Golden Land กวาดกำไร 9 เดือน ปี 2562 กว่า 1,724 ล้านบาท เติบโต 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อน มั่นใจรายได้ปี 62 ตามเป้าหมาย
Golden Land เผยผลประกอบการสำหรับรอบระยะเวลา 9 เดือน (1 มกราคม 2562 – 30 กันยายน 2562) มีรายได้รวมจำนวน 13,153 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิจำนวน 1,724 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากงวดเดียวกันของปีก่อนจากการเปิดตัวโครงการครอบคลุมทั้งกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด ยอมรับมาตรการ LTV กระทบกับการรับรู้รายได้ของบริษัทฯ เนื่องจากลูกค้ากู้สินเชื่อได้ยากขึ้น แต่บริษัทฯ ยังคงมั่นใจจะสามารถรับรู้รายได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากยังคงเดินหน้าเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยมีทำเลของโครงการ และราคาสินค้าตอบโจทย์ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีในทุกโครงการที่เปิดขาย
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาเฉพาะรายได้หลักจากการขายอสังหาริมทรัพย์งวด 9 เดือน (1 มกราคม 2562 – 30 กันยายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้ส่วนนี้รวม 11,760 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 1,478 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 14% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยประสบความสำเร็จทั้งโครงการใหม่ที่เริ่มเปิดขาย และเริ่มโอนในปี 2562 รวมถึง โครงการเดิมที่ยังขาย และโอนได้อย่างต่อเนื่อง โดยยอดโอนในรอบระยะเวลา 9 เดือน (1 มกราคม 2562 – 30 กันยายน 2562) เพิ่มขึ้น 172 หลัง หรือเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายบ้านราคามากกว่า 5-8 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ในขณะที่รายได้ค่าเช่าและอื่นๆ งวด 9 เดือน (1 มกราคม 2562 – 30 กันยายน 2562) บริษัทฯ มีรายได้ส่วนนี้รวม 1,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการรับรู้รายได้จากการให้เช่าในอาคารสำนักงานที่บริษัทฯ บริหารพื้นที่ ปัจจุบันมีอัตราการเช่าสูงกว่า 95% ทุกอาคาร รวมถึงรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจโรงแรม
ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ เปิดเผยว่า “ความสำเร็จของบริษัทฯ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ จนสามารถสร้างความนิยมของลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งบริษัทฯ ยังสามารถบริหารค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (1 มกราคม 2562 – 30 กันยายน 2562) เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายนี้ (1 ตุลาคม 2562 – 31 ธันวาคม 2562) บริษัทฯ ได้เตรียมเปิดโครงการรวม 8 โครงการ แบ่งเป็นทาวน์โฮม 5 โครงการ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 1 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 3,847 ล้านบาท รวมทั้งปี 2562 บริษัทฯ จะเปิดโครงการแนวราบทั้งสิ้น 23 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 31,498 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการทาวน์โฮม จำนวน 10 โครงการ โครงการนีโอโฮม (บ้านแฝด) จำนวน 6 โครงการ โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ และโครงการในต่างจังหวัด 4 โครงการ
นอกจากนี้ในส่วนโครงการเชิงพาณิชย์ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโครงการสามย่านมิตรทาวน์ในเดือนกันยายน 2562 ที่ผ่านมาได้รับความนิยมอย่างล้นหลามมียอดผู้ใช้บริการสูงเกินความคาดหมาย ปัจจุบันส่วนพลาซ่า (ค้าปลีก) มีผู้เช่าแล้ว 92% ส่วนอาคารสำนักงานมีอัตราเช่าพื้นที่แล้ว 70% ส่วนคอนโดมียอดขายแล้วกว่า 70% ของยูนิตที่เปิดขาย จึงยังมีความมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ทั้งนี้มีมุมมองต่อไตรมาส 4 ของปี 2562 ตลาดยังคงแข่งขันรุนแรง หลายบริษัทหันมาพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น สำหรับบริษัทฯ ช่วงเดียวกันนี้จะอยู่ในช่วงกระบวนการเตรียมควบรวมกับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เพื่อเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร (Fully Integrated Real Estate Developer) ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ทำให้เรากลายป็นบริษัทที่มีความสมดุลในการลงทุนครอบคลุมทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย (โครงการแนวราบ และคอนโดมิเนียมเพื่อขาย) อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ (อาคารสำนักงาน โรงแรม คอนโดมิเนียมให้เช่า เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ และศูนย์การค้า) และอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม (สวนอุตสาหกรรม คลังสินค้า และโรงงานให้เช่า)”