Ananda Development หรือ ANAN ผู้นำแห่งวงการพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับคนเมือง ครองตำแหน่งผู้นำตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า โชว์วิสัยทัศน์ “การปรับตัวสู่สังคมดิจิทัลของอสังหาฯไทย” เตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสู่โลกแห่งเทคโนโลยี และนวัตกรรม พร้อมยกระดับมาตรฐานการขับเคลื่อนองค์กรและโครงการต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพัฒนาของประเทศไทยขึ้นอยู่กับการลงทุนของภาครัฐในโครงสร้างพื้นฐาน *ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์20 ปี ประกอบด้วยแผนพัฒนาเศรษฐกิจและแผนพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยระยะ 20 ปี (2560-2579) วงเงินรวมกว่า 8.95 แสนล้านบาท มีทั้งการพัฒนารถไฟฟ้า รถไฟชานเมือง รถไฟรางคู่ ทางด่วนและมอเตอร์เวย์ รวมถึงโครงการคมนาคมทางน้ำ โครงการพัฒนาศูนย์ขนถ่ายสินค้า และสนามบิน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ อาทิ โซนนอกเขตศูนย์กลางธุรกิจ (City Fringe) ของกรุงเทพฯ เขตชานเมือง รวมถึงต่างจังหวัดโดยเฉพาะเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งผู้ประกอบการหลายรายรุกคืบเข้าสู่พื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยองเพื่อเปิดโครงการใหม่รองรับความต้องการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ซึ่งนับตั้งแต่กรุงเทพฯ เปิดให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสเมื่อปี 2542 และต่อมารถไฟฟ้าใต้ดินเปิดให้บริการในปี 2547 จากวันนั้นการให้บริการยังกระจุกตัวอยู่ใจกลางเมือง วันนี้เส้นทางรถไฟฟ้าเริ่มขยายออกรอบนอกเมือง และคาดการณ์ว่าในปีนี้ **กรุงเทพฯ จะมีรถไฟฟ้า 5 สาย 87 สถานี รวมระยะทาง 121.6 กิโลเมตร ซึ่งสิ่งที่มาพร้อมกับการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า คือ การเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างเมือง และตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยทำเลตามแนวรถไฟฟ้ากลายเป็นทำเลทอง ยิ่งใจกลางเมืองก็ยิ่งเป็นทำเลทองฝังเพชรที่นับวันราคาที่ดินมีแต่จะพุ่งขึ้นมหาศาล ทั้งยังเปลี่ยนวิถีชีวิต และรูปแบบการอยู่อาศัยของคนในเมือง ให้กลายเป็น “Vertical Living” หรือการอยู่อาศัยในแนวดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ และในปี 2570 เป็นปีสุดท้ายของแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ เมื่อถึงเวลานั้นกรุงเทพฯ จะมีรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 11 สาย 297 สถานี ระยะทางรวม 466.1 กิโลเมตร

โดยแผนธุรกิจ (Business Model) ของอนันดาฯ สืบเนื่องมาจากการพัฒนาของระบบรถไฟฟ้าเช่นกัน ซึ่งในอนาคตประชากรจะย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมากขึ้น ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนก็จะเพิ่มมากขึ้น ปัญหาการจราจรติดขัดยิ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เวลาและค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่จะเสียไปกับการเดินทาง อนันดาฯ ตระหนักและเข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเป็นอย่างดี และถือเป็นความท้าทายที่จะมุ่งมั่นสู่ Urban Living Solutions ที่เป็นปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ซึ่งการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพบนทำเลศักยภาพสูงและมีความสะดวกสบายในการเดินทางจะช่วยให้ค่าใช้จ่ายในการเดินทางถูกลงพร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อนำไปเป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่อาศัยที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย และสะดวกสบายสู่คุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของคนเมือง

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการรอบด้านของผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้ตั้งแต่ขั้นตอนของการก่อสร้าง การบริการหลังการขาย สิ่งอำนวยความสะดวกสบายสำหรับประจำวันภายในบ้านด้านต่างๆเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและเพิ่มคุณค่าให้กับโครงการมากยิ่งขึ้น ดังเช่นแนวคิดในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจสู่ UrbanTech ของอนันดาฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสู่ความเปลี่ยนแปลงด้านบวกของโลกผ่านกระบวนการคิดแบบก้าวกระโดด ซึ่งเป็นความท้าทายระดับโลก การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสามารถเปลี่ยนโฉมทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้อย่างคาดไม่ถึง                 โดยผู้ประกอบการต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อให้ทัน และสร้างรากฐานธุรกิจอสังหาฯ เติบโตไปเรื่อยๆ และไม่หยุดนิ่ง เป็นการลดต้นทุนแต่ยังสร้างคุณค่าให้กับสิ่งแวดล้อม และต้องยอมรับว่าเทรนด์โลกปัจจุบัน นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามามีส่วนในการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยไม่ว่าจะเป็น เทคโนโลยีที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligent) หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า AI  ถือเป็นความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างในทุก ๆ ด้าน ***มีการคาดการณ์ว่า AI จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้วขยายตัวได้ถึง 1.7 เท่า ในปี 2578 และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานโลกได้ถึง 30-40% โดยแวดวงที่ AI เริ่มเข้ามาเกี่ยวข้องในปัจจุบัน ได้แก่ แวดวงการเงิน แวดวงการแพทย์ และแวดวงธุรกิจ โดยมีการใช้ AI จัดเก็บข้อมูลเพื่อรับทราบพฤติกรรมมนุษย์ นำไปสู่การนำเสนอสินค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย

“เราคาดว่าในระยะเวลา 5-10 ปีต่อจากนี้ เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้าและพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว และยังมีผลต่อกระบวนการก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็น วิธีการก่อสร้าง การออกแบบ สิ่งอำนวยความสะดวก ฯลฯ ที่จะเข้ามาบูรณาการการใช้ชีวิต สร้างสรรค์นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดเวลา มีนวัตกรรมที่ช่วยดูแลสุขภาพ ช่วยดูแลเด็กและผู้สูงอายุ เรียกว่าเทคโนโลยีจะเข้าไปมีบทบาทในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต” นายชานนท์ กล่าว

ส่งผลให้ยุทธศาสตร์การลงทุนและแผนการดำเนินงานของบริษัท ต้องมีการปรับตัวและพัฒนาตัวเองอยู่เสมอให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด  โดยเทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยอันดับแรกๆ ที่ผู้นำทางธุรกิจจะเลือกใช้เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตน   และจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่โครงการที่อยู่อาศัยจะมีการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่เป็นแค่วัสดุในรูปทรงนั้นๆ ในสถานที่นั้นๆ สู่สิ่งที่สามารถอำนวยความสะดวกและกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของคนในชุมชนเมือง