พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร วิเคราะห์ตลาดคอนโดเมืองท่องเที่ยว “ชะอำ-หัวหิน-เขาตะเกียบ-เขาเต่า” พบสัญญาณการเติบโตที่ดี ดีมานด์ใหม่ขับเคลื่อนผู้ซื้อเข้ามารองรับซับพลายในพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง คิดเป็นอัตรายอดขายเฉลี่ย73% สูงกว่ายอดขายคอนโดในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ส่วนหนึ่งมาจากกระแสผู้ซื้อที่ต้องการบ้านหลังที่สองหรือที่พักตากอากาศใกล้กรุงเทพฯ
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในพื้นที่ชะอำ-หัวหิน-เขาตะเกียบ-เขาเต่า มีคอนโดฯ เปิดใหม่ต่อเนื่องจากปีที่แล้ว จากการสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่ามีโครงการระหว่างขายริมทะเล (ด้านซ้ายของถนนเพชรเกษม) จำนวน 29 โครงการ โดยรวมอุปสงค์และอุปทานยังคงสอดรับได้ดี ในพื้นที่มีอุปทานรวมทั้งหมด 14,187 ยูนิต และมีอุปสงค์ทั้งหมด 10,402 ยูนิต คิดเป็นยอดขายเฉลี่ยที่ 73% ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการดูดซับที่ดี สูงกว่าอัตรายอดขายคอนโดฯ ในเมืองอย่างกรุงเทพฯ โดยอุปทานส่วนใหญ่กว่า 70% อยู่ในเขตพื้นที่ชะอำ สำหรับอุปทานทั้งหมดแบ่งเป็นที่สร้างเสร็จหรือมีกำหนดการสร้างเสร็จในปี 2557 33% ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2558 จำนวน 62% และก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2559 อีก 5% หากพิจารณาเฉพาะอุปทานใหม่ในปีนี้ มีทั้งสิ้น 5 โครงการ จำนวน 1,168 ยูนิต
หากวิเคราะห์แยกเป็นแต่ละทำเล พบว่าชะอำมีหาดที่ยาวที่สุดเมื่อเทียบกับหาดที่เหลือในบริเวณนี้ และการที่มีพื้นที่หาดยาวทำให้มีอุปทานป้อนเข้ามาในตลาดมากกว่าบริเวณอื่น ประกอบกับราคายังไม่สูงมาก ทำให้การดูดซับของอุปสงค์ในบริเวณนี้ดีกว่าบริเวณอื่น โดยมีอุปทานทั้งหมดอยู่ที่ 10,462 ยูนิต และมีอุปสงค์อยู่ที่ 8,018 ยูนิต คิดเป็น 77% สัดส่วนของอุปทานแบ่งเป็นที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวน 1,629 ยูนิต (16%) จะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2558 จำนวน 8,413 ยูนิต (80%) และจะก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2559 อีก 420 ยูนิต (4%) สำหรับราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 68,000 บาทต่อตารางเมตร แต่สำหรับคอนโดฯติดหาดราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 110,000 บาทต่อตารางเมตร โดยราคาสูงสุดอยู่ที่ 155,000 บาทต่อตารางเมตร
ต่อมาคือหัวหิน ในช่วง 4-5 ปี ที่ผ่านมากระแสการเที่ยวพักผ่อนในหัวหินเติบโตขึ้นมาก สถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดขึ้นมาใหม่จะเปิดตัวเร็วๆ นี้คือ สวนน้ำ วานา นาวา ยังไม่นับโครงการบลูพอร์ต ซึ่งเป็นศูนย์การค้าแห่งใหม่ ซึ่งหัวหินเป็นพื้นที่สำคัญที่สุดในบริเวณนี้เนื่องจากเป็นพื้นที่ดั้งเดิมที่มีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มานานแล้ว ผนวกกับความสะดวกสบายครบทุกด้าน ประกอบกับมีชายหาดที่ขาวและสวยที่สุด ทำให้คอนโดมีเนียมในหัวหินมีราคาสูงกว่าบริเวณอื่น อย่างไรก็ดี ไม่พบโครงการระหว่างขายในพื้นที่หาดหัวหินช่วงที่มีหาดทรายที่สวยที่สุด (ตั้งแต่โรงแรมโซฟิเทลถึงชีวาศรม) เนื่องจากหาพื้นที่ทำโครงการยาก แต่ยังพบการซื้อขายในตลาดรีเซลบ้างเท่านั้น โดยโครงการที่มีการเสนอขายปัจจุบันจะอยู่บริเวณต้นของหัวหินซึ่งเลยสนามบินเพียงเล็กน้อย ทำให้ราคาขายของโครงการในบริเวณนี้ไม่สูงเหมือนกับปีที่ผ่านมา ราคาซื้อขายเฉลี่ยของโครงการระหว่างขายปัจจุบันอยู่ที่ 86,000 บาท มีอุปทานทั้งสิ้น 1,290 ยูนิต และมีอุปสงค์ 887 ยูนิต หรือ คิดเป็น 69% สำหรับโครงการติดหาดซึ่งมีเสนอขายอยู่โครงการเดียว ณ ขณะนี้มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 บาทต่อตารางเมตร โดยทุกโครงการระหว่างขายเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จหรือมีแผนที่จะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2557 นี้
เขาตะเกียบ ถือเป็นพื้นที่ส่วนต่อของหาดหัวหิน มีหาดทรายที่สวย มีโครงการะหว่างขายเพียงโครงการเดียวที่ติดหาด ที่เหลือเป็นโครงการอิงวิวทะเล และโครงการ Low Rise ไม่มีวิวทะเล อุปทานโดยรวมอยู่ที่ 816 ยูนิต และมีอุปสงค์อยู่ที่ 538 ยูนิต คิดเป็น 66% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 85,000 บาทต่อตารางเมตร ราคาขายต่ำสุดอยู่ที่ 65,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับตลาดรีเซลของโครงการที่ขายไปหมดแล้วก่อนหน้านี้ ห้องชุดที่เห็นวิวทะเลมีราคาขายอยู่ที่ประมาณ 100,000 บาทต่อตารางเมตร ข้อดีของพื้นที่ในบริเวณเขาตะเกียบก็คือไม่ไกลจากตัวเมืองหัวหินสามารถเดินทางไปมาได้สะดวก ทุกโครงการระหว่างขายเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จหรือจะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2557 นี้
เขาเต่า เป็นพื้นที่สุดท้ายในบริเวณนี้ซึ่งต้องเดินทางออกมาไกลขึ้น แต่มีความสงบ เหมาะสำหรับครอบครัวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีโครงการเปิดขายใหม่ในบริเวณนี้ไม่มีมาก เพียงปีละ 2-3 โครงการ ที่ผ่านมาโครงการทยอยปิดการขายไปได้ แต่อาจจะใช้เวลานานกว่าโครงการในหัวหินบ้าง โดยเฉลี่ยแล้วไม่เกิน 2 ปีหลังโครงการสร้างเสร็จ ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้เติบโตต่อไปได้ดีก็คือไม่ควรมีการเปิดโครงการใหม่ในแต่ละปีที่มากเกินไปจนทำให้อุปสงค์ไม่สามารถดูดซับอุปทานได้ทัน โครงการที่เปิดขายในบริเวณนี้เป็นโครงการติดทะเลทั้งสิ้น มีราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 86,000 บาท และมีราคาขายสูงสุดอยู่ที่ 152,000 บาท มีอุปทานทั้งหมด 1,619 ยูนิต มีอุปสงค์ที่ 959 ยูนิต คิดเป็นอัตรายอดขายที่ 59% โดยสัดส่วนของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จคือ 60% ก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2558 จำนวน 20% และอีก 20% จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2559