รีวิวฉบับที่ 1465 … สวัสดีค่ะ พูดถึงย่านพระราม 9 ใครๆ ก็คงรู้จักกับโปรเจคยักษ์ของ G Land อย่าง “The Grand Rama 9” ซึ่งภายในรวมไว้ทั้งแหล่งงาน ที่ช้อปปิ้ง โรงแรม รวมถึงคอนโด Belle Grand Rama 9 ที่จะพาไปชมในวันนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ทำเลของโครงการอยู่ใกล้สถานี MRT พระราม 9 ประมาณ 230 ม. จุดเด่นนอกจากทำเลที่เดินทางสะดวกแล้ว ชั้น G และชั้น 1 ของโครงการยังเปิดเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ในชื่อThe Shoppes Grand Rama 9 ส่วนยูนิตพักอาศัยทั้งหมดจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไป รวมทั้งหมด 8 ทาวเวอร์ ปัจจุบันโครงการเหลือขายเฉพาะห้อง Duplex และ Penthouse ขนาดเริ่มต้น 108 ตร.ม. ในราคา 15 ล้านบาท จะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันเลย

Fact @ 07 October 2017

  • Belle Grand Rama 9 (เบ็ล แกรนด์ พระราม 9)
  • Belle Development Company Limited
  • HIGH-LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ห้วยขวาง
  • คอนโด High Rise 27,34,36 และ 43 ชั้น อย่างละ 2 อาคาร รวมทั้งหมด 8 อาคาร  1,991 ยูนิต และ The Shoppes Grand Rama 9 ที่ชั้น G และ ชั้น 1
  • ยูนิตต่อชั้น 8-10 ยูนิต
  • ที่จอดรถของห้องชุดพักอาศัยประมาณ 1,600 คัน คิดเป็น 80%
  • ขนาดที่ดิน 11-3-5 ไร่
  • โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่
  • 1 Bedroom 42-49 ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 58-99 ตร.ม.
  • 3 Bedrooms 98-101 ตร.ม.
  • Duplex 108-193 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท
  • Penthouse 127-317 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 19.8 ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4-4.5 เมตร (แล้วแต่ประเภทยูนิต​)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร (เฉพาะห้อง Duplex และ Penthouse) ประมาณ 154,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด (เฉพาะห้อง Duplex และ Penthouse) ประมาณ 141,000-170,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ MRT พระราม 9 ได้ที่: มองหาทำเลน่าอยู่ใกล้รถไฟฟ้า: MRT พระราม 9 
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • ทร  : 02-247-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.760135, 100.568319

แผนที่จากโครงการ “Belle Grand Rama 9” ตั้งอยู่ในพระราม 9 ซอย 7 หรือพระราม 9 สแควร์ ติดกับที่ของเซ็นทรัลพระราม 9 เลยทีเดียว ดูจากพื้นที่สีแดงแสดงให้เห็นว่าเป็นโครงการหนึ่งที่อยู่ในโปรเจคใหญ่ที่ชื่อว่า The Grand Rama 9 ที่มีหลายๆตึกด้วยกันอยู่ในนั้น ทางเข้าออกโครงการสามารถใช้ได้หลายเส้นทาง จึงมีทางให้เลือกใช้ได้ในช่วงเวลาที่เร่งด่วนเช้าเย็น ที่รถบริเวณนี้จะหนาแน่นแบบสุดๆ มีให้เลือก 3 ทาง ดังนี้

  • ซอยพระราม 9 สแควร์ : หากวิ่งมาทางถนนรัชดาภิเษก ก็สามารถเลี้ยวเข้าโครงการได้จากทางซอยพระราม 9 สแควร์ ผ่านเซ็นทรัลพระราม 9 และผ่านอาคาร The 9th Towers เข้ามาค่ะ
  • พระราม 9 ซอย 3 : ซอยนี้จะเชื่อมเข้า-ออกทางถนนพระราม 9 ได้สะดวก
  • พระราม 9 ซอย 7 : หรือที่เรียกกันว่าซอยทวีมิตร เป็นอีกทางเลือกที่จะไปออกทางถนนพระราม 9 อีกเช่นกัน

โครงการตั้งอยู่ห่างจาก MRT พระราม 9 ประมาณ 400 ม. เมื่อเดินออกมาจากซอยแล้ว หากเลี้ยวซ้ายก็จะสามารถไป Central พระราม 9, MRT พระราม 9 ได้ แต่หากเลี้ยวขวา จะสามารถเดินไปเอสพลานาด, ตลาดรถไฟ MRT ศูนย์วัฒนธรรม, Big C, The Street หรือหากตรงไปก็เป็น Fortune แล้ว เรียกได้ว่าทำเลตรงนี้มีความอุดสมบูรณ์ และสะดวกสบาย สามารถไปเดินเล่น ช็อปปิ้ง หรือหาของกินได้ง่ายมาก การเดินทางด้วยรถยนต์จะบังคับเลี้ยวซ้าย สามารถไปแยกพระราม 9 เพื่อเข้าเมืองได้ง่าย ไม่ไกลจากจุดกลับรถหน้าเซ็นทรัล ข้อเสียคือ รถติด ติดมาก และติดจริงๆ

มาดูภาพรวมของโซนรัชดา-พระราม 9 กันสักหน่อย ย่านนี้เป็นโซนที่อยู่ใกล้กับย่านอโศก ซึ่งเป็นแหล่งอาคารสำนักงาน ใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ เป็นแหล่งช็อปปิ้งและมีความอุดมสมบูรณ์สูง ซึ่งความเจริญเหล่านี้ก็แผ่ขยายมาสู่ย่านรัชดา-พระราม 9 ด้วย สภาพแวดล้อมในโซนรัชดา-พระราม 9 จะมีศูนย์การค้าและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ค่อนข้างคึกคัก ตั้งแต่แยกเทียมร่วมมิตร ไปจนถึงแยกพระราม 9 อย่าง Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์ ในเครือซีพี ที่ขึ้นชื่อเรื่องการจำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับ IT, Esplanade รัชดา ที่มีตลาดรถไฟอยู่ด้านหลัง เรียกความคึกคักในวันพฤหัสบดี-อาทิตย์ได้มากทีเดียว, BigC รัชดาภิเษก และห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆอย่าง The Street ให้บริการ 24 ชั่วโมง ส่วนสาธารญูปโภคอื่นๆก็มีโรงพยาบาลใกล้เคียงหลายแห่ง เช่น โรงพยาบาลพระราม 9, โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลรถไฟ และโรงพยาบาลผิวหนังอโศก

สิ่งที่เป็นจุดเด่นคืออาคารสำนักงานที่มาสร้างความคึกคักให้ย่านนี้ได้มาก เช่นอาคารสำนักงานของเอกชน(สีฟ้า)อย่าง Unilever, G Tower Grand Rama 9, True Tower, AIA Capital, Cyber World Tower เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่อาคารเหล่านี้จะมีรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นอาคารขนาดใหญ่และอาคารสูง นอกจากนี้ยังมีอาคารสำนักงานของรัฐบาล(สีเขียว) เช่น กรมโยธาธิการและผังเมือง, กรมส่งเสริมวัฒนธรรม, สถานฑูตเกาหลี,  สถานฑูตจีน เป็นต้น เมื่อมีอาคารสำนักงานก็ล้วนมีที่พักอาศัยและความอุดมสมบูรณ์ตามมา ส่งผลให้ทั้งสภาพแวดล้อมในบริเวณนี้เต็มไปด้วยอาคารขนาดใหญ่ ตึกสูง สลับไปกับตึกแถวและบ้านพักอาศัยค่ะ

ต่อกันด้วยภาพรวมของโปรเจค “The Grand Rama 9” เป็นกลุ่มอาคารที่อยู่ในวงล้อมสีเหลือง ตั้งอยู่ติดแยกพระราม 9 บนถนนรัชดาภิเษกและถนนพระราม 9 จึงอิงการเดินกับ MRT พระราม 9 เป็นหลัก บนเนื้อที่ 73 ไร่ของ จีแลนด์ มีลักษณะเป็นโครงการประเภท Mixed Used ที่นับเป็นโครงการ “เมกะโปรเจ็คท์” ประกอบด้วย

-อาคารสำนักงานอย่าง Unilever(12 ชั้น), G Tower Grand Rama 9(26,36 ชั้น),The Ninth Towers (34 ,36ชั้น) และThe Super Tower(125 ชั้น)

-ห้างสรรพสินค้าอย่าง Central Plaza Grand พระราม 9,The Shoppes Grand Rama 9

-โรงแรมอย่าง New World Grand พระราม 9   และคอนโดมิเนียมอย่าง Belle Grand Rama 9

ซึ่งโครงการทั้งหมดนี้คงจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า และน่าจะเป็นตัวดึงคนเข้ามาทำงานตรงนี้หลักหมื่นคน สร้างความคึกคักให้ย่านนี้ได้อีกมากเลยค่ะ ทางด้านซ้ายมือจะเป็น Hotel Grand Mercue Bangkok Fortune โรงแรมขนาดใหญ่ แขกที่มาพักส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ข้างๆกันเป็นห้างฟอร์จูนแหล่งรวมสินค้าไอที เจ้าของคือเจ้าสัวซีพี ที่เป็นเจ้าของตึก True Tower ที่อยู่เยื้องๆ กัน ถัดไปจะมีอาคารสำนักงานอย่างอาคารภคินท์, ตึก AIA Capital Center มีสถานฑูตจีนอยู่ข้างๆรัชดาซอย 3 ซึ่งภายในรัชดาซอย 3 จะเป็นชุมชนที่พักอาศัยหนาแน่นในซอยอยู่เจริญและซอยโพธิ์ปั้น ที่มีทั้งเป็นบ้านพักอาศัยและให้เช่ารายเดือน ประมาณเดือนละ 10,000-15,000 บาท ภายในซอยมีความอุดมสมบูรณ์สูงรวมถึงคอนโดก็ทยอยมาเปิดตัวเช่นกัน

ถัดไปใกล้ๆ MRT ศูนย์วัฒนธรรม จะเป็นห้างเอสพลานาด รัชดา, Big C Extra, The Street แถวนี้คึกคักมากกกก สุดๆเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงเย็นจะมีตลาดรถไฟหลังเอสพลานาด เปิดวันพฤหัส-วันอาทิตย์ และมีตลาดนัดหน้าบิ๊กซี ให้สามารถซื้อของได้อีกเหมาะกับขาช็อปตัวยง ใกล้ๆกันมีอาคารสำนักงานอย่าง Cyber World Tower อยู่ตรงแยกเทียมร่วมมิตร ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนรัชดาภิเษกและถนนวัฒนธรรม ที่สามารถไปยังศูนย์วัฒนธรรมและสถานฑูตเกาหลีได้ค่ะ

เนื่องจากคอนโด Belle Grand Rama 9 เป็นโครงการที่เปิดขายมาประมาณ 6-7 ปีแล้ว พวกห้อง 1-3 Bedroom แบบคอนโดปกติทั่วไปขายหมดไปแล้วหล่ะค่ะ ทำให้ตอนนี้จะเหลือขายเฉพาะห้อง Duplex และ Penthouse แล้ว คู่แข่งในตลาดของคอนโดนี้จึงไม่ใช่คอนโดส่วนใหญ่ที่ทำ Product ออกมาเป็นห้องเล็กๆ อย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน จึงเป็น Product เฉพาะที่ตอบโจทย์กับผู้ที่หาห้องขนาดใหญ่ ที่ให้อารมณ์เหมือนการอยู่บ้านกลางใจเมือง ราคาก็เกาะกลุ่มพอๆ กับโครงการในย่านนี้ แต่สำหรับ Belle Grand Rama 9 จะมีจุดขายของตัวทำเลที่อยู่ใน The Grand Rama 9 เลย จึงมีทั้งเซ็นทรัลพระราม 9 ทั้งอาคารสำนักงานอยู่ในบริเวณเดียวกันกับโครงการ ซึ่งจะต่างจากคอนโดอื่นๆ ที่เป็นโครงการเดี่ยวๆ นะคะ

การเดินทางในวันนี้จะใช้ MRT ซึ่งเป็นจุดเด่นของทำเลโครงการอีกอย่างหนึ่ง เพราะมีความสะดวกสบายในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้ามากทีเดียว แถมทางเดินจาก MRT ไปโครงการก็มีความน่าสนใจเพราะเป็นการเดินผ่านอาคารต่างๆ ในโครงการ The Grand Rama 9 รวมระยะทางจาก MRT พระราม 9 ถึงโครงการประมาณ 400 ม.ค่ะ

เริ่มเดินทางจากสถานี MRT พระราม 9

จริงๆ การเข้าถึงโครงการสามารถเลือกทางออก 2 หรือทางออก 3 ก็ได้ โดย..

  • ทางออก 2 จะผ่านทางศูนย์การค้า Central Plaza Grand Rama 9
  • ทางออก 3 ออกทางอาคาร G Tower Grand Rama 9 แล้วขึ้นรถ Shuttle Bus เป็นบริการของ The Shoppe Grand Rama 9 ปัจจุบันให้บริการ รับ-ส่งฟรี ภายในโครงการ

สำหรับวันนี้จะเลือกใช้ทางออก 2 เพื่อเดินผ่านเซ็นทรัลทะลุไปคอนโด Belle Grand Rama 9 ที่อยู่ด้านหลังเซ็นทรัล

จากสถานีก็สามารถเดินทะลุเข้าเซ็นทรัล พระราม 9 ได้เลย

เข้ามาในเซ็นทรัลแล้วให้เดินเลี้ยวซ้ายมาทาง Tops Market แล้วขึ้นบันได้เลื่อนไปชั้นบนนะคะ

ทางออกข้างอาคารให้เลือกออกประตูนี้ อยู่ระหว่างร้าน Hello Beauty และร้าน 60 บาท

ออกจากประตูมาก็เดินเข้าไปด้านในกันต่อ เนื่องจากคอนโดนี้เป็น 1 ในโปรเจคของ “The Grand Rama 9” ทำให้พื้นที่ของโครงการต่างๆ เชื่อมต่อกัน จึงสามารถเดินทะลุกันได้

เดินตรงเข้ามาเรื่อยๆ แล้วข้ามถนนไปทางอาคาร The Ninth Towers

ตอนช่วงข้ามถนน หันขวามานิดนึงจะเห็นทางเข้าออกโครงการอีกเส้นทางหนึ่งคือทางถนนพระราม 9 ซอย 3 ที่เป็นเส้นทางไปทะลุถนนพระราม 9 ได้ โดยไม่ต้องออกทางถนนรัชดาฯ ค่ะ

พอข้ามถนนมาแล้วจะเห็น Tower ของคอนโด Belle Grand Rama 9 อยู่ไม่ไกล ก็เดินตามทางไปกันต่อเลยค่ะ

รวมระยะจากประตูทางออกเซ็นทรัลพระราม 9 มาจนถึงโครงการประมาณ 230 ม. ก็เดินได้สบายๆ ทีเดียว

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • The 9th Towers ~ 150 ม.
  • Central Plaza Grand Rama 9 ~ 230 ม.
  • G Tower Grand Rama 9~ 550 ม.
  • Fortune Town Shopping Mall ~ 550 ม.
  • Show DC ~ 1.7 กม.
  • Esplanade ~ 1.1 กม.
  • Big C รัชดาฯ ~ 1.5 กม.
  • The Streets ~ 1.7 กม.
  • โรงพยาบาลพระราม 9 ~ 1.1 กม.
  • โรงพยาบาลปิยะเวท ~ 1.8 กม.
  • โรงพยาบาลกรุงเทพ ~ 3.7 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Belle Grand Rama 9 จาก Belle Development Company Limited เป็นคอนโดขนาดใหญ่ที่อยู่ในโปรเจค “The Grand Rama 9” ซึ่งเป็นโครงการ Mix Used มูลค่าหมื่นล้านที่เราได้เล่าให้ฟังไปแล้วข้างต้น ตัวโครงการเป็นคอนโด  High Rise ความสูง 27, 34, 36 และ 43 อย่างละ 2 ตึก รวมทั้งหมด 8 ตึก จำนวน 1,991 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 11-3-5 ไร่ ห้องพักมีแบบ 1-3 Bedroom ซึ่งตอนนี้ขายหมดไปแล้ว เหลือแต่ห้อง Duplex และ Penthouse ขนาดพื้นที่ใช้สอย 108 – 317 ตารางเมตร

โครงการเปิดตัวในปี 2008 ในตอนนั้นมีราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาทขึ้นไป ตกประมาณ 76,190 บาท/ตารางเมตร ในปัจจุบันผ่านไป 9 ปี ราคาขยับขึ้นมาที่แสนกว่าบาท/ตารางเมตร เพิ่มขึ้นเยอะเลยทีเดียวนะคะ แต่ก็ยังอยู่ในเรทราคาที่ถูกกว่าโครงการเพื่อนๆ ในละแวกนี้ แต่ถ้าเป็นห้อง Penthouse และDuplex จะมีราคาอยู่ที่ 141,000-170,000 บาท/ตร.ม. เมื่อเทียบราคากับห้องชั้นสูงๆ ของโครงการในละแวกนี้ ก็ถือว่าราคาไม่แรงอยู่ดีนะ

Master Plan ของโครงการ Belle Grand Rama 9 ..มาดูในส่วนของพื้นที่รอบอาคารกันก่อน โดยจะมีทางเข้าออกโครงการ 3 ทาง พื้นที่นอกอาคารส่วนใหญ่จะเป็นทางเดินรถ ซึ่งปัจจุบันจะมีเส้นทางเดินรถตามเส้นประที่ทำมาให้ดูนะคะ ส่วนทางเข้าโครงการจะแยกทางเข้าออก The Shoppes Grand Rama 9 กับทางเข้าออกอาคารพักอาศัยไว้เป็นคนละส่วนอย่างชัดเจน

เริ่มจากบริเวณหน้าโครงการทางซอยพระราม 9 สแควร์ จะมีป้ายชื่อหน้าโครงการขนาดใหญ่ เดี๋ยวจะพาไปทางซ้ายเพื่อวนดูภายนอกโครงการกันก่อนค่ะ

ทางวนรถรอบโครงการเป็นเส้นทาง Two-Way สวนกันได้ บริเวณหน้าโครงการมีจุด Drop-Off ให้สามารถจอดรับส่งได้สะดวก

ซึ่งบริเวณจุด Drop-Off นี้ เป็นตำแหน่งสำหรับจอดรถ Shuttle Bus เป็นบริการของ The Shoppes Grand Rama 9 ปัจจุบันให้บริการ รับ-ส่งโครงการ

วนขวามาตามทางวนรถรอบอาคาร จะเห็นทางเข้า-ออก ที่จอดรถของ The Shoppes Grand Rama 9 ซึ่งแยกออกจากทางเข้า-ออก ที่จอดรถของคอนโดฯ และพื้นที่จอดรถในอาคารก็แยกกันชัดเจน เป็นการการันตีสัดส่วนของที่จอดรถของลูกบ้านว่าได้ 80% แน่นอน

ตรงมาอีกหน่อย ฝั่งซ้ายจะเห็นประตูทางเชื่อมกับ ธ.อ.ส. ตอนกลางวันจึงเห็นพนักงานข้ามมาทานอาหารที่ The Shoppes Grand Rama 9 เยอะเลย ทำให้มีความคึกคักรอบพื้นที่โครงการ ความสะดวกในการเข้าถึงร้านค้าร้านอาหารถือเป็นข้อดีของคอนโดที่มีคอมมูนิตี้อยู่ชั้นล่าง แต่ก็แลกมากับความสงบ เป็นส่วนตัว ที่น้อยกว่าโครงการทั่วๆ ไปนะคะ

ตรงมาจะเห็นทางเข้าอีกฝั่งหนึ่งของโครงการเป็นทางเข้าออกทางพระราม 9 ซอย 7 หรือที่เรียกว่าซอยทวีมิตร ซึ่งบรรยากาศของซอยนี้จะมีเต๊นท์ขายอาหารตั้งอยู่บริเวณหน้าโครงการตลอดแนว เป็นอีกแหล่งพึ่งพิงหนึ่งของชาวออฟฟิศย่านนี้

ทางวนรถรอบโครงการทางฝั่งนี้จะถูกกันไปเป็นที่จอดรถเลนหนึ่ง ทำให้เหลือวิ่งได้แค่เลนเดียว ฝั่งขวาเป็นจุด Drop-Off ให้สามารถจอดรับส่งได้สะดวก

เห็นมีรถบัสมาจอดด้วยนะคะ ส่วนใหญ่เป็นทัวร์ชาวจีน ที่มาจอดทานอาหารกันในช่วงเที่ยงๆ

ตรงมาอีกนิดเป็นซุ้มทางเข้าออกอีกด้านหนึ่ง ที่เชื่อมกับพระราม 9 ซอย 7 หรือซอยทวีมิตร เช่นเดียวกัน

ถ้าเข้าจากประตูทางฝั่งนี้แล้วตรงไปเรื่อยๆ จะเป็นทางไปทางเข้าออกที่จอดรถฝั่งคอนโดฯ นะคะ

มองทางขวาจะเห็นที่ทางเข้า Lobby ของแต่ละอาคาร ซึ่งแยกไว้เป็นคนละส่วนกับทางเข้าของ The Shoppes Grand Rama 9 อย่างชัดเจนนะคะ

ถัดมาเป็นทางเข้าที่จอดรถของอาคาร A,B และถัดไปไม่ไกลเป็นทางเข้าที่จอดรถของอาคาร C,D

ทางเข้าที่จอดรถในอาคาร เป็นไม้กระดกเปิดปิดด้วย พี่ ร.ป.ภ ที่คอยรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงและกล้อง CCTV บริเวณป้อมยามทางเข้า – ออกโครงการนะคะ

ชั้น 2-5 เป็นที่จอดรถของคอนโด (นิติเป็นเจ้าของ) ทางเดินรถและช่องจอดรถได้ความกว้างตามมาตรฐาน มีช่องแสงจากโดยรอบ แต่ด้วยพื้นที่จอดรถมีขนาดใหญ่จึงต้องพึ่งแสงจากไฟในอาคาร คิดเป็นที่จอดรถของห้องชุดพักอาศัย ประมาณ 1,600 คัน แยกออกจากส่วนของ The Shoppes Grand Rama 9 อย่างชัดเจนเลยนะคะ

ทางขึ้นลงที่จอดรถในอาคารจะแยกกันระหว่างทางขึ้นและทางลง ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องรถสวนกันบนทางลาดนะคะ

จากชั้นจอดรถก็จะมีทางเชื่อมเข้าอาคารที่ชั้น P

ออกจากที่จอดรถมาจะพาไปวนรอบโครงการกันต่อ ตรงไปจากนี้อีกนิดหนึ่งจะไปจบที่บริเวณป้ายหน้าโครงการ ซึ่งถ้าขับรถเข้ามาทางซอยพระราม 9 สแควรฺ์หรือซอยพระราม 9 ซอย 3 สามารถเลี้ยวขวาเข้ามาทางนี้ได้เลย จะใกล้ทางขึ้นที่จอดรถมากกว่า ไม่ต้องไปวนรอบโครงการเหมือนแบบที่พาไปชมมานะคะ

ต่อไปจะพาเข้าไปดูภายใน The Shoppes Grand Rama 9 กันบ้าง ว่ามีร้านอะไรน่าทานบ้าง

ร้านอาหารในนี้มีหลายแนวให้เลือกทานกันตามใจชอบ มีร้านดังอย่าง Sushi Hiro ที่บอกเลยว่าพลาดไม่ได้ ต้องลอง!! ร้านอาหารอื่นๆ ก็มีทั้งแบบข้าวและเส้นให้เลือกนะ

นอกจากร้านอาหารก็มี Villa Market ให้ช้อปปิ้งของสด มีร้าน Boots, ธนาคาร, มีลานจัดกิจกรรมตรงกลาง ที่ร้านต่างๆ จะมาขายของราคาโปรโมชั่นด้วยค่ะ

The Shoppes Grand Rama 9 จะกินบริเวณชั้น G และ ชั้น 1 แบบเต็ม 2 ชั้นเลยนะคะ ขึ้นไปดูชั้นบนกันต่อเลย

ชั้นบนก็จะมีบริการต่างๆ ที่หลากหลายออกไป ทั้ง Fitfac มวยไทย, โรงเรียนสอนภาษาจีนครู POP, ร้านนวด, ลานกิจกรรมเต้นท์ Cover และ Food Court เป็นต้น

มาดูในส่วนพื้นที่พักอาศัยกันบ้าง Lobby ของส่วนคอนโดจะแยกไว้เป็นสัดส่วนของแต่ละอาคาร โดยแต่ละอาคารจะเชื่อมกันที่ส่วนกลางบนชั้น P นะคะ

บรรยากาศด้านใน Lobby มีบรรยากาศที่ดูหรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน และฝ้าเพดานที่สูงเป็นพิเศษ สำหรับแขกของลูกบ้านสามารถนั่งรอได้ในบริเวณ Lobby นะคะเพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยเราจะเริ่มใช้ Key Card ตั้งแต่ประตู Lift Lobby ตรงนี้ ทำให้ผู้ที่ไม่ใช่ลูกบ้านจะเข้าสู่โซนพักอาศัยไม่ได้

เข้ามาด้านใน Lift Lobby จะมีชุดโซฟาไว้รับรอง บรรยากาศดูโปร่งโล่งด้วยผนังกระจกบานใหญ่เปิดให้เห็นบรรยากาศบริเวณ Lobby

ส่วนบรรยากาศของบริเวณโถงลิฟต์ถูกตกแต่งไว้ในสไตล์หรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนเช่นเดียวกัน Lift มีทั้งหมด 4 ตัว/อาคาร แบ่งเป็น High Zone 2 ตัว/อาคาร, Low Zone 2 ตัว/อาคาร

บรรยากาศภายในลิฟต์ก็ประมาณนี้ ดูสะอาดเรียบร้อย มีความสวยงาม ได้บรรยากาศเหมือนลิฟต์โรงแรมนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น P จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางของโครงการขนาดประมาณ 4 ไร่ โดยจะให้ลูกบ้านแต่ละยูนิตจ่ายค่าเช่าใช้ 50,000 บาทต่อห้อง ณ วันโอน ซึ่งจะใช้ได้จำกัด 20 ปี ทรัพย์สินส่วนนี้เป็นกรรมสิทธิของผู้ประกอบการนะคะ โดยจะประกอบด้วย

  • Paradise Beach Pool* : เป็นพื้นที่สระขนาดใหญ่ ที่ออกแบบมาให้มีส่วนของชายหาด มีพื้นที่ภายในสระที่ค่อนข้างกว้างเหมาะกับการเล่นน้ำ แต่ถ้าอยากว่ายน้ำแบบทางยาวก็จะมีอีกสระหนึ่งที่อยู่ระหว่างอาคาร A และ อาคาร B
  • ห้องฟิตเนส* พร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องน้ำ
  • Pool Deckling : เป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ต้องเดินขึ้นบันไดไป ทำให้เป็นมุมนั่งเล่นที่ได้วิวสระว่ายน้ำมุมสูง
  • Kid Fun Park : พื้นที่สนามเด็กเล่น ที่จัดให้มีเครื่องเล่นอย่างสไลด์เดอร์และม้าโยก มีพื้นที่ให้เด็กๆ ได้วิ่งเล่นออกกำลังกาย
  • Garden Pond : เป็นพื้นที่ทางเดินริมสวนและสระว่ายน้ำ ได้บรรยากาศสไตล์รีสอร์ท

หมายเหตุ * สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนหย่อมบางส่วน, พื้นที่พาณิชยกรรม, ที่จอดรถบริเวณชั้นใต้ดินรวมถึงถนนรอบอาคารชุดและ งานระบบบางส่วนมิใช่ทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด

ออกมาจากโถงลิฟต์ที่ชั้น P จะเห็นประตูทางซ้ายเป็นทางออกไปพื้นที่สระว่ายน้ำและสวนส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนกลางใหญ่มากทีเดียวรวมทั้งหมด 4 ไร่ จึงแนะนำให้ดูผังประกอบสักหน่อย.. ตอนนี้เราอยู่กันที่ Grand Lobby B ที่อยู่ระหว่างอาคาร B1 และ B2 พื้นที่บริเวณนี้ถูกออกแบบไว้ให้เป็นพื้นที่เปลี่ยนผ่าน จากพื้นที่พักอาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวเข้าสู่พื้นที่ส่วนกลาง จึงเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้เปิดโล่งซะทีเดียว เพื่อรักษาความสงบ เป็นส่วนตัวของลูกบ้านในโซนนี้

ตามทางเดินออกสู่พื้นที่สวนส่วนกลาง ก็มีบรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้พุ่มและต้นไม้ใหญ่อย่างต้นปาล์ม ให้อารมณ์เหมือนอยู่ในรีสอร์ทนะคะ

บริเวณที่เจอเป็นส่วนแรกเลยคือโซน Kid Fun Park ในบริเวณนี้จะมีเครื่องเล่นเด็ก 5-6 เครื่อง ให้ผู้ปกครองพาลูกหลานมานั่งเล่นเปลี่ยนบรรยากาศได้

จากโซนเครื่องเล่นเด็กมองไปทางขวา จะมีทางเดินขึ้นบันไดไปสระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำสระแรกนี้ เป็นสระแบบ Infinite-Edge Pool* มีขนาดกว้างยาวพอให้ว่ายออกกำลังกายได้แต่ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับสระตรงกลาง ที่ทำมาในรูปแบบ Paradise Beach Pool* นะคะ

พื้นที่ด้านข้างสระว่ายน้ำ มีชุดโต๊ะสนามไว้ให้นั่งเล่นริมสระได้

ลงมาจากพื้นที่สระว่ายน้ำ ก็เดินตามทางเดินตรงกลางเข้ามาในพื้นที่สวน บรรยากาศดูร่มรื่น ส่วนหนึ่งเพราะเป็นโครงการที่สร้างเสร็จมานานแล้ว ทำให้ต้นไม้โตเต็มที่ จึงแผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาได้ดี

พื้นที่ตรงกลางของชั้นนี้เป็นตำแหน่งของ Paradise Beach Pool* มีขนาดใหญ่ทีเดียว ดูน่าใช้งานด้วยบรรยากาศเหมือนพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ท

ห้องพักบางส่วนก็ได้เป็นแบบ Pool Villa เหมือนพักในรีสอร์ทจริงๆ ถือเป็นห้องที่ได้ Value เพิ่มแต่ก็แลกมากับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ต้องระวังเพิ่มเป็นพิเศษ

ริมสระมี Daybeds เป็นเก้าอี้สำหรับนั่งพักผ่อนและรับวิวรอบสระว่ายน้ำ ลูกบ้านที่ไม่ชอบว่ายน้ำจะมานั่งชิวริมสระบน Daybeds นี้ก็ได้ ด้านหลังมีบันไดขึ้นไปในส่วนของ Pool Deckling เป็นอีกมุมหนึ่งที่ไว้ใช้นั่งเล่นรับวิวสระมุมบน และเป็นจุดชมวิวเมืองโดยรอบได้อีกด้วย

ขึ้นมาบนบันไดแล้วมองไปในสวน มีอยู่หลายมุมที่ทางโครงการออกแบบที่นั่งไว้ให้แบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ

พื้นที่บน Pool Deckling จัดชุดโซฟาสนามไว้หลายชุด ส่วนนี้เหมาะกับการขึ้นมาใช้งานในช่วงเย็นๆ ที่แดดร่มหน่อยนะคะ

มุมมองจากบน Pool Deckling ได้บรรยากาศภาพรวมของสระว่ายน้ำในมุมกว้างเลย

คอนเซปต์ของสระว่ายน้ำส่วนนี้มาในรูปแบบ Paradise Beach Pool จึงมีพื้นบางส่วนที่ทำมาเป็น Slope ให้ความรู้สึกแบบชายหาด

ภายในสระมีสไลด์เดอร์ให้เด็กๆ มาเล่นกันได้ด้วย

บรรยากาศของพื้นที่ริมสระฝั่งนี้ เป็นมุมนั่งเล่นในสวน และมี Pavilion เล็กๆ ทำให้มีมุมนั่งเล่นในร่ม

เดินตามทางเดินไปเรื่อยๆ ฝั่งหนึ่งจะได้บรรยากาศของพื้นที่ริมสระ และอีกฝั่งหนึ่งเป็นสวน

ดูร่มรื่นดีเหมือนเดินอยู่ในรีสอร์ท และเนื่องจากพื้นที่สวนมีขนาดใหญ่ ทำให้มองวิวสวนไปได้ไกลๆ เลยนะคะ

สุดทางเดินของสวนอีกฝั่งหนึ่งจะมีทางเข้าห้อง Fitness* อยู่ใต้ Deckling ตำแหน่งของห้อง Fitness* นี้จะอยู่ระหว่างอาคาร C และ D ค่ะ

ภายในห้อง Fitness* ติดตั้งเครื่องออกกำลังกายไว้ให้ประมาณ 10 กว่าเครื่อง เห็นคนมาใช้งานเยอะอยู่นะคะ

ฝั่งหนึ่งของห้อง Fitness* เป็นผนังกระจก ทำให้เวลาที่ออกกำลังกายจะได้วิวด้านนอกอาคาร

ส่วนห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าจะแยกไว้ต่างหากจากห้องน้ำ

ภายในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้ามีตู้ล็อกเกอร์จัดไว้ให้เยอะทีเดียว มีขนาดพอใส่เสื้อผ้า อุปกรณ์อาบน้ำได้สบายๆ

เดินเข้ามาด้านในเป็นส่วนของห้องน้ำ ขวามือคือห้องน้ำหญิง ส่วนในสุดคือห้องน้ำชาย

ภายในห้องน้ำมีบรรยากาศที่น่าใช้งาน แม้ว่าจะเป็นโครงการที่เปิดให้อยู่อาศัยมาหลายปีแล้ว คงเพราะโครงการดูแลดีและเห็นมีแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ตลอด ภายในมีอ่างล้างมือ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำครบถ้วน

ห้องสุขามีขนาดพอใช้งานได้ และมีห้องอาบน้ำเอาไว้สำหรับล้างตัวเวลาว่ายน้ำเสร็จ ผนังและพื้นปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ผิวด้านกันลื่น

ออกมาที่ส่วนของ Deckling ที่อยู่ด้านบนห้อง Fitness จากมุมบน Deckling จะได้วิวของสวนและสระส่วนกลางที่ถูกล้อมด้วยอาคารแบบนี้

มองขึ้นไปด้านบนจะเห็นแนวของ Towers ซึ่งเป็นส่วน Residential ทั้งหมดของโครงการ สำหรับห้อง Duplex-Sky View และ Penthouse จะอยู่ที่ 3 ชั้นบนสุดของแต่ละอาคาร

Floor Plan ของแต่ละ Tower จะเหมือนกันนะคะ วันนี้จะนำแปลนของ Tower C1, C2 มาให้ดูกันเป็นตัวอย่าง ความสูงของทั้ง 2 Tower จะสูงไม่เท่ากันนะ สำหรับตึกนี้ Tower C1 จะสูงกว่า โดยมีความสูงอยู่ที่ 36 ชั้น ส่วน Tower C2 จะมีความสูงอยู่ที่ 27 ชั้น มีลิฟต์ทั้งหมด 4 ตัว/อาคาร แบ่งเป็น High Zone 2 ตัว/อาคาร, Low Zone 2 ตัว/อาคาร ไม่รวม Service Lift ทั้ง 2 Tower จึงมีอัตราส่วนลิฟต์ไม่เท่ากัน โดยอาคาร C1 มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 66 : 1 และอาคาร C2 มีอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 48 : 1 ถือว่าเป็นสัดส่วนที่ดีเมื่อเทียบกับโครงการที่ขึ้นใหม่ในยุคนี้ โครงการวางตำแหน่งของโถงลิฟต์ไว้ตรงกลางอาคาร ทำให้ไม่มีช่องแสงธรรมชาติที่ผ่านเข้ามานะ แต่จะวางห้องพักไว้รอบอาคารส่วนที่ติดช่องแสงของอาคารทั้งหมด

ซึ่งห้อง Duplex จะเริ่มที่ชั้น 25-26 ของ Tower C2 ชั้นนี้มี Tower ละ 8 ยูนิต แบ่งห้องออกมาได้ลงตัว ทำให้ทุกห้องมีพื้นที่เหมาะสมกับการใช้งานได้ แม้แปลนห้องจะมีเหลี่ยมมุมเยอะหน่อย สำหรับห้องพักแบบ Duplex ในชั้นนี้จะมี 3 ทิศคือทิศเหนือ ตะวันออกและตะวันตกที่หันหน้าเข้าหาอาคารพักอาศัยในโครงการเดียวกัน ส่วนทิศใต้จะหันไปทางถนนพระราม 9 จะมีตึกที่บล๊อกวิวบางส่วนด้วยอาคาร The 9th Towers ค่ะ

แปลนอาคารชั้น 27 ก็จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 25-26 แต่จะเห็นว่าตึก C2 กลายเป็นห้อง Penthouse จำนวน 4 ยูนิต วิวก็จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 25-26 นะคะ แต่จะได้วิวในมุมที่สูงขึ้นมาหน่อย และชั้นนี้ก็จะเป็นชั้นสุดท้ายของตึก C2 แล้วนะคะ

ขึ้นมาที่ชั้น 34-35 จะเป็นชั้นห้องพักแบบ Duplex ของตึก C1 แปลนก็เหมือนๆ กับชั้น Duplex ที่ตึก C2 คือแบ่งห้องออกเป็น 8 ยูนิต ล้อมรอบโถงลิฟต์ที่อยู่ตรงกลาง ส่วนวิวของห้องพักแบบ Duplex ในชั้นนี้จะมีห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันออกที่หันเข้าหาอาคารในโครงการ วิวที่คิดว่าดีสุดคือห้องทางทิศตะวันตกที่ได้วิวทางถนนพระราม 9 ซึ่งไม่มีอาคารสูงขึ้นมาบังวิวถึงชั้น 34-35 เลยนะคะ ทำให้ได้วิวที่เปิดโล่ง ส่วนห้องทางทิศใต้จะถูกบล๊อกวิวบางส่วนจากอาคาร The 9th Towers ค่ะ

แปลนอาคาร C1 ชั้น 36 ก็จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 34-35 แต่จะเป็นห้อง Penthouse จำนวน 4 ยูนิต วิวก็จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 34-35 นะคะ คือมีห้องทางทิศตะวันตกที่ได้วิวดีที่สุดค่ะ

สำหรับโถงลิฟต์บนชั้นพักอาศัยแม้ว่าจะไม่มีช่องแสงธรรมชาติแต่ก็มีบรรยากาศที่ดูสว่าง น่าใช้งานดีค่ะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

มาดูวิวของโครงการกันต่อนะคะ เนื่องจากที่ตั้งของโครงการ Belle Grand Rama 9 ตั้งอยู่ในโปรเจต The Grand Rama 9 ทำให้บริเวณนี้จะประกอบไปด้วยอาคารต่างๆ ทั้งตึกสำนักงาน ศูนย์การค้า รวมถึง The Super Tower ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย ทำให้วิวฝั่งที่หันเข้าหาอาคารเหล่านี้ ก็จะถูกบล๊อกวิวด้วยอาคารสูงกันอยู่บ้าง และเนื่องจากอาคารมีทั้งหมด 8 Tower ก็ทำให้วิวของห้องพักบางส่วนถูกบังด้วย Tower อื่นๆ ของโครงการเอง แต่โดยภาพรวมแล้วยังมีอีกหลายมุมที่ได้วิวเปิดโล่งอยู่นะคะ

วิวทางทิศตะวันออก จากชั้น 5 ของอาคาร B จะหันไปทางถนนพระราม 9 ซอย 7 มุมนี้เปิดโล่งไม่มีอาคารสูงมาบังวิวระยะประชิด แต่จะมีแนวอาคารของคอนโดลุมพินีบังวิวในระยะไกลนะคะ

วิวทางทิศใต้ จากชั้น 34 ของอาคาร B หันไปทางถนนพระราม 9 ฝั่งนี้ปัจจุบันจะมีบางส่วนที่เปิดวิวโล่งๆ แบบนี้ และในอนาคตจะมีอาคาร The Super Tower ขึ้นมาทางฝั่งนี้ด้วย

จากอาคาร B ถ้ามองเฉียงๆ มาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะเห็นอาคาร The 9th Tower สูง 36 ชั้น ที่อยู่บังวิวทางทิศนี้

จากอาคาร C มองวิวไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะมีห้องพักบางส่วนที่ถูกบล๊อกวิวด้วยอาคาร The 9th Towers แต่ห้องพักส่วนใหญ่ยังได้วิวเปิดโล่งที่มองผ่านเซ็นทรัลไปได้ถึงแยกพระราม 9 ได้บรรยากาศประมาณนี้นะคะ

อีกมุมหนึ่งจากอาคาร C บนชั้น 36 ที่บอกว่าเป็นทิศใต้ที่ได้วิวสุดของอาคาร C เลย จะได้วิวเมืองโล่งๆ แบบนี้นะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ลิฟท์โดยสาร 4 ตัว/อาคาร, แบ่งเป็น High Zone 2 ตัวและ Low Zone 2 ตัว, Service Lift 1 ตัว/อาคาร
  • 4 Main Lobby แต่ละ Lobby เป็น Lobby ใหญ่ที่ รองรับ 2 Towers (A1&A2, B1&B2, C1&C2, D1&D2)
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 62 :  1
  • ที่จอดรถของห้องชุดพักอาศัยประมาณ 1,600 คัน คิดเป็น 80%
  • ระบบ CCTV / Access Card

สิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท เบ็ล ดีเวลลอปเมนน์ จำกัด

  • ห้องฟิตเนส
  • สระว่ายน้ำ

 


Product Walkthrough

ห้องตัวอย่างแบบ Duplex-Sky View ขนาด 188 ตร.ม. เป็นห้องใหญ่ที่แบ่งออกเป็น 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านเลย วางตำแหน่งแต่ละห้องมาได้ลงตัวแต่รูปทรงของแต่ละห้องออกจะแปลกๆ หน่อยเพราะมีพื้นที่สามเหลี่ยมเยอะ จึงต้องพึ่งการตกแต่งแบบ Built-in เพื่อให้พื้นที่ในส่วนนั้นๆ ลงตัวขึ้น

เริ่มอธิบายจากชั้น 1 ของตัวห้องกันก่อน ชั้นนี้จะเน้นพื้นที่ส่วนกลางเป็นหลักโดยจะจัดพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และ Pantry ครัว ให้อยู่ในโซนเดียวกัน มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ ใช้งานได้สะดวกหรือวันไหนจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ แบบ 7-8 คนก็ได้สบายๆ การจัดพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้ทำให้สมาชิกในบ้านมีปฎิสัมพันธ์กันได้สะดวก แม้จะทำกิจกรรมที่ต่างกัน นอกจากนี้จะมีห้องนอนอยู่ในชั้นนี้ 1 ห้อง ห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัวนะ ส่วนห้องแม่บ้านจะถูกแยกไว้ด้านนอกติดกับห้องครัวไทยอีกที

ส่วนชั้น 2 เป็นชั้นของห้องนอนทั้งชั้น แบ่งออกเป็น 3 ห้องนอน พร้อมห้องน้ำในตัวทุกห้อง ห้องนอนแต่ละห้องจะได้หน้าต่างหรือไม่ก็ระเบียง ทำให้ได้แสงธรรมชาติจากภายนอกเข้ามาช่วยให้ห้องดูโปร่ง จุดอ่อนของห้องแบบนี้จะอยู่ที่ส่วนของห้องน้ำ ที่ส่วนใหญ่จะมีตำแหน่งอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องพึ่งพาอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ

เริ่มจากประตูหน้าห้องเป็นบานไม้จริงกรุวีเนียร์ พร้อมมือจับประตูทองเหลืองแบบก้านโยก ดูเข้มๆ คลาสสิคแบบนี้

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับบันได้ขึ้นชั้นบนเป็นส่วนแรก เผื่อสมาชิกในบ้านกลับมาแล้วอยากขึ้นห้องนอนก็สามารถเดินขึ้นไปได้เลย ไม่ต้องไปเดินผ่านห้องรับแขกด้านใน ห้องนี้สูงประมาณ 2.4 ม. และพื้นใช้ Engineering Wood ห้องขายแบบ Fully Fitted จึงไม่ได้แถมเฟอร์มาให้แต่ก็สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการแต่งห้องได้นะคะ

พื้นที่บริเวณใต้บันไดเป็นตำแหน่งของห้องเก็บของ ถ้าดูจากแปลนห้องเก็บของจะไม่ได้ใหญ่ขนาดนี้นะคะ ส่วนนี้ทางโครงการต่อเติมออกมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งถ้าจะทำเป็นตู้เก็บรองเท้าก็ดูเหมาะดีนะคะ

เดินผ่านห้องเก็บของเข้ามาด้านในห้องจะเปิดโล่งเป็นพื้นที่กว้างๆ ห้องตัวอย่างแบ่งฟังก์ชันออกเป็นพื้นที่ Living สำหรับนั่งดูทีวี และพื้นที่รับประทานอาหารแบบ 6 ที่นั่ง พื้นที่ส่วนนี้จะได้แสงธรรมชาติจากบานประตูกระจกที่เชื่อมออกไประเบียงทำให้ห้องดูไม่ทึบตัน เสียดาย..ถ้าหน้าต่างเยอะกว่านี้ก็จะช่วยให้ดูโปร่งขึ้นอีกนะคะ

ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีพื้นที่ให้วางชุดโซฟาขนาด 4-5 ที่นั่ง ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่นถ้าวางตามห้องตัวอย่างก็มีระยะประมาณ 3.8 เมตร สามารถติดทีวีที่ใหญ่กว่า 60 นิ้วก็ได้

ด้านข้างชุดโซฟาเป็นประตูบานเลื่อนกระจก สำหรับเปิดออกไประเบียง กระจกได้เป็นกระจกตัดแสงช่วยลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาในตัวห้องได้ดี

ส่วนเฟรมประตูเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ตัวล็อกแบบฝังบนเฟรม ..คงเป็นสเป็ควัสดุที่กำหนดไว้ตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างโครงการเมื่อ 7-8 ปีก่อนเลย ถ้าเทียบวัสดุกับราคาในปัจจุบันคิดว่าน่าจะต้องได้ของที่ดีขึ้นหน่อยนะคะ (>.<)

เปิดประตูออกมาที่ระเบียง สัมผัสได้ถึงความโล่ง รับวิวแบบเต็มๆ

พื้นที่ระเบียงกว้าง ใช้งานได้จริง มีขนาดอยู่ที่ 2.65 x 1.3 ม. สามารถใช้ตั้งชุดเก้าอี้นั่งเล่นได้เลย ไม่ต้องกังวลว่าจะมีลมร้อนของ Condensing Unit เพราะตำแหน่งของ Condensing Unit จะเอาไปรวมไว้ที่ระเบียงฝั่งห้อง Laundry ทำให้ใช้งานระเบียงส่วนนี้ได้เต็มที่ค่ะ

 

จากระเบียงเข้ามาด้านในห้องจะเห็นส่วนของ Pantry ครัวที่สามารถเชื่อมต่อไปยังห้องครัวได้สะดวก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ติดกับหน้าต่างหรือระเบียง แต่ก็ได้แสงภายนอกผ่านทางพื้นที่นั่งเล่นเข้ามา

Pantry และเคาน์เตอร์บาร์ สำหรับชงเครื่องดื่มหรือทำอาหารเบาๆ ช่วยเพิ่มความสะดวกหากต้องการจัดเตรียมอาหารที่ไม่ยุ่งยากมากนัก ก็ไม่ต้องไปใช้ครัวไทย ซึ่ง Pantry นี้ทางโครงการแต่งให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ ไม่ได้แถมมาให้นะคะ จึงสามารถเลือกรูปแบบ วัสดุได้ตามที่ชอบได้เลย แต่ถ้าอยากทำอาหารหนักๆ ก็เชิญที่ห้องทางขวาเป็นห้องครัวไทยแบบครัวปิดค่ะ

ต่อไปมาดูส่วนครัวไทย ซึ่งได้บานกระจกฉากกั้น 2 ตอน พอเปิดออกสุดแล้วมีพื้นที่ให้เดินผ่านได้สะดวก แต่หากยกหม้อหรือจานชามมาด้วยก็คงต้องระวังกันนิดนึงค่ะ

ภายในห้องครัวจะได้เคาน์เตอร์ครัวมา 2 ฝั่งแบบนี้ ซึ่งห้องจริงที่ได้จะมีการติดตั้ง Hob& Hood และซิงค์ล้างจานไว้ให้เรียบร้อย จะเป็นแบบไหนเดี๋ยวพาไปดูที่ห้อง Penthouse นะคะ ครัวที่ห้องนี้ยังเป็นแค่ Mockup ค่ะ ด้านในสุดมีประตูเปิดออกไปพื้นที่ซักล้างนะคะ

พื้นที่ส่วนซักล้างเป็นตำแหน่งสำหรับวางเครื่องซักผ้า และเป็นทางเดินไปห้องแม่บ้าน

ทางโครงการติดตั้งก๊อกน้ำ และเดินท่อรอไว้ให้เรียบร้อย

สุดทางเดินเป็นทางเข้าห้องนอนแม่บ้านและมีห้องน้ำสำหรับแม่บ้านแยกไว้ให้เรียบร้อยค่ะ

พื้นที่ภายในห้องแม่บ้านมีขนาดพอให้วางที่นอนได้แค่น้ัน ส่วนห้องน้ำก็มีฟังก์ชันมาทั้งครบ อาบน้ำได้ในห้องนี้เลย

พื้นที่อีกส่วนหนึ่งคือห้องนอน 4 และห้องน้ำ 4 ซึ่งเป็นห้องน้ำส่วนกลางในชั้นนี้

มาดูในห้องน้ำกันก่อน พื้นห้องน้ำจะลดระดับลงจากห้องนั่งเล่นลงมาหน่อย เพื่อกันไม่ให้น้ำไหลออกไปห้องอื่นได้ ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เรียบร้อย และติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ครบถ้วน

ห้องน้ำจะมีประตูที่สามารถเปิดเข้า – ออกได้ 2 ทางคือจะเข้าจากทางห้องนอนก็ได้ หรือจะเข้าจากทางห้องนั่งเล่นก็ได้

อ่างล้างหน้าของ American Standard มีขนาดกะทัดรัดแต่มีความลึกของตัวอ่างพอสมควร จึงใช้งานได้สะดวก ส่วนที่ดีคือมีเคาน์เตอร์หินแกรนิตดำรอบอ่างให้สามารถวางของใช้ได้เยอะ

โถสุขภัณฑ์เป็นโถแบบ 2 ชิ้นของยี่ห้อ American Standard มาเป็น Set มากับที่แขวนกระดาษชำระและสายฉีดชำระ โดยรอบโถสุขภัณฑ์มีการเว้นพื้นที่ไว้พอสมควรเพื่อให้สะดวกในการหยิบทิชชู่และสายฉีดชำระ

ส่วนของห้องอาบน้ำที่ทางโครงการแยกไว้เป็นสัดส่วนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัย ซึ่งเป็นแบบบานเปิดมีมือจับฉากกั้นแนวนอนที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ ภายในพื้นที่อาบน้ำจะติดตั้งฝักบัวอาบน้ำไว้เรียบร้อย ถ้าทำชั้นวางสบู่ แชมพู เพิ่มอีกหน่อยก็น่าจะใช้งานได้ถนัดขึ้นค่ะ

หน้าตาของฝักบัว American Standard มีขนาดจับได้ถนัดมือดี มาพร้อมก๊อกเปิดปิด

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 1 x 1.25 เมตร เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริง ไม่กว้างและแคบจนเกินไป

ต่อไปมาดูในห้องนอน 4 กันบ้าง เป็นห้องนอนห้องเดียวในชั้นนี้ ถ้าเทียบกับบ้านก็คงเป็นห้องนอนผู้สูงอายุในชั้นล่าง ด้านในห้องนอนมีขนาดกว้างพอสมควร สามารถวางFurniture ต่างๆ ได้ครบ

พื้นที่ปลายเตียงสามารถทำชั้นวางทีวีได้  ด้านข้างเหลือพื้นที่นิดหน่อย ห้องตัวอย่างจัดวางชุดเก้าอี้นั่งเล่นไว้แต่ถ้าบ้านไหนใช้ห้องนี้เป็นห้องของเด็กก็สามารถวางโต๊ะเขียนหนังสือแทน หรือวางโต๊ะเครื่องแป้งแทนก็ได้ ติดกันเป็นระเบียง

พื้นที่ระเบียงของห้องนี้เป็นทรงสามเหลี่ยม แต่ด้วยขนาดพื้นที่ที่กว้างพอสมควรจึงสามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้ สำหรับนั่งเล่นชิวๆ ตรงนี้ได้ ส่วน Condensing Unit แนะนำให้แขวนไว้ด้านบนจะประหยัดพื้นที่ระเบียงได้ดีกว่า และช่วยให้ลมร้อนไม่สะสมที่ระเบียงด้วยค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอนสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้เต็มผนังแบบในห้องตัวอย่างเลย ทำให้แขวนชุดและเก็บของได้เยอะดีนะคะ

กลับมาด้านหน้าทางเข้าห้องยังส่วนของบันได ซึ่งออกแบบมาได้ขนาดมาตรฐาน ใช้งานได้สะดวก

 

วัสดุพื้นของบันไดเป็นไม้แดง ความกว้างของพื้นที่เดินอยู่ที่ประมาณ 1 ม. ราวกันตกและมือจับเป็นวัสดุอลูมิเนียม มีราวกันตกอยู่ตลอดแนวจนถึงชั้น 2 ค่ะ

เดินขึ้นบันไดมาจะมีชานพักบันได 1 จุด เป็นขั้นสี่เหลี่ยมที่มีความกว้างพอสมควร ยืนได้สะดวกดี

ขึ้นมาชั้นบนแล้วมองไปทางขวา จะเห็นประตูทางเข้าห้องจากชั้นบนอยู่สุดทางเดิน ส่วนห้องทางขวาคือห้องเก็บของห้องบนชั้นนี้ค่ะ

อีกฝั่งหนึ่งของชั้นนี้จะมีทางเดินเชื่อมไปยังห้องนอนอีก 3 ห้อง ซึ่งจะอยู่ทางฝั่งเดียวกัน

ห้องนอนต่างๆ จะแยกออกตามโถงทางเดินนะคะ เริ่มจากฝั่งขวาห้องแรกเป็น Master Bedroom ด้านในสุดเป็นห้องนอน 2 ส่วนทางซ้ายเป็นห้องนอน 3 ค่ะ

Master Bedroom เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยมากสุดแต่ทรงห้องก็ยังมีมุมสามเหลี่ยมแปลกๆ อยู่นะ ห้องนี้ได้หน้าต่างบานใหญ่แบบสูงจากพื้นถึงฝ้า แม้ไม่ได้เป็นหน้าต่างบานใหญ่บานเดียวแต่ก็ทำให้ได้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้มาก ห้องจึงดูโปร่งพอสมควร แต่มุมวางทีวีจะไม่ได้ตรงกับเตียงเป๊ะๆ นะคะ

โครงการตกแต่งผนังฝั่งหนึ่งโดย Buily-in ตู้เสื้อผ้าแบบมีลูกเล่น โดยซ่อนประตูห้องน้ำไว้หลังประตูตู้เสื้อผ้าอีกที แบบนี้สามารถเก็บไว้เป็นไอเดียในการตกแต่งได้นะคะ

ภายในห้องน้ำจะถูกแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจนด้วยฉากกั้นอาบน้ำกระจกนิรภัยและขอบธรณี ผนังและพื้นโดยรอบเป็นกระเบื้องทั้งหมด แต่พื้นภายในห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องเซรามิก เพื่อช่วยกันลื่นภายใน้ห้องน้ำ วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะได้เหมือนกับในห้องน้ำชั้นล่าง ต่างกันที่ขนาดพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขึ้น

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ กว้าง 0.8 x 1.3 เมตร เป็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริง

ฝั่งตรงข้ามมีอุปกรณ์เพิ่มเติมอย่างอ่างอาบน้ำ

อ่างอาบน้ำพร้อมฝักบัวและก๊อกน้ำได้ของ American Standard อีกเช่นกัน โดยอ่างอาบน้ำมีขนาดมาตรฐาน 1.5 x 0.6 ม. ไม่ใหญ่มากนักแต่ก็พอนั่งแช่น้ำได้

มาดูห้องนอน 3 กันต่อนะคะ ห้องนี้เป็นห้องนอนที่ไม่มีหน้าต่างแต่จะได้ระเบียงแทน ถ้าอยากให้มีช่องแสงแนะนำให้เปลี่ยนประตูเป็นกระจกบานเลื่อนก็จะช่วยให้ดูโปร่งขึ้นได้ พื้นที่ภายในห้องกว้างทีเดียว มีพื้นที่ให้พอวางเตียงขนาดใหญ่ ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเขียนหนังสือและโต๊ะเครื่องแป้งได้

โครงการ Built-in พื้นที่ฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตู้เสื้อผ้า แถมออกแบบประตูห้องน้ำซ่อนไว้หลังประตูตู้เสื้อผ้าเหมือนห้องที่ผ่านมา

ภายในห้องน้ำขนาดพอๆ กับห้องน้ำชั้นล่างที่พาไปดูมา ภายในแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกแห้งไว้เรียบร้อย

พร้อมติดตั้งสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ไว้ครบถ้วน แต่พื้นที่อาบน้ำของห้องนี้จะกะทัดรัดไปหน่อย มีขนาด 0.85 x 0.85 ใครที่ตัวใหญ่หน่อยคงใช้งานลำบากหน่อยนะคะ

อีกฝั่งหนึ่งของห้องมีประตูทางออกไประเบียง

พื้นที่ระเบียงของห้องนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับวาง Condensing Unit ด้วย ทำให้ระเบียงใช้งานได้ไม่เต็มที่ เว้นแต่จะแขวนลอยขึ้นไปด้านบนทั้งหมดนะคะ

ระเบียงของห้องนี้มีขนาดประมาณ 1.5 x 1 ม. สามารถใช้วางราวตากผ้าเล็กๆ ได้

มาดูห้องนอน 2 เป็นห้องสุดท้ายของห้อง Duplex นี้นะคะ ห้องนี้แม้ไม่ใช่ Master Bedroom แต่บรรยากาศห้องดูน่าใช้งานด้วยหน้าต่างที่ให้มา 2 ตำแหน่ง

มีพื้นที่ให้สามารถวางเตียงขนาดใหญ่ ฝั่งซ้ายสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้ตลอดแนวของผนัง

ส่วนพื้นที่วางทีวีจะวางในตำแหน่งเดียวกับห้องตัวอย่าง หรือจะวางตรงผนังที่โล่งๆ อยู่ก็ได้ แต่ก็จะไม่ตรงกับเตียงเสียทีเดียวนะ จะเยื้องๆ หน่อย ส่วนทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ติดกับหน้าต่างเลยค่ะ

ภายในห้องน้ำมีพื้นที่ใช้สอยที่พอดีๆ ตัว ภายในจัดฟังก์ชันครบเหมือนกับห้องน้ำอื่นๆ มาพร้อมวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนด้วยสเปคเดียวกัน

สำหรับพื้นที่อาบน้ำในห้องนี้มีขนาด 0.8 x 1.35 ม. จึงเหมาะสมกับการใช้งาน

ต่อไปมาดูห้อง Penthouse กันบ้าง โดยมีตำแหน่งอยู่ที่ชั้นบนสุดของแต่ละตึก ผังห้องนี้ดูลงตัวกว่าห้อง Duplex เพราะมีพื้นที่มุมสามเหลี่ยมแปลกๆ น้อยลง และระเบียงทั้ง 2 ตำแหน่งได้มาเป็นระเบียงกว้างที่สามารถมาใช้งานนั่งเล่น ปลูกต้นไม้กระถางได้สบายๆ ตัวห้องดูโปร่งโล่งกว่ามากด้วยหน้าต่างจำนวนมาก จากขนาดพื้นที่ที่ไม่ต่างกับห้อง Duplex มากแต่โครงการแบ่งห้องให้เหลือเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ทำให้พื้นที่ในแต่ละห้องมีขนาดใหญ่ แต่ยังคงการออกแบบที่ทุกห้องนอนจะได้ระเบียงหรือติดริมหน้าต่างทั้งหมด ซึ่งเป็นการออกแบบที่เอื้อวิวให้กับห้องนอน ส่วนที่เป็นจุดอ่อนของห้องนี้คือห้องน้ำและครัวไทยที่ถูกจัดตำแหน่งไว้ด้านในอาคาร ไม่มีหน้าต่างไว้ระบายอากาศ ต้องพึ่งพางานระบบของอาคารทั้งหมด

เปิดห้องเข้ามายังส่วนแรกที่เป็น Foyer พื้นที่ตรงนี้จะมีฝ้าเพดานที่สูงกว่าส่วนอื่นๆ ของห้อง โดยมีความสูงอยู่ที่ 4.5 ม. บริเวณนี้เป็นส่วนต้อนรับส่วนแรก แนะนำให้แต่งแบบ Built-in เป็นตู้เก็บของและชั้นวางของตั้งโชว์ในแบบที่ชอบค่ะ

ผ่าน Foyer เข้ามาด้านในจะเข้าสู่พื้นที่ Common Area ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ของห้อง จัดพื้นที่นั่งเล่น ทานอาหาร และ Pantry ครัว ให้อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ใช้งานได้หลากหลาย หรือวันไหนจะจัดปาร์ตี้เล็กๆ แบบ 7-8 คนก็ทำได้สบายๆ การจัดพื้นที่ส่วนกลางแบบนี้ทำให้สมาชิกในบ้านมีปฎิสัมพันธ์กันได้สะดวก แม้จะทำกิจกรรมที่ต่างกัน

ในส่วน Pantry แบบฝรั่งนี้ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นไอเดียเท่านั้นจะไม่ได้แถมเฟอร์ฯ ให้นะคะ แต่จะให้ในส่วนของครัวไทยที่อยู่ด้านในนะคะ

บริเวณหน้าห้องครัวมีพื้นที่อยู่หน่อยเหมาะจะวางตู้เย็นดี สำหรับห้องตัวอย่างวางตู้เย็นขนาด 10.7 คิวไว้ ถ้าใครจะวางตู้ที่ใหญ่กว่านี้ก็อย่าลืมวัดขนาดพื้นที่วางที่แน่นอนด้วยนะคะ

ครัวไทยจะได้เป็นครัวปิด ภายในวางเคาน์เตอร์ครัวไว้ก็จะได้แบบนี้เลยค่ะ

Counter ครัวด้านล่างเป็นตู้ไม้ลามิเนต มีหน้าบานปิดเป็นสัดส่วนและแบ่งช่องเก็บของออกเป็น 3 ตู้

มาดูส่วนบนของเคาน์เตอร์ครัวกันบ้าง พื้นที่บนเคาน์เตอร์โดยรวมมีพื้นที่พอให้วางเครื่องปรุง ส่วนผสม สำหรับปรุงอาหารได้ Top Counter ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ส่วน Backsplash ด้านหลังติดกระเบื้องสีขาวลายหินเอาไว้ให้กันในส่วนเวลาทำอาหารแล้วกระเด็นไปเลอะเทอะ เช็ดได้ง่าย

โครงการให้เตาไฟฟ้าขดลวดแบบ 4 หัวของ Teka ให้มาเป็น Set พร้อมพัดลมดูดควัน ซึ่งเป็นระบบหมุนเวียนภายในห้องไม่ได้ต่อท่อออกไปด้านนอก จึงยังไม่เหมาะกับการทำครัวไทยหนักๆ ที่มีกลิ่นแรง หรือควันเยอะสักเท่าไหร่

ซิงค์ล้างจาน 1 หลุมที่ให้มา มีขนาดพอจะใส่แก้วได้ 6 – 7 ใบ และมีความลึกพอสมควรที่จะล้างแล้วน้ำไม่กระเด็นออกมา และมีพื้นที่ให้ตากจานด้านข้างด้วยค่ะ

ด้านบนเป็นชุดตู้มีหน้าบานปิด พอเปิดออกแล้วเป็นแบบนี้ เป็นชั้นเก็บของ ด้านในตู้ขวามือจะติดตั้งตู้เบรกเกอร์ไฟไว้ในนี้นะคะ

มือจับตู้ลิ้นชักถูกออกแบบให้ขอบด้านบนถูกเฉือนเป็นสามเหลี่ยม เพื่อให้เกิดช่องสำหรับสอดมือไปดึงลิ้นชักออกได้ ซึ่งแบบนี้มีข้อดีที่ไม่ต้องกลัวมือจับตู้หลุดอีกต่อไปค่ะ

ด้านในห้องครัวจะเชื่อมกับห้องแม่บ้าน ซึ่งภายในห้องนอนแม่บ้านก็จะมีห้องน้ำในตัวนะคะ

ถัดไปเป็นพื้นที่ Living ส่วนนี้มีบรรยากาศที่น่าใช้งานเพราะมีหน้าต่างบานใหญ่ ทำให้ได้แสงธรรมชาติเข้ามามาก ห้องจึงดูโปร่งโล่งและอบอุ่น เป็นบาน Fix ผสมบานกระทุ้ง จึงสามารถเปิดระบายอากาศได้

ชุดโซฟาที่จัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างเท่านั้นนะคะ ห้องจริงจะไม่ได้มีเฟอร์ฯ มาให้ แต่ด้วยพื้นที่ที่กว้างก็สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้นะคะ

จากพื้นที่ Living มองไปยังพื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งของห้อง จะเป็นตำแหน่งสำหรับวางโต๊ะทานอาหาร ที่สามารถนั่งชมวิวและดูทีวีไปด้วยได้ ถ้าเลือกเป็นโต๊ะกลมก็ลงตัวกับพื้นที่ส่วนนี้มากกว่า เพราะเป็นช่วงที่พื้นที่สอบเข้าเป็นสามเหลี่ยมพอดี ติดกันทางขวาเป็นห้องนอน 3 ด้านในสุดจะมีประตูบานเลื่อนเปิดออกไประเบียง ซึ่งโครงการทำผนังมาเพิ่มกั้นเป็นห้องทำงานเล็กๆ

ห้องทำงานที่กั้นเพิ่มให้ดูเป็นตัวอย่าง มีพื้นที่ให้วางโต๊ะทำงานตัวยาวได้ ส่วนหลังคา Sun Roof ก็จะได้มาเป็นมาตรฐานของห้องเลยนะคะ

ด้านในสุดห้องมีประตูกระจกบานเลื่อนเปิดออกไประเบียงได้

พื้นที่ระเบียงขนาดใหญ่ ทำให้ชมวิวได้หลายมุม และมีพื้นที่พอให้วางชุดเฟอร์ฯ สนามแบบหลายที่นั่งได้เลย

ต่อไปมาดูห้องนอน 3 ที่อยู่ติดกัน ภายในห้องนอนนี้มีพื้นที่พอวางเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมหัวเตียงเหมือนกับห้องตัวอย่างเลย

พื้นที่ปลายเตียงสามารถ Built-in ชั้นวางทีวีได้ สามารถจัดวางตำแหน่งทีวีให้ตรงกับเตียงได้นะคะ ด้านข้างเตียงมีช่องแสงเป็นประตูกระจกบานใหญ่ สำหรับเปิดออกไประเบียง และด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย

พื้นที่ใช้สอยอีกฝั่งหนึ่งที่ติดกับประตูห้อง ทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง และเป็นทางเข้าห้องน้ำด้วย

ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย ห้องนี้ตกแต่งเพิ่มเติมมาทั้งหมด ซึ่งวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ได้จริงจะได้มาครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรก

พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำจะมีขนาดไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีครบทุกฟังก์ชันทั้งส่วนแห้งและพื้นที่อาบน้ำ

กลับมายังพื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องจะมีโถงทางเดินเชื่อมเข้าห้องต่างๆ

เริ่มจากฝั่งซ้ายเป็นห้องน้ำ 2 ซึ่งเป็นห้องน้ำสำหรับห้องนอน 2 ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามและเป็นห้องน้ำส่วนกลางด้วย และสุดทางเดินคือ Master Bedroom ค่ะ

ภายในห้องนอน 2 มีขนาดพื้นที่ใช้สอยกว้าง สามารถวางเฟอร์ฯ และจัดฟังก์ชันได้สบายๆ

มองกลับไปที่ฝั่งหน้าห้อง มีพื้นที่ให้สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าได้

พื้นที่ข้างเตียงมีช่องแสงเป็นประตูกระจกบานใหญ่สำหรับเปิดออกไประเบียง และด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย รวมถึงมีการออกแบบหลังคาแบบ Sun Roof ซึ่งจะได้มาแบบนี้เลยเลยนะคะ

บรรยากาศของพื้นที่ระเบียง กว้างและดูโปร่ง เพราะไม่ได้มีหลังคาคลุมระเบียงแต่เวลาที่ฝนตกก็ต้องระวังฝนสาดเข้าในอาคารเหมือนกันนะคะ

ภายในห้องน้ำส่วนกลางแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ จะได้มาแบบครบถ้วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องแรก พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำจะมีขนาดไม่กว้างมากนัก แต่ก็มีครบทุกฟังก์ชันทั้งส่วนแห้งและพื้นที่อาบน้ำ

ห้องสุดท้ายเป็น Master Bedroom ห้องนี้มีพื้นที่ใช้สอยเยอะที่สุดและได้ช่องแสงบานใหญ่ ทำให้ห้องดูโล่งมาก มองวิวภายนอกได้กว้างดี

ห้องตัวอย่างจัดวางเตียงขนาดใหญ่ไว้ตรงกลาง ปลายเตียงมีพื้นที่ให้ Built-in ชั้นวางทีวี และชั้นเก็บของได้

ถัดจากเตียงนอนเข้าไปด้านในยังมีพื้นที่ให้จัดฟังก์ชันเป็นโต๊ะทำงานและมุมนั่งเล่นริมหน้าต่างแบบนี้ได้

พื้นที่ระเบียงจะเชื่อมกับระเบียงของห้องนอน 2 ที่พาออกมาชมเมื่อสักครู่

จากเตียงนอนแล้วมองเข้าอีกไปฝั่งหนึ่งของห้อง จะเป็นพื้นที่ที่ทางโครงการ Built-in มาให้เป็น Walk-in Closet ก็จะมีทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง และด้านในสุดเป็นห้องน้ำในตัว แต่ดูจากตำแหน่งของห้องน้ำจะอยู่ด้านในอาคาร ทำให้ต้องอาศัยระบบระบายอากาศของอาคารล้วนๆ แต่ก็ทำให้ห้องนอนได้อยู่ฝั่งที่เห็นวิวภายนอกทั้งหมดค่ะ

โครงการ Built-in เฟอร์ฯ ไว้ให้เป็นตัวอย่าง โดยมีพื้นที่ให้จัดเฟอร์ฯ ทั้งตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งแล้วยังเหลือทางเดินไปเข้าห้องน้ำด้านใน

ห้องน้ำในตัวของ Master Bedroom นี้มีขนาดใหญ่ ภายในจัดฟังก์ชันไว้ครบถ้วน แบ่งพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน ด้านหน้าสุดของห้องทางขวามือเป็นอ่างล้าง ส่วนฝั่งซ้ายเป็น Bathtub

ด้านในสุดจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฟังก์ชัน ฝั่งขวาเป็น Shower Area ที่กั้นไว้ด้วยฉากกระจกนิรภัย ภายในให้วัสดุอุปกรณ์ของ American Standard เช่นเดียวกับห้องน้ำในห้องแรกนะคะ

ส่วนฝั่งขวาเป็นตำแหน่งของโถสุขภัณฑ์ จะได้เป็นรุ่นเดียวกับห้องน้ำในห้องแบบแรก

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 07 November 2017

  • Duplex 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 107-108 ตร.ม. ราคา 15.12 – 18.4 ล้านบาท หรือ 141,308 – 170,370 บาท/ตร.ม.
  • Duplex 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ขนาด 145-189 ตร.ม. ราคา 21.4 – 30.7 ล้านบาท หรือ 147,586 – 162,434 บาท/ตร.ม.
  • Duplex 5 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ ขนาด 187-193 ตร.ม. ราคา 25.96 – 31.93 ล้านบาท หรือ 138,824 – 165,440 บาท/ตร.ม.
  • Penthouse 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 127-139 ตร.ม. ราคา 19.58 – 22.89 ล้านบาท หรือ 154,173 – 164,676 บาท/ตร.ม.
  • Penthouse 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ขนาด 178-182 ตร.ม. ราคา 25.04 – 31 ล้านบาท หรือ 140,674 – 170,330 บาท/ตร.ม.

 

  • Fully Fitted (โครงการมีห้องชุดตกแต่งพร้อมอยู่ Fully Furnished และห้องแบบ Bare Shell ให้สามารถเลือกได้)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4-4.5 เมตร (แล้วแต่ประเภทยูนิต)
  • Built-in Kitchen
  • Hob & Hood
  • จอง 200,000 บาท
  • เงินจองและทำสัญญา 20% ของราคาห้องชุด
  • ดาวน์ 15%
  • ค่ากองทุน 300 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 30 บาท/ตร.ม./เดือน (เก็บล่วงหน้า 1 ปี)
  • สระว่ายน้ำ 50,000 บาท / 20 ปี

หมายเหตุ  * สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, สวนหย่อมบางส่วน, พื้นที่พาณิชยกรรม, ที่จอดรถบริเวณชั้นใต้ดินรวมถึงถนนรอบอาคารชุดและ งานระบบบางส่วนมิใช่ทรัพย์สินส่วนกลางของอาคารชุด ตามพระราชบัญญัติอาคารชุด

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาและเงื่อนไขต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าค่ะ

 


เจาะลึกรวบยอด

การหาห้องคอนโดขนาดใหญ่ขนาด 100 กว่าๆ – เกือบ 200 ตร.ม. บนทำเลใจกลางเมืองย่านพระราม 9 ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ห้างฯ และอาคารสำนักงาน เป็น Product ที่เราไม่ค่อยเห็นแล้วในปัจจุบัน เพราะด้วยราคาที่ดินที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ ของทำเลนี้ ทำให้ผู้ประกอบการเลือกที่จะแบ่งพื้นที่ขายออกเป็นห้องย่อยๆ เพื่อเน้นจำนวนยูนิตในการขายกันเสียมากกว่า ทำให้ห้อง Duplex และ Penthouse ของคอนโด Belle Grand Rama 9 เป็น Rare Item ไม่กี่ยูนิตที่ตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาคอนโดใจกลางเมือง ที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ อยู่อาศัยกันทั้งครอบครัวได้แบบสบายๆ ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน แต่จะต่างกับบ้านนิดหน่อยตรงที่ไม่มีพื้นที่สนามหญ้ารอบบ้านให้วิ่งเล่น แลกมากับพื้นที่ระเบียงและวิวเมืองในมุมสูงแทนนะคะ

ทำเล – ทำเลของ Belle Grand Rama 9 มีข้อดีของการที่เป็นส่วนหนึ่งในโครงการ The Grand Rama 9 ทำให้รวมเอาไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทั้งของกิน และแหล่งงาน โดยเป็นโปรเจคใหญ่ที่ออกตัวไว้ว่าจะทำให้ย่านนี้กลายเป็น New CBD ของกรุงเทพฯ อีกแห่งหนึ่ง จึงเป็นอีกทำเลหนึ่งที่น่าจับตามองทีเดียว นอกจากนี้พื้นที่บริเวณพระราม 9 ในปัจจุบันก็เป็นทำเลที่มีความคึกคัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนเส้นรัชดาภิเษก ซึ่งเราจะเห็นมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ สลับกับศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดเรียงรายกันยาวไปจนถึงช่วงห้วยขวางเลย ทำให้มีตัวเลือกในการเดินเล่น ช้อปปิ้ง และเข้าถึงแหล่งงานได้สะดวกมากทีเดียว

การเดินทางโดยใช้รถ – แม้ว่าโครงการจะได้คะแนนในเรื่องทำเลที่อยู่ในโครงการ The Grand Rama 9 แต่ในขณะเดียวกัน การเอาที่อยู่อาศัยมารวมกับแหล่งชักนำรถติดอย่าง Office Building จำนวนมาก (ติดเช้าเย็น) กับ Central พระราม 9 ก็เป็นการดึงปัญหาการจราจรเข้ามาสู่ตัวเอง อย่างไรก็ตามการใช้รถยังมีข้อดีที่เข้าออกได้หลายเส้นทาง แต่ทางหลักทั้งถนนรัชดาและถนนพระราม 9 ก็ขึ้นชื่อเรื่องรถติด จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย ส่วนที่จอดรถให้มาเพียงพอมากถึง 80% ค่ะ

การเดินทางโดยไม่ใช้รถ – เดินทางได้สะดวกเพราะใกล้ MRT พระราม 9 ในระยะเดิน 400 ม. แต่เนื่องจากโครงการไม่ติดถนนใหญ่ทำให้เวลาจะเรียกแท็กซี่คงต้องรอหน่อย แต่ก็ยังโชคดีที่ปัจจุบันมีบริการ Shuttle Bus ของ The Shoppes Grand Rama 9 คอยรับ-ส่งฟรีระหว่างโครงการกับอาคาร G Tower Grand Rama 9

วัสดุ – สเปควัสดุของโครงการจะมีความแตกต่างจากคอนโดในยุคสมัยนี้เนื่องจากโครงการถูกออกแบบไว้หลายปีมากแล้ว บางส่วนจะได้ของดีกว่า เช่น ได้พื้นไม้ Engineering ถ้าเทียบกับคอนโดระดับราคาเดียวกันในปัจจุบันก็จะได้เป็นพื้นไม้ลามิเนต บันไดได้พื้นไม้จริงเป็นไม้แดง ส่วนราวจับของบันไดได้เป็นอลูมิเนียมพร้อมฉากกั้นกระจกตลอดแนว ถือว่าให้มาดีทีเดียว แต่ก็มีบางส่วนที่ดูว่าให้น้อยไปหน่อย อย่างกรอบประดูบานเลื่อนที่ได้เป็นกรอบอลูฯสีธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันก็ใช้แบบอบสีเพิ่มเป็นกรอบดำหรือกรอบขาวกันแล้ว เป็นต้น

การออกแบบ – อาคารสร้างมาเป็นตึก 8 เหลี่ยม 8 ทาวเวอร์ ในเรื่องของความสวยงามเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละตัวบุคคล จึงขอไม่พูดถึง จะมาพูดในเรื่องของฟังก์การใช้งานแล้วกันนะคะ ด้วยรูปแบบของอาคารทำให้แปลนของพักอาศัยมีเหลี่ยมมุมเยอะ จะมีพื้นที่ Waste Space ในหลายๆ จุดที่จัดสรรการใช้งานให้ลงตัวได้ยาก และการจัดเฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะสมคงต้องอาศัยการ Built-in มากกว่าการหาเฟอร์ฯ แบบลอยตัวมาวาง

สาธารณูปโภค – สาธารณูปโภคที่มีให้ลูกบ้านใช้ส่วนใหญ่จะเป็นกรรมสิทธิ์ของ Belle Development แต่ถ้าไม่นับเรื่องกรรมสิทธิแล้วถือว่าโครงการมีความสะดวกสบายในการช้อปปิ้ง ทานอาหารมาก เพราะที่ชั้น G และ ชั้น 1 จัดมาให้เป็น The Shoppes Grand Rama 9 คอมมูนิตี้มอลล์แบบเต็มทั้ง 2 ชั้น อย่างไรก็ตามที่คอมมูนิตี้มอลล์ก็จะมีลูกค้าจากภายนอกเข้ามาร่วมใช้งานกันเยอะพอสมควร นอกจากนี้ยังมีพื้นที่สระและสวนบนชั้น P ที่ทำออกมาในบรรยากาศรีสอร์ท บนพื้นที่ขนาดประมาณ 4 ไร่ แลกกับค่าใช้สระว่ายน้ำ จำนวน 50,000 บาท / 20 ปี ที่เก็บเพิ่มในวันโอนกรรมสิทธิ์ และเสียค่าส่วนกลางตามปกติอยู่ที่ 30 บาท/ตร.ม. คิดๆ ดูแล้วก็เสียไม่แพงนะคะ แต่พอครบ 20 ปีแล้วจะมีการเก็บค่าใช้สระว่ายน้ำใหม่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าโครงการจะเรียกเก็บเพิ่มที่เท่าไหร่นะคะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการดูแลรักษาพื้นที่ส่วนกลางก็ถือว่าทำได้ดี ส่วนกลางยังดูสะอาดเรียบร้อย น่าใช้งานอยู่ค่ะ

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาเฉลี่ยของห้อง Duplex และ Penthouse 154,000 บาท/ตร.ม., 07 October 2017

  • ทำเล 7.75/10 – ทำเลพระราม 9/รัชดา ในซอยพระราม 9 สแควร์ อุดมสมบูรณ์เพราะชั้นล่างโครงการก็มี The Shoppes Grand Rama 9 ใกล้เซ็นทรัล Fortune และอาคารสำนักงานใน The Grand Rama 9
  • เดินทางด้วยรถ 7.5/10 – เข้าออกได้หลายเส้นทางแม้ไม่ติดถนนใหญ่ แต่ทางหลักทั้งถนนรัชดาและถนนพระราม 9 ก็ขึ้นชื่อเรื่องรถติด จึงต้องเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อย ที่จอดรถให้มาเพียงพอมากถึง 80%
  • ไม่ใช้รถ 7.75/10 – เดินทางได้สะดวกเพราะใกล้ MRT พระราม 9 ในระยะเดิน 400 ม. โชคดีได้ Shuttle Bus ของ The Shoppes Grand Rama 9 คอยรับ-ส่ง มีพี่วินอยู่ไม่ไกล และแท๊กซี่ผ่านเข้าออกบ่อย แต่ถ้าไม่มีรถสาธารณะผ่านต้องเดินไปเรียกที่ถนนใหญ่
  • วัสดุ 7.25/10 – มีดีด้อยปะปนกัน เพราะเป็นวัสดุที่ออกแบบไว้เมื่อ 6-7 ปีมาแล้ว
  • แบบ 6.5/10 – แบบห้องออกแบบมาได้ Unique มากเพราะอาคารเป็น 8 เหลี่ยม พื้นที่ใช้สอยจึงมีพื้นที่เสียเปล่าตามเหลี่ยมมุมอยู่บ้าง
  • สาธารณูปโภค 8/10 – จัดให้มามีขนาดใหญ่ ช้อปปิ้งได้สะดวกที่ The Shoppes Grand Rama 9 แต่เกือบทั้งหมดอยู่ในกรรมสิทธิ์ของ Belle Development นะคะ

  • SUPER ECONOMY CLASS
  • 7.53 / 10.00

BOTTOM LINE

Belle Grand Rama 9 (ห้อง Duplex และ Penthouse) เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดขนาดใหญ่แบบ 100 – 300 กว่า ตร.ม. ในทำเลใจกลางเมืองย่านพระราม 9 แบบพร้อมเข้าอยู่ มีรถไฟฟ้าให้ใช้ในระยะเดินไม่ไกล มีความอุดมสมบูรณ์ครบเครื่องรายรอบโครงการ  ใกล้ห้างฯ เป็นคนชอบแต่งบ้านและเลือกของที่ความพอใจของตัวมากกว่า พลิกป้ายมองหายี่ห้อดัง มีงบประมาณระดับ 15-31 ล้าน และมีกำลังผ่อนต่อเดือนราว 105,000 – 217,000 บาท