นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้นำในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบ (Commercial Low Rise) เปิดเผยถึง แผนกลยุทธ์โค้งสุดท้ายของปีว่า หลังประสบความสำเร็จจากการเปิดตัว 3 โครงการขนาดใหญ่ บริษัทฯ ได้เตรียมเดินหน้าทั้งในด้านการก่อสร้างควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแรงให้กับแบรนด์เพื่อสร้างความมั่นใจ และมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ซื้อในโครงการ พร้อมเตรียมเปิดอีก 3 คอมมูนิตี้ ใน 3 โครงการ ได้แก่ ตลาดน้ำ สำเพ็ง 2 ตลาดวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ โครงการ ทิวลิป สแควร์ คอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ยูโรเปียน อ.อ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร และ โครงการเดอะ ไมอามี่ บางปู ไลฟ์สไตล์มอลล์ จ.สมุทรปราการ โดยจะเริ่มทยอยเปิดตัวตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนศกนี้ เพื่อต้อนรับเทศกาลจับจ่ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี
“หลังจากที่บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในด้านการขายจากทั้ง 3 โครงการ ก้าวต่อไปคือการตอกย้ำ Brand Positioning ที่แข็งแรงผ่านการสร้างคุณภาพชีวิต และมาตรฐานของสินค้าที่ดีให้กับชุมชนในโครงการ และในรัศมีโดยรอบ
โดยได้ร่วมกับ อ.ต.ก. ในการสนับสนุนพื้นที่ให้เกษตรกร นำพืชผลทางการเกษตร อาทิ ผัก ผลไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ อาหารแปรรูป ที่มีคุณภาพมาตรฐานอ.ต.ก.มาจำหน่ายในพื้นที่ตลาดน้ำสำเพ็ง 2 เพื่อเป็นการส่งเสริมช่องทางการจำหน่ายให้เกษตรกร โดยไม่ผ่านคนกลาง และเพื่อส่งเสริมพัฒนาด้านการตลาดให้กับผู้ประกอบการและเกษตรกร ให้มีศักยภาพและมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป โดยได้เริ่มนำสินค้ามาร่วมจำหน่ายในงาน เปิดตลาดน้ำสำเพ็ง 2 ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ยังได้จับมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำเพื่อก่อสร้าง โรงเรียนสารสาสน์วิเทศสมุทรปราการ บริเวณด้านหน้า โครงการ เจ.เอส.พี.ซิตี้ สุขุมวิท แพรกษา จังหวัดสมุทรปราการ บนเนื้อที่ 35 ไร่ ซึ่งจะเปิดสอนตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล จนถึงระดับมัธยมศึกษา โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดการเรียนการสอนได้ในปีการศึกษา 2559 นี้”
สำหรับความคืบหน้าในด้านการก่อสร้าง ล่าสุดบริษัทฯ ได้เซ็นสัญญาก่อสร้าง กับ บริษัท จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป จำกัด (Zhongtian Contraction Group Co.,Ltd.) ซึ่งเป็นผู้รับเหมาแถวหน้าของสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีผลงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคระดับชาติ อาทิ สนามกีฬาและคอนโดขนาดใหญ่มากมาย เพื่อก่อสร้างคอนโดมิเนียมจำนวน 90 อาคาร รวม 5,010 ยูนิตที่ โครงการเดอะ ไมอามี่ บางปู และคอนโดมิเนียมสูง 25 ชั้น 1 อาคาร และอาคารสูง 16 ชั้นจำนวน 6 อาคาร จำนวนยูนิตรวม 2,787 ยูนิต ในโครงการสำเพ็ง 2 คอนโดมิเนียม สาทร-กัลปพฤกษ์ มูลค่าก่อสร้างรวมทั้ง 2 โครงการกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2560
ทนงศักดิ์ เปิดเผยถึงการพัฒนาโครงการใหม่ในโค้งสุดท้ายของปีนี้ว่า บริษัทได้เดินหน้าเปิดอีก 3 โครงการเชิงพาณิชย์และที่อยู่อาศัยแนวราบขนาดใหญ่ภายใต้แบรนด์ “เจ.เอส.พี.ซิตี้” ใน 3 ทำเลศักยภาพที่รองรับการการขยายตัวใน 3 มุมเมือง มูลค่าโครงการรวมกว่า 9,000 ล้านบาท โดยเน้นการพัฒนาภายใต้แนวคิด “อาณาจักรแห่งความสุขของการใช้ชีวิตที่ครบวงจร หรือ THE KINGDOM OF LIVING & HAPPINESS” ซึ่งได้เริ่มเปิดขายตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ได้แก่
โครงการ เจ.เอส.พี. ซิตี้ สุขุมวิท แพรกษา ชุมชนคุณภาพแห่งใหม่บนเนื้อที่ 210 ไร่ ติดถนนแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ ครบครันด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สวนขนาดใหญ่ สโมสร สระว่ายน้ำ ตลาดขนาดใหญ่ภายในโครงการ และโรงเรียนสารสาสน์วิเทศสมุทรปราการ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ ภายในโครงการประกอบด้วยอาคารพาณิชย์, ทาวน์เฮาส์,บ้านแฝด จำนวนรวม 1,748 ยูนิต ในราคาตั้งแต่ 1.59 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 3,600 ล้านบาท
โครงการ เจ.เอส.พี. ซิตี้ รังสิต ชุมชนเมืองแห่งใหม่ที่รองรับการขยายตัวของกรุงเทพโซนเหนือตั้งอยู่ด้วยเนื้อที่ 140 ไร่ บนทำเลศักยภาพติดถนนรังสิต – นครนายก คลอง 1 ครบครันด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สวนขนาดใหญ่ สโมสร สระว่ายน้ำ ร้านค้า และตลาดในโครงการ ประกอบด้วยอาคารพาณิชย์, ทาวน์เฮาส์และบ้านแฝด ราคาตั้งแต่ 1.59 ล้านบาทต่อยูนิต จำนวนรวม 1,216 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 3,400 ล้านบาท
โครงการ เจ.เอส.พี. ซิตี้ บางปะกง ตั้งอยู่บนทำเลทองติดถนนบางปะกง-ฉะเชิงเทรา เนื้อที่โครงการขนาด 74 ไร่ พรั่งพร้อมด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวก ไม่ว่าจะเป็น สวนขนาดใหญ่ สโมสร สระว่ายน้ำ พร้อมด้วย โสธร ไนท์บาร์ซาร์ ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าโครงการ ภายในโครงการประกอบด้วยอาคารพาณิชย์, ทาวน์เฮาส์,บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว จำนวนรวม 553 ยูนิต ในราคาตั้งแต่ 1.59 ล้านบาท มีมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท
ทั้งนี้โดยจากการบุกตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งปีนั้นจะทำให้บริษัทฯ สามารถปิดการขายในปีนี้ตามเป้าที่ไว้ 3,000 ล้านบาท พร้อมด้วยยอดรับรู้รายได้อยู่ที่ประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 300% จากปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนการพัฒนาธุรกิจในปีหน้านั้น ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ซื้อที่ดินแปลงขนาดใหญ่จำนวน 160 ไร่ มูลค่ากว่า 1,300 ล้านบาท ที่ บางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเตรียมพัฒนาเป็นโครงการเชิงพาณิชย์แนวราบขนาดใหญ่พร้อมคอนโดมิเนียมริมทะเล รองรับการขยายตัวของระบบสาธารณูปโภคในอนาคตที่จะขยายตัวมายังโซนภาคตะวันออก ซึ่งจะกลายเป็นทำเลที่เป็น Super Infrastructure ของประเทศที่เป็นทั้งเมืองท่าและจุดศูนย์กลางของสนามบินและท่าเรือขนาดใหญ่ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ
“ถึงแม้ว่าในปีนี้และปีหน้าแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะไม่สดใสมากนัก แต่ด้วยกลยุทธ์การเติบโตของบริษัทฯ ที่มีแผนการรองรับไม่ว่าจะเป็นจุดแข็งในด้านการพัฒนาโครงการที่เน้นโครงการขนาดใหญ่ ทำเลศักยภาพ และการก่อสร้างในปริมาณมาก เน้นคุณภาพ และความครบครันของระบบสาธารณูปโภค ภายใต้การบริหารต้นทุนที่ดี ทำให้สามารถขายได้ในราคาที่ไม่แพง เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพ ความสะดวกสบายและครบครัน เหล่านี้ล้วนเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทฯ สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้” ทนงศักดิ์ กล่าวย้ำในตอนท้าย