หลังจากเหนื่อยเมื่อยล้ากับงานกันมาแล้วทั้งอาทิตย์ วันนี้ Think of Living ขอพาไปดูอะไรเบาๆ อย่าง “21 Interesting House Styles Around the World: รวม 21 แบบบ้านน่าสนใจทั่วโลก” จากการรวมรวมของ Rubberbond.co.uk ส่วนจะมีบ้านแบบไหนบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยยยยยยย 😉
Europe
Chalet: Alpine Region
กระท่อมไม้บนภูเขา พบประเทศที่อยู่ตามแนวเทือกเขา Alp อย่างเช่น Switzerland (ถ้าใครเคยดูเรื่อง Heidi คงจำกันได้) หลังคาจะแผ่ปีกกว้างลงมา ชายคาจะรับมุมกันอย่างสวยงาม
Geodestic Dome Home: Norway & Austria
Geodestic Dome มีต้นกำเนิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง R.Buckminster นำมาพัฒนาที่หลัง ตัวโครงสร้างของโดมเกิดจากการนำเอาสามเหลี่ยมมาประกอบกัน จุดเด่นคือเบาและประหยัดพลังงาน
Hall House: The UK
บ้านสไตล์พื้นเมือง พบตามชนบทของอังกฤษ Wales และ Scotland สถาปัตยกรรมแบบนี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่ยุคกลาง กำแพงบ้านจะถูกตกแต่งด้วยกรอบไม้ อย่างที่เห็นในรูป ตัวตึกก่อด้วยโคลน หรือดินเหนียว ในบ้านของขุนนางที่มีฐานะหน่อยกำแพงจะก่อด้วยหิน
Izba: Russia
บ้านไม้ตามชนบทของรัสเซีย พบในพื้นที่เกษตรกรรม ตัวบ้านคล้ายๆ กับการนำเอาท่อนซุงมาประกอบกัน ทีแรกก็เป็นแค่บ้านพักในฟาร์ม ก่อนที่จะมีการนำมาดัดแปลงให้เป็นบ้านที่อยู่ได้จริงๆ
Round House: British Isles
Floor Plan ของบ้านเป็นวงกลม มีต้นกำเนิดจากยุโรปตะวันตก ปัจจุบันช่วงปลายศตวรรษที่ 20 เริ่มมีการสร้างบ้านแบบนี้ ให้เป็นแนว eco-friendly
Trullo: Murge Area of Apulia, Italy
กระท่อมสไตล์อิตาลี ที่มีหลังคาคล้ายกับโคนของไอศครีม เริ่มแรกถูกสร้างขึ้นเพื่อเก็บของ แต่ปัจจุบันกลายเป็นที่นิยม เพราะชาวยุโรปหลายคนเริ่มซื่อมา Trullo เก่ามารีโนเวท
North America
A-Frame: America
บ้านสามเหลี่ยมมุมแหลม ที่มองยังไงก็เหมือนตัว A พัฒนาจากแบบบ้านในเอเชียและยุโรป แต่เริ่มเป็นที่นิยมในอเมริกาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะคนชอบนำบ้านทรง A ไปสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศ
Barndominium: Rural Area of America
โรงนา (Barn) ที่ถูกดัดแปลงให้เป็นที่อยู่อาศัย ตัวอาคารทำจากเหล็กและมุงด้วยหลังคาเมทัลชีท พบมากแถบ Texas และ Connecticut
Cape Cod: New England, America
บ้านสไตล์อังกฤษ มีต้นกำเนิดใน New England ช่วงศตวรรษที่ 17 เนื่องจากอากาศแถวนั้นค่อนข้างหนาวขั้นรุนแรง ตัวบ้านจะมีปล่องไฟอยู่ตรงกลาง เพื่อช่วยในการรักษาความร้อนไว้ในบ้าน
Chattel House: West Indies Barbados
บ้านไม้ชั่วคราวที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับคนงานในยุคแรกๆ ตัวบ้านสามารถเคลื่อนย้ายไปวางไว้ที่ไหนก็ได้
Conch House: Key West, Florida
บ้านไม้ที่ได้แนวคิดจากชาวบาฮามัส ที่อพยพเข้ามาใน Key West, Florida เริ่มต้นพัฒนาในยุคศตวรรษที่ 19 พื้นบ้านถูกยกให้สูงขึ้น เพื่อถ่ายเทอากาศเข้ามา
Octagon House: North America, Canada
บ้านทรงแปดเหลี่ยม หลังคาแบน และมีระเบียงล้อมรอบ เป็นที่นิยมในอเมริกาและแคนาดาช่วงปีค.ศ. 1850
Sears Catalogue Home: America
แบบบ้านสำเร็จรูปของ Sears, Roebuck and Company บริษัทค้าปลีกรายใหญ่ในอเมริกา เริ่มเข้ามาในปีค.ศ. 1908 ถือเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นยุคแรกๆ ที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ในบ้าน
Shotgun House: New Orleans
บ้านหน้าแคบทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก ขนาดไม่เกิน 3.5 เมตร พบมากทางตอนใต้ของอเมริกา นิยมในหมู่ชนชั้นกลางและชนชั้นแรงงาน พวกเขาชอบบ้านสไตล์นี้มาก จนกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความยากจนในกลางศตวรรษที่ 20
Bay-And-Gable: Toronto, Canada
จุดเด่นของบ้านคือหน้าต่างบานใหญ่ด้านหน้า และหลังคาหน้าจั่ว เพดานที่เปิดให้สูงขึ้นกว่าบ้านทั่วไป ผสานฟังก์ชั่นกับหน้าต่าง ทำให้แสงเข้าบ้านได้เต็มที่ นิยมสร้างแถว Toronto, Canada ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19-20
Igloo: Canada’s Central Artic
ที่พักอาศัยของชาวเอสกิโม วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างนั้นก็คือน้ำแข็งซึ่งถูกตัดเป็นก้อนสี่เหลี่ยมให้มีขนาดที่เหมาะสมแล้วนำไปวางซ้อนกันเป็นชั้นๆเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะมีลักษณะคล้ายโดม โดยเจาะทางเข้าไว้ที่ระดับต่ำเพื่อป้องกันลมหนาวจากภายนอกพัดเข้ามาด้านใน ภายในจะมีหนังสัตว์ขึงไว้ที่ผนังเพื่อใช้เป็นฉนวนสำหรับกักเก็บความร้อนที่เกิดจากการจุดตะเกียงหรือความร้อนจากร่างกายมนุษย์ ซึ่งหลักการสร้างเหล่านี้อาจทำให้อุณหภูมิด้านในอิกลูมีค่าระหว่าง -7 – 16 C โดยอาศัยเพียงการปรับอุณหภูมิกายอย่างเดียว ขณะที่ภายนอกนั้นอุณหภูมิอาจต่ำถึง -45 C
Asia
Hanok: Korea
บ้านโบราณของเกาหลี เรียกว่า Hanok สถาปนิกของเขาเก่งมากๆ สามารถออกแบบบ้านให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ หลักการของบ้านคือ “Baesannimsu” หมายถึงบ้านในอุดมคติที่มีแม่น้ำไหลผ่านหน้าบ้าน และภูเขาอยู่ล้อมหลังบ้าน
Floor Plan ของบ้านจะแตกต่างกันตามสภาพภูมิอากาศและภูมิประเทศ เช่นในภาคเหนือที่อากาศหนาว บ้านจะเป็นสี่เหลี่ยม เพราะเชื่อว่าสามารถกักความร้อนไว้ในบ้านได้มากที่สุด ขณะที่ภาคกลางจะเป็น L-shape และภาคใต้เป็น I-shape
ความพิเศษของบ้านในเกาหลี คือ Ondal ระบบกระจายความร้อนจากใต้พื้น โดยความความร้อนจะผ่านพื้นไม้สร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว
นอกจากนั้น Hanok ยังเป็นเครื่องแสดงฐานะทางสังคมของเจ้าของบ้าน สังเกตได้ชัดเจนที่สุดก็จากหลังคาบ้าน ในบ้านคนที่รวยหน่อย หลังคาบ้านจะปูด้วยกระเบื้อง ขณะที่บ้านคนธรรมดาทั่วไปจะปูด้วยวัสดุง่ายๆ ที่สามารถหาได้ในท้องถิ่นนั้นๆ
Minka: Japan
บ้านสไตล์พื้นเมืองของญี่ปุ่น เกิดขึ้นในยุคเอะโดะ เป็นบ้านของชาวบ้านธรรมดา (ไม่ใช่ซามูไร) วัสดุที่ใช้ในการสร้างจะเป็นของง่ายๆ ที่สามารถหาได้ในท้องถิ่น โดยไม่มีโครงสร้างหลักอย่างผนังปูนหรือตะปู! ถือเป็นสถาปัตยกรรมล้ำค่าของดินแดนอาทิตย์อุทัย
Minka ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศ และมีฟังก์ชั่นที่ปรับเปลี่ยนได้ตามภูมิอากาศ หน้าต่างชั้นบนของบ้านจะถูกดัดแปลงให้กลายเป็นประตูในฤดูหนาว เวลาที่หิมะตกสูงท่วมประตูบ้าน เก๋มากกก 😉
น่าเสียดายที่มีช่วงนึง คนเริ่มหันไปสร้างบ้านแบบสมัยนิยม Minka เลยไม่ได้ถูกอนุรักษ์ไว้ เทคนิคในการก่อสร้างก็พลอยสูญหายไปตามกาลเวลา ปัจจุบันเริ่มมีองค์กรอิสระในญี่ปุ่น ออกมารณรงค์เรื่องนี้อย่างจริงจัง
Mudhif: Iraq
บ้านต้นกก สร้างจากใบกก พืชล้มลุกที่พบตามหนองน้ำทางตอนใต้ของอิรัก กกมีประโยชน์หลายอย่าง สามารถนำมาเป็นของใช้ เช่นกระเป๋า หมวก เสื่อ ตะกร้าใส่ของให้ความสวยงามแบบธรรมชาติ และทนทาน
โครงสร้างภายในเกิดจากการนำเอาใบกกมามัดรวมกัน แม้ว่า กกจะเป็นพืชล้มลุก แต่มัดกกค่อนข้างแข็งแรง จากการสำรวจ Mudhif มีอายุการใช้งานนานถึง 25 ปี
AUSTRALIA & WORLDWIDE
Queenslander: Australia
บ้านระเบียงยาว มีต้นกำเนิดจาก Queensland, Australia เริ่มพัฒนาในปีค.ศ. 1840 ปัจจุบันก็ยังเห็นบ้านแบบนี้อยู่ กระจายอยู่ตามเมือง Brisbane และมีการปรับดีไซน์ให้ทันสมัยขึ้น
เอกลักษณ์ของบ้านคือ ระเบียงขนาดยาวที่แผ่ออกจากตัวบ้าน เพื่อให้ลมพัดเข้ามาได้สะดวก
Earth Sheltering
บ้านแบบสุดท้ายคล้ายๆ บ้านฮอบบิท เน้นความกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติมากที่สุด ใช้วัสดุที่สอดคล้องกับภูมิประเทศแถบนั้น หลังคาปูด้วยหญ้า หรือพืชท้องถิ่นของทำเลนั้นๆ ภายในบ้านสามารถรักษาอุณหภูมิได้ดี โดยไม่ต้องใช้เครื่องปรับอากาศ
ปัจจุบันเริ่มเป็นที่แพร่หลายมากขึ้นในยุโรป โดยได้รับการสนับสนุนในฐานะบ้านประหยัดพลังงาน และสถาปัตยกรรมเชิงยั่งยืน
ขอบคุณข้อมูลจาก:
Rubberbond.co.uk