นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2560 เติบโต 5-10% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะมีรายได้เติบโต 10-20% จากปี 2558 ที่มีรายได้ 2,802.07 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปี 2559 ทำรายได้ประมาณ 2,224.36 ล้านบาท
รับทรัพย์โครงการเต็มมือ ขณะเดียวกันบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 2560 จะเติบโตราว 5% จากปี 2559 ที่มีโอกาสจะเติบโตได้มากกว่าเป้าหมาย 5% จากปี 2558 ที่ทำได้ราว 2,600-2,700 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีหลังปี 2559 บริษัทได้เปิดขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับบนทั้งหมด 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงปลายปีนี้ และโดยเฉพาะในไตรมาส 4/2559 ที่จะเข้ามาค่อนข้างมาก
สำหรับ 3 โครงการบ้านเดี่ยวระดับบนที่เปิดใหม่ในครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย โครงการ อิสสระ เรสซิเดนซ์ พระราม 9 มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท จำนวน 20 ยูนิต ราคาขาย 80-120 ล้าน โครงการบ้านอิสสระ บางนา มูลค่าโครงการ 2,600 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุนกับ บมจ.เนาวรัตน์พัฒนาการ (NWR) จำนวน 43 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 46 ล้านบาท และโครงการบ้านทิวทะเล ชะอำ เฟส 4 มูลค่าโครงการ 300 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทร่วมทุน คือ บริษัท อิสสระยูไนเต็ด จำกัด จำนวนทั้งหมด 11 ยูนิต ราคาขาย 30-50 ล้านบาทต่อยูนิต
ขณะที่ในปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ประมาณ 2,000-3,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 2560 และ 2561 แม้สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะค่อนข้างชะลอตัว แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากกลุ่มลูกค้าอยู่ในระดับบนที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 70% ธุรกิจให้เช่าโรงแรมและสำนักงานอีกราว 20-30%
เดินหน้าธุรกิจพลังงาน นายสงกรานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาโครงการอาคารสูงกลางเมือง ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่เพื่อเป็น แลนด์มาร์คอีกแห่งของกรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นได้ตั้งงบลงทุนซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการดังกล่าว และโครงการ อื่นๆ ในปี 2560 ไว้ที่ราว 1,000 ล้านบาท
“ขณะที่ช่วงที่ผ่านมา CI ได้เซ็นสัญญากับพันธมิตร บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) หรือ LOXLEY เพื่อลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน คาดจะใช้เวลาศึกษา 6 เดือน สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะเพื่อขายไฟฟ้าให้แก่ภาครัฐ ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแล้ว และอยู่ในขั้นตอนทางกฎหมาย เบื้องต้นหากมีการลงทุนคาดจะใช้เงินลงทุนราว 1 พันล้านบาท โดยบริษัทมีความพร้อมด้านการเงินที่เพียงพอในการพัฒนาโครงการ และคาดหวังในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจพลังงานเข้ามาสนับสนุนการเติบโต” นายสงกรานต์กล่าว
ที่มา : หนังสือพิมพ์ทันหุ้น