Best-Western-Premier-Collection-Bluphere-Pattaya

Habitat Group ประกาศชู 5 กลยุทธ์ เสริมแกร่งผู้นำ “Lifestyle Investment”, เพิ่มพันธมิตรใหม่, ขยายไลน์สู่เซกเม้นท์ใหม่ กลาง – บน, จุดเด่นการออกแบบฟังก์ชั่น-ดีไซน์ แตกต่าง และทำเล เพื่อยกระดับความสำเร็จสู่เป้าหมายใหม่ ปี 2564

Best-Western-Premier-Bayphere-Pattaya-1
เร่งเพิ่มขีดการแข่งขันในทุก ๆ ด้าน เพื่อสร้างการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมปั้นโปรดักส์ใหม่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนที่จะมาพร้อมกับบริการรูปแบบใหม่และโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ ตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคหลังโควิด สานต่อการพัฒนาโครงการ “Lifestyle Investment” ดึงแบรนด์โรงแรมระดับโลกเข้าร่วมบริหารจัดการ เผยปี 2563 โชว์ผลงานสวนกระแสตลาด ดันยอดรับรู้รายได้กว่า 2,000 ล้านบาท เติบโต 200% มองตลาดอสังหาฯปี 2564 ฟื้นตัวดีขึ้น หลังมีข่าวความคืบหน้าวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 สำเร็จ ซึ่งจะส่งผลบวกให้กับเศรษฐกิจทั่วโลกรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน

Habitat Group
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด ผู้นำด้านการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับพรีเมี่ยมเพื่อการลงทุนของไทย เปิดเผยว่า ในปี 2563 ที่ผ่านมานับเป็นปีที่ดีมากสำหรับ ฮาบิแทท กรุ๊ป ซึ่งสวนทางกับภาวะตลาดอสังหาฯ โดยรวมที่ได้รับผลกระทบจากการเผชิญกับความท้าทายในหลายๆเรื่อง อาทิ วิกฤตโควิด-19 และเศรษฐกิจในภาพรวมชะลอตัวส่งผลต่อภาวะตลาดอสังหาฯให้ชะลอตัวลงตาม คาดว่าเมื่อจบสิ้นปีนี้ บริษัทฯจะมียอดขายรวมเติบโตอยู่ที่ 1,800 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้เติบโตมากกว่าเท่าตัวจากปี2562 หรือคิดเป็นรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท

ความสำเร็จในปี 2563 ที่เกิดขึ้นนั้น มองว่ามาจากกลยุทธ์การวางโพซิชั่นที่ชัดเจนมาตั้งแต่เริ่มต้น ด้วยการพัฒนาโครงการในกลุ่ม Lifestyle Investment คือเน้นพัฒนาโครงการอสังหาฯ เพื่อการลงทุน และมีรายได้จากการบริหารโรงแรม โดยเฉพาะในทำเลพัทยาสามารถทำรายได้เป็นที่น่าพอใจ นั่นเป็นเพราะโพรดักส์ของบริษัทฯ ตอบโจทย์การเป็น Vacation Home ได้ด้วย สอดรับไปกับเทรนด์การพักผ่อนและการเดินทางท่องเที่ยวระยะใกล้จากกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นหลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง

สำหรับแผนงานในปี 2564 ฮาบิแทท กรุ๊ป จะผลักดันสินค้าในกลุ่ม Lifestyle Investment ต่อเนื่อง โดยยังมีบริษัทในเครือ ฮาบิแทท ฮอสพิทัลลิตี้ เป็นกำลังหลักในการดูแลผลตอบแทนของนักลงทุนและทำงานใกล้ชิดกับแบรนด์ต่างๆ ด้านการบริหารจัดการ ตลอดจนพัฒนาโครงการที่เข้ามาตอบโจทย์เทรนด์ Vacation Home ให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งโพรดักส์ที่เป็น Branded Residence จะเติบโตได้ดีมาก รวมทั้งศึกษาตลาดที่จะเป็นโอกาสใหม่ ๆ สำหรับปีหน้าและในอนาคต โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ

ส่วนทำเลหลักๆ จะยังคงเป็นที่กรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งจุดเด่นของพัทยา คือการได้รับปัจจัยหนุนจากการท่องเที่ยวระยะใกล้ รวมถึงการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาเอง และแหล่งใกล้เคียง รวมถึงได้รับอานิสงค์จากการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อขานรับกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) อีกด้วย

แนวโน้มการเติบโตของตลาดในกลุ่มอสังหาฯ เพื่อการลงทุน คาดว่าน่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง หรือราว 20-30% กลุ่มนักลงทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์อสังหาฯ ก็เติบโตขึ้นเช่นกัน โดยการลงทุนในอสังหาฯ จะมีความเสี่ยงต่ำ ส่วนผลตอบแทนที่ให้แม้อาจจะไม่สูงเท่าการลงทุนในหุ้นแต่ก็เป็นการสร้างรายได้สม่ำเสมอ (passive income) ให้กับผู้ลงทุน ขณะเดียวกันในระยะยาวยังจะให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาอสังหาฯ ที่เติบโตขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้ เทรนด์การลงทุนในอสังหาฯ ก็เริ่มเปลี่ยนไปจากการซื้ออสังหาฯ เพื่อปล่อยเช่าแบบเดิม ๆ ที่มีการแข่งขันสูงและแข่งตัดราคากันมาก มาเป็นการเลือกลงทุนในอสังหาฯ ที่ทำให้ผู้ลงทุนเป็นเหมือนเจ้าของโรงแรมเอง มีการบริหารจัดการด้วยมืออาชีพเพื่อสามารถสร้างรายได้ประจำในระยะยาวให้แก่นักลงทุนหรือผู้ซื้อ

“ในกลุ่ม Lifestyle Investment พัทยา เรา Sold out ไปหมดแล้ว ขณะนี้ยังมีโครงการรามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา ที่ปัจจุบันขายได้แล้วกว่า 80% และยังจะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยยังเน้นแบรนด์โรงแรมต่างประเทศเข้ามาบริหารเช่นเดิม ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ กำลังอยู่ระหว่างสำรวจตลาดและเลือกทำเลที่เหมาะสม เน้นเซกเม้นท์กลาง-บนทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งโปรดักส์ใหม่คือ อสังหาริมทรพย์เพื่อการลงทุนและโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพื่อการก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดใหม่ ๆ คาดว่าอาจจะมีความชัดเจนมากขึ้นในครึ่งปีหลังปี 2564”

โดยตลาดแนวราบนั้น มองว่ายังไปได้ดี ทำให้ตอนนี้ผู้พัฒนาโครงการหลายรายหันไปบุกแนวราบกันมากขึ้น ดังนั้นปีหน้าการแข่งขันก็จะสูงขึ้น เพราะฉะนั้น การออกสินค้าใหม่ของ ฮาบิแทท กรุ๊ป จะต้องแข่งขันได้ด้วยการสร้างความแตกต่าง ซึ่งการสร้างความแตกต่างถือเป็นกลยุทธ์และเป็นจุดเด่นของบริษัทฯ มาโดยตลอด และการจับกลุ่มลูกค้านิช มาร์เก็ต ไม่ว่าจะแตกต่างด้วยเรื่องการดีไซน์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และการบริการที่เหนือกว่าบริการจากผู้ประกอบการรายอื่น ๆ และได้เล็งเห็นว่าเทรนด์สุขภาพหลังโควิด-19 กำลังเติบโต โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีบริการด้าน Wellness กำลังเป็นเทรนด์ที่น่าสนใจ

นอกจากนั้นในปีหน้า ฮาบิแทท กรุ๊ป ยังรุกในการทำงานร่วมกับพันธมิตรใหม่ ๆ ทั้งที่เป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับโลกที่จะมีเข้ามาเสริมทัพมากขึ้น และกลุ่มพันธมิตรที่เป็นกองทุนที่ลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จะเข้ามาทำงานร่วมกัน รวมถึงพันธมิตรอื่นๆ อย่างกองทุนจากต่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญด้านเฉพาะด้านอย่าง Wellness เป็นต้น ทั้งนี้ ฮาบิแทท กรุ๊ป เชื่อว่า เพราะธุรกิจอสังหาฯปัจจุบันต้องใช้ทุนการพัฒนาโครงการที่มากขึ้น ดังนั้น เมื่อเทรนด์เปลี่ยนการทำธุรกิจจึงต้องปรับเปลี่ยนให้รวดเร็วและให้เหมาะสมกับสถานการณ์มากที่สุด” นายชนินทร์กล่าว

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2564 นายชนินทร์ กล่าวว่า จะฟื้นตัวดีขึ้นจากปี 2563 ปัจจัยสำคัญที่เข้ามาหนุนตลาดคือ การพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้สำเร็จ และตอนนี้เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้นและเริ่มนำมาใช้กับมนุษย์แล้ว เป็นการส่งสัญญาณในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งในประเทศไทยที่เศรษฐกิจจะมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้ Sentiment  ของตลาดน่าจะดีขึ้นจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน ความมั่นใจเริ่มกลับมา การเดินทางเริ่มมีมากขึ้น และต่างชาติเริ่มให้ความสนใจกับประเทศไทยซึ่งจัดว่ามีความปลอดภัยและมีการจัดการกับโควิด-19 ได้ดี ย่อมส่งผลดีต่อตลาดอสังหาฯ โดยเฉพาะในครึ่งหลังปี 2564 แต่การเติบโตในตลาดอสังหาฯ จะชัดเจนในปีถัดไปคือปี 2565 ส่วนการเปิดโครงการใหม่ ปีหน้าจะเริ่มเห็นมากขึ้นในกลุ่มตลาดที่ยังไปได้ดี โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการที่จะเข้าไปตอบโจทย์ชีวิตความเป็นอยู่หลังโควิด-19