SC ASSET เปิดแผนปี 2020  สำหรับปีนี้ ยึด Concept “Resilient” เน้นความยืดหยุ่นในการดำเนินธุรกิจตั้งเป้ารายได้รวมใกล้เคียงกับปีที่แแล้ว และเน้นการเปิดตัวให้ครอบคลุมทุก segment โดยจะเพิมสัดส่วนของโครงการระดับต่ำกว่า 10 ลบ. ให้มากขึ้นเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ของตลาดในปัจจุบัน

แน่นอนว่า ปีนี้ยังไม่ใช่ ปีของคอนโด เมื่อดูจากภาพรวมตลาด ที่ยังมียูนิตเหลือขายมากกว่า 100,000 ยูนิต ทำให้บริษัทเลือกที่จะพับแผนการเปิดคอนโดบางส่วนไปก่อน (แม้ว่าจะเลื่อนมาจากปีที่แล้ว) เหลือเพียง The Crest Park Residences คอนโดร่วมทุนญี่ปุ่น ทำเลตรงข้ามเซ็นทรัลลาดพร้าว มูลค่า 3,500 ลบ. แค่ 1 โครงการ ส่วนอีก 12 โครงการ จะเป็นแนวราบทั้งหมด 

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจ Recurring Income ที่ทางบริษัทได้ลงทุนกับอาคารสำนักงาน และ Apartment ที่บอสตัน ส่วนในธุรกิจโรงแรมคาดว่าในช่วงปลายปี 20 จะ
เปิดได้ 1 แห่งที่ย่านราชวัตรและจะทยอยเปิดเพิ่มจนครบ 5 แห่งภายในปี 23 และมี
จ านวนห้องรวม 1,000 ห้อง

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ภายใต้การเป็น Living Solutions Provider เผยทิศทางบริษัทในปี 2563  เพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจที่มีความผันผวนและไม่แน่นอน ด้วยแนวทาง ‘Resilient’ ยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน พร้อมปรับตัวและมองโอกาสหา  S-curve ให้บริษัทสำหรับการเติบโตระยะยาว โดยขับเคลื่อนใน  2 เรื่องหลัก    คือ ‘Resilient Portfolio’ กับ  ‘Resilient People’

‘Resilient Portfolio’ แบ่งเป็น 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่  For Sale , For Rent และ Living Solutions

1. For Sale เน้นแนวราบ

จากการเติบโตของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา ในปี 2562 ที่ผ่านมา SC มี market share อันดับ 1  บ้านหรู   20-50 ล้านบาท  และอันดับ 3 ของบ้านเดี่ยวทุกระดับราคา จึงมีแผนเพิ่มการเติบโตของแนวราบ โดยเพิ่มสัดส่วนของแนวราบราคาน้อยกว่า 10 ล้านบาท จาก 40%  เป็น 50% ในปี 3  ปีนี้

ด้วยจุดเด่นที่พัฒนา product ครบทุก segment และตอบโจทย์ human-centric ยังได้ออกแบบ prototype        ใหม่ๆ     เพิ่มความหลากหลาย เพื่อเป็นบ้านสำหรับทุกคน (Homes for All) ที่สำคัญ คือ การรักษามาตรฐานคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์เรา

2. For Rent  เสริมพอร์ต recurring income ให้มีสัดส่วนกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นในอนาคตมากกว่า 20%

เปิดบริษัทใหม่ชื่อ SC Expedition  (บริษัท เอสซี เอ็กซ์เพดิชั่น จำกัด) มีนายเยี่ยม เศรษฐบุตร เป็นกรรมการผู้จัดการ   เพื่อพัฒนาธุรกิจโรงแรมกลุ่ม mid-to-upscale รองรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในไทย โดยเฉพาะกลุ่ม FIT (Free Individual Travelers) ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองและกำลังเติบโต

พร้อมด้วยเป้าหมายการเปิดโรงแรมรวม 1,000 keys ระหว่างปี 2563-2566 ประกอบด้วย 5 ทำเล ทั้งกรุงเทพฯ  และเมืองท่องเที่ยวที่พัทยา โดยจะเปิดในกรุงเทพฯ แห่งแรกที่ราชวัตร  ส่วนอีก 3 ทำเล ได้แก่   รัชดาภิเษก , สุขุมวิท, วิภาวดี

อีกทั้งได้ร่วมกับ IDEO Tokyo บริษัทออกแบบและที่ปรึกษาด้านการออกแบบระดับโลก  ที่ใช้แนวคิด Design Thinking มาพัฒนา concept เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ (นักท่องเที่ยว) ในแบบฉบับ SC โดยมี  ‘Micro Stay’  เป็นซิกเนเจอร์เซอร์วิสในแบบเฉพาะตัวที่โรงแรมแต่ละแห่งมี solutions แตกต่างกัน

สำหรับความคืบหน้าบริษัท SC Alpha Inc. (เอสซี อัลฟ่า อินคอร์ปอเรชั่น) เพื่อลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสหรัฐอเมริกา มีนายอภิสิทธิ์  ลิ้มล้อมวงศ์กรรมการผู้จัดการ ซึ่งจากปัจจัยและโอกาสของตลาด อพาร์ทเม้นท์ในบอสตันที่มีศักยภาพพร้อมเติบโต จึงได้ทำสัญญาซื้อและบริหารอาคาร ที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในเมืองบอสตัน รัฐ แมสซาชูเซตส์  มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญสหรัฐ

 

3. หา S-curve ใหม่จาก Living Solutions

เรามองโอกาสและหา S-curve ใหม่ บนการพัฒนา platform  โดยได้เปิดตัว  RueJai Club ไว้ดูแลลูกค้า  ซึ่งเป็นวิถีของโลกยุคใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งมอบ solutions ให้กับลูกค้าทุกๆ บ้าน    ด้วยโมเดลช่วยเรื่องบ้าน  จัดการเรื่องชีวิต

ซึ่งประกอบด้วยแพ็กเกจบริการรายครั้งหรือรายเดือน  สำหรับอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน ได้แก่ แม่บ้าน, ทำสวน , ล้างแอร์  เป็นต้น พร้อม solutions ที่มากกว่า  ได้แก่ บริการส่งน้ำ , ส่งแก็ส , ตัดผม,  ซักรีด , ประกันภัย, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ  อีกมากมายที่จะร่วมกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอนาคต

‘Resilient People’  การให้ความสำคัญกับบุคลากร ที่เป็นหัวใจของความสำเร็จขององค์กร

บริษัทได้นำวัฒนธรรมองค์กรชื่อ #SKYDIVE ภายใต้ค่านิยม (core values) 4 ประการคือ care, courage, collaboration, continuous improvement  โดยทั้งหมดเป็นส่วนผสมที่ลงตัว เปิดโอกาสให้กล้าคิดและทำอย่างมีประสิทธิภาพ  เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการขับเคลื่อนองค์กรให้สอดคล้องต่อการเป็น Living Solutions Provider

นายณัฐพงศ์  เปิดเผยว่า “ ปี 2563 SC ตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท และ ยอดขาย 18,000 ล้านบาท  โดย

การเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมด 64 โครงการมูลค่ารวมกว่า 58,300 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 51 โครงการ มูลค่ารวม 42,300 ล้านบาท พร้อมกับการเปิด 13 โครงการใหม่มูลค่า 16,000 ล้านบาท แบ่งเป็น

แนวราบ 12 โครงการใหม่ มูลค่า 12,500 ล้านบาท มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ทุกระดับราคา  เริ่มต้น 2-50 ล้านบาท ทำเลวิภาวดี พระราม 5 , แจ้งวัฒนะ, พระราม 9, พัฒนาการ , บางนา-อ่อนนุช   โดยเตรียมเปิดโครงการแรก วี คอมพาวด์  ติวานนท์-รังสิต ในเดือนมี.ค.นี้

แนวสูงเปิด The Crest Park Residences คอนโดระดับ Luxury พัฒนาภายใต้บริษัทเอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน  จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาค  คิวชูของประเทศญี่ปุ่น  บนทำเล prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ จำนวน 429 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,500 ล้านบาท กำหนดเปิดขายในไตรมาส 2/63 ราคาเฉลี่ยกว่า 200,000-250,000 บาท/ตร.ม.”

นายณัฐพงศ์  กล่าวสรุปว่า “ ในทุกวิกฤติ เต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง เราจะใช้ความยืดหยุ่น เพื่อความยั่งยืน เราจะคิดอย่างผู้ชนะ มองหาโอกาส ในทุกวิกฤติ มี portfolio ที่ยืดหยุ่น สินค้าและบริการคุณภาพสูง และวัฒนธรรมองค์กรที่ใช่ จะพา SC ผ่านปีแห่งบททดสอบนี้ไปได้อย่างแน่นอน ”