facilities-01

นายชาลี ลิม รองประธานกรรมการ บริษัท อีลิท พลัส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการคอนโดฯภายใต้แบรนด์ “อีลิท ศาลายา” เปิดเผยว่าภายหลังจากที่ประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายรองเท้า”บาโอจิ” และธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งนำเข้าและส่งออกสินค้าระหว่างประเทศไทยและจีน แล้ว มองว่าการที่ประเทศไทยได้เข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือAEC และเป็นศูนย์กลางในย่านAECด้วย ส่งผลให้มีนักลงทุนและท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะชาวจีน ที่เข้ามาท่องเที่ยว ,ลงทุน,ศึกษาและรักษาในโรงพยาบาลต่างๆในประเทศไทยถึงปีละประมาณ 10 ล้านคน และมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทุกปีๆละประมาณ 20-30% ซึ่งนั้นหมายถึงความต้องการด้านที่พักอาศัยที่จะต้องมีตามมา และโดยพฤติกรรมของชาวจีนจะนิยมซื้อที่พักอาศัยมากกว่าการเช่า เพราะหากในอนาคตไม่อยู่อาศัยก็สามารถปล่อยเช่าหรือขายต่อได้ ซึ่งอสังหาฯนับวันจะมีมูลค่าที่สูงขึ้น

facilities-02
ดังนั้นตนจึงมองเป็นโอกาสดังกล่าวด้วยการสนใจที่จะพัฒนาโครงการอสังหาฯเพื่อรองรับกลุ่มคนจีนและคนไทยที่ต้องการมองหาที่พักอาศัยสำหรับการพักอาศัยและลงทุน จึงได้ดึงนายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อดีตอธิบดีกรมที่ดิน ร่วมก่อตั้งบริษัท อีลิท พลัส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท เมื่อเดือนมกราคม 2558 ที่ผ่านมา โดยตนถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 55% นายอนุวัฒน์ สัดส่วน 10% และที่เหลืออีก 35% เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรคนไทยและคนจีน ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

facilities-03
โดยเริ่มจากการพัฒนาโครงการ”อีลิท ศาลายา”ตั้งอยู่ที่ต.ศาลายา ต.พุทธมณฑล จ.นครปฐม บนพื้นที่ 3 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร ขนนาด 25-50 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ยประมาณ 60,000 บาท/ตารางเมตร หรือยูนิตละประมาณ 1.37-3 ล้านบาท จำนวน 375 ยูนิต รวม 375 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนไทยและคนจีน ที่ซื้อเพื่อการลงทุนและอยู่อาศัย โดยจะเปิดรอบวีไอพีในวันที่ 4-5 มิถุนายน 2559 คาดว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าว จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 30% และจนถึงสิ้นปี2559 จะมียอดขายรวมประมาณ 80% เชื่อว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในไตรมาส2/2560 ปัจจุบันการพัฒนาโครงการเป็นการใช้เงินลงทุนส่วนตัวทั้งหมด แต่ในระยะยาวคงต้องใช้บริการจากสถาบันการเงินเพื่อสร้างเครดิตในระยะยาว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจากอยู่หลายสถาบันการเงิน แต่คาดว่าจะเป็นธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)

facilities-04
“เราต้องการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดให้ลูกค้า เพื่อเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ แม้จะเป็นน้องใหม่ในวงการ แต่การก่อสร้างจะเป็นการนำโนฮาวด์จากประเทศจีนเข้ามาใช้ ส่วนวัสดุก่อสร้างล้วนเป็นเกรดเอที่ได้รับความนิยม และที่สำคัญโครงการผ่านการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA)เป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในระยะเวลา 3 เดือน จึงสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี และการที่เราเลือกทำเลใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล เพราะมองว่าทำเลดังกล่าวไม่มีการแข่งขันสูงมาก แต่มีดีมานด์ และสามารถตอบโจททย์ลูกค้าได้ดี เชื่อว่าภายในระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี จะมีความเจริญเติบโตไม่แพ้ย่านสุขุมวิท เพราะนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล จะมีค่าครองชีพที่สูงกว่าและมีไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างจากนักศึกษาสถาบันอื่น ดังนั้นผู้ปกครองและนักศึกในสถาบันดังกล่าวจะมีกำลังซื้อที่อยู่อาศัยสูง”นายชาลี กล่าว

facilities-05
นายชาลี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ว่าปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจจะยังซบเซา แต่รัฐบาลก็ยังมีการลงทุนโครงข่ายระบบการคมนาคมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรถไฟฟ้าในหลายสาย ทำให้การคมนาคมสะดวกสบายยิ่งขึ้น และในทำเลที่ตั้งโครงการหลังจากที่มีการปรับผังสีใหม่จากสีเหลืองเป็นสีเขียว จะส่งผลให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาก่อสร้างที่พักอาศัยได้ไม่เกิน 5 ชั้น ซึ่งบริษัทฯโชคดีที่ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างก่อนที่จะมีการปรับผังสี จึงสามารถก่อสร้างได้ 8 ชั้น

facilities-06
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของบริษัทฯนับจากนี้จะรุกพัฒนาโครงการอสังหาฯอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 2-3 โครงการ ทั้งในรูปแบบแนวสูงและแนวราบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับศักยภาพของที่ดินที่ซื้อมา ซึ่งขณะนี้มีผู้นำที่ดินมาเสนอหลายราย ทั้งในเขตซีบีดีและย่านชานเมือง แต่ในระยะแรกบริษัทฯคงเน้นการพัฒนาโครงการในรูปแบบของคอนโดฯระดับกลาง ใกล้สถาบันการศึกษาหรือใกล้แนวรถไฟฟ้าก่อน โดยจะพัฒนาภายใต้แบรนด์ “อีลิท”เพื่อสร้างความจดจำให้กับผู้บริโภค

01-slide12
นอกจากนี้ตนยังมีแผนที่จะดึงผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ติดอันดับ1 ใน 10 จากประเทศจีนเข้ามาร่วมทุนพัฒนาโครงการด้วย ส่วนจะเป็นโครงการในทำเลไหนนั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้
อย่างไรก็ตามปัจจุบันกลุ่มของตนมีรายได้จากธุรกิจโลจิสติกส์ ในสัดส่วน 60% และรายได้จากธุรกิจรองเท้าบาโอจิ สัดส่วน 40% แต่ในอนาคตหลังจากนี้ 2 ปี ทางกลุ่มจะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาฯและโลจิสติกส์ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 30:30และที่เหลืออีกประมาณ 40% จะมาจากธุรกิจรองเท้าบาโอจิ