ยังคงไม่เห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์ สำหรับตลาดอสังหาฯ ล่าสุดทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท) ได้รายงานว่าภาพรวมรายได้ภาคอสังหา Q3/2563 ลดลงกว่า 42% ทำให้หลายบริษัทเร่งทำโปรโมชั่นเพื่อระบายสต็อกอย่างโปร 11.11 ที่ทยอยออกมาแทบทุกเจ้า

แต่โปรโมชั่นจะได้ผลแค่ไหน? ในเมื่อคนไม่มีกำลังซื้อ หนึ่งในปัจจัยที่สะท้อนให้เห็นชัดที่สุดคือ “ยอดปฏิเสธสินเชื่อ” หรือว่า Rejection Rate ซึ่งในภาคกลางเพิ่มขึ้น 30% ขณะที่ภาคเหนือ ยังมีความต้องการ แต่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้ โดยมียอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่ม 40-50%

อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ข้อมูลจากธนาคารกรุงศรีฯ คาดการณ์ว่า ภาพรวมสินเชื่อบ้านใหม่น่าจะติดลบ สอดคล้องกับสภาพเศรษบกิจที่คนซื้อบ้านใหม่ลดลง แต่สินเชื่อคงค้างยังเติบโตได้ในปีนี้ หลักๆมาจากการที่ธนาคารสามารถรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ได้ ทำให้ลูกค้าเก่าไม่ Re-Finance ออกจากแบงก์ จากปัจจุบันที่พอร์ตสินเชื่อบ้านคงค้างอยู่ที่ 280,000 ลบ.

ภาพรวมอสังหา Q3/2563 ภาพรวมอสังหา Q3/2563 ภาพรวมอสังหา Q3/2563

เช่นเดียวกับศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจธนาคารทหารไทย หรือ TMB Analytics ที่ได้คาดการณ์ว่า สินเชื่อบ้านปล่อยใหม่น่าจะลดลงกว่า 10-12% หากเทียบกับปัจจุบันที่หดตัว 8% ซึ่งมาจากความสามารถในการขอสินเชื่อของลูกหนี้ ต่ำลง จากรายได้ที่ลดลงเป็นหลัก

ส่วน NPL มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสิ้นปีจะอยู่ที่ 4.35% หรือคิดเป็นมูลค่าหนี้เสีย 110,000 ลบ. เมื่อเทียบกับ Q3/2563 ที่ NPL อยู่ที่ 4.14% หรือ 97,000 ลบ. ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หนี้เสียเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มาจากลูกหนี้คาดสภาพคล่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ แล้วเริ่มหันไปกู้สินเชื่อส่วนบุคคล ทำให้ ภาระหนี้ต่อรายได้หรือ DSR ของลูกหนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกิน 50% จนอาจกระทบต่อความสามารถชำระหนี้ในอนาคต ให้ลดลงได้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ระบบธนาคารพาณิชย์มีการระมัดระวังการให้สินเชื่อมากขึ้น

ที่มา: