รีวิวฉบับที่ 1524 … หากใครกำลังมองหาคอนโดพร้อมอยู่ในเมืองศรีราชา วันนี้เรามีพาไปชมตึกเสร็จโครงการ KnightsBridge The Ocean Sriracha คอนโด High Rise ที่มาพร้อมกับวิวสวย “หน้าทะเล หลังภูเขา” ได้บรรยากาศสงบ มาพร้อมกับ Facilities แบบจัดเต็มเน้นสไตล์ญี่ปุ่น เอาใจชาวญี่ปุ่นที่มาทำงานในย่านนี้ รวมไปถึงมีแพกเกจ Rental Program การันตีค่าเช่าขั้นต่ำ 17,000 บาท/เดือน นาน 1 ปี ให้สำหรับผู้สนใจลงทุนอีกด้วย ตัวโครงการเป็นอย่างไรเราไปชมกันค่ะ

 

Fact @ 25 January 2018

  • KnightsBridge The Ocean Sriracha (ไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา)
  • Origin Property Public Company Limited / บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ถนนสุขุมวิท เทศบาลนครแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี
  • ที่ดินประมาณ  4-0-4.5 ไร่
  • คอนโด High Rise 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 722 ยูนิต
  • ที่จอดรถ 265  คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน
  • Superior (1 Bedroom)  24.50 – 29.00 ตารางเมตร
  • Deluxe (1 Bedroom)     33.00 – 37.50 ตารางเมตร
  • Suite (2 Bedroom)        52.00 – 62.00 ตารางเมตร
  • Penthouse                       87.00 – 93.00 ตารางเมตร
  • Duplex                             61.00 – 101.00 ตารางเมตร
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • ราคาเริ่มต้น 2.89 ล้านบาท
  • ราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท (Update 19 July 2018)
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรของทั้งโครงการ 120,000 บาท
  • โครงการเริ่มก่อสร้าง : ปี 2559
  • แล้วเสร็จทั้งโครงการ : Q1 ปี 2561
  • อ่านข้อมูลทำเลเพิ่มเติมใน มองหาทำเลน่าอยู่ศรีราชา คลิกที่นี่
  • Call Center : 020-300-000

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.151862, 100.917854

Knightsbridge The Ocean ศรีราชา อยู่ติดกับถนนหลักอย่างถนนสุขุมวิท(ทล.3) ซึ่งเป็นถนนสายหลักตรงไปยังพัทยาได้ โดยโครงการอยู่ไม่ไกลจากสถานที่เที่ยวอย่างเช่น เกาะลอย,แหลมฉบัง ใกล้แหล่งการศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชา, โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา, โรงเรียนเซนต์ปอล คอนแวนต์ และใกล้แหล่งช็อปปิ้ง อย่างโรบินสัน, J Park และตึกคอม
แผนที่ knightbridge
ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ทล.3 บริเวณระหว่างช่วงย่านใหญ่ๆ อย่างโรบินสัน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (อ่าวอุดม) สำหนับถนนสุขุมวิทเส้นนี้เป็นถนนใหญ่สามารถขับเข้ากรุงเทพหรือจะไปออกพัทยาก็ไปง่าย และยังมีเส้นทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเกาะลอย, ชายทะเลได้ไม่ไกลมาก  จากโครงการสามารถไปยังถนนเขาน้ำซับ ที่ใช้เป็นทางลัดเลาะไปย่านชุมชนอยู่อาศัยอย่างถนนเก้ากิโล หรือจะไปออกซอยทุ่งสุขลา ไปทะลุถนนกรุงเทพ-พัทยา(บายพาสมอเตอร์เวย์ ทล.7) ได้ด้วย รอบๆโครงการจะมีสถานที่สำคัญต่างๆในละแวกไม่ไกลมากเช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตศรีราชา โรงเรียนต่างๆเช่น เซนต์ปอลคอนแวนต์ อัสสัมชัญศรีราชา ดาราสมุทร

ส่วนห้างแหล่งกินเที่ยวซื้อของ ถ้าอิงถนนหลักอย่างสุขุมวิทก็จะมีห้างโรบินสัน(แปซิฟิคพาร์ค), ตึกคอม และห้างฮาร์เบอร์ มอลล์ อีกทั้งยังมีห้างเก๋ๆสไตล์ญี่ปุ่นที่เพิ่งเปิดมาไม่นานมากอย่าง J PARK ให้เปลี่ยนบรรยากาศอีกด้วย ในอนาคตจะมีอีกห้างที่กำลังก่อสร้างอยู่แถวอัสสัมชัญคืออิออน ศรีราชาค่ะ ส่วนพวกตลาดนัด ตลาดสดนี่ก็มีให้เลือกหลายที่แล้วแต่สะดวกและชินทำเลไหนนะคะ เช่น ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดสดศรีราชา ตลาดวรกิจ เป็นต้น

จุดที่เป็นแหล่งการขนส่งหลักจากเรือในแทบบริเวณนี้ก็จะมีท่าเรือศรีราชาฮาเบอร์, เคอรี่ สยาม ซีพอร์ต และที่สำคัญที่สุด นิคมแหลมฉบัง คะอ้อ ยังมี บมจ.ไทยออยล์ ที่เป็นอุตสาหกรรมปิโตรมาอีกเจ้า เจ้าแหล่งที่พูดถึงพวกนี้ เป็นบริษัทและท่าเรือทั้งหลายที่สำคัญในโซนนี้ ที่มีแรงงาน บุคลากรมากมายทำงานอยู่ มีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ทำให้ชุมชนศรีราชาถึงขยายและเติบโตในเรื่องที่อยู่อาศัยอย่างรวดเร็วมากๆในระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ถึงขนาดที่ว่าราคาที่ดินแนวราบบางจุดแถวนี้ใน 3 ปีที่ผ่านมาพุ่งขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดิมเลย และทำให้เกิดตลาดลงทุนคอนโดเกิดขึ้นมานั่นเอง

why ศรีราชา

ทำไมต้องเป็นศรีราชา ?

ด้วยภูมิประเทศเป็นจังหวัดที่ติดทะเล ทำให้ชลบุรีสามารถเดินทางเชื่อมต่อการขนส่งกับหลายๆประเทศ ได้เป็นเมืองหลักทางด้านอุตสาหกรรมและการค้าขายของภาคตะวันออก มีโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรมต่างๆมากมายที่อยู่ในย่านชลบุรี ปลวกแดง มาบตาพุด โดยมีอำเภอศรีราชาเป็นศูนย์กลาง มีการก่อตั้งท่าเรือแหลมฉบัง เป็นท่าเรือพาณิชย์สำคัญขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอนาคตจะมีการเชื่อมต่อกับท่าเรือทวาย (พม่า) ถือเป็นการเชื่อม 2 คาบสมุทรแปซิฟิก นั่นจะหมายถึงการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ทังภาครัฐและเอกชน ถือเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะมีมูลค่านับแสนล้าน ซึ่งแน่นอนว่าผู้คนก็จะหลั่งไหลเข้ามาที่ศรีราชาเป็นจำนวนมาก

สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของศรีราชาคือความเป็น “Little Osaka” ด้วยความที่ภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากประเทศญี่ปุ่นมาช้านาน มีประชากรญี่ปุ่นถึง 12,000 คนในศรีราชา ทำให้เกิดความสัมพันธ์ของ 2 วัฒนธรรม ไทย- ญี่ปุ่น รวมทั้งการลงทุนของรัฐบาลไทย-ญี่ปุ่น ที่ไม่ได้จะเอื้ออำนวยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังมีความร่วมมือหลายๆด้าน เช่น โรงเรียนไทย-ญี่ปุ่น การให้กู้หรือจะร่วมทุนในรถไฟฟ้ารางคู่และรถไฟฟ้าความเร็วสูง

รวมทั้งความร่วมมือทางด้านการเตรียมการรองรับคนญี่ปุ่นที่จะเข้ามาในประเทศไทย เช่น  โรงพยาบาลเอกชน อย่างโรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ รองรับการป่วยไข้, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา และโรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา รองรับในด้านการศึกษา และมี Community mall อย่าง J Park ที่ออกแบบมาในสไตล์ญี่ปุ่น เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและช็อปปิ้ง รวมไปถึงเทศบาลนครศรีราชาก็มีกิจกรรมรองรับหลายรูปแบบ

จากศักยภาพทั้งหลายเหล่านี้จึงเกิดการลงทุนคอนโดขึ้นที่ศรีราชามากมายค่ะ โดย KnightsBridge The Ocean ศรีราชา ก็เป็นคอนโดในรูปแบบหนึ่งที่ต้องการเจาะกลุ่มญี่ปุ่น รวมทั้งนักลงทุนชาวไทยที่เล็งเห็นความสำคัญในข้อนี้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม : “มองหาทำเลน่าอยู่ศรีราชา” คลิกที่นี่

Mr.Oe ได้พูดถึง “การเปลี่ยนแปลงศรีราชาสู่การเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศไทย” คลิกที่นี่

สรุปทำเลโครงการในภาพรวมจากแผนที่เราอาจจะพอเห็นได้ว่าจริงๆ แล้วตัวโครงการจะอยู่ระหว่างใจกลางความอุดมสมบูรณ์ของศรีราชาระหว่างบริเวณห้างโรบินสันและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (อ่าวอุดม) ดังนั้นหากเทียบตัวทำเลกับโครงการในศรีราชาด้วยกันอาจจะไม่ใช่โครงการที่อยู่ใกล้ความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดนะคะ จะเป็นโครงการที่ขยับออกจากในเมืองมาหน่อย ซึ่งแลกมากับความสงบและวิวธรรมชาติที่มากกว่าโครงการในใจกลางเมืองอย่างชัดเจน จึงตอบโจทย์กลุ่มคนที่ชื่นชอบความสงบ ไม่พลุ่กพล่าน เน้นการพักผ่อน และวิวที่ได้ทั้งภูเขาและทะเล

เส้นทางที่เราจะพาไปโครงการในวันนี้เริ่มต้นจากถนนสุขุมวิท ช่วงบริเวณหน้าโรงเรียนดาราสมุทรมุ่งหน้าไปทางตัวเมืองศรีราชากันค่ะ จากนั้นขับตรงไปประมาณ 3.9 กม. ก็จะเห็นตัวโครงการอยู่ฝั่งซ้ายมือแล้วค่ะ

เริ่มต้นเส้นทางกันบริเวณหน้าโรงเรียนดาราสมุทร ศรีราชากันนะคะ สำหรับโรงเรียนนี้จัดเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่อีกโรงเรียนในเมืองศรีราชา

ถัดมาเป็นสามเณราลัยพระหฤทัยที่อยู่ถัดไปจากโรงเรียนดาราสมุทร

ผ่านวัดคาทอลิก พระหฤทัยพระเยซูเจ้า

ตรงมาอีกหน่อยก็จะถึงแยกวังหินแล้วค่ะ แยกนี้เป็นอีกแยกที่ค่อนข้างคึกคักทีเดียวเพราะเป็นแยกที่สามารถเชื่อมเข้าถนนสุรศักดิ์ 2 ตรงไปเกาะลอยได้

ถัดมาจะเจอกับห้างสรรพสินค้าหลักของคนศรีราชานั่นเอง นั่นคือห้าง โรบินสัน(แปซิฟิคพาร์ค) ซึ่งด้านหลังห้างนั่นคือ “ศรีราชานคร” เป็นชุมชนทั้งอยู่อาศัยและค้าขายมีทั้งร้านค้า ร้านอาหารมากมาย อีกทั้งโรงแรม และโรงพยาบาลพญาไทด้วย

จากนั้นขับเลยจากจุดศูนย์กลางเมืองศรีราชามาอีกหน่อยเราก็จะเห็นตัวโครงการแล้วค่ะ ตัวโครงการสังเกตได้ง่ายมากที่ชัดๆ เลยคืออาคารที่เป็น Stack ลดขั้นทีละชั้นขึ้นไปจนถึงยอดนั่นเอง

และแล้วเราก็ถึงทางเข้าโครงการแล้วค่ะ โดยจะอยู่เยื้องๆ ตรงข้ามกับศรีราชา TV เลย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโครงการส่วนใหญ่แวดล้อมด้วยอาคารแนวราบทั้งหมด ดังนั้นเรื่องวิวและมุมมองจึงไม่มีปัญหาแต่อย่างไร โดยหลักๆ แล้วทิศทางของวิวจะเน้นไปที่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ซึ่งมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไปรวมไปถึงราคาด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับทิศตะวันตกนั้นจะได้วิวทะเลสวยในชั้นสูงๆ ซึ่งก็แลกมากับทิศทางแดดที่ค่อนข้างแรงกว่าทิศอื่นๆ รวมไปถึงราคาห้องที่แพงกว่าทิศตรงข้ามเล็กน้อยค่ะ อีกฝั่งคือฝั่งภูเขาหรือทิศตะวันออก เป็นวิวภูเขาทั้งหมด เน้นความนิ่ง เงียบสงบเป็นหลัก และบรรยากาศเขียวๆ ของต้นไม้เลือกฝั่งนี้ก็น่าสนใจนะคะ นอกจากนี้เรื่องของทิศทางแดดแม้จะโดนแดดบ้างแต่ก็มีบางช่วงเวลาที่ภูเขาช่วยบังด้วยเช่นกันนะคะ

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตึกคอม ~ 1.8 กิโลเมตร
  • ท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์ ~ 1.6 กิโลเมตร
  • ตลาดสดศรีราชา ~2.5 กิโลเมตร
  • Robinson ศรีราชา ~ 2.8 กิโลเมตร
  • เกาะลอย ~3.5 กิโลเมตร
  • มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศรีราชา ~3.5 กิโลเมตร
  • J-Park ~8.2 กิโลเมตร
  • นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง ~8.5 กิโลเมตร
  • ฮาร์เบอร์มอลล์ ~9.3 กิโลเมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Knightsbridge The Ocean Sriracha คอนโด High Rise ติดถนนสุขุมวิทที่มีความสูง 36 ชั้น ด้วยจำนวนยูนิต 722 ยูนิต ตัวอาคารจะเน้นสัจจะวัสดุเรียบแต่เป็นเนื้อแท้ เป็นการประยุกต์ให้รูปแบบออกมาสวยงามใช้โทนสีขาว-ดำ-น้ำตาล และแซมสีทองในส่วนบนของตัวตึกเพื่อเพิ่มความหรูหรา ในส่วนของตัวอาคารมีจุดเด่นในเรื่องของการออกแบบตัวโครงการและ Facilities เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายชัดเจน คือกลุ่มคนญี่ปุ่นที่มาทำงานในแหล่งอุตสาหกรรมศรีราชาต่างๆ โดยเน้นกลุ่มคนญี่ปุ่นที่ทำงานแบบ Long Term หรือระยะยาว ชอบความเป็นส่วนตัวของทำเลที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองที่คึกคัก ได้วิวทะเลและภูเขาด้านหลัง ซึ่งมาพร้อมกับ Facilities จัดเต็มในสไตล์ญี่ปุ่นด้วยเช่นกันค่ะ

ก่อนจะไปดูตัวอาคารกันเรามาดูที่ Master Plan ก่อนนะคะ ลักษณะที่ดินโครงการจะเริ่มจากทางเข้า-ออกเป็นเส้นทางลึกเข้าไปในที่ดินโครงการด้านในจากนั้นก็จะเจอกับตัวอาคารก่อน โดยมีเส้นทางสัญจรรถแบบ One Way เมื่อเข้ามาแล้วเจอส่วน Drop Off แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าส่วนที่จอดรถด้านหลัง จากนั้นวนรถออกมาเพื่อออกโครงการที่ฝั่งขวามือ โดยที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265  คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คันค่ะ ถือว่าให้มาประมาณนึงไม่ได้มากนัก ทดแทนด้วยการมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่งลูกบ้านให้ค่ะ ถัดจากอาคารแล้วด้านหลังสุดของที่ดินก็มี Facilities คือสนามพัตต์กอล์ฟ (Putting Green) จัดว่าให้มาขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ

เข้ามาภายในอาคารเจอส่วน Lobby เป็นพื้นที่ต้อนรับแขก และก็จะมีร้านอาหารที่ทางโครงการตั้งใจให้มีภายในโครงการเองเพื่ออำนวยความสะดวกลูกบ้าน สามารถสั่งอาหารขึ้นไปทานที่ห้องหรือลงมาทานได้สะดวก ถัดมาอีกจุดคือส่วนโถงลิฟต์บริเวณนี้จะมีจุดสแกนบัตรเข้าเพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านนะคะ ไม่ให้คนภายนอกหรือแขกขึ้นไปยังส่วนชั้นพักอาศัยด้านบนได้

ก่อนเดินเข้าไปดูภายในโครงการกันจะเห็นอาคารที่อยู่ติดกับทางเข้า-ออกโครงการด้านข้างเลย เดิมเคยเป็นส่วน Sale Office แต่ปัจจุบัน Sale Office ได้ปิดไปแล้วนะคะ ในอนาคตทาง Origin ตั้งใจจะทำเป็นร้านค้า เพื่อสามารถอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านในโครงการได้ด้วยค่ะ ในส่วนของผู้บริหารและจัดการจะเป็นของทาง Origin ทั้งหมด

หน้าทางเข้า-ออกโครงการแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งชัดเจน คั่นกลางด้วยป้อมพี่รปภ.คอยดูแลรักษาความเรียบร้อยต่างๆ ในส่วนของรูปแบบการเข้า-ออกจะใช้ไม้กั้นกระดกอัตโนมัติ เปิดด้วย Key Card Access มาตรฐาน

เข้ามาภายในโครงการบริเวณแรกเลยคือส่วน Drop-Off สามารถวนรถจอดเพื่อเข้าสู่ Lobby แล้ววนรถออกได้เลยค่ะ สำหรับคนที่มีรถรับ-ส่ง ในส่วนของทางเข้าที่จอดรถจะอยู่ด้านหลังของอาคารให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปวนรถขึ้นชั้นที่จอดรถค่ะ หากเวลาจะออกจากโครงการก็วนรถออกในฝั่งขวา พูดกันอีกหน่อยในส่วนของพื้นถนนบริเวณ Drop-Off นี้ถ้าฝนไม่ตกซะก่อนจะได้รูปสวยทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณนี้เค้าใช้หินและกระเบื้องหลายแบบมาตกแต่งเรียงกันเป็นวงกลมสวยงาม

ถัดมาทางด้านซ้ายมือถนนจะเริ่มเปลี่ยนวัสดุเป็นพื้นคอนกรีตสแตมป์แล้วนะคะ ด้านข้างมีศาลพระภูมิ และตลอดแนวรั้วก็ปลูกไม้พุ่มพร้อมไม้ยืนต้นให้อีกด้วยนอกจากเรื่องความร่มรื่นแล้วก็ยังช่วยบังสายตาจากพื้นที่รอบข้างให้เพิ่มจากความสูงรั้วมาตรฐานด้วยนะคะ

ถัดมาอีกหน่อยเป็นทางเข้าร้านค้าภายในอาคารค่ะ สำหรับร้านค้านี้จะมีทางเข้าทั้ง 2 ทางเลยคือจากด้านนอกอาคารจากในภาพนี้ และจากภายในอาคารด้วย

เลี้ยวขวามาฝั่งขวามือเป็นทางขึ้น-ลงชั้นที่จอดรถด้านบนนะคะ บริเวณค่อนข้างกระชั้นหน่อยเวลาจะขึ้นหรือลงต้องชะลอดูรถสวนหน่อยนะคะ

ตรงมาอีกหน่อยฝั่งขวามือเป็นทางเข้าที่จอดรถของชั้น Ground Floor และหากตรงไปที่เห็นสนามหญ้าเขียวๆ นั้นคือจะเชื่อมเข้ากับสนามพัตต์กอล์ฟนั่นเอง

บรรยากาศภายในส่วนที่จอดรถค่อนข้างโปร่งโล่งดีทีเดียวค่ะ และบริเวณที่ติดกับสนามพัตต์กอล์ฟก็มีปลูกไม้พุ่มบังสายตาให้เรียบร้อยเพื่อความสวยงามบริเวณสนามและยังช่วยกันลูกกอล์ฟหากตีพลาดในบางครั้งได้

จากนั้นตรงมาอีกหน่อยจะมีทางแยกไปยังส่วนสนามพัตต์กอล์ฟ ส่วนใครที่มาจอดรถแล้วจะเข้าภายในอาคารไปยังส่วน Lobby เลยก็เลี้ยวขวาเข้าอาคารได้เลยค่ะ มีประตูทางเข้าอำนวยความสะดวกเรียบร้อย

ถัดมาอีกหน่อยในชั้นนี้นอกจากจะเป็นที่จอดรถยนต์แล้วทางโครงการก็มีทำพื้นที่จอดให้สำหรับรถมอเตอร์ไซค์แบบเป็นสัดส่วนชัดเจนอีกด้วยนะคะ รวมช่องจอดเฉพาะมอเตอร์ไซค์อยู่ที่ 38 คัน

สุดทางก็จะเป็นถนน Oneway เลียบไปตามริมขอบที่ดินเพื่อวนไปออกทางออกหน้าโครงการแล้วค่ะ เมื่อกี้เรายังไม่ได้พาชมสนามพัตต์กอล์ฟด้านหลังที่เดินผ่านมาเดี๋ยวเราเดินไปดูกัน

บริเวณทางเข้าสนามมีการยกขั้นบันไดขึ้นเล็กน้อยจากส่วนที่จอดรถนะคะ

ภายในสนามกอล์ฟให้ขนาดใหญ่มากทีเดียวค่ะ สามารถใช้งานได้จริงเลย และด้านในสุดเป็นศาลาไว้สำหรับนั่งเล่น หรือพักพูดคุยกันหลังจากเล่นกอล์ฟเสร็จ คนญี่ปุ่นน่าจะชอบมากทีเดียว

เข้ามาในส่วน Lobby กันต่อ เปิดเข้ามาภายในเจอกับส่วนเคาน์เตอร์ต้อนรับที่ออกแบบมาเป็นรูปทรงคล้ายกับก้อนหินทรงมนดูสวยงาม ในส่วนของ Lobby นี้ให้มากว้างขวางและหรูหราด้วยพื้นที่แยวยาวและฝ้าเพดานแบบ Double Volume

ในฝั่งซ้ายมือของเคาน์เตอร์มีพื้นที่นั่งเล่น ร้านอาหารในอนาคต นิติบุคคล และทางเข้าโถงลิฟต์ค่ะ เดี๋ยวเราไปดูกันค่ะ

เริ่มต้นจากพื้นที่นั่งเล่นกันก่อนนคะ ทางโครงการจัดให้เป็นมุมขนาดใหญ่ วางชุดโซฟาทั้งหมด 2 ชุดใหญ่รูปแบบหรูหราทีเดียวค่ะ ใช้เป็นพื้นที่ต้อนรับแขกได้ดีเลย

ถัดมาฝั่งซ้ายมือที่เห็นเป็นห้องกระจกฝ้าขนาดใหญ่นี้ในอนาคตทางโครงการจะจัดให้เป็นร้านอาหารไว้บริการลูกบ้าน ซึ่งที่ดิลกันไว้ในตอนนี้จะเป็นร้านในเครือของ Too Fast Too Sleep นะคะ ในส่วนของฝั่งขวานั้นเป็นห้องเจ้าหน้าที่นิติบุคคล

ตรงผ่านร้านอาหารและนิติบุคคลมา เลี้ยวขวาจะเห็นฝั่งซ้ายมีเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิงไว้ให้ผู้เข้ามาติดต่อโครงการและแขกของลูกบ้านได้ใช้งาน ตรงไปเป็นทางเข้า-ออกส่วนที่จอดรถชั้นล่างค่ะ

ภายในห้องน้ำตกแต่งสวยงาม มีอ่างล้างมือและห้องน้ำด้านในรองรับประมาณ 2 ห้องด้วยกัน

พามาเดินดูอีกฝั่งของส่วน Lobby มีจัดพื้นที่นั่งเล่นไว้ต้อนรับเช่นเดียวกันกับอีกฝั่งนะคะ และตรงเข้าไปอีก 2 ห้อง จะเป็นพื้นที่ที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้ทาง Crown Residence บริษัทลูกในเครือ Origin ที่จะเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและคัดเลือกผู้อยู่อาศัยให้แก่ผู้ที่ต้องการปล่อยเช่าค่ะ โดยเดิมทีทางโครงการเคยจัดไว้ให้เป็นร้านค้าอีก 2 ร้าน

กลับมาที่โถงลิฟต์โดยสารกันต่อนะคะ บริเวณนี้อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นว่าเป็นพื้นที่ที่ต้องสแกนบัตรเข้ามาทุกครั้ง เพื่อคัดเฉพาะลูกบ้านหรือคนที่ลูกบ้านพาขึ้นไปเท่านั้นที่จะสามารถขึ้นไปยังชั้นพักอาศัยได้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านที่มากขึ้นค่ะ

สำหรับลิฟต์โดยสารที่นี่ให้มาทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน พร้อมมีลิฟต์ service อีก 1 ตัวอยู่ด้านหลัง หากคิดในแง่ความหนาแน่นแล้ว โครงการนี้จะมีสัดส่วนลิฟต์อยู่ที่ 240.6 : 1 จัดว่าหนาแน่นพอสมควรนะคะ แต่ทนแทนกับลักษณะโครงการที่เน้นเป็นคอนโดตากอากาศจึงอาจจะพอลดทอนความหนาแน่นลงไปได้บางในช่วง Low Season

ตรงไปในส่วนจัดให้เป็นส่วน Mail Box ค่ะ ซึ่งอยู่ด้านข้างกับโถงลิฟต์นะคะ

ภายใน Mail Box จัดให้สวยงาม เรียบร้อยทีเดียวค่ะ

ถัดมาในชั้น 2-3 จะเป็นชั้นที่จอดรถทั้งหมด และจะเริ่มชั้นพักอาศัยและ Facilities หลักที่ชั้น 4 นะคะ เริ่มจากส่วน Facilities แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกันคือส่วน Outdoor จะเป็นสระว่ายน้ำ 1 สระ เป็นแบบฟรีฟอร์ม ระบบ Over Flow ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.30 เมตร และ Party Lawn สุดท้ายคือมีมุม Sunken ให้นั่งเล่นใกล้กับน้ำตก ส่วนอีกโซนเป็นโซน Indoor ที่เรียงกันไปตามความยาวของ Corridor ฝั่งซ้ายมือ โดยลักษณะจะเป็น Single Corridor ด้านหน้าห้อง Facilities ต่างๆ ทำให้ภายในห้อง Facilities นั้นสามารถได้วิวภายนอกบริเวณสวนและสระว่ายน้ำได้ด้วยค่ะ โดย Indoor Facilities นี้ประกอบไปด้วย Home Theatre, Golf Simulator Room, Laundry Library และ Kids Club ตามลำดับ

นอกจาก Facilities แล้วเรามาที่ส่วนห้องพักอาศัยกันบ้าง จากบริเวณโถงลิฟต์นี้จะมีจุดสแกนบัตรแยกให้กับลูกบ้านในชั้นนี้ได้สแกนเข้าโถงทางเดินอีกทีเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เนื่องจากเป็นชั้นที่ลูกบ้านทุกชั้นสามารถลงมาใช้งานได้หมดค่ะ สำหรับห้องพักในชั้นนี้มีทั้งหมด 23 ยูนิต ประกอบด้วยห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 12 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้อง ทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง และพิเศษที่เน้นได้วิวภูเขารวมไปถึงเป็นห้องที่เป็น Pool Access เข้าถึง Facilities ได้ง่ายด้วยก็คือห้องสีม่วง เป็นห้อง Duplex(D1) จำนวน 5 ห้อง และห้อง Duplex (D2)  จำนวน 1 ห้อง

ขึ้นมาบริเวณโถงลิฟต์ของชั้น 4 กันนะคะ ภายในตกแต่งหรูหราด้วยผนังที่มีลูกเล่นสีทองและการซ่อนไฟบนฝ้าเพดาน ตรงไปด้านในสุดเป็นทางออกไปยังส่วน Facilities

ออกมาส่วน Facilities แบบ Outdoor กันก่อนที่จะไปดูภายในห้องแบบ Indoor เร่ิมจากบริเวณสระว่ายน้ำนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน อย่างฝั่งขวานั้นจะเป็นสระแบบ Freeform ที่เน้นว่ายน้ำเล่นท่ามกลาง Landscape สวยและ Take View ภูเขาด้านหลังชิลๆ

สำหรับชั้นนี้ห้องที่ได้ Pool Access จะเป็นห้อง Duplex ทั้งหมด 5 ยูนิตด้วยกันค่ะ จะได้ระเบียงที่มีประตูเปิดแล้วเดินลงสระได้เลย

บริเวณสระ Freeform มีจัด Landscape เป็นทั้งพุ่มไม้และต้นไม้ใหญ่ดูร่มรื่นสวยงามทีเดียว

ส่วนอีกฝั่งเป็นสระว่ายน้ำที่เน้นสำหรับออกกำลังกายได้เพราะมีขนาดยาวพอสมควร และไม่ได้ Freeform มากนักค่ะ ด้านข้างก็มีวาง Day Bed ให้นั่งชมวิวสระว่ายน้ำที่ยาวไปจนถึงภูเขาด้านหลังแบบสุดสายตาเลยทีเดียว บรรยากาศจริงชิลมากทีเดียวค่ะ

ด้านหลังมีพื้นที่ล้างตัวให้ 2 จุดเรียบร้อยค่ะ ไว้สำหรับล้างตัวก่อน-หลังลงสระ

และสุดทางจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นในสวนแบบ Sunken Seat ไว้สำหรับปาร์ตี้ริมสระกับเพื่อนๆ ชิลๆ มีหมอนแบบ Outdoor ไว้บริการและรอบข้างก็สร้างบรรยากาศพักผ่อนให้ด้วยสระน้ำตกค่ะ

ถัดเข้ามาที่ Indoor Facilities กันบ้างนะคะ โดยเชื่อมด้วยโถงทางเดินแบบ Semi-Outdoor ทำให้ห้องในด้านนี้ได้วิวสระว่ายน้ำและระบายอากาศต่างๆ ได้ดีด้วยนะคะ สำหรับ Facilities บริเวณนี้จะไล่เรียงกันไปเป็นแถวเลยเริ่มจาก Home Theater, Golf Simulator, Laundry, Library และ Kid’s Room ตามลำดับค่ะ เดี๋ยวเราไปดูพร้อมๆ กัน

เริ่มต้นจาก Home Theater จัดภายในมาให้เหมือนโรงภาพยนต์ขนาดย่อมๆ เลยทีเดียวนะคะ โดยวางเก้าอี้แบบโรงภาพยนต์ที่สามารถนั่งเอียงได้ มีพนักแขนที่วางแก้วน้ำต่างๆ ได้ด้วยมาทั้งหมด 12 ที่นั่งด้วยกัน วันไหนเบื่อๆ แต่ขี้เกียจไปดูหนังในโรงฯ ก็ลงมาใช้งานห้องนี้ได้เลยนะคะ จะบอกว่าเครื่องเสียงในห้องนี้จัดมาให้แบบจัดเต็มจริงๆ ใครดูหนังบู๊หรือสงครามจะสะใจมากๆ

ถัดมาเป็นห้อง Golf Simulator เป็นห้องที่โดนใจชาวญี่ปุ่นมากๆ วันไหนฝนตกสนามเปียก ไม่อยากไปออกรอบที่ไหนก็ลงมาตีกอล์ฟที่ห้องนี้ได้เช่นกัน ทางโครงการบอกมาว่าต้องมาลองใช้แล้วจะติดใจเพราะเครื่องที่ทางโครงการให้มาจับเซนเซอร์ให้ทุกทิศทางเลยค่ะ

ถัดมาเป็นห้องซักรีดหรือ Laundry ฝั่งซ้ายจัดให้เป็นพื้นที่วางเครื่องซักผ้าต่างๆ รองรับได้ประมาณ 5 เครื่องด้วยกัน ด้านข้างก็มีพื้นที่ไว้สำหรับวางของและนั่งรอเล็กน้อย ที่ชอบคือบรรยากาศในห้องที่สว่างดีมาก ดูสะอาดและมีประตูติดกับโถงทางเดินภายนอกที่เป็นแบบ Semi-Outdoor จึงช่วยในเรื่องระบายอากาศได้ดี

สุดทางเป็นส่วน Pantry มีพื้นที่วางของและ Sink สำหรับล้างอุปกรณ์หรือของต่างๆ ได้

จากนั้นคั่นกลางด้วยห้องน้ำแยกชาย/หญิง

ภายในห้องน้ำเข้ามาก็จะเจอส่วน Locker ไว้เก็บของต่างๆ สำหรับคนที่มาว่ายน้ำแล้วเก็บสัมภาระต่างๆ ไว้ที่ Locker ได้ค่ะ

ถัดมาเป็นส่วนอ่างล้างมือมีให้ทั้งหมด 3 อ่างด้วยกัน

ส่วนห้องน้ำในชั้นนี้ให้มา 2 ห้องและห้องอาบน้ำอีก 1 ห้องค่ะ แยกชาย/หญิงเรียบร้อย

ถัดมาเป็นห้อง Library จัดมาให้สวยงามดูน่ารักอบอุ่น ภายในวางเฟอร์นิเจอร์ให้ทั้งแบบโต๊ะขนาดใหญ่ 2 โต๊ะด้วยกันเพื่อสำหรับลูกบ้านที่ลงมานั่งทำงานหรือประชุมงานต่างๆ ได้ สุดทางมี Built-in ชุดโซฟาให้ด้วยไว้สำหรับลูกบ้านที่มานั่งอ่านหนังสือ นั่งชิลๆ ได้

ด้านข้างมีชั้นวางหนังสือขนาดใหญ่ไว้ให้ ภายในมีหนังสือต่างๆ ให้ยืมอ่านเล่นๆ ได้หลายเล่มทีเดียวนะคะ และที่พิเศษเพิ่มขึ้นมาคือห้องนี้ทางโครงการออกแบบให้สามารถเชื่อมเข้าห้อง Kid’s Room ได้เลย เพราะได้คำนึงถึงลักษณะพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายที่มาอยู่เป็นครอบครัว คุณแม่ก็สามารถมานั่งอ่านหนังสือหรือทำงานในห้องนี้ได้ในขณะที่ปล่อยเด็กๆ วิ่งเล่นในห้อง Kid’s Room ได้สบายใจเพราะมีประตูเชื่อมกันได้เลย สะดวกและมองเห็นเด็กจากห้องนี้ได้ด้วย

สุดท้ายคือห้อง Kid’s Room นั่นเองค่ะ ภายในตกแต่งน่ารักมากๆ ชอบสไลเดอร์สีส้มสะดุดตา เป็นพื้นที่ที่เด็กๆ น่าจะไม่มีใครไม่ชอบแน่นอน การตกแต่งภายในห้องเน้นใช้วัสดุพื้นผิวด้วยไม้ทั้งหมด นอกจากดูอบอุ่นแล้วตัวไม้เองยังช่วย Absorb แรงกระแทกต่างๆ ได้พอสมควรด้วย เวลาเด็กๆ วิ่งเล่นก็จะมีหกล้มเป็นเรื่องปกตินะคะ อันนี้ก็จะสามารถลดแรงกระแทกได้ระดับนึง และนอกจากจะเป็นพื้นที่สำหรับวิ่งเล่นได้แล้ว บริเวณมุมหน้าต่างก็มีจัดชั้นวางหนังสือให้ด้วย ไว้อ่านการ์ตูนเล่นๆ ได้ความรู้และยังสนุกอีกต่างหาก

ด้านข้างจัดเป็นซุ้มขนาดกะทัดรัดไว้นอนเล่นได้มีหมอนและตุ๊กตาน่ารักๆ เพียบเลยค่ะ

ขึ้นมาชั้นบนฝ้าเพดานจะไม่ได้สูงมากนะคะ ตามความสูงของเด็กๆ ภายในมีมุมที่เป็นตะข่ายให้เด็กๆ ไปนอนกลิ้งได้และทางลงสไลเดอร์

ถัดมาด้านข้างห้อง Kid’s Room เป็นพื้นที่สวนอีกจุดของชั้นนี้นะคะ ส่วนใหญ่เป็นสนามหญ้าที่ตกแต่งรอบๆ ด้วยไม้พุ่ม

สุดทางจัดให้เป็นพื้นที่นั่งเล่นได้ใต้ต้นไม้ โดยรวมแล้วสวนบริเวณนี้จะค่อนข้างสงบจากสวนที่ติดกับสระว่ายน้ำนะคะ

 

ชั้น 5 จะเป็นชั้นของห้องพักอาศัยอย่างเดียวแล้วค่ะ โดยในชั้นนี้จะมีห้องพักทั้งหมด 30 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 14 ห้อง ทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา),  ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom   24.50 – 29.00 ตารางเมตร จำนวน 4 ห้อง และห้องที่ได้วิวภูเขาและสระว่ายน้ำไปก็มีห้องสีม่วง เป็นห้อง Duplex(D1) จำนวน 5 ห้อง และห้อง Duplex (D2) จำนวน 1 ห้อง

ชั้น 6-11 มีห้องพักทั้งหมด 31 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom 33.00 – 37.50 ตารางเมตร จำนวน 19 ห้องมีอยู่ในทุกทิศของชั้นเลย, ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom 52.00 – 62.00 ตารางเมตร จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา),  ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom  24.50 – 29.00 ตารางเมตร จำนวน 3 ห้องทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันออก(วิวภูเขาและสระว่ายน้ำ)

ชั้น 12 มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น 6-11  เพียงแต่ตัดห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป 4 ห้อง และทำเป็นพื้นที่ว่างที่ว่างเปล่า(เนื่องจากกฏหมายของอาคาร) ไม่สามารถเดินออกไปใช้งานได้นะคะ

ชั้น 13 มีห้องพักทั้งหมด 27 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น  12 เพียงแต่ตัดพื้นที่ว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป

ชั้น 16-17 มีห้องพักทั้งหมด 26 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น  12 เพียงแต่เปลี่ยนห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือให้เป็นห้อง Superior( B1) แบบ 1-Bedroom 1 ห้อง, ห้องแบบ Duplex(D1)  จำนวน 1 ห้อง และห้อง Duplex (D2) จำนวน 1 ห้อง

ชั้น 18  มีห้องพักทั้งหมด 22 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 14 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล),ทิศตะวันออกเฉียงใต้ และทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom  จำนวน 5 ห้องทางทิศเหนือ, ทิศตะวันตก(วิวทะเล) และทิศตะวันออกเฉียงใต้(วิวภูเขา),  ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom  จำนวน 2 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา) และมีพื้นที่ว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่ออกไปใช้งานไม่ได้

ชั้น 19-23 มีห้องพักทั้งหมด 26 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น  18 เพียงแต่ตัดพื้นที่ว่างเปล่าทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป

ชั้น 24  มีห้องพักทั้งหมด 19 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 13 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล)และทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom  จำนวน 2 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom  จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา) และห้องสีเหลือง คือ Suite (C1) แบบ 2 Bedroom จำนวนหนึ่งห้องทางทิศเหนือ ซึ่งอยู่ติดกับสวนลอยฟ้า สามารถออกไปเดินเล่นได้

ชั้น 25-29  มีห้องพักทั้งหมด 20 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 14 ห้องทิศตะวันตก(วิวทะเล), ทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีเทา คือ  Suite (C1) แบบ 2 Bedroom  จำนวน 3 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องสีน้ำตาล คือ Suilt(C2) แบบ 2 Bedroom ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom  จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา)

ชั้น 30 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น  25-29 เพียงแต่ตัดห้องทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป 2 ยูนิต แล้วเปลี่ยนเปลี่ยนสวนแทน

ชั้น 31-32 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต มีการวางผังเหมือนกับชั้น  30 เพียงแต่ตัดสวนทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือออกไป

ชั้น 33  มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องสีครีม คือ Deluxe(B2) แบบ 1 Bedroom จำนวน 5 ห้องทางทิศตะวันออก(วิวภูเขา), ห้องสีม่วง คือ Duplex (D1)  จำนวน 8 ห้องทางทิศตะวันตก(วิวทะเล), ห้องชมพูคือ Duplex (D3) ขนาดพิเศษมี Bacony จำนวน 1 ห้อง, ห้องสีน้ำเงิน คือ Duplex (D2)  จำนวน 2 ห้องทางทิศเหนือและทิศตะวันตก(วิวทะเล) และห้องสีเขียว คือ Superior( B1) แบบ 1-Bedroom  จำนวน 1 ห้อง ทางทิศตะวันออก (วิวภูเขา)

ชั้น 34 มีห้องพักทั้งหมด 18 ยูนิต การวางผังคล้ายๆกับชั้น 33

ชั้น 35-36 จะเป็นพื้นที่ Facilities หลักอีกจุดของอาคารนะคะ โดยชั้น 35 นี้นอกจากจะมี Facilities แล้วก็จะมีห้อง Penthouse ขนาด 87.00 – 93.00 ตารางเมตรจำนวน 2 ห้องอีกด้วยค่ะ แต่แยกฝั่งไปทางซ้ายชัดเจนและมีจุดสแกนบัตรแยกเช่นเดิมนะคะ เพื่อความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านในชั้นนี้ ส่วน Facilities นี้ประกอบด้วย สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก สามารถชมวิวทะเลได้เต็มตาทีเดียว ถัดมาด้านในอาคารก็จะมี Tatami room ที่เป็นห้องนั่งเล่นพูดคุยรวมไปถึงเป็นห้องทำกิจกรรมต่างๆ ได้ในสไตล์แบบคนญี่ปุ่นเช่น การชงชา ต่างๆ นอกจากนี้ก็จะมีอีกหนึ่งจุดเด่นของ Facilities โครงการคือ Onsen ที่มีแยกชาย/หญิงให้ด้วยนะคะ สำหรับลูกบ้านที่ต้องการผ่อนคลายเรียกเลือดลมตัวเองโดยเฉพาะ

ชั้น 36 ขึ้นมาอีกชั้นเป็นชั้น Facilities ทั้งหมดโดยประกอบไปด้วยห้อง Multi-Function และฟิตเนสขนาดใหญ่ และสุดท้ายคือชั้นดาดฟ้านั้นเป็น Sky Garden ค่ะ จะเป็นอย่างไรเดี๋ยวเราไปดูกัน

ขึ้นมาที่ชั้น 35 บริเวณโถงลิฟต์นี้ได้วิวดีมากเลยค่ะ เป็นโถงลิฟต์เพียงไม่กี่โครงการที่ให้ช่องแสงขนาดใหญ่ขนาดนี้ ลิฟต์เปิดมาก็ว้าวกับวิวมุมสูงเต็มตาแล้วนะคะ หันไปทางซ้ายมือเป็นประตูทางเข้าไปยังโซนห้องพักอาศัยค่ะ ซึ่งต้องสแกนบัตรเข้าโถงทางเดินทุกครั้งตามที่กล่าวไปข้างต้น

ภายในโถงทางเดินมีความกว้างขวางพอสมควรนะคะ ปูพื้นด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สวยงาม ฝ้าเพดานนอกจากจะเป็นดวงโคม Downlight มาตรฐานแล้วก็มีซ่อนไฟตรงฝ้าเพดานอีกด้วยนะคะ และสุดทางได้จัดช่องแสงมาให้ใหญ่พอสมควรช่วยให้แสงธรรมชาติเข้ามาได้ดีรวมไปถึงสามารถระบายอากาศได้ด้วยเพราะมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เรียบร้อยค่ะ

มาดูฝั่ง Facilities กันต่อนะคะ ทางเดินจะต้องขึ้น Step มาอีกหน่อยซึ่งจะอยู่สูงจากชั้นพักอาศัยเล็กน้อย ข้อดีคือเรื่องของความเป็นส่วนตัวชั้นพักอาศัยที่มากขึ้น

ขั้นบันไดประมาณนี้ค่ะ ประมาณครึ่งชั้นได้

จากนั้นก็จะเป็นโถงทางเดินออกไปยังส่วน Facilities

เมื่อออกมาแล้วจะเป็นพื้นที่โถงแบบ Semi-Outdoor ลักษณะจะเปิดโล่งได้รับลมแบบเต็มที่ โดยฝั่งซ้ายภายในอาคารจะเป็นห้อง Tatami Room, และติดๆ กันนั้นเป็นห้องน้ำแยกชาย/หญิง ที่มี Steam, Sauna และจุดเด่นเลยคือ Onsen ถัดไปด้านนอกจะเป็นสระว่ายน้ำอีกจุดของอาคารค่ะ และบันไดที่เห็นฝั่งขวามือนี้เป็นบันไดที่เชื่อมไปยัง Facilities ชั้นบนได้แก่ห้อง Multi-Function ฟิตเนส และ Sky Garden

เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำที่มี Onsen ด้านในกันก่อนจากนั้นก็ไปดูห้อง Tatami Room กันต่อนะคะ

ภายในห้องน้ำทั้งชายและหญิงมีการจัดวางฟังก์ชันคล้ายกันเลยค่ะ เริ่มเข้ามาก่อนก็จะเป็นพื้นที่สำหรับเข้าห้องน้ำทำธุระทั่วไปก่อน ประกอบด้วยอ่างล้างมือและห้องน้ำทั้งหมดประมาณ 3 ห้องด้วยกัน

ภายในห้องน้ำตกแต่งเรียบร้อยค่ะ สะอาดสะอ้านน่าใช้งาน

ถัดมามีประตูบานเลื่อนแบบญี่ปุ่นกั้นพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วน เพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นค่ะ จะเป็นอะไรด้านในบ้างเดี๋ยวเราไปดูกัน

ด้านในนี้เป็นพื้นที่ที่จะต้องมีการเปลื้องผ้า และแต่งตัวมากขึ้น ประกอบไปด้วยห้อง Steam ด้านในสุด ด้านข้างซ้ายเป็นล็อกเกอร์เก็บของ และด้านขวามีห้องอาบน้ำ ห้อง Sauna มาครบถ้วนเลยค่ะ ใครอยากสวยด้วยวิธีไหนเลือกใช้กันได้เลย

ยังไม่พอนะคะมาที่อีกฝั่งจัดให้เป็นพื้นที่แต่งตัวแต่งหน้าต่างๆ ได้ โดยกรุด้วยกระจกบานใหญ่ มีโต๊ะวางของและปลั๊กไฟเรียบร้อยไว้เสียบปลั๊กไดร์ผมต่างๆ และถัดไปด้านในสุดที่เห็นเป็นประตูบานเลื่อนอีกจุดนั้นคือทางเข้าส่วนออนเซ็นนั่นเองค่ะ

เข้ามาภายในส่วน Onsen กันแล้ว จะเริ่มจากพื้นที่ล้างตัวกันก่อน วิธีเหมือนเราไปออนเซ็นของญี่ปุ่นเลยค่ะ

ภายในส่วนออนเซ็นนี้มีอุณหภูมิร้อนกำลังดีในการนั่งแช่ซักระยะ วิวที่ได้ในการนั่งแช่นี่ได้ความสงบไปเต็มๆ เลยค่ะ หลักๆ คือวิวภูเขาด้านหลัง ไม่ต้องกลัวโป๊เลย และอีกฝั่งเป็นวิวทางบางแสน ซึ่งวิวบางแสนนี้จะได้เฉพาะห้องออนเซ็นฝั่งห้องน้ำหญิงนะคะ

สำหรับออนเซ็นภายในห้องน้ำชายนั้นภายในตกแต่งเหมือนกัน ต่างกันเล็กน้อยที่วิวจะเป็นวิวภูเขาทั้งหมดค่ะ

ถัดมาที่ห้อง Tatami Room กันต่อนะคะ สำหรับห้องนี้มีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศด้วยหินกรวดและต้นไม้ไผ่ตามทางเดินก่อนเข้าสู่ภายในห้องกัน ได้บรรยากาศดีทีเดียว

ภายในห้อง Tatami Room เป็นห้องเสื่อขนาดใหญ่มากทีเดียวค่ะ โดยพื้นที่เป็นเสื่อนั้นจะถูกยกขั้นขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น โดยด้านล่างเปิดช่องว่างไว้สำหรับเก็บรองเท้าให้เรียบร้อยได้ สำหรับการใช้งานของห้องนี้นั้นทางโครงการออกแบบให้เพื่อคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะมานั่งเล่นพักผ่อน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้เช่นการชงชา เป็นต้นค่ะ

ภายในห้องนี้นอกจากความพิเศษที่ดูญี่ปุ่นมากๆ แล้ว อีกเรื่องเลยคือเรื่องวิวที่สามารถได้วิวทั้งภูเขาด้านหลังและอีกฝั่งที่เป็นสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ที่สามารถมองไปเห็นทะเลได้เลยค่ะ บรรยากาศชิลมากจริงๆ

ออกมาด้านนอกที่บริเวณสระว่ายน้ำอีก 1 จุดของโครงการ มี่จัดมาให้อย่างเต็มที่ด้วยขนาด 6 x 60 ม. เป็นความยาวที่มากกว่าความยาว Olympic Size ทีเดียวค่ะ ใช้ออกกำลังกายได้สบายทีเดียว ในส่วนลักษณะสระจะเป็นแบบ Infinity Edge Pool ระบบเกลือ ทำให้สามารถมองวิวได้ไกลทุกด้านไม่มีราวกันตกมาบังสายตา ให้ความรู้สึกเชื่อมไปกับทะเลเลยทีเดียวค่ะ ด้านข้างทำพื้นที่วาง Day Bed ในเวอร์ชั่นอยู่บนสระเลยค่ะ เสมือนนอนลอยตัวอยู่บนสระว่ายน้ำได้เลย

สระเป็นรูปตัว L ยาวไปจนสุดทางเดินเลยค่ะ ทำให้ได้วิวเปิดโล่งทั้ง 2 ทาง

วิวแรกเลยคือวิวจากทิศตะวันตก สามารถมองเห็นไปถึงทะเลบริเวณท่าเรือศรีราชาฮาร์เบอร์

อีกฝั่งนึงคือวิวทางทิศใต้ เป็นวิวที่หันหน้าไปทางฝั่งอ่าวอุดมค่ะ จะได้เป็นวิวภูเขาค่อนข้างมากเช่นกัน

ด้านข้างของสระว่ายน้ำจัดเป็นสวนสวยในรูปแบบญี่ปุ่น

ลักษณะการจัดสวนนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสวนแบบ Zen เน้นหิน แบบนิ่งๆ ห้อมล้อมไปด้วยไม้พุ่มเตี้ย ที่พิเศษมากขึ้นคือการออกแบบเป็น Sunken Seat ลดระดับพื้นลงไปและทำพื้นที่นั่งเล่นแบบม้านั่งให้ จะเน้นเป็นการพักผ่อนภายในสวนชัดเจน ไม่ได้เน้นวิวภายนอก

ขึ้นมาที่ชั้นบนกันต่อนะคะ

ในชั้น 36 นี้มีทั้งหมด 2 ห้องด้วยกันคือห้อง Multi-Function และห้อง Fitness

เข้ามาภายในจะเป็นส่วนห้อง Multi-Function ก่อนนะคะ ซึ่งลักษณะจะเป็นห้อง Lounge ไว้นั่งเล่นชิลๆ ชมวิวภูเขาและทะเลด้านนอก การจัดวางจะเป็นชุดโซฟาขนาดใหญ่แบ่งเป็นล็อกๆ เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

บรรยากาศบริเวณพื้นที่นั่งเล่นให้ความรู้สึกสงบและผ่อนคลายมากทีเดียวค่ะ ทางโครงการบอกว่ามีลูกบ้านมานั่งอ่านหนังสือบริเวณนี้เงียบๆ เป็นประจำเลย ซึ่งตอบโจทย์มากๆ สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่สงบๆ วิวดีๆ ในแบบที่ไม่ต้องออกไปไหน และไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในห้องเบื่อๆ ด้วยนะคะ

อีกฝั่งก็มีจัดเป็นเก้าอี้สตูลให้แทนชุดโซฟาเผื่อใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศอีกแบบ

ด้านในสุดของชั้นนี้คือห้อง Fitness ขนาดใหญ่ภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยฝ้าเพดานสูงและได้กระจกทรงสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยทีเดียวช่วยเปิดรับแสงสว่างภายนอกเข้ามาได้ดี รวมไปถึงทำให้ห้องฟิตเนสนี้ได้วิวถึง 2 ฝั่งด้วยเช่นกันค่ะ

ภายในแบ่งเป็น 3 โซนใหญ่ๆ มีมุมเวทเทรนนิ่ง มุม Cardio ให้ครบ และทั้งหมดมีทีวีห้อยจากฝ้าเพดานให้ด้วย ไว้ดูทีวีเพลินๆ ขณะออกกำลังกาย

ส่วนชั้นดาดฟ้านั้นจัดให้เป็นสวนขนาดใหญ่ ปูหญ้าเทียมและมีมุมต้นไม้พุ่มสีเขียวสดใส จุดเด่นของพื้นที่นี้เลยคือเป็นชั้นดาดฟ้าที่รับวิวได้เต็มๆ ทั้ง 4 ทิศเลยทีเดียว เพราะรอบข้างใช้ราวกันตกเป็นกระจกทั้งหมดเปิดรับวิวได้เต็มที่

ปิดท้ายด้วยวิวสวยๆ จากชั้นดาดฟ้ากันนะคะ เริ่มต้นกันที่ทิศตะวันตกกันก่อนเลย เพราะเป็นวิวขายของโครงการอีกวิวหนึ่ง ที่ได้วิวอ่าวและทะเลในระยะไกล ส่วนใกล้ๆ นั้นส่วนใหญ่เป็นอาคารแนวราบและที่ดินว่างดังนั้นจึงไม่มีอาคารสูงที่บังวิวในระยะใกล้นะคะ สำหรับใครที่เลือกโครงการนี้เป็นโครงการตากอากาศใกล้กรุงเทพ อยากได้วิวทะเล ห้องในทิศนี้ก็ตอบโจทย์ค่ะ

อีกวิวเด่นของโครงการสำหรับคนที่ชอบความสงบ ไม่เน้นว่าจะต้องได้วิวทะเลเท่านั้นก็จะเสนอวิวภูเขานี้นะคะ โดยจะอยู่ฝั่งทิศตะวันออกนี่เองค่ะ โดยวิวทิศนี้จะมีราคาห้องที่ถูกกว่าฝั่งทิศตะวันตกเล็กน้อยนะคะ เลือกฝั่งนี้ก็จะประหยัดลงไปหน่อยค่ะ

ทิศเหนือ หันไปทางบางแสน ได้วิวถนนสุขุมวิทและบรรยากาศทำเลของบางแสนที่มีความเป็นเมืองล้อไปกับทะเล ก็สวยงามเช่นเดียวกันนะคะ

ทิศสุดท้ายคือทิศใต้ที่หันไปทางอ่าวอุดมนะคะ ฝั่งนี้ก็ได้วิวถนนสุขุมวิทใกล้เคียงกับฝั่งบางแสนแต่เพิ่มเติมตรงที่ได้วิวภูเขาเป็น Background ด้านหลังด้วยนะคะ

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 – Putting Green สนามมินิกอล์ฟ
  • ชั้น 1 – Grand Lobby
  • ชั้น 1 – 1 Shop
  • ชั้น 4 – สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 8 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กลึก 0.30 เมตร
  • ชั้น 4 – Party Lawn
  • ชั้น 4 – Kids Club
  • ชั้น 4 – Laundry Room
  • ชั้น 4 – Library
  • ชั้น 4 – Golf Simulator
  • ชั้น 4 – Home Theatre
  • Rooftop – 360 Degree View Point / Skyline View Point (Sky Garden)
  • Rooftop – Sky Fitness
  • Rooftop – Multi-Function
  • Rooftop – Tatami Room
  • Rooftop – Japanese Garden
  • Rooftop – สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบ Over Flow ขนาด 5 x 20 เมตร ลึก 1.2 เมตร ไม่มีสระเด็ก

Additional Services

  • ลิฟท์โดยสาร 3  ตัวต่อหนึ่งอาคาร อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 240.6 : 1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถ ไม่รวมจอดซ้อนคัน 265  คัน คิดเป็น 35% รวมจอดซ้อน 320 คันคิดเป็น 44 % และที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ 38 คัน
  • Shuttle Service
  • Hi-Speed Internet
  • Housekeeping and Laundry Service
  • Reception & Concierge
  • Japanese Agent Service
  • 24 hours Security & CCTV
  • Shuttle Bus Service

 


Product Walkthrough

สำหรับโปรดักส์ของโครงการนี้มีให้เลือกหลากหลายพอสมควรเลยนะคะ โดยจุดเด่นที่มีในทุกยูนิตเลยคือการที่ทุกห้องได้ อ่างจากุชชี่ เป็นมาตรฐานอีกด้วย ซึ่งการออกแบบนี้ตั้งใจออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่จะชื่นชอบการพักผ่อนด้วยการแช่น้ำนั่นเองค่ะ และนอกจากนี้คือรูปแบบการขายที่ให้มาแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาครบทั้งแบบ Built-in และลอยตัว รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด นอกจากนี้ทางโครงการยังออกรูปแบบการขายมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่าอีกด้วยนะคะ โดยมีการการันตีค่าเช่าขั้นต่ำ 17,000 บาท/เดือน นาน 1 ปี พร้อมกับเครื่องใช้ภายในห้องที่ให้มาครบครันพร้อมให้ผู้เช่าเข้าอยู่ได้เลยด้วยเครื่องใช้ร่วม 84 รายการด้วยกัน

ห้อง Superior (1 Bedroom) 24.50 – 29.00 ตารางเมตร เหมาะการอยู่อาศัย 1-2 คน ห้องนี้เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุดแต่มีฟังก์ชันการใช้งานครบ โดยเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาเราจะเจอกับครัวเปิดที่มีการ Built-in เคาท์เตอร์รูปตัว I ให้เป็น Pantry ให้ประกอบอาหารได้ ลักษณะจะเป็นครัวเปิดที่เน้นการทำอาหารง่ายๆ เช่น หุง ต้ม และอุ่นร้อน ตรงข้ามกันเป็นห้องน้ำที่มีฟังก์ชันครบ มีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้ง และถึงแม้จะเป็นห้อง Type เล็กที่สุด ในห้องน้ำก็ยังมีอ่างจากุชชี่ให้ ถัดมาในส่วน Common Area ที่เป็นพื้นที่นั่งเล่น บริเวณนี้วางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้กำลังพอดีกับพื้นที่ ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารจะอยู่ด้านข้างของเครื่องซักผ้า (ตำแหน่ง W) ติดกันเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างมากขึ้นหากวันไหนต้องการพื้นที่ห้องที่กว้างมากขึ้นก็สามารถเปิดพื้นที่ให้ห้องนอนและ Common Area เชื่อมกันได้ จะเห็นว่าได้พื้นที่ตรงกลางในการใช้งานมากขึ้น และหากต้องการความเป็นส่วนตัวก็กั้นพื้นที่ด้วยประตูบานเลื่อนกระจกได้นะคะ หากชอบความเป็นส่วนตัวในห้องนอนมากขึ้นสามารถติดฟิล์มฝ้าหรือม่านเพิ่มเติมได้ค่ะ ถัดไปด้านนอกสุดคือส่วนระเบียง ที่มีขนาดพอสมควรสามารถใช้งานได้จริง ทั้งแบบซักล้างหรือยืนรับลมชิลๆ ได้

เริ่มต้นกันที่บริเวณหน้าห้องใช้ประตูด้วยวัสดุ HDF ปิดผิวด้วยลามิเนตเคลือบเมลามีนเรียบร้อย ขนาดประตู Oversize สามารถเปิดพื้นที่ได้กว้างขวางมากกว่าประตูขนาดมาตรฐานทั่วไปค่ะ

นอกจากนี้ยังได้ Digital Door Lock เป็นมาตรฐานในทุกห้องอีกด้วยนะคะ

ระหว่างรอยต่อของกระเบื้องปูผิวทางเดินและพื้นห้องมีธรณีประตูยกขอบขึ้นเรียบร้อย ช่วยในเรื่องการกั้นฝุ่นลอดเข้าด้านล่างของประตูได้และในส่วนพื้นห้องจะปูผิวด้วยไวนิลลายไม้ ซึ่งคุณสมบัติของพื้นไวนิลนี้จะมีจุดเด่นต่างจากลามิเนตอยู่คือสามารถทนรอยขีดข่วนต่างๆ ได้พอสมควร รวมไปถึงสามารถทนน้ำ/ความชื้นได้ดี และตัวพื้นเองมีความนุ่มเล็กน้อยเวลาเดินแล้วสบายเท้าค่ะ

ตรงเข้ามาเจอส่วนครัวเปิดก่อนเชื่อมเข้าส่วนพื้นที่นั่งเล่นและกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจกก่อนเข้าสู่ภายในห้องนอนด้านในค่ะ สำหรับความสูงฝ้าโครงการนี้ให้มา 2.6 ม. ถือว่าสูงกว่ามาตรฐานเล็กน้อยนะคะ ในส่วนของความกว้างของโถงทางเดินบริเวณนี้มีความกว้างประมาณ 1 ม. เป็นความกว้างที่ไม่แคบมากไปนัก แต่ก็ไม่ได้กว้างขวางมากที่จะเดินสวนในขณะที่อีกคนทำอาหารได้สบายๆ ค่ะ เนื่องจากทางโครงการเลือกให้ความสำคัญพื้นที่ห้องน้ำที่อยู่ด้านข้างด้วยเช่นกันเพื่อให้ได้ห้องน้ำใหญ่ อาบน้ำได้ชิลๆ ก็อาจจะแลกมากับโถงทางเดินบริเวณที่เล็กหน่อย

มาที่บริเวณ Pantry ครัวกัน โดยชุดครัวที่นี่จะใช้ของ Starmark ลักษณะเป็นแบบ Built-in ที่โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลย หน้าบานบุผิวด้วยลามิเนตเคลือบเมลามีนเรียบร้อย ส่วนทางซ้ายมือเป็นช่องว่างให้วางตู้เย็นหน้ากว้าง 0.70 ม. วางตู้เย็นขนาดกลางๆ ประมาณ 7.4 คิวบิกฟุตได้กำลังดีค่ะ ส่วนด้านบนของตู้เย็นเป็นชั้นวางของต่างๆ

ท็อปเคาท์เตอร์เป็นหินสังเคราะห์สีขาว ส่วนผนังเคาท์เตอร์ครัวเป็นกระจกใส ทำความสะอาดง่ายไม่ฝังรอยคราบ ตัวบานเปิดทั้งหมดให้เป็น Soft Close กันการกระแทกได้ดี

Sink ล้างจานหลุมเดี่ยวฝั่งเข้ากับเคาน์เตอร์ จาก MEX

ถัดมาเป็นชุด Hob & Hood ได้เตาแบบหัวเซรามิก 2 หัวเตา ส่วนด้านบนให้ Hood จาก MEX มาเช่นเดียวกันค่ะ

ส่วนด้านล่างเคาน์เตอร์มีช่องว่างไว้สำหรับวางไมโครเวฟ ซึ่งไมโครเวฟเองก็ได้ตามห้องตัวอย่างนี้เลยค่ะ จากยี่ห้อ Electrolux

ด้านบนได้ชุดตู้ Built-in บานเปิด Soft Close เช่นเดียวกัน ด้านในทำเป็นชั้นวางของได้พอสมควรเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็ออกแบบไว้ให้สำหรับวางจานชามต่างๆ

ถัดมาด้านข้างประตูทางเข้าห้องเป็นตู้ Built-in สำหรับใส่ของด้านบน และถุงกอล์ฟขนาดเล็กด้านล่างนะคะ หรือจะเพิ่มชั้นวางเป็นชั้นวางรองเท้าก็จะเหมาะสมกับการใช้งานมากขึ้น เพราะด้านล่างเราจะเห็นช่องระบายอากาศไว้ด้วย

เข้ามาส่วนห้องน้ำกันต่อนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและแห้งไว้ด้วยการออกแบบพื้นที่ ไม่ได้มีประตูหรือฉากกั้นกระจกกั้นไว้ให้เป็นสัดส่วนนะคะ เราเปิดเข้ามาก็จะเจอโถสุขภัณฑ์ก่อนเลย ส่วนด้านขวาเป็นอ่างล้างมือและฝั่งซ้ายของโถเป็นพื้นที่อาบน้ำค่ะ

มาที่ฝั่งอ่างล้างมือกันก่อน ส่วนผนัง Built-in ด้วยตู้กระจกเงาด้านล่างซ่อนไฟให้ดูสวยงามทีเดียวค่ะ

เพิ่มเติมคือส่วนตู้กระจกนี้สามารถเปิดออกมาวางของขนาดเล็กๆ ได้ด้วย เช่นขวดครีม โฟม แปรงสีฟันต่างๆ ได้

ท็อปของเคาน์เตอร์อ่างล้างมือใช้เป็นหินสังเคราะห์สีขาวดูสะอาดตาสอดคล้องกับอ่างล้างมือเซรามิกสีขาว ขนาดใหญ่พอสมควรใช้งานง่ายจาก American Standard ด้านล่างเคาน์เตอร์ Built-in เป็นชั้นวางของมีบานเปิด ปิดให้เรียบร้อยเป็นสัดส่วน และอีกด้านก็เป็นชั้นไว้วางของอีกค่ะ

สำหรับห้องทุกยูนิตจะได้ชุดโถสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับฝาอัตโนมัติจาก American Standard ทั้งหมดนะคะ และกรณีห้อง 2 Bedroom ขึ้นไปฝาอัตโนมัติจะได้เฉพาะห้องน้ำในห้อง Master Bedroom ค่ะ

ถัดมาที่พื้นที่อาบน้ำ จะไม่ใช่พื้นที่อาบน้ำทั่วไปนะคะ เพราะที่นี่ทุกยูนิตจะให้อ่างจากุชชี่มาด้วยเป็นมาตรฐาน ดังนั้นห้องนี้สามารถทำได้ทั้งนอนแช่อ่างหรือยืนอาบน้ำในอ่างได้เลยค่ะ สำหรับใครที่ยืนอาบน้ำแล้วกลัวว่าน้ำจะกระเด็นออกมายังส่วนแห้งสามารถซื้อม่านพลาสติกมากั้นพื้นที่ได้ง่ายเลยค่ะ นอกจากอ่างจากุชชี่ที่ไว้นอนแช่น้ำอุ่นสบายตัวแล้วจุดเด่นของห้องน้ำอีกอย่างเลยคือการที่ออกแบบห้องน้ำมาในรูปแบบ Sexy Bath ข้อดีเลยคือห้องน้ำมีความโปร่งโล่งมากขึ้นเพราะได้แสงธรรมชาติจากห้องภายนอกเข้ามายังในห้องน้ำมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเป็นฟิล์มฝ้าได้เลยค่ะ

ขนาดอ่างมีความยาวประมาณ 1.5 ม. มีระบบจากุชชี่ให้นวดตัว มาพร้อมกับฝักบัวที่รองรับการติดตั้งระบบน้ำร้อนได้ด้วยทั้งหมดจาก American Standard เช่นเดิมค่ะ

ถัดออกมาจากห้องน้ำเป็นชุดชั้น Built-in ที่มีความพิเศษและออกแบบมาสำหรับห้อง Type นี้โดยเฉพาะเลยค่ะ เพราะด้วยพื้นที่ที่จำกัดนะคะ จึงมีชั้นวางนี้ขึ้นมาไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าด้านล่างได้ โดยจะได้เป็นเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าขนาด 7.5 กิโลกรัม จาก Electrolux เป็นมาตรฐาน ด้านบนเป็นโต๊ะไว้วางของได้พอสมควรเลื่อนขึ้นบนผนังมีจัด Built-in เป็นชั้นวางของและตู้เก็บของด้านบน ส่วนที่พิเศษคือการที่สามารถดึงโต๊ะรับประทานอาหารออกมาได้และเลื่อนเก็บเข้าไปได้เมื่อไม่ได้ใช้งาน แม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่มากแต่ก็พอใช้งานจริงได้นะคะ ตามพื้นที่ที่จำกัด

ถัดมาเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่นบริเวณนี้อยู่ติดกับส่วนกระจกที่มองเข้าไปในห้องน้ำได้เลย เหมือนได้กระจกใสจากทั้ง 2 ข้างผนังช่วยให้บริเวณนี้กว้างมากขึ้นกว่าการเป็นผนังทึบปกติพอสมควรนะคะ โดยความกว้างบริเวณนี้อยู่ที่ประมาณ 1.65 ม. วางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งได้พอดี

อีกฝั่งติดกับ Pantry ครัวเป็นชุดที่วางทีวี ด้านบนเป็นชั้น Built-in วางของตั้งโชว์ได้ ส่วนด้านล่างของชั้นวางทีวีมีชั้นวางของและลิ้นชักเก็บของได้พอสมควรเลยค่ะ

ถัดมาเป็นประตูบานเลื่อนกระจกแบบ 3 ตอนความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานเลยค่ะ ช่วยเปิดพื้นที่ให้ตัวห้องโล่งมากขึ้นดีค่ะ

ภายในห้องนอนมีขนาดกำลังดีสามารถวางเตียง 5 ฟุตได้พอดีเลยค่ะ

โดยฝั่งปลายเตียงและด้านข้างเตียงที่ใกล้กับพื้นที่นั่งเล่นมีพื้นที่รอบเตียงให้พพอเดินได้สะดวกนะคะ

ฝั่งปลายเตียงนี้ออกแบบให้เป็นพื้นที่แต่งตัวโดยจะมีชุดโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าครบตามห้องมาตรฐาน

ภายในตู้เสื้อผ้านอกจากจะมีการ Built-in ราวแขวน ลิ้นชักต่างๆ แล้วยังมีตู้เซฟให้ด้วยนะคะ เป็นมาตรฐานในทุกยูนิตเลยเพื่อตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนที่ปล่อยเช่าได้ดีทีเดียว คือให้เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ต่างๆ ตามมาตรฐาน เพื่อให้ผู้เช่าสามารถเข้ามาใช้งานได้เลย รูปแบบจะคล้ายคลึงกับ Serviced Apartment นั่นเองค่ะ

อีกฝั่งบริเวณหัวเตียงมี Built-in ให้ด้วยนะคะ ดูสวยงามและยังสามารถวางของตกแต่งต่างๆ รวมไปถึงเก็บของใช้ด้านในได้อีกด้วยค่ะ ถัดมาที่เห็นด้านข้างเตียงเหมือนสวิตช์สีขาวและดำนั่นคืออีกจุดเด่นที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบายและความปลอดภัยของลูกบ้านมากขึ้น โดยสวิตช์สีขาวนั่นคือ ปุ่ม Sleep Mode ตอบโจทย์คนที่นอนบนเตียงแล้วขี้เกียจลุกขึ้นมาปิดไฟทั้งหมดในห้อง ก็สามารถกดสวิตช์นี้อันเดียวได้เลยค่ะ จะคล้ายกับสวิตช์หัวเตียงเวลาเราไปพักที่โรงแรมเลย และสวิตช์สีดำที่เห็นคือ SOS ไว้สำหรับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆ ให้กดสวตช์นี้ได้เลย จะส่งสัญญาณถึงนิติบุคคลและเจ้าหน้าที่โดยตรงค่ะ

ถัดมาที่ส่วนระเบียงกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอนทำให้เปิดรับลมหรือระบายอากาศได้ดีเลยค่ะ

สำหรับส่วนระเบียงของห้องตัวอย่างนี้โดยเฉพาะจะพิเศษกว่าในชั้นอื่นๆ คือได้ระเบียงขนาดใหญ่กว่าสามารถจัดเป็นพื้นที่ปาร์ตี้ Outdoor ชมวิวได้สบายเลยค่ะ ส่วนห้อง Type นี้แบบมาตรฐานความกว้างของระเบียงจะอยู่ที่ระยะประมาณกริลล์บัง CDU แอร์

ตัว CDU แอร์ยกแขวนสูงและเป่าลมร้อนออกด้านนอก

ห้องแบบ Deluxe ( 1 Bedroom 1 Bathroom) 33.00 – 34.50 ตารางเมตร  ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ห้องนี้จะมีขนาดกลางๆ พอดีกับการอยู่อาศัย 2 คน โดยเปิดประตูเข้าไปจะเจอกับห้องครัวซึ่งโครงการ Built-in ชุดครัวมาให้พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งได้  พอเดินเข้าไปจะเป็นห้องนั่งเล่น ที่มีการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางและ Built-in ชุดวางทีวีมาให้เรียบร้อย ถัดไปเป็นระเบียงที่มีการวาง Compressor แอร์ไว้ด้านบน ทำให้สามารถออกไปนั่งเล่นที่ระเบียงขณะเปิดแอร์ได้ ไม่ร้อนมากนัก

ส่วนของห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้เมื่อเราเปิดประตูออก ก็จะได้พื้นที่เหมือนห้อง Studio กว้างๆ แต่พอปิดประตูแล้วห้องจะดูแคบขึ้น แต่ก็ได้ประโยชน์ตรงที่หากต้องการใช้งานทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัวและห้องนอนในช่วงเวลาเดียวกัน ก็เป็นการแบ่งการใช้งานทั้งสามฟังก์ชั่นไปพร้อมๆกันได้ เช่น หากต้องการทำกับข้าวขณะที่อีกคนต้องการใช้สมาธิในการทำงาน ก็ปิดประตูบานเลื่อน จะช่วยให้เสียงไม่รบกวนกัน และยังป้องกันกลิ่นจากการประกอบอาหารเข้าห้องนอนด้วย

ถัดไปเป็นพื้นที่ Walk-in closet ที่โครงการ Built-in ตู้มาให้แล้ว เชื่อมต่อกับห้องน้ำที่แบ่งแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน และห้องน้ำนี่แหละที่เป็น High light ของห้อง ถ้าดูในแปลนห้องจะเห็นว่าพื้นที่ห้องน้ำนี่พอๆกับห้องนอนเลย เห็นชัดว่าค่อนข้างให้ความสำคัญกับห้องน้ำมาก โดยส่วนแห้งจะมีเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้าพร้อมตู้กระจกเปิดได้มาให้ โถส้วมเป็นแบบญี่ปุ่นใช้ปุ่มกดเอา ไม่มีสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่ให้ และส่วนเปียกจะมีอ่างจากุชชี่ รวมทั้งพื้นที่อาบน้ำด้วย Rain Shower ที่มีเก้าอี้เล็กๆให้ 1 ตัวสำหรับนั่งอาบน้ำสไตล์คนญี่ปุ่น

โดยเข้าห้องมา ส่วนแรกที่เราจะเจอคือห้องครัว ที่มีส่วนต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่น โดยโครงการได้จัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งไว้ให้ด้วยค่ะ

มองย้อนกลับไปที่หน้าห้องจะเห็นพื้นที่ส่วนครัวทั้งหมด ซึ่งมีขนาด 1.9 x 2.75 เมตร โครงการได้ Built-in ชุดครัวมาให้ ส่วนตู้เย็นไม่ได้ให้ แต่วางมาให้ดูเป็นตัวอย่างเฉยๆ ซึ่งพอวางชุดครัวและวางตู้เย็นแล้ว จะเหลือพื้นที่ทางเดินประมาณ 1.35 เมตรค่ะ

ครัว Built-in โครงการติดตั้งมาให้แบบนี้เลย หน้าบานบุผิวด้วยเมลามีนสีขาว ทางซ้ายมือเป็นช่องว่างให้วางตู้เย็นหน้ากว้าง 0.70 ม. วางตู้เย็นขนาดกลางๆได้

ถัดมาเป็นชุดโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง ขนาด 0.6 x 1.20 เมตร และเก้าอี้ 2 ตัวสีน้ำตาลบุหนังเทียม ซึ่งการจัดวางเก้าอี้ นอกจากจะวางเก้าอี้คู่กันแล้ว หากรู้สึกเบียดหรืออึดอัดก็สามารถจัดวางเก้าอี้อีกตัวไว้ฝั่งด้านข้างได้ เพราะช่องว่างระหว่างปลายโต๊ะถึงผนังประมาณ 0.70 เมตร เป็นระยะที่ไม่กว้างมาก แต่ก็พอนั่งได้ไม่อึดอัดค่ะ

บริเวณที่ติดกับประตูทางเข้าเป็นตู้เก็บของ หน้าบานเรียบๆ เมื่อเปิดออกมาก็จะเป็นชั้นวางของอเนกประสงค์ ชั้นล่างสุดสามารถวางถุงกอล์ฟได้ ไปใช้กับสนามมินิกอล์ฟด้านล่างโครงการ ซึ่งจะเหมาะกับการวางถุงกอล์ฟในตู้เก็บของอีกฝั่งที่มีขนาดเท่ากับตู้เก็บของ ห้องตัวอย่างที่ผ่านมา

มองไปทางซ้ายมือจะเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ และตู้ Built-in สำหรับใส่รองเท้าที่โครงการทำมาให้ พอเปิดออกมาจะเป็นชั้นวางรองเท้า และชั้นเก็บของเล็กๆน้อยๆ จริงๆ แล้วเหมือนกับชุด Built-in ของห้องที่แล้วมีแตกต่างเล็กน้อยตรงตู้ล่างที่ซอยมาเป็นชั้นวางรองเท้าด้านในให้

ห้องน้ำเป็นรูปตัว L แยกเป็นส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน มีฟังก์ชั่นค่อนข้างครบทั้งเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า ที่ใส่เครื่องซักผ้า โถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำ และจากุชชี่พอดีตัว

เคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า โครงการ Built-in มาให้ยาวเต็มผนัง มีชั้นวางของและลิ้นชักบานเปิดคู่ใส่ของใช้ในห้องน้ำได้ ส่วนช่องหน้าสุดทางขวามือเป็นที่ใส่เครื่องซักผ้าที่โครงการเว้นช่องไว้ให้ 0.7 ม. เหมาะกับวางเครื่องซักผ้าขนาด  7  กิโลกรัม ส่วนกระจกเงาติดผนังสามารถเปิดออกมาได้ทางซ้าย-ขวา เพื่อเก็บของได้เล็กๆน้อยๆ

ส่วนสุขภัณฑ์ได้เหมือนกับห้องตัวอย่างที่แล้วเลยค่ะ คือโถสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับฝาอัตโนมัติ จาก American Standard

ห้องน้ำนี้เป็นห้องน้ำที่สามารถเข้า-ออกได้ 2 ทางคือจากส่วนครัว และภายในห้องนอนค่ะ โดยประตูที่เข้าจากทางห้องนอนใช่เป็นบานเลื่อนกระจกแบบฝ้า

ถัดไปเป็นพื้นที่อาบน้ำ ที่ถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนนิรภัยไม่มีเฟรม โดยประตูจะเป็นบานเลื่อนเดี่ยว เลื่อนไปทางขวาได้ทางเดียว

พื้นที่ส่วนอาบน้ำมีขนาด 1.5 x 1.5 เมตร ฟังก์ชันการอาบน้ำจะแบ่งเป็นส่วนอาบน้ำและอ่างจากุชชี่ การใช้งานพื้นที่อย่างเช่น เราอาบน้ำล้างตัวให้สะอาดโดยการนั่งอาบน้ำที่เก้าอี้เล็กๆตัวนี้ จากนั้นก็ลงไปแช่ตัวในอ่างจากุชชี่เพื่อผ่อนคลาย โดยคนญี่ปุ่นบางคนที่ชินกับการอาบน้ำแบบเดิมๆก็มักจะหาถังใส่น้ำมาวางแล้วเอาขันตักอาบ

แต่มาซื้อคอนโดระดับนี้จะให้มาหาขันตักอาบก็กระไรอยู่ โครงการจึงได้ติดตั้ง Rain Shower มาให้ เผื่อใครอยากนั่งอาบน้ำไป เปิด Rain Shower ไป เปิดเพลงคลอๆ ได้ความสุนทรีไปอีกแบบค่ะ

ข้างๆกันเป็นอ่างจากุชชี่ขนาด 0.70 x 1.5 เมตร อ่างขนาดไม่ใหญ่มาก เพราะว่าจุดประสงค์เค้าไม่ได้เน้นนอน แต่จะเน้นนั่งแช่น้ำแล้วเหยียดขาเอา ให้น้ำจากอ่างจากุชชี่พ่นออกมาช่วยให้ผ่อนคลาย มองตรงไปที่ผนังเป็นกระจกใสที่มองออกไปเห็นห้องนอน หากใครไม่ชอบเซ็กซี่หวิวๆก็หาผ้าม่านมาติดอำพรางสายตาได้นะคะ ส่วนผนังอีกด้านติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำของ American Standard มาให้

ถัดไปเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นหรือรับแขก ซึ่งโครงการแถมโซฟารับแขกขนาด 2  ที่นั่ง โต๊ะกลาง และตู้วางทีวี Built-in มาให้แล้ว ระยะดูทีวีอยู่ที่ 1.50 เมตร เหมาะกับการวางทีวี 32″ จะเป็นขนาดทีวีที่พอดีกับสายตาค่ะ

ถัดไปเป็นส่วนระเบียง ที่ถูกกั้นพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนคู่ กระจกใสเขียวตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ

สำหรับระเบียงห้องนี้จะมีขนาดพิเศษมากกว่าห้องมาตรฐานนะคะ ซึ่งปกติจะอยู่ที่ประมาณ  1.2 x 2.2 ม. เท่านั้นค่ะ ในกรณีห้องมาตรฐานก็จะเน้นเป็นยืนชมวิวด้านนอกแทน แต่เฉพาะห้องนี้ที่สามารถวางชุดโต๊ะเก้าอี้ Outdoor มาปาร์ตี้ด้านนอกได้เลย

ทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของห้องนอนที่ถูกแบ่งพื้นที่ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 บาน กรอบอลูมิเนียมสีดำ ซึ่งพอประตูที่กั้นเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน เวลาเปิดประตูสุดจึงทำให้มีช่องเปิดค่อนข้างกว้าง เสมือนห้อง Studio ห้องหนึ่ง ที่ห้องนอนและห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่เดียวกัน หากนอนอยู่บนเตียงก็สามารถดูทีวีที่ห้องรับแขกได้

ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างขวางนะคะ เมื่อเทียบกับขนาดห้องพัก สามารถวางเตียง 5 ฟุตพร้อมกับชุดเครื่องแป้งได้กำลังดี

ห้องนี้มีช่องเปิดให้ 1 จุดเป็นหน้าต่างกระจกเขียวใสตัดแสง กรอบอลูมิเนียมสีดำ บาน Fix และบานกระทุ้งเล็กๆ 1 บาน

ถัดไปเราจะเห็นหน้าต่างกระจกบาน Fix ของห้องน้ำ เป็นกระจกใสค่อนข้างเซ็กซี่เวลาอาบน้ำ ข้างๆกันเป็นพื้นที่ Walk-in closet ที่โครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้แล้ว

โดยหน้าบานตู้เสื้อผ้าจะเป็นลามิเนตลายไม้บานเลื่อน เมื่อเปิดออกมาก็จะได้ฟังก์ชันค่อนข้างครบทั้งลิ้นชักใส่ของ ที่แขวนผ้า ที่แขวนกางเกง รวมทั้งตู้นิรภัยก็ติดตั้งมาให้ด้วย เผื่อในกรณีทำเป็นห้องเช่า จะได้มีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 25 January 2018

  • 1 Bedroom Superior (Mountain View) ชั้น 7 ห้อง 704 เนื้อที่ 29.63 ตร.ม. ราคา 2.89 ล้านบาท หรือ 97,536 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Deluxe (Mountain View) ชั้น 6 ห้อง 601 เนื้อที่ 35.24 ตร.ม. ราคา 3.747 ล้านบาท หรือ 106,328 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Deluxe (Sea View) ชั้น 12A ห้อง 12A11 เนื้อที่ 35.31 ตร.ม. ราคา 4.007 ล้านบาท หรือ 113,480 บาท/ตร.ม.
  • 1 Bedroom Deluxe (Mountain View) ชั้น 29 ห้อง 2906 เนื้อที่ 34.11 ตร.ม. ราคา 3.98 ล้านบาท หรือ 116,681 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedroom Suite (Sea View) ชั้น 16 ห้อง 1608 เนื้อที่ 57.01 ตร.ม. ราคา 6.451 ล้านบาท หรือ 113,155 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished + เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด
  • ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • Shuttle Service
  • จอง 5,000 บาท
  • ทำสัญญา 65,000 บาท
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


เจาะลึกรวบยอด

โครงการ Knightsbridge The Ocean ศรีราชา เป็นคอนโดมิเนียมในเมืองศรีราชาที่ตั้งใจออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะด้วยรูปแบบตัวโครงการที่เน้น Facilities ในสไตล์ญี่ปุ่น รวมไปถึงการคำนึงลักษณะนิสัยความชอบของคนญี่ปุ่นที่ต้องการความสะดวกสบายในรูปแบบ Hotel Service และตัวห้องที่ได้อ่างจากุชชี่ในทุกยูนิตอีกด้วย นอกจากนี้ยังตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุนปล่อยเช่าด้วยการมี Rental Managment จาก Crown Residence เข้ามาดูแลบริหารและจัดหาผู้เช่าให้ โดยการันตี yield 7% รับประกันค่าเช่านาน 1 ปี ด้วยค่าเช่าขั้นต่ำอยู่ที่ 17,000 บาท พร้อมกับเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ทั้งหมดร่วม 84 รายการ เพื่อให้นักลงทุนสามารถปล่อยเช่าได้เลยไม่ต้องลงทุนซื้อของตกแต่งเพิ่มเติม

รูปแบบของทำเลโครงการเหมาะกับคนที่ชื่นชอบความเป็นส่วนตัว บรรยากาศสงบไม่พลุกพล่านมากนัก โดยตั้งทำเลออกมาจากใจกลางเมืองที่มีความคึกคักออกมาหน่อย เพื่อให้ได้ความสงบมากขึ้น รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับวิวเป็นหลักด้วยเช่นกันจะเห็นว่าตัวโครงการได้ทำเลวิวค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ หน้าวิวทะเล หลังวิวภูเขา จะเลือกฝั่งไหนก็ได้วิวที่สวยเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีเอกลักษณะที่แตกต่างกัน ใครอยากได้ความรู้สึกแนวคอนโดตากอากาศมองเห็นทะเลก็เลือกวิวทะเลได้เลย ส่วนใครที่ชอบบรรยากาศเขียวๆ นิ่งสงบก็จะเหมาะกับห้องที่ได้วิวภูเขาแทน

การเดินทางโดยใช้รถ เป็นวิธีที่สะดวกสุดสำหรับการเดินทางไปทำงานหรือเข้าใจกลางเมืองศรีราชาต่างๆ โดยใช้ถนนสุขุมวิทเป็นถนนทางหลัก ซึ่งตัวโครงการที่อยู่ติดกับถนนใหญ่อยู่แล้วจึงไม่มีปัญหาในเรื่องของการเดินทางมากนักค่ะ มาที่ส่วนของที่จอดรถให้มาทั้งหมดรวมซ้อนคันอยู่ที่ 44% จัดว่าไม่ได้มากนัก แต่ก็พอหักลบกับกลุ่มลูกบ้านที่มีคนขับ-รถรับส่งส่วนตัว หรือที่บริษัทของลูกบ้านมีบริการให้อยู่แล้วได้อยู่ค่ะ

สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช่รถ จัดว่าโอเคเลยนะคะ แม้จะไม่ได้มีรถสาธารณะวิ่งพลุกพล่านเหมือนใจกลางเมืองศรีราชาอย่างช่วงใกล้ Robinson แต่ก็พอมีให้สามารถโบกเรียกหน้าโครงการได้อยู่นะคะ และนอกจากนี้ทางโครงการมีการจัด Shuttle Service ให้ลูกบ้านรับส่งไปยังจุดสำคัญต่างๆ ในเมืองศรีราชา ยกตัวอย่างเช่นบริเวณ Robinson ด้วยเช่นกันค่ะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านมากขึ้น

การออกแบบโครงการโดยรวมตั้งใจออกแบบมาเพื่อคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะก็จะเห็นว่าแทบจะทุกๆ อย่างในโครงการมีการออกแบบที่ตอบโจทย์คนญี่ปุ่นเป็นหลัก เริ่มจากการทำโครงการให้มี Service แบบโรงแรมในบางอย่างเช่น ร้านอาหารที่ตั้งใจจะเปิดให้บริการตลอด 24 ชม. ลูกบ้านสามารถสั่งอาหารขึ้นไปบนห้องได้ หรือลงมาทานได้ตลอดเวลา มีบริการทำความสะอาดและซักรีดต่างๆ (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) รวมไปถึงจัด Hi-Speed Internet Boardbrand เพื่อให้ลูกบ้านได้ใช้อินเตอร์เนตความเร็วสูงติดต่อต่างประเทศได้ไม่สะดุด หรือการติดสัญญาณช่องเคเบิลญี่ปุ่นให้เป็นมาตรฐานอีกด้วยค่ะ ส่วนตัวห้องก็ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันห้องน้ำมากกว่าโครงการทั่วไป เพราะทุกห้องจะได้อ่างจากุชชี่ นอนแช่น้ำ นวดตัวได้ ซึ่งตรงกับลักษณะนิสัยของชาวญี่ปุ่นที่ชอบผ่อนคลายความเครียดจากงานโดยการแช่ตัวเป็นต้น ที่ติดอยู่หน่อยคือความหนาแน่นโครงการที่ค่อนข้างสูง เทียบกับอัตราส่วนลิฟต์อยู่ที่ 240.6 : 1

วัสดุอุปกรณ์ที่ให้มาจัดว่าดีทีเดียวค่ะ โดยรูปแบบการขายเป็นแบบ Fully Furnished พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและเครื่องใช้ภายในห้องทั้งหมดเรียกได้ว่าเก็บแค่เสื้อผ้าเข้ามาอยู่ได้เลย จุดเด่นคือการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ตอบโจทย์ชาวญี่ปุ่นเช่นเดิม เช่นการทำตู้ Built-in ไว้เก็บถุงกอล์ฟได้ หรือโถสุขภัณฑ์ที่มาพร้อมกับฝาอัตโนมัติ เป็นต้นค่ะ

สาธารณูปโภคโครงการถือว่าให้มามากทีเดียว เทียบกับโครงการข้างเคียงแล้วจัดว่าให้มากที่สุดเลยนะคะ สำหรับใครที่ชื่นชอบการใช้งาน Facilities แล้วละก็เหมาะกับโครงการนี้แน่นอน นอกจาก Facilities สแตนดาร์ดทั่วไปที่ทางโครงการมักจะมีให้อยู่แล้วเช่น ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ สวน แล้วที่นี่มีสระว่ายน้ำให้ถึง 2 ที่ด้วยกัน และยังมี Facilities ที่เพิ่มเติมขึ้นมาเช่น Theatre Room, Kid’s Room, Multi-function Room, Laundry, Library เป็นต้น ก็ยังไม่จบแค่นี้ยังมี Facilities พิเศษที่ทำมาเพื่อเอาใจชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะได้แก่ Onsen, Tatami Room, Putting Green และ Golf Simulator Room อีกด้วยค่ะ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 120,000 บาท/ตร.ม., 25 January 2018

  • ทำเล 8/10 – ทำเลสำหรับพักผ่อน ไม่พลุกพล่าน หน้าวิวทะเล หลังวิวภูเขา
  • เดินทางด้วยรถ 8.5/10 – ติดถนนสุขุมวิทเข้า-ออกเมืองสะดวก
  • ไม่ใช้รถ 7.5/10 – รถสาธารณะขับผ่านบ้าง และมี Shuttle Service
  • วัสดุ 8.5/10 – ให้มาครบทุกอย่างรวมเครื่องใช้ทั้งหมดเป็นมาตรฐานในทุกห้อง
  • แบบ 7.5/10 – ออกแบบดี  แต่มีความหนาแน่นมากไปหน่อย
  • สาธารณูปโภค 9/10 – ให้มาเยอะ หลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายหลัก

  • UPPER CLASS
  • 8.13 / 10.00

BOTTOM LINE

KnightsBridge The Ocean ศรีราชา เหมาะกับคนญี่ปุ่นที่มาทำงานแบบ Long term เน้นความสงบ เป็นส่วนตัว ไม่อยากอยู่ใจกลางเมืองที่มีความคึกคัก ยอมแลกมากับความอุดมสมบูรณ์ที่น้อยกว่าใจกลางเมือง ได้ห้องที่มีอ่างจากุชชี่ รวมไปถึงมี Facilities พิเศษสไตล์ญี่ปุ่นให้ได้ใช้งาน ตกแต่งห้องครบทั้งหมดเพียงเก็บกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลย ไม่เสียเวลามาตกแต่ง มีงบประมาณตั้งแต่ 2.89-13.8 ล้านบาท