Origin Property แถลงผลประกอบการครึ่งปี 58 เติบโตสวนกระแสอีกครั้ง ยอดขายโตขึ้น 203% จากปี 57 และประกาศความพร้อมจับจองพื้นที่ตลาดคอนโดศรีราชา ทำเลดาวรุ่ง แห่งภาคตะวันออก
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาคอนโดมิเนี่ยมที่มีการออกแบบโครงการเป็นเอกลักษณ์ โดยวางแผนบรรลุเป้าหมายเป็น 1 ใน 3 ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทคอนโดมิเนียม ที่มียอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท ตามแผนระยะสั้น 5 ปี (พ.ศ. 2557 – 2561) และ แผนระยะยาว 10 ปี (พ.ศ. 2562 – 2566) เป็น 1 ใน 5 ผู้นำบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย โดยมีแนวคิดในการพัฒนาโครงการ ภายใต้ 4 แนวคิดหลัก คือ
โดยผลประกอบการของ บมจ. ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ยังคงเติบโตแบบสวนกระแสอย่างต่อเนื่องในทุกปี และ ในครึ่งปีแรกของปี 2558 เติบโตสูงขึ้นกว่าครึ่งปีที่แล้วถึง 762% มียอดรับรู้รายได้รวม 1,080 ล้านบาท โดยมี
- โครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ 9 โครงการ มูลค่า 3,117 ล้านบาท ,
- โครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 6 โครงการ มูลค่า 3,610 ล้านบาท,
- โครงการที่อยู่ระหว่าง Pre Sales 7 โครงการ 6,955 ล้านบาท
- โครงการที่เตรียมจะเปิดตัว 5 โครงการ มูลค่า 3,370 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 17,052 ล้านบาท
ในส่วนของ Back Log ในปัจจุบัน ออริจิ้น มี Back Log ไว้นับเป็นมูลค่ากว่า 5,376 ล้านบาท
Knightbridge Skycity สะพานใหม่ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่สามารถตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคย่านสะพานใหม่ ได้เป็นอย่างดี โดยจะเห็นได้จากยอดการจองซื้อโครงการล่าสุดที่สูงกว่า 90% หลังจากที่เปิดการขายอย่างเป็นทางการ เพียงแค่เดือนเศษ ทั้งนี้เป็นเพราะความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมย่านดังกล่าว ยังคงมีดีมานด์ความต้องการอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ORI ก็ถือเป็นบริษัทฯอสังหาริมทรัพย์แห่งแรก ที่เข้าไปเจาะตลาด และเปิดการขายคอนโดฯเป็นรายแรกในย่านดังกล่าว ประกอบกับ จุดเด่นของโครงการนี้ คือ อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสายหยุด (สายสีเขียว) โดยบริษัทฯ เตรียมเปิดในช่วง Q3/2015 แลัคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในเร็วๆนี้
ออริจิ้น มั่นใจ “ศรีราชา” จะกลายเป็นเพชรเม็ดใหม่ แห่งภาคตะวันออก
นายพีระพงศ์ เปิดเผยว่า “ศรีราชา” เป็นโซนเดียวที่มีดีมานด์สูงอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้กลายเป็นทำเลแห่งศักยภาพอีกหนึ่งทำเล ซึ่งศรีราชา เป็นเมืองอุตสาหกรรม และเป็นศูนย์กลางด้านลอจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียน โดยศรีราชาเป็นเมืองท่าสำคัญลำดับ 16 ของโลก ที่ทำรายได้ปีละ 2 แสนล้านบาท ทำให้ศรีราชาได้กลายเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ที่มีรายได้มาก นอกจากนี้ ยังมีโครงการจากภาครัฐมากมาย ตั้งแต่อดีต จนถึง ปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่แหลมฉบัง นิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์ นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง นิคมอุตสาหกรรมเหมราช รวมถึง นิคมอุตสาหกรรมเหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด และโครงการในอนาคต เช่น แผนการขยายเส้นทางมอเตอร์เวย์ พัทยา-มาบตาพุต คาดว่าจะเสร็จในปี 2560 , โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ – ระยอง , รถไฟทางคู่ ฉะเชิงเทรา – ศรีราชา – แหลมฉบัง, โครงการเชื่อมรถไฟแหลมฉบัง – เมืองทวาย ล่าสุดได้เตรียมการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์แห่งที่ 3 ฯลฯ
พร้อมทั้งข้อมูล ที่ออริจิ้นได้ทำการวิจัยตลาดร่วมกับเอเจนซี่ระดับชั้นนำของญี่ปุ่น พบว่า ศรีราชา ยังกลายเป็น ศูนย์กลางการพักอาศัยทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่น ที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด, นิคมอุตสาหกรรมสหพัฒน์, ท่าเรือแหลมฉบัง และนิคมฯโดยรอบ ในสัดส่วน 40 : 60 ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นเข้ามาพักอาศัยในศรีราชาประมาณ 15,000 คน จึงเกิดความต้องการที่พักอาศัยรองรับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่นจำนวนมาก นอกจากนี้ กลุ่มชาวญี่ปุ่น expat เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง เพราะวัฒนธรรมของประเทศญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่ซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าให้กับเหล่าผู้บริหาร ส่งผลให้คอนโด และเซอร์วิสอพาร์ทเม้นต์ ที่ศรีราชามีอัตราการเข้าพักเกิน 90% ตลอด ในงบประมาณเฉลี่ยอยู่ที่ 47,000.- บาท ต่อ เดือน ขนาดห้องพัก 30 – 40 ตรม. รวมถึงราคาที่ดินเพิ่มขึ้นตารางวาละ 3 แสนบาท คอนโดฯ ในศรีราชาจึงได้รับความนิยมจากกลุ่มนักลงทุนที่ซื้อไว้ปล่อยเช่าคนญี่ปุ่นด้วยกันเอง เนื่องจากเมื่อเทียบจากราคาคอนโดฯตารางเมตรละ 6 หมื่น-1.3 แสนบาท จะให้ผลตอบแทนลงทุนจากค่าเช่าเฉลี่ย ปีละมากกว่า 10%
โครงการ KnightsBridge The Ocean ศรีราชา เป็นการพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ด้วยมูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท โดยเน้นเจาะกลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มผู้สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า, กลุ่มคุณญี่ปุ่นต้องการซื้อเพื่อพักอาศัย และกลุ่มคนในพื้นที่ที่ต้องการขยายครอบครัว โดยจะเริ่มเปิด Pre-Sale ในเดือนกันยายน 2558 ราคาเริ่มต้น 2 ล้านบาท และมีการทำการตลาดโดยทำการขายผ่าน Agency เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้านักลงทุนชาวต่างชาติ Investor หรือ ชาวต่างชาติที่ต้องการซื้อเพื่อใช้ชีวิตหลังเกษียณอายุในเมืองไทย โดยได้นำห้องชุด 25% ของโครงการไปกระจายเปิดขายในต่างประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เพื่อเป็นการเร่งขยายสัดส่วนฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มขึ้นจากเดิม 13% เป็น 20% ซึ่งที่ผ่านมา ออริจิ้น ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ มีสัดส่วนลูกค้าต่างชาติถึง 13% ของลูกค้าชาวไทยทั้งหมด โดยแบ่งสัดส่วนเป็น ญี่ปุ่น 85%, สิงคโปร์ 3%, จีน 4%, ไต้หวัน 3% อเมริกา 2%
สำหรับความคืบหน้า First Day Trade นายพีระพงศ์เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายในไตรมาส 3/2558 นี้อย่างแน่นอน โดยบริษัทฯ มีแผนที่จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้ในการพัฒนาโครงการของบริษัทฯ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และในอนาคต รวมถึงเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิ