Nexus จัดงาน SMART Living 2015 โดยงานจะจัดขึ้นที่บริเวณแฟชั่นฮอลล์ชั้น 1 สยามพารากอน ระหว่างวันที่ 20-23 สิงหาคม 2558 ในงานจะประกอบไปด้วยคอนโด บ้านพักอาศัยสุดหรู และคอนโดตากอากาศจำนวน 18 โครงการ จากบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำถึง 8 บริษัท มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 32,000 ล้านบาท
การจัดงานในครั้งนี้ จะมีโครงการใหม่ที่นำมาเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลายโครงการ เช่น 749 Residence บ้านหรูบนทำเลที่ดีที่สุดบนถนนสุขุมวิท ซอย 49/1 โครงการบารานี พาร์คบ้านเดี่ยวสไตล์ คอร์ทยาร์ด บนถนนร่มเกล้า และ เอสเพน คอนโดมิเนียม คอนโดใหม่ บนถนนลาซาล
นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กล่าวถึงการจัดงานในครั้งนี้ว่า สำหรับงาน SMART Living 2015 นี้มีความแตกต่างจากงานรวมอสังหาริมทรัพย์อื่น คือ มีสินค้าที่หลากหลาย มีทั้งคอนโดและบ้านที่คัดสรรมาแล้วทุกทำเล และเราอยากให้งานนี้เป็นงานที่ผู้ซื้อเข้ามาเลือกสรรคอนโดอย่างคุ้มค่าและชาญฉลาด ตามคอนเซ็ปต์ที่เราได้วางไว้ คือ “SMART” โดยโครงการที่พักอาศัยที่มาร่วมงาน มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 1 ล้านต้นๆ จนถึง 70 ล้านบาทเลยทีเดียว ครอบคลุมทั้งกรุงเทพ และต่างจังหวัด
การจัดงาน SMART Living 2015 ในครั้งนี้ เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างเน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด และเว็บไซต์คบคิดดอทคอม (www.kobkid.com) ทั้งยังได้รับความร่วมมือจาก ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรเข้าร่วม ด้วยการนำสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ซื้อมานำเสนอในงานอีกด้วย
การจัดงานในครั้งนี้เป็นงานหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้คึกคักได้อีกครั้ง โดยผลวิจัยของเน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และแนวโน้มครึ่งปีหลังไว้ดังนี้
ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพครึ่งปีแรกและแนวโน้มครึ่งปีหลัง
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 มีคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพมหานคร 25,300 ยูนิต จากจำนวนโครงการ 61 โครงการเพิ่มขึ้น 6.5% จากปลายปี 2557 ส่งผลให้จำนวนซัพพลายที่มีอยู่ในตลาดมีถึง 419,000 ยูนิต โดยครึ่งหนึ่งของ ซับพลายที่เพิ่มขึ้น เป็นคอนโดมิเนียมในย่านใกล้เมืองซึ่งเป็นส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแล้ว เช่น สุขุมวิทตอนปลาย รัชดา ลาดพร้าว เพชรเกษม และจรัลสนิทวงศ์ นอกจากนี้อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจคือตลาดใจกลางเมืองคึกคักมาก คอนโดในระดับ Luxury และ Super Luxury เปิดตัวมากเป็นประวัติการณ์ มากกว่า 10 โครงการ
สำหรับดีมานด์ ในตลาดคอนโดในระดับ Luxury และ Super Luxury ยังคงดีต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก สภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ไม่ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในตลาดกลุ่มนี้มากนัก ในช่วงที่ผ่านมา อัตราการขายรวมของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพอยู่ที่ 88%
แนวโน้มราคาคอนโดในช่วงครึ่งปีแรก
ราคาคอนโดมิเนียมเฉลี่ยในตลาดกรุงเทพโดยรวมปรับตัวสูงขึ้น 6% อยู่ในระดับเฉลี่ย 101,500 บาทต่อตารางเมตร ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ซึ่งมีปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบอยู่ 2 ประการคือ คอนโดมิเนียมที่เปิดตัวใหม่เป็นคอนโดระดับ luxury และทำเลของคอนโดใหม่อยู่กลางใจเมืองและย่านใกล้เมืองเป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งต้นทุนในการพัฒนาโครงการที่สูงขึ้น
วิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนคอนโดมิเนียมในทำเลต่างๆ
สืบเนื่องจากการที่ราคาขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมีการปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าเช่าปรับตัวสูงขึ้นไม่มากเท่าราคาขาย ทำให้อัตราผลตอบแทนต่อปีจากการลงทุนซื้อคอนโดมิเนียมปล่อยเช่าลดลงจาก 3-5 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามค่าเช่าเมื่อเทียบกับราคาขายในแต่ละทำเล ยังคงมีความแตกต่างอยู่พอสมควร คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองเช่นสาทร หลังสวน สุขุมวิทตอนต้น จนถึง อ่อนนุช ยังคงได้รับความนิยม สำหรับคอนโดใหม่ขนาด 1-2 ห้องนอนบริเวณทองหล่อและสุขุมวิทมีค่าเช่าสูงสุดถึง 889 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ในขณะที่ทำเลสุขุมวิทตอนปลายค่าเช่าเฉลี่ยต่ำสุดอยู่ที่ 384 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน ถ้าหากดูถึงผลตอบแทนจากการลงทุนสุขุมวิทตอนต้น ถึงอ่อนนุช และสาทร หลังสวน ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด 5.1-5.4% ในขณะที่บริเวณพญาไท พหลโยธินมีอัตรา 4.2% และต่ำสุดอยู่ทีบริเวณ ธนบุรี วงเวียนใหญ่ประมาณ 3.8%
แนวโน้มตลาดครึ่งปีหลังและต้นปี 2559
ราคาที่ดินยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการพัฒนาโครงการ ปี 2559 ราคาประเมินใหม่ของกรมที่ดินที่จะปรับขึ้นเฉลี่ย 25% จะส่งผลทำให้ต้นทุนในการพัฒนาโครงการเพิ่มสูงขึ้น และค่าก่อสร้างที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้น จะส่งผลให้ราคาคอนโดต้องปรับตัวสูงขึ้นอย่างแน่นอน
ความผันผวนในตลาดหุ้นและตลาดทุนต่างประเทศและภาวะเศรษฐกิจโลกมีส่วนทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนและส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ไทยในระยะสั้น
ราคาคอนโดในเมืองที่ปรับตัวสูงขึ้นยังคงเป็นที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากราคาที่สูงขึ้นในบางsector ของตลาดเกินกว่า affordabilityของผู้บริโภคในตลาดนั้นๆ การซื้อลงทุนระยะสั้นในโครงการที่ราคาสูงมากต้องพิจารณาเป็นอย่างมากว่าจะมีคนซื้ออยู่จริงในที่สุดหรือไม่
สำหรับตลาดเช่าคอนโดกลางเมืองผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 4-5% ขึ้นอยู่กับทำเลและขนาดห้อง การลงทุนในตลาดเช่า ยังคงมีความเป็นไปได้ ณ ระดับราคาปัจจุบัน
ผู้ประกอบการรายใหญ่หันมาจัดงาน event ตามห้างต่างๆ กันมากขึ้นทั้งเพื่อกระตุ้นยอดขายและเปิดตัวโครงการและยังคงเป็นเทรนต่อเนื่องจนถึงปลายปี
ในครึ่งปีหลัง จะยังเห็นคอนโดมิเนียมในระดับ high end เกิดขึ้นอีกหลายโครงการ อย่างไรก็ตาม ดีมานด์ ในกลุ่มนี้มีอยู่จำกัด การพัฒนาโครงการจำเป็นต้องคำนึงถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของลูกค้ากลุ่มนี้เป็นอย่างมาก ปลายปีนี้ ต้นปีหน้า น่าจะมีโอกาสได้เห็น คอนโดมิเนียมใจกลางเมือง เปิดตัวที่ตารางเมตรละ 400,000 – 500,000 บาทแน่นอน