นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ท่ามกลางวิกฤตโรคระบาดที่เกิดขึ้นตลอด 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญกับภาวะซบเซา และส่งผลกระทบต่อเนื่องถึงกำลังซื้อของผู้บริโภคในหลายๆ เซกเตอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเราพบว่าความต้องการซื้อและเช่าในตลาดอสังหาฯ ยังมีอยู่ เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปตามสถานการณ์ หากเทียบกับสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ซึ่งในปีนั้นเศรษฐกิจไทยต้องเผชิญภาวะตกต่ำ แต่อสังหาริมทรัพย์โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มคอนโดมิเนียมกลับขายดีมาก ซึ่งวิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ก็คล้ายเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในแง่ที่อสังหาริมทรัพย์ไม่ได้ถูกทำลายลงไป เพียงแต่ทรานฟอร์มไปตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปตามสภาวะเวลา

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังถือเป็นหนึ่งคีย์สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จากข้อมูลศูนย์วิจัยกรุงศรีฯ ระบุว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่าตลาดคิดเป็นสัดส่วน 8% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบจำนวนมาก เกิดการจ้างงานและรายได้เพิ่มขึ้น พร้อมไปกับการสนับสนุนให้กับอุตสาหกรรมอื่น อาทิ ธุรกิจก่อสร้าง ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ธุรกิจสถาบันการเงิน ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า และธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และการตกแต่งได้เติบโตไปพร้อมกัน และหากย้อนกลับดูผลประกอบการของ 5 บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทย ยังพบการเติบโตของตัวเลขในอัตราที่เป็นบวก ซึ่งในส่วนของเอพี ไทยแลนด์คาดว่าในปี 2564 บริษัทฯ จะมียอดโอนอสังหาริมทรัพย์มากที่สุดในตลาดประมาณ 40,000 ล้านบาท ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นว่า “ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย” ยังคงเป็นธุรกิจหลักที่นำพาให้อุตสาหกรรมนี้สามารถขับเคลื่อนผ่านวิกฤตในทุกยุคสมัยมาได้อย่างสวยงาม

2021 AP THAILAND GROWTH THROUGH EMPOWER LIVING
สำหรับปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่เอพี ไทยแลนด์สามารถฝ่าฟันวิกฤตการณ์มาได้ ถือเป็นปีแห่งความแข็งแกร่ง และยังคงสามารถรักษาการเติบโตท่ามกลางการ Reset ครั้งใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้  3 กลยุทธ์สำคัญที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ได้แก่

  1. การบริหารจัดการพอร์ตสินค้าพร้อมขาย ให้กระจายไปในหลากหลายทำเล เพื่อสร้างโอกาสและความได้เปรียบในการแข่งขันที่มากกว่า โดยในปีที่ผ่านมาเอพีมีโครงการมากกว่า 117 โครงการ กระจายขายทั่วประเทศไทย และสามารถสร้างยอดขายได้มากถึง 35,050 ล้านบาท โดยสินค้าแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมยังคงเป็นแรงสำคัญในการสร้างการเติบโต นอกจากนั้น ยังสามารถปิดการขายโครงการแนวราบได้จำนวนมาก
  2. Cash Flow Management        การบริหารจัดการกระแสเงินสด ตลอดระยะเวลาของการเผชิญวิกฤตการณ์โรคระบาด บริษัทฯ คงรักษาเสถียรภาพทางการเงินได้อย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนต่ำลงอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 64 บริษัทฯ มีสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ต่ำเพียง 0.58 เท่า
  3. Digital Competency การสร้างความได้เปรียบด้วย Digital ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโรดแมพสำคัญที่เอพีใช้เป็นคีย์ในการเคลื่อนธุรกิจท่ามกลาง   การเปลี่ยนแปลงมาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ Touchpoint ของการดำเนินธุรกิจ ทั้งกับลูกค้า คู่ค้า พนักงาน

ควบคู่กับการเอ็มพาวเวอร์สังคม เพื่อกลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง กับโครงการ SAVE LIVES, PROTECT PEOPLE – เอพี เซฟชีวิต เซฟสังคม กับหลากหลายภารกิจลงพื้นที่ เพื่อหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับกลุ่มคนที่อาจยังถูกมองข้าม หรือโครงการ NEIGHBOR SERVICE มาร์เก็ตเพลสสร้างรายได้รูปแบบใหม่ หนึ่งเดียวในไทยที่เป็นศูนย์กลางซื้อ-ขาย สินค้าในรูปแบบของ ‘ความสามารถพิเศษ’ เพื่อคนไทยในทุกไลฟ์สไตล์ใช้งานแพลตฟอร์มได้ฟรี! โดยไม่จำกัดต้องเป็นลูกค้าเอพีเท่านั้น

AP THAILAND BREAKTHROUGH 2022   
เอพี ไทยแลนด์พุ่งทะยานไปต่อ BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัดสร้างความต่างที่เหนือกว่าให้กับวิถีชีวิตใหม่

  นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่า บริษัทฯ วางปี 2565 เป็นที่สุดแห่งปี กับการพุ่งทะยานไปต่อ BREAKTHROUGH ทุกข้อจำกัดสร้างความต่างที่เหนือกว่าให้กับวิถีชีวิตใหม่ ด้วยการต่อยอดความสำเร็จจากสินค้ากลุ่มบ้านเดี่ยว พร้อมเตรียมเปิด Big Surprise กล่องใหญ่และใหม่ล่าสุดให้กับสินค้ากลุ่มทาวน์โฮม และเตรียม Boost Up ตลาดคอนโดมิเนียมให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ควบคู่นวัตกรรมดีไซน์ที่นำมาสู่การเติบโตที่ยั่งยืนบนความท้าทายของโลกใหม่ รวมถึงในปีนี้เอพียังมีแผนขยายสินค้าแนวราบจำนวนมากไปยังทำเลเขตปริมณฑล อย่างสมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี เพื่อตอบกลุ่มเป้าหมายที่กว้างมากขึ้นอีกด้วย

โดยในปี 2565 จะเป็นปีที่เอพี ไทยแลนด์มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดในอุตสาหกรรม โดยวันนี้เอพี  มีแผนเปิดตัวแล้วทั้งสิ้น 65 โครงการ มูลค่ากว่า 78,000 ล้านบาท ถือเป็นจำนวนโครงการใหม่ที่มากที่สุดตั้งแต่เคยดำเนินธุรกิจมา แบ่งเป็นทาวน์โฮม 29 โครงการ มูลค่า 25,200 ล้านบาท บ้านเดี่ยวจำนวน   26 โครงการ มูลค่า 35,600 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาท  ส่งผลให้ทั้งปีเอพีจะมีโครงการพร้อมขายทั้งกทม.และต่างจังหวัดมากกว่าถึง 182 โครงการ มูลค่ากว่า 149,000 ล้านบาท โดยตั้งเป้ายอดขาย 50,0000 ล้านบาท  เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 47,000 ล้านบาท

โดยไฮไลต์ที่น่าสนใจในปีนี้ คือการพลิกวิธีคิดในการพัฒนาทาวน์โฮมในเมืองเครือเอพีใหม่ทั้งหมด เพื่อครองภาพการเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม ภายใต้แนวคิด “Unlock ชีวิตคนเมืองกับทาวน์โฮมเอพี  พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกได้” ด้วยเป้าหมายการเติบโตที่มากขึ้นกว่า 30% โดย Big Surprise ที่จะมาเขย่าตลาดทาวน์โฮมในทุกเซกเมนต์ ประกอบด้วย

Image 1/6
Slide20

Slide20

  1. การเปิดตัว 20 แบบบ้านใหม่ จาก 6 แบรนด์ทาวน์โฮมคุณภาพ ที่พลิกโฉมใหม่หมด ทั้งมิติงานสถาปัตยกรรมและสเปซภายใน เพื่อเดินหน้าปลดล็อกประสบการณ์ของการอยู่อาศัยในทาวน์โฮมแบบเดิมๆ
  2. เตรียมกินแชร์ตลาดบ้านแฝด 3 ชั้นและ 2 ชั้นเพิ่มขึ้น     ชูจุดขายด้วยบ้านหน้ากว้างสูงสุด 11 เมตร แบรนด์บ้านกลางเมือง The Edition และแกรนด์ พลีโน่
  3. บุกตลาดทาวน์โฮม 2 ชั้นในเขตปริมณฑล ด้วยแบรนด์น้องใหม่ PLENO TOWN  เริ่ม 1.89 ล้านบาท

ในส่วนธุรกิจบ้านเดี่ยว เรายังเดินหน้าตามแผนครองความเป็นผู้นำในธุรกิจบ้านเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้บ้านเดี่ยวเครือเอพีครองความแข็งแกร่งและเติบโตในทุกเซกเมนต์ ด้วยส่วนแบ่งตลาด (Market Share) มากสุดเป็นอันดับ 1 ด้วยจำนวนยูนิตที่ขายได้มากสุดในตลาดบ้านเดี่ยวในเมืองและปริมณฑล (รอบปี 2558 – ครึ่งแรกปี 2564)  ผ่าน 3 แบรนด์คุณภาพ ได้แก่ THE PALAZZO คฤหาสน์หรูในเซกเมนต์ซูเปอร์ลักชัวรี่ THE CITY บ้านเดี่ยวดีไซน์ใหม่เซกเมนต์ไฮเอนด์ และ CENTRO บ้านเดี่ยวดีไซน์โมเดิร์นสำหรับการเริ่มต้นครอบครัวเซกเมนต์กลางบน และในปีนี้เอพีจะต่อยอดความชำนาญด้วยการบุกไปยังตลาดใหม่ในพื้นที่เขตปริมณฑล อย่างสมุทรสาคร และสมุทรปราการ ด้วยการเปิดตัวสินค้าใหม่ บ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาท ภายใต้ชื่อแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งเจาะกลุ่ม Gen M และ Gen Z กับแบบบ้านดีไซน์ใหม่

Image 1/3
Slide27

Slide27

พร้อมเตรียมปลุกกระแสความปัง ทวงคืนภาพผู้นำคอนโดมิเนียมในเมือง ด้วยแผนเดินหน้าเปิดตัว 5 คอนโดมิเนียมใหม่ มูลค่า 13,000 ล้านบาท ชู ASPIRE เป็น Fighting Brand หลักบุกลุยตลาดแมส ด้วยจุดยืน LIVE AS YOU ASPIRE อิสระในทุกมิติของชีวิตกับ 3 จุดขาย Modular Layout พื้นที่ชีวิตที่พร้อมปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ The Best of ‘ME’ Space พื้นที่ส่วนกลางที่ตอบทุกตัวตน Entry-Level Price ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเริ่มต้น 84,000 บาท/ตร.ม. ใน 4 ทำเล

  1. Aspire ปิ่นเกล้า-อรุณอมรินทร์ ซึ่งพร้อมเปิดพรีเซลในวันที่ 19-20 มีนาคมนี้
  2. Aspire รัชโยธิน
  3. Aspire สุขุมวิท-พระราม 4
  4. Aspire อ่อนนุช สเตชั่น
  5. LIFE พหล-ลาดพร้าว
    นอกจากนั้นในปีนี้ยังเตรียมอวดโฉม  3  คอนโดพร้อมอยู่ ที่ตอบทุกเซกเมนต์กับ 1) RHYTHM  เอกมัย เอสเตท    2) LIFE สาทร เชียร์ร่า  3) ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม

Image 1/5
Slide31

Slide31

“ตลาดคอนโดถือว่าได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว แต่ยังคงต้องดูในปีหน้าว่าจะกลับมาเติบโตมากน้อยเพียงใด แต่เชื่อว่าปี 65 เราจะเริ่มเห็นบางเซกเมนต์ที่ดีขึ้น อย่างเซกเมนต์กลางถึงกลางล่าง และถ้ากิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ปกติ การจราจรกลับมาติดขัดเหมือนเดิม น่าเป็นโอกาสที่ดีที่มีต่อตลาดคอนโด แน่นอนว่า บทเรียนที่เราเรียนรู้มาตลอด 2 ปีของการแพร่ระบาด วิธีการทุกอย่างที่เราเคยทำและเรียนรู้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วทั้งสิ้น เรายังคงต้องเผชิญอยู่กับความท้าทายใหม่ๆ โรคระบาดยังคงอยู่กับเราอย่างเลี่ยงไม่ได้ คาดว่าครึ่งปีแรกของปี 65 น่าจะยังคงไม่ต่างจากปีนี้ แต่เชื่อว่าช่วงครึ่งปีหลังปี 65 ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวัง โลกรับมือกับโอมิครอนได้ดีขึ้น ยารักษาผลิตออกมาใช้งานได้จริง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจทั่วโลกน่าจะดีขึ้นเป็นลำดับ” นายวิทการ กล่าวทิ้งท้าย

บริษัทฯ ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการกระแสเงินสด ภายใต้พันธกิจใหญ่ขององค์กร ‘EMPOWER LIVING’ ที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมาย

ข้อมูลเพิ่มเติม
บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ในปี 2565 รวมทั้งสิ้นจำนวน 65 โครงการ มูลค่าประมาณ 78,000 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นโครงการแนวราบจำนวน 55 โครงการ มูลค่าประมาณ 60,800 ล้านบาท คอนโดมิเนียมจำนวน 5 โครงการ มูลค่าประมาณ 13,000 ล้านบาท และโครงการในต่างจังหวัด จำนวน 5 โครงการ มูลค่า 4,200 ล้านบาทโดยตั้งเป้ายอดขาย 50,000 ล้านบาท เป้ารายได้รวม 100% JV ที่ 47,000 ล้านบาท