแรกของปี 58 นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน เปิดเผยว่า สิงห์ เอสเตท มีรายได้ 300 ล้านบาท และทรัพย์สินรวม 10,341 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขดังกล่าว ยังไม่รวมผลประกอบการและทรัพย์สินของกลุ่มเนอวานา ที่บริษัทฯ ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรโดยการเข้าถือหุ้นเป็นจำนวน 51% ตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา และยังไม่รวมถึงเงินสดที่ได้มาจากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้น RO เป็นจำนวน 2,450 ล้านบาท เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเงินลงทุนดังกล่าวจะเพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัทฯ ในการลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ ซึ่งจะสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ อีกทั้งเพื่อเพิ่มรายได้และกระแสเงินสดให้แก่บริษัทฯ