รีวิวฉบับที่ 381 (by Tharis T.) … นาราสิริ Hideaway บ้านเดี่ยว 3 ชั้น 15-25 ล้านบาท ในซอยโยธินพัฒนา 3 ด้านหลัง CDC (ซอยข้างๆ Chic Republic) จากแสนสิริ โครงการนี้เป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่นัก ที่ดินประมาณ 15 ไร่ มีจำนวนบ้านแค่ 60 ยูนิตเท่านั้น มีไม่เยอะเลย แล้วตอนนี้โครงการก็สร้างเสร็จเกือบจะสมบูรณ์เต็มที่แล้ว มีลูกบ้านเข้าอยู่แล้วบางส่วนด้วยครับ ตัวบ้านของที่นี่จะเน้นหนักไปทางพื้นที่ใช้สอยภายในบ้าน เพราะเป็นบ้าน 3 ชั้น ปลูกเต็มแปลง แม้จะเป็นแปลงขนาด 50-60 วา แต่พื้นที่ใช้สอยประมาณ 300 ตร.ม.ได้เลย จะเป็นยังไงลองไปดูกันครับ
Fact @ 3 July 2013
- นาราสิริ Hideaway
- บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- Segment การตลาด 15-25 ล้านบาท
- เนื้อที่โครงการ 15 ไร่ ทั้งหมด 60 ยูนิต
- บ้านเดี่ยว 3 ชั้น หน้ากว้างประมาณ 11.5 เมตร
- 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 2-3 ห้องพักผ่อน 2-3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน
- พื้นที่ใช้สอย 281 และ 325 ตารางเมตร
- ขนาดแปลงที่ดินเริ่มต้น 52.50 ตารางวา
- ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท (Q2/2013)
- www.sansiri.com
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ
เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง
ที่ตั้งโครงการ นาราสิริ Hideaway ตั้งอยู่ในซอยโยธินพัฒนา 3 ครับ ซึ่งเป็นซอยที่สามารถเข้าได้จากทางถนนโยธินพัฒนา ถนนที่อยู่ด้านข้าง Chic Republic ที่เป็นห้างฯเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังติดกับ CDC นั่นเอง ตัวโครงการมีทางเข้าออกอยู่ในซอยแยกอีกทีหนึ่ง คือ ซอยนวมินทร์ 111 แยก 15 ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ประมาณ 1.7 กิโลเมตรครับ สำหรับคนใช้รถไม่น่าจะมีปัญหานะครับ และยิ่งบ้านราคาระดับนี้ ลูกบ้านส่วนใหญ่ก็คงจะมีรถกันอยู่แล้ว แต่สำหรับ คนที่ไม่มีรถ อาจจะเป็นคุณลูกที่ยังเรียนอยู่ หรือคุณแม่บ้านที่จะออกไปข้างนอก อาจจะต้องใช้วิธีเรียกแท็กซี่เอา ให้พี่รปภ.เรียกให้ก็ได้นะครับ หรือจะหามอไซค์รับจ้างแถวๆนั้น ที่วิ่งผ่านไปผ่านมาในซอยก็ได้เหมือนกัน อ้อ จักรยานก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการคมนาคมในซอยแถวนี้นะครับ ปั่นไปซื้อของ จ่ายตลาด
สำหรับด้านการเดินทางด้วยรถยนต์ ซอยนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ในซอยลึก แต่ว่าเป็นซอยที่มี Access ที่ดีทีเดียว เพราะมีทางเลี่ยงทางลัดเยอะ เข้า-ออกจากถนนได้หลายเส้น นอกจากเส้นเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทราแล้ว ก็ยังจะไปออก ถนนเกษตร-นวมินทร์, ถนนนวมินทร์, ถนนลาดพร้าว ได้หมด (ลาดพร้าวจะไกลหน่อย แต่ไปได้ โดยจะไปออกที่ลาดพร้าว 101) การคมนาคมด้วยรถถือว่าสะดวกในโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานครครับ แต่ก็อยู่ไกลจากตัวเมือง (เช่น สยามพารากอน, CTW :D) พอสมควร ก็คงจะต้องพึ่งพาทางด่วนบ่อยๆหน่อย
ส่วนทำเลตรงนี้สามารถใช้ทางด่วนได้โดยมี ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ที่อยู่ใกล้ที่สุด และน่าจะได้ใช้บ่อยที่สุด เวลาขึ้นทางด่วน เนื่องจากปากซอยโยธินพัฒนามันอยู่เลยด่านเกษตร-นวมินทร์ไปแล้ว เลยต้องไปขึ้นที่ด่านลาดพร้าวแทนนะครับ ส่วนเวลากลับบ้าน ลงทางด่วน ก็ใช้วิธีลงด่านเกษตร-นวมินทร์แล้วกลับรถเอาจะง่ายกว่า แล้วถ้าจะไปสนามบินสุวรรณภูมิ, มอเตอร์เวย์ หรือจะไปลาดกระบัง, บางนา ก็จะมีเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษก (2) สามารถวิ่งออกไปใช้ได้ โดยไม่ต้องไปฝ่ารถติดผ่านตัวเมืองครับ
สภาพแวดล้อมในบริเวณนี้ ดูจากถนนใหญ่กันก่อน เพราะไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แถวๆเกษตร-นวมินทร์, เลียบทางด่วนนี้ ความเจริญ ความอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างครบครันอยู่แล้ว มีห้างใหญ่ๆอย่าง CDC ผสมกับ Community Mall และร้านอาหารอีกเพียบ กินดื่มได้สบาย มีซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ อย่าง Tesco Lotus หรือ MaxValu ด้วย สามารถดำรงชีพแถวๆนี้ได้โดยไม่ต้องขับรถเข้าเมืองไปไกลๆแน่นอน แต่พอเข้าซอยมาแล้วส่วนใหญ่จะเป็นบ้านคน เป็นที่อยู่อาศัยกันเป็นส่วนมากครับ อาหารการกินอาจจะไม่ได้หาง่ายเหมือนที่อยู่ใกล้ๆถนนใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่ากันดารขนาดนั้น เพราะในซอยก็ยังมีร้านค้าต่างๆ ประปรายให้เห็นกันอยู่บ้าง มีชุมชนอยู่ในซอย เพราะซอยนี้ก็ไม่ใช่ซอยตัน เป็นทางลัดที่คนใช้กันเยอะ
โดยรวมแล้วทำเลตรงนี้ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับ ข้อดีคือ เข้าออกได้หลายทาง ทางเลี่ยงทางลัดเยอะ มีทางด่วนให้ใช้ได้สะดวก บนถนนใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครัน เป็นทำเลในซอยที่ได้เรื่องความเงียบสงบ ความเป็นส่วนตัวไม่พลุกพล่านเท่าถนนใหญ่ ส่วนข้อเสียก็คือ ไม่ได้ติดถนนใหญ่ เข้าซอยไปลึก ถ้าไม่มีรถคงจะลำบากหน่อย ในซอยส่วนใหญ่เป็นบ้านคน ความอุดมสมบูรณ์สู้ถนนใหญ่ไม่ได้ (ทำให้ต้องออกมาด้านนอก) และอาจจะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย เวลาเดินไปเดินมาในซอยด้วยนะครับ
การไปโครงการวันนี้ผมใช้ทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา มาลงที่เกษตร-นวมินทร์ แล้วกลับรถมาเข้าซอยโยธินพัฒนาครับ
มาจากทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ลงเกษตร-นวมินทร์
วิ่งตามป้าย ไป U-Turn
กลับรถใต้สะพาน ก่อนถึงถนนเกษตร-นวมินทร์
กลับรถมาปุ๊บ เตรียมตัวชิดซ้ายไว้เลยครับ ตามป้ายลาดพร้าวไป ผ่านร้าน Hako Town
ขับรถ ผ่าน ทางขึ้นทางด่วน
ถึงตรงนี้จะเจอกับทางเข้าถนนโยธินพัฒนาครับ ซึ่งจะมีป้ายเขียนว่าเป็นทางลัดไปออกสุขาภิบาล 1 ได้ ซอยนี้ถ้าเราวิ่งเลยไปหน่อยก็จะไปเจอกับ CDC ที่อยู่ข้างหน้าครับ ก่อนถึง CDC จะมี Chic Republic ที่เป็นห้างเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ ถ้าเราเลี้ยวเข้าซอยข้างๆ Chic Republic เราก็จะเข้าสู่ถนนโยธินพัฒนาเช่นเดียวกัน
มาที่ถนนโยธินพัฒนาแล้ว เตรียมตัวชิดซ้ายไว้เลยนะครับ
เลยปั๊มบางจากมา เจอสามแยกแรกก็เลี้ยวซ้ายเข้า ซอยโยธินพัฒนา 3
บรรยากาศ และสภาพแวดล้อม บริเวณปากซอย โยธินพัฒนา 3 ซอยนี้เป็นถนน 2 เลน ไม่มีฟุตบาท แต่ถนนกว้างพอใช้ได้ ถ้ามีรถจอดข้างทางอยู่คันนึง แล้วมีรถวิ่งสวนกัน ยังพอหลบๆให้กันได้ ไม่ยาก
ระหว่างทางเจอกับ Lotus Express ด้วยครับ
7-Eleven ที่อยู่กลางๆซอย เลย Lotus Express มาหน่อย ด้านหน้ามีที่จอดรถด้วยนะครับ
พอเข้ามาข้างในประมาณ 1 กิโลเมตร เราจะเจอกับ ร้านกาแฟและเบเกอรี่ชื่อดัง “บ้านก้ามปู” ครับ ร้านนี้จะออกแนวเน้นกินบรรยากาศ ร่มรื่นๆ เพราะข้างในเขาจะจัดสวนเอาไว้ ต้นไม้เยอะม้ากกก แถมมี Art Gallery อยู่ข้างในด้วยนะครับ 😀 อาจจะเอาไว้ใช้รับแขกได้ ถ้าสมมติมีใครมาบ้านแล้วเราอยากจะพามานั่งร้านชิวๆด้านนอกเนอะ
สภาพแวดล้อมหน้าร้านบ้านก้ามปู จะออกแนวต้นไม้เยอะๆหน่อย
พอถึงตรงนี้ เราก็จะเจอกับสามแยกนะครับ ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อเข้าซอยแยก “นวมินทร์ 111 แยก 15”
เข้าซอยนี้มาถนนยังเป็นสองเลนเหมือนเดิม แต่แคบลงมาอีกนิด พื้นที่ฟุตบาทเริ่มไม่ค่อยมี
ซ้ายมือจะผ่านร้านอาหาร ตำตำ ดูจากชื่อร้านก็คงจะเดาไม่ยากว่าขายอาหารแนวไหนนะครับ ข้างในมีร้านกาแฟด้วยนะ
ในซอยนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยเยอะเลยครับ มีโครงการบ้านจัดสรรให้เห็นเรื่อยๆ ตลอดทาง อย่างอันนี้คือ Le Casa ครับ
ถัดมาคือ Private Nirvana Life ที่รั้วอยู่ติดกับโครงการเลย
มองเห็น Narasiri อยู่ข้างหน้าแล้ววว
ถึงแล้วครับ! Narasiri Hideaway 😀 ทางเข้าสีน้ำตาลเข้ม ดู Modern เชียว จะเห็นว่าด้านหน้าโครงการเขาจะร่นระยะเข้าไปหลายเมตรอยู่เหมือนกันนะครับ เพื่อความแกรนด์ของทางเข้าที่สร้างได้ใหญ่ขึ้น และ Privacy ที่เพิ่มขึ้นมาอีกหน่อย เทียบกับหมู่บ้านอันข้างๆที่บ้านหลังแรกจะอยู่ชิดรั้วโครงการเลย
ป้ายโครงการที่อยู่ด้านหน้า เอาให้เห็นกันชัดๆ เดี๋ยวเรายังไม่เข้าหมู่บ้าน แต่จะไปดูรอบๆกันก่อนนะครับ ว่าเป็นยังไง
ด้านข้างของโครงการ ติดกับหมู่บ้าน Private Nirvana Life รั้วชิดกันอย่างที่เห็นนะครับ
ถนนหน้าโครงการที่เราวิ่งผ่านมา ฟุตบาทค่อนข้างเล็กนะครับ แต่ความกว้างของถนนก็พอใช้ได้ รถที่วิ่งสวนกันไม่ถึงกับต้องชลอความเร็วมากนัก
แอบมาดู “Private Nirvana Life Exclusive” นิดนึง
ด้านซ้ายของโครงการ เป็นตึกแถวร้านค้าเรียงๆกันแบบนี้
บรรยากาศในซอย ถ้าวิ่งเลยโครงการไปหน่อย
ถ้าขับรถผ่านโครงการ วิ่งตรงไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอกับ สามแยกด้านหน้า เลี้ยวซ้ายตรงสามแยกนี้จะไปออกเกษตร-นวมินทร์ หรือ นวมินทร์ ได้นะครับ ผ่าน “ซอยแจ่มจันทร์” ส่วนถ้าเลี้ยวขวาจะไปออกถนนโพธิ์แก้วซึ่งจากตรงนั้นก็จะเลือกไปออกลาดพร้าว 101 ได้ หรือไม่ก็ออกทางนวมนิทร์ได้เหมือนกัน
ผมเลี้ยวซ้ายที่สามแยกในรูปก่อนหน้านะครับ จะมาออกถนนเกษตร-นวมินทร์ตรงซอยแจ่มจันทร์นี้ ระหว่างทางในซอยจะคดเคี้ยวนิดนึง แต่มีป้ายบอกทางเกือบจะตลอดเวลา ค่อนข้างโอเคเลยครับ
จากเกษตร-นวมินทร์ ถ้าเราวิ่งตรงไปก็จะไป ถนนวิภาวดีรังสิต ตรง ม.เกษตร (เข้าถนนงามวงศ์วาน) หรือ ถ้าเราเลี้ยวซ้ายก็จะเข้าถนนเลียบทางด่วนย้อนกลับไปทางเดิม ไปขึ้นทางด่วนได้
ขอจบเจาะลึกทำเลไว้เท่านี้ เข้าไปดูตัวโครงการกันเลยดีกว่า
เจาะลึกตัวโครงการ
“นาราสิริ ไฮด์อเวย์” เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เนื้อที่โครงการทั้งหมด 15 ไร่ และมีบ้านอยู่จำนวน 60 ยูนิตเท่านั้นเอง ซึ่งก็ถือว่าไม่เยอะเลย จัดว่าเป็นโครงการที่ไม่ใหญ่มากครับ ก็อยู่กันแบบส่วนตัวๆหน่อย ตามชื่อ “Hideaway” ที่แปลว่า “ที่ซ่อนตัว” ครับ 😀 ตัวบ้านของที่นี่ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 52.5-128.4 ตารางวา มีบ้านแค่ 2 แบบ คือ Serene 281 ตร.ม. และ Haven 325 ตร.ม. ครับ
ถ้าพูดการวาง Segment การตลาดของโครงการนี้ จริงๆแล้วต้องถือว่า นาราสิริ ตัวนี้เป็นตัวนาราสิริรุ่นจูเนียร์นะครับ เพราะมีระดับราคาจะอยู่ที่ 15-25 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่คาบเกี่ยวกับโครงการรุ่นน้องอย่างเศรษฐสิริ ที่อยู่กันคนละ Segment แต่เศรษฐสิริเค้าจะไม่มีบ้าน 3 ชั้นแบบนี้
ถ้าดูอย่าง นาราสิริ บางนา หรือ พุทธมณฑลสาย 1 อันนั้นราคาเริ่มก็อยู่ที่ 25 ล้านบาทเข้าไปแล้ว มีไปจนถึง 100 ล้านเลยนะครับ แล้วยังมี นาราสิริ พระราม 2 ที่กำลังจะเปิดตัวเร็วๆนี้อีกอันนึงด้วย คงจะนำมาเปรียบเทียบกันไม่ค่อยได้นะครับ … อันนี้ผมนึกว่าวังจุฑาเทพ …
ลองเข้าไปดูในโครงการกันดีกว่า ด้านหน้าทางเข้า ป้อมรปภ.หน้าตาแบบนี้ครับ ทำโครงเป็นสีน้ำตาลเข้ม กลืนไปกับซุ้มทางเข้าเลย ตรงนี้จะใช้ระบบ Access Card ในการเข้า-ออกนะครับ ถ้าเป็น Visitor ก็ต้องแลกบัตรไปตามระเบียบ
เข้ามาสู่ภายในหมู่บ้านแล้วจะเจอภาพนี้ก่อนเลย ถนน Main ด้านหน้ากว้าง 12 เมตรครับ ถือว่า ถ้ามีรถจอดหน้าบ้านสองฝั่ง ก็ยังเหลืออีก 2 เลนให้รถวิ่งสวนกันได้
บ้านหลังด้านซ้ายข้างหน้าจะเป็นสำนักงานขายครับ ข้างๆซ้าย-ขวาก็จะเป็นบ้านตัวอย่าง
ขับรถเข้ามาแล้ว ด้านในจะเป็นวงเวียนตรงกลาง อยู่ติดกับ Club House ที่ขนาดไม่ใหญ่นัก แล้วก็จะเป็นถนนยาวเข้าไปด้านใน
ถนนรองก็จะขนาดเล็กลงเหลือประมาณ 8 เมตรครับ ความรู้สึก บรรยากาศ Look and Feel ก็จะเห็นเป็นประมาณนี้
ตัวโครงการใส่ต้นไม้ไว้เยอะพอสมควร บ้านแต่ละหลัง เขาจะจัดสวนแบบมีรั้วพุ่มไม้อยู่ในรั้วบ้านอีกทีแบบนี้ และวางต้นไม้ใหญ่ให้หลังละต้น ปูหญ้าที่ขอบถนน ก็ถือว่าเขียวใช้ได้เลยครับ
รั้วบ้านมาตรฐานของแต่ละหลังเป็นแบบ Slide แบบนี้ครับ
มีประตูบานเล็กสำหรับคนเดินเข้าทางด้านนี้ ล็อคกุญแจตามปกติ
ด้านหน้ามีโคมไฟติดอยู่ที่ประตู พร้อมกับตู้จดหมาย และกริ่งหน้าบ้าน
ด้านข้างเป็นที่ทิ้งขยะเปิดได้สองด้าน จากทั้งด้านในและด้านนอก ให้คนที่อยู่ในบ้านไม่ต้องเปิดประตูรั้วออกไปทิ้งนอกบ้าน และคนเก็บขยะสามารถเปิดเอาขยะได้จากด้านนอกทันที
ฝาถังขยะหน้าบ้าน หน้าตาแบบนี้ อยู่ติดกับรั้วทางเข้า
มาดู Club House กันบ้าง ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ แต่ก็ใช้งานได้จริงนะครับ วางอยู่ติดกับวงเวียนแบบนี้
สระว่ายน้ำขนาดประมาณนี้ ใช้ว่ายออกกำลังกายได้เลย ด้านซ้ายที่เป็นห้องกระจกคือฟิตเนสที่อยู่ติดกัน และด้านขวาข้างในโน้นคือสระเด็ก ติดกับที่นั่งพักผ่อน การที่สระว่ายน้ำตั้งอยู่แบบนี้ หลายๆคนอาจจะมองว่า ไม่ค่อยมี Privacy เท่าไหร่ เพราะใครผ่านไปผ่านมาก็สามารถมองเข้ามาได้ และพื้นสระว่ายน้ำก็ไม่ได้ยกสูง ไม่พ้นระดับสายตา ทั้งนี้ที่เค้าทำแบบนี้เพื่อความเปิดโล่งของสระว่ายน้ำด้วย แต่ถ้าใครชอบโชว์ก็ลุยได้เลยครับ ผมไม่ห้ามแน่นอน 😀
ทางเข้า Clubhouse จะอยู่ด้านข้าง เหลี่ยมๆแบบนี้
เข้ามาปุ๊บมีพื้นที่นั่งเล่นพอประมาณ
ถ้ามองจากด้านในออกไป ก็จะเห็นบริเวณทางเข้าหน้าตาประมาณนี้ครับ ตัว Club House มีรั้วเขียวๆบังสายตาไว้ด้วย
มุมมองเวลานั่งอยู่ที่โซฟา
ตรงนี้จะเป็นสระเด็กครับ มีหลังคาซี่ๆอยู่ด้านบน กันฝนไม่ได้นะครับ กันแดดได้บ้าง
ทางเดินลงสระว่ายน้ำ ทำเป็น Step ลงไปแบบนี้ ไม่ต้องปีนบันไดนะ
ด้านโน้นเป็นห้องฟิตเนสติดกับห้องน้ำ
ในห้องฟิตเนสวางเครื่องเล่นไว้ 4-5 ชิ้นแบบนี้
ปั่นจักรยานไปด้วย รับวิวสระว่ายน้ำ และวงเวียนด้านหน้าไปด้วย สบายใจเฉิบ
ด้านข้างห้องฟิตเนสมีห้องน้ำส่วนกลาง ใช้เปลี่ยนเสื้อผ้าได้
ห้องน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก อาบน้ำไม่ได้นะครับ เข้าได้ทีละคน
เดินมาดูที่สวนด้านหลัง Club House บ้าง วันที่ผมไปนี้ ที่โครงการเขามี Event อยู่ครับ เข้าไปดูกัน
งานนี้เป็นงาน “Love@First Bike” ครับ ซึ่งจัดโดยแสนสิริเอง โดยเค้าจะเชิญคนที่เป็นลูกบ้านแสนสิริมาปั่นจักรยานร่วมกัน พร้อมกับเปิดโครงการให้บุคคลภายนอกเข้ามาชมบ้านตัวอย่างได้
เส้นทางปั่นจักรยานเขาเริ่มต้นกันที่ CDC ครับ แล้วปั่นเข้าซอยโยธินพัฒนามา มีจุดหมายปลายทางอยู่ที่ Narasiri Hideaway ระยะทางก็ประมาณ 3 กิโลเมตรได้
มีคนมาร่วมกิจกรรมเยอะพอสมควร
ในงานก็จะมีกิจกรรมสนุกๆ แจกของรางวัล แล้วก็ Mini Concert จากว่าน ธนกฤต ด้วยครับ 😀 ก็มีคนมาร่วมงานเยอะพอสมควร
บรรยากาศในงาน บริเวณสนามหญ้าด้านหลัง Clubhouse ของโครงการ
สรุปสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ
- สโมสรส่วนกลาง
- สระว่ายน้ำ แยกสระเด็ก
- ห้องออกกำลังกาย
- สวนสาธารณะส่วนกลาง
- ถนน Main กว้าง 12 เมตร ถนนรองกว้าง 8 เมตร
- รั้วสูง 2.5-3 เมตร แล้วแต่หลัง
- ระบบ CCTV และ Access Card ที่ Main Gate
บ้านตัวอย่าง HAVEN ขนาด 3 ชั้น 325 ตารางเมตร
5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ห้องแม่บ้านบ้านตัวอย่างที่เค้าเปิดให้ชมที่โครงการมีทั้ง 2 แบบนะครับ แต่ขออนุญาตพาไปดูแค่แบบเดียวนะครับ เพราะแค่หลังเดียวก็มีรายละเอียดเยอะมากกกแล้ว หลังที่จะให้ดูคือแบบ Haven ขนาด 325 ตารางเมตรครับ 3 ชั้น 5 นอน 6 น้ำ 3 จอดรถ 1 ห้องแม่บ้าน ตัวบ้านขนาดค่อนข้างใหญ่ พอนำมาตั้งอยู่บนแปลงขนาด 60-70 ตารางวา ก็แทบจะไม่มีพื้นที่ข้างบ้านเหลือเลยครับ แบบนี้ก็อาจจะไม่ได้เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่สวนเยอะๆเท่าไหร่นะครับ เพราะเค้าจะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในตัวบ้านเยอะๆ ไม่งั้นต้องไปเลือกหลังที่แปลงที่ดินใหญ่ๆหน่อย แต่ราคาก็จะสูงตามไปด้วยครับ
**บ้านตัวอย่างหลังนี้ เค้าแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ดูเป็นไอเดียนะครับ วัสดุอุปกรณ์ภายในบ้านบางจุดเค้าจะ ตกแต่งแบบอัพเสป็ค ไม่เหมือนบ้านมาตรฐานที่จะได้จริง ยังไงก็อย่าดูแต่รูปนะครับ**
มองจากหน้าบ้านเข้าไป โดยรวมจะเห็นเป็นประมาณนี้ (หลังนี้สำนักงานขายนะครับ กลับซ้าย-ขวานิดหน่อย แต่แบบบ้านเดียวกัน)
มองจากหน้าบ้านขึ้นไปชั้นสองและสาม จะเห็นดีไซน์บ้านที่ใช้สี เทา ขาว และ ครีม เป็นหลัก แต่จะทำให้ออกวัยรุ่นๆหน่อยโดยใช้สีส้มของผนังลายไม้มาตัด ทำให้ดูไม่น่าเบื่อนัก (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) ดีไซน์จะออกโมเดิร์นๆ ใช้สี่เหลี่ยม กับเส้นตรงเป็นหลัก หลังคาไม่มีจั่ว เป็นแบบสี่เหลี่ยมตัดมาวางเลย อันนี้แล้วแต่คนชอบครับ
ผนังชั้นสอง มองจากภายนอก ตรงนี้เป็นตำแหน่งของห้องพักผ่อน (Family Room) ที่ชั้น 2 ที่จะได้ หน้าต่าง Bay Window เข้ามุม ถ้าสังเกตดีๆเราจะมองเห็นจุดซ่อน Compressor Air ด้วย ซึ่งดีไซน์ตรงนี้ถือว่าดี ไม่มีคอมแอร์มาเกะกะสายตาเวลาอยู่ในบ้านแล้วมองออกมา
ตำแหน่งฝั่งนี้จะเป็นหน้าต่างห้องนอน Master Bedroom ที่ชั้น 2 ได้เป็น Bay Window เหมือนกัน แต่ฝั่งนี้จะมี Grille ปิดด้านนอก เพื่อให้มี Privacy มากขึ้น
ดีไซน์ระเบียงห้องนอน Master Bedroom ที่ยื่นออกไปด้านข้างของตัวบ้าน มีกันสาดยื่นออกมาด้วยป้องกันแดดและฝนได้ดี แล้วเขาเว้นที่ดินตรงนี้เพื่อลงต้นไม้ใหญ่ด้วย จะได้เป็นร่มเงาให้กับคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงพอดีครับ
บ้านชั้นสาม มีการนำเสาเปลือยออกมาไว้นอกบ้านด้วย หลังคามีฝ้าด้านใต้
เข้าไปดูบ้านกันดีกว่า ทางเข้าด้านหน้าบ้านเป็นแบนี้ ประตูเป็นบานเลื่อน ไม่ใช่บาน Swing นะจ๊ะ ไม่ต้องห่วงเรื่องระยะเปิดประตูเวลาจอดรถ
หลังนี้จอดรถได้ 3 คันถ้วน
คันที่อยู่ริมสุดอาจจะต้องเป็นคันเล็กๆหน่อยนะครับ เช่น Toyota Vios หรือ Mini Cooper อะไรแบบนี้ถึงจะไม่อึดอัด ถ้าเป็นคันใหญ่ๆอย่างเบนซ์ S-Class หรือ Fortunerคงจะต้องจอดช่องกลางเท่านั้น ไม่งั้นเปิดประตูไม่ได้นะ
พื้นด้านหน้าบ้านจะเป็นแบบ Stamp Concrete เป็นมาตรฐานให้แบบนี้ทุกหลัง
เข้ามาดูที่ลานจอดรถก่อน
ประตูทางเข้าจากลานจอดรถ เปิดเข้าไปจะเจอกับโถงบันไดชั้นล่าง
Step ทางเข้าตรงนี้เป็นหินจริงนะครับ ถอดรองเท้าวางแถวๆนี้ก่อนเข้าบ้านได้ เอาตู้รองเท้ามาวางข้างๆก็ได้ พื้นตรงนี้ยังเป็น Stamp คอนกรีต อยู่นะครับ
ประตูสีขาว ลายเรียบๆแบบนี้ ขนาดกว้าง 90 ซม. สูง 2.20 เมตร ครับ
มือจับประตูสเตนเลส กลอนประตูจะเป็นแบบ Soft Close ด้วยนะครับ คือเวลาปิดมันจะมีเสียงที่เบากว่า (แต่อย่ากระแทกแรงๆล่ะ) และจะนุ่ม Smooth กว่ากลอนปกติ
ไฟส่องที่จอดรถเป็นไฟฝังฝ้า สี่เหลี่ยม มีให้ 1 ดวงตามนี้
ด้านข้างมีตู้เก็บของ สำหรับใช้นอกบ้าน
เปิดออกมาเก็บของได้ประมาณนี้
พื้นที่จริงๆไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่นะ เก็บของชิ้นหนาๆไม่ได้
ประตูตู้เก็บของมีช่องให้อากาศถ่ายเทได้ แต่ว่าติดมุ้งลวด ป้องกันแมลง สัตว์ต่างๆ เข้าไปทำรังในตู้ 😀
ไปดูพื้นที่รอบๆบ้านกันบ้าง
ทางเดินข้างบ้านแคบมากๆ เพราะปลูกบ้านเต็มพื้นที่บ้านเลย แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของแปลงที่ดินด้วยนะครับ
ทำทางเดินไว้ให้ด้วย รั้วฝั่งนี้สูง 1.80 เมตรครับ
ทางเดินหลังบ้านเว้นระยะ Minimum 50 ซม. (ตามกฎหมาย ถ้าทำแบบนี้ต้องให้ลูกบ้านหลังข้างๆ เซ็นยินยอมด้วย ซึ่งใครที่อยู่ที่นี่ก็คงต้องยอมทุกหลังอยู่แล้ว) รั้วหลังบ้านสูง 2.50 เมตร แต่บางจุดอาจจะสูง 3.00 เมตร ขึ้นกับแปลง
เดินออกมาอีกฝั่งหนึ่ง ฝั่งนี้จะเหลือพื้นที่เยอะหน่อย แต่ก็ขึ้นกับขนาดที่ดินอีกนั่นแหละ
เข้าสู่ตัวบ้านกันบ้าง ฝั่งนี้จะเป็นทางเข้าจากทางด้านห้องรับแขก
มี Step ทางเข้าบ้าน 2 ชั้น ซึ่งเป็นจุดวางรองเท้าด้วย ตรงนี้ทำด้วยหินจริงครับ
ด้านหน้านี้ก็ทำทางเดินไว้เหมือนกัน
ประตูรั้วเวลาเปิดสุดก็จะเห็นเป็นแบบนี้ครับ
เดินเข้าบ้านต่อไป ประตูบ้านเป็นแบบบ้านสไลด์ เปิดออกซ้าย-ขวาแบบนี้ บานกระจกในบ้านหลังนี้ก็จะเป็นบานสีเขียวตัดแสงทั้งหมด
มือจับประตูทางเข้าบ้าน (ด้านใน) เป็นอลูมิเนียมครับ รวมถึงตัวกรอบประตูกระจกด้วย
เฉลียงหน้าบ้านมีกันสาดยื่นออกไปด้วย แล้วเพดานตรงนี้ติดฝ้า ฝังไฟ Downlight เอาไว้ให้ด้วยครับ
เดินเข้าบ้านมา จะเห็น First Impression แบบนี้ครับ ด้านในมองเข้าไปเป็นส่วนรับประทานอาหาร ด้านขวาเป็นห้องรับแขก ซ้ายเป็นโถงบันไดขึ้นชั้นสอง สังเกตพื้นห้องนิดนึงนะครับ ของจริงจะไม่ใช่พื้นมีลวดลายอย่างที่เห็นนี้ แต่จะเป็นหินอ่อน สีครีม ขนาด 60×60 ครับ
มาดูส่วนห้องรับแขกก่อน จะอยุ่ติดกับทางเข้าบ้านเลย วางชุดโซฟาขนาดใหญ่ได้ นั่งได้ 7-8 คนแบบไม่อึดอัด ขึ้นอยู่กับชนิดของเก้าอี้ที่เรามาวาง
มองดูจากอีกมุมหนึ่ง
ผนังฝั่งนี้จัดให้ดูเป็นชั้นวางหนังสือ และ Trophy ตู้โชว์ผลงาน ที่ถ้าใครไม่ได้อยากได้ตู้โชว์เยอะขนาดนี้ อาจจะหาอันที่วางทีวีตรงกลางได้ด้วย ตรงนี้จะได้เป็นพื้นที่ดูทีวีของคนในครอบครัวด้วยครับ
ฝ้าที่ห้องรับแขกนี้ ดรอปให้เป็นสี่เหลี่ยมดังภาพ ฝังไฟ Downlight เอาไว้ให้ ตำแหน่งตามนี้เลยครับ ถ้าใครอยากจะเปลี่ยนเป็นโคม Chandelier ก็ทำได้ไม่มีปัญหา
หันหลังกลับมา ตรงข้ามห้องรับแขก ข้างๆทางเข้าบ้าน วางเก้าอี้เป็นมุมนั่งพักหน้าบ้านเอาไว้ สำหรับ นั่งใส่รองเท้า หรือนั่งคอยคนในบ้าน เวลากำลังจะออกจากบ้าน ผนังตรงนี้เจาะช่องหน้าต่าง รับแสงธรรมชาติไว้ด้วยนะครับ
ถัดมาก็จะเป็นโถงบันไดทางขึ้นชั้นสอง
ประตูเปิดออกไปที่ลานจอดรถ
ลองเปิดประตูให้ดู
ใต้บันไดเป็นห้องเก็บของ
ประตูห้องเก็บของ ติดมุ้งลวด กันแมลง ให้เหมือนกัน ด้านในใส่หลอดไฟไว้ด้วย
ถัดมาที่ส่วนรับประทานอาหาร โต๊ะกินข้าวนี่สามารถใส่แบบยาว นั่งได้ 6-8 คนแบบนี้ได้สบายๆ จะวางโต๊ะกลมที่ขนาดไม่ใหญ่มาก ซัก 8 ที่นั่งก็ยังทำได้ ถ้าบ้านไหนไม่ชอบโต๊ะสี่เหลี่ยม
พื้นที่ด้านหลัง แทนที่จะให้ชิดหน้าต่างไปเลย ก็วางชั้นวางของตรงนี้ได้ อาจจะเอาไว้วางจานอาหารที่รอเสิร์ฟขึ้นโต๊ะก็ได้
แอร์ชั้นล่าง ติดเป็นแบบ ฝังเพดาน แบบ 4 ทิศทาง ให้เป็นมาตรฐานทุกหลังแบบนี้เลยครับ
เชื่อมต่อไปที่โถงบันได และทางเข้าห้องครัว
ทางเข้าห้องครัว (ตรงไป) และห้องน้ำชั้นล่าง (ด้านขวา)
ด้านซ้ายใส่ตู้ไฟ วางงานระบบไว้ตรงนี้ มาเปิด Maintenance จากตรงนี้ได้เลย
ห้องน้ำชั้นล่างเป็นแบบ Powder Room อาบน้ำไม่ได้ มีแค่โถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า ตัวพื้นและผนังของห้องน้ำนี้จะเป็นแบบอัพเสป็คหมดนะครับ ของจริงจะไม่ได้แบบนี้นะ แต่นี่เขาแต่งให้ดูเป็นไอเดียเฉยๆ ส่วนสุขภัณฑ์ทั้งหลายจะเหมือนกัน
อ่างล้างมือ และหัวก็อก ของ Kohler ทั้งหมดทุกห้อง
มีตู้เก็บของด้านล่าง
ติดกระจกบานใหญ่ให้ตามนี้เลย
โถสุขภัณฑ์ของ Kohler แบบ Soft-Close
สายฉีดชำระเป็น Stainless
ห้องน้ำชั้นล่างมีช่องหน้าต่างเปิดระบายอากาศได้ วัสดุผนังไม่ใช่แบบนี้นะครับ *ย้ำ*
เข้าไปดูห้องครัวบ้าง ที่นี่เขาจะไม่มี Pantry ครัวฝรั่งด้านนอกนะครับ เป็นแบบครัวไทยด้านหลังบ้านทั้งหมด แต่พื้นที่ก็ค่อนข้างเหลือๆอยู่แล้ว ได้เป็นเคาน์เตอร์รูปตัว U แบบที่เห็นในภาพตามนี้เป๊ะไม่รวมของตกแต่ง เตรียมอาหารอะไรกันในนี้ได้สบายๆ
ที่วางตู้เย็นอยู่ติดกับประตูทางเข้า ใส่ตู้เย็นขนาดใหญ่แบบนี้ได้ มีหน้าบานสองบาน เปิดออกซ้าย-ขวา
ประตูเข้าห้องครัวเป็นแบบมีช่องหน้าต่างด้วย ทำให้ครัวไม่ดูทึบจนเกินไป แล้วให้มีแสงส่องผ่านได้แม้จะปิดประตูอยู่
พื้นครัวลดระดับค่อนข้างเยอะ ปูกระเบื้องแกรนิโต้ขนาด 60×60 ซม. แบบนี้ทำความสะอาดได้ง่าย จะเอาน้ำราดพื้นครัวยังได้
ไล่จากซ้ายไปขวาเลยนะครับ ถัดจากตู้เย็นเป็นส่วนวางเตาแก๊ส 4 หัว กับที่ดูดควันแบบนี้ ยี่ห้อ Teka ผนังด้านหลังปูกระเบื้องให้ทั้งหมดครับ
เคาน์เตอร์กลางพื้นที่ค่อนข้างกว้าง มีลิ้นชักและตู้เก็บของได้เยอะแยะ ยี่ห้อ Starmark ด้านบนก็ใส่ตู้ไว้อีก
อ่างล้างจานแบบ 2 หลุม ขนาดใหญ่เลยครับ พร้อมที่พักภาชนะด้านข้าง ปูกระเบื้องโมเสกให้ด้านหลังป้องกันการกระเด็นเลอะเทอะ ชั้นวางของด้านบน ฝังหลอดไฟไว้ใต้ตู้ด้วย เปิดปิดได้ สะดวกดี
วัสดุหัวก็อก Stainless ใช้ของ Englefield หน้าตาแบบนี้
ผนังด้านข้างครัว เจาะช่องหน้าต่างไว้ เปิดระบายอากาศ ระบายกลิ่นได้ แถมยังได้แสงธรรมชาติเข้าครัวได้ด้วย
มองกลับมาที่มุมด้านหน้าทางเข้าครัว ประตูทางซ้ายเปิดออกไปยังลานซักล้าง และห้องแม่บ้าน พื้นที่ตรงกลางระหว่างประตูสองบาน เตรียมไว้สำหรับวางเครื่องซักผ้าครับ
ลานซักล้างด้านหลัง ปูกระเบื้องไว้ให้ด้วยครับ ไม่ใช่ปูนเปลือยๆ แบบนี้ดูเรียบร้อยกว่าเยอะ พื้นตรงนี้ยกระดับสูงจากพื้นดินอีกประมาณ 10 ซม.ได้
พื้นด้านนอกลดระดับให้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวว่าน้ำ หรือฝุ่นจากด้านนอก จะเข้าไปในบ้าน
ด้านนี้วางก็อกน้ำสำหรับงานซักล้าง ช่องหน้าต่างด้านบน คือเชื่อมมาจากห้องน้ำรับแขก
อีกด้านหนึ่งเป็นประตูทางเข้าห้องนอนแม่บ้าน
ห้องนอนแม่บ้านขนาดประมาณนี้
มีห้องน้ำในตัว อาบน้ำได้
กลับเข้ามาที่ห้องรับประทานอาหาร ด้านข้างโต๊ะกินข้าวนี้จะมีประตูเปิดเข้าไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นล่าง
ห้องนอนชั้นล่าง ผนังติดหน้าต่างด้านเดียว ห้องนี้เหมาะที่สุดที่จะเป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุนะครับ เพราะเราคงไม่อยากให้ท่านเดินขึ้นชั้น 2-3 ลำบากๆเนอะ แต่ถ้าบ้านไหนไม่มีผู้สูงอายุ ห้องนี้อาจจะทำเป็นห้องทำงานที่อยู่ชั้นล่างก็ได้นะครับ หรือใครอยากจะทำเป็นฟังก์ชั่นอะไรก็เลือกได้ตามใจชอบเลย
วางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตไว้ แล้วยังเหลือพื้นที่ด้านข้าง วางโต๊ะข้างเตียงได้สบายๆ
พื้นที่ปลายเตียง วางตู้เสื้อผ้า กับโต๊ะเครื่องแป้ง …แบบนี้บางคนอาจจะไม่ทำนะครับ เพราะเป็นการวางกระจกไว้ที่ปลายเตียง ถัดไปมาเป็นประตูเข้าห้องน้ำ และซ้ายสุดคือประตูทางเข้าห้องนอน
ประตูทางเข้าห้องเวลาเปิดมาแล้วมันอาจจะชนกับประตูทางเข้าห้องน้ำได้นะครับ เพราะตำแหน่งมันอยู่ค่อนข้างชิดกันเกินไปหน่อย
ห้องน้ำชั้นล่าง (และชั้นอื่นๆ) จะหน้าตาจริงๆเป็นแบบนี้ครับ ไม่ได้ใช้กระเบื้องมีลวดลายแบบห้องที่แล้ว วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ยึดจากห้องนี้เป็นหลักได้เลย กระเบื้องพื้นและผนัง ขนาด 60×60 สีตามที่เห็นนี้เลยครับ เข้ามาปุ๊บ พื้นที่ในห้องน้ำก็จะมีประมาณนี้ 3 ฟังก์ชั่นมาตรฐาน อ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และ Shower Box
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า วัสดุเป็นหินสังเคราะห์ครับ ได้ตัวอ่างล้างหน้าแบบยื่นออกมาข้างหน้า ทำให้เราไม่ต้องยื่นคอเข้าไปเยอะนะครับ มีพื้นที่วางของกระจุกระจิกได้เยอะดี มีตู้เก็บ Supply ในห้องน้ำอยู่ด้านล่าง ถือว่าใช้งานได้สะดวกดีครับ
หัวก็อกหน้าตาแบบนี้ ของ Kohler
โถสุขภัณฑ์ Kohler แบบ Soft Close เหมือนกัน
ตัว Shower Box พื้นที่ใหญ่ใช้ได้ ติดฉากกั้นอาบน้ำเป็นกระจก กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งให้ตามนี้เลยครับ ผนังด้านหลังก็จะปูกระเบื้องแบบมีลวดลายแบบนี้เหมือนกัน
พื้นใน Shower Box ลดระดับ ประตูเปิดเข้าด้านใน มี Door Stopper ติดให้เรียบร้อย
ผนังด้านข้างมีช่องเปิดระบายอากาศในห้องน้ำด้วย
หัวก็อกของ Englefield ติดชั้นวางสบู่เป็นหินเอาไว้ให้ด้วย ขนาดไม่ใหญ่เท่าไหร่ น่าจะต้องติดเพิ่มนะครับ
หัวฝักบัวแบบ Hand Shower ใหญ่ดีครับ
เอาล่ะ ไปขึ้นดูชั้น 2 กันต่อดีกว่า บันไดทางขึ้นชั้นสองอยู่ด้านนี้ครับ วัสดุบันได ไปจนถึงพื้นชั้น 2-3 เป็นพื้นไม้มะค่า ย้อมสีเข้ม ได้แบบนี้เลย
ตรงบันไดนี้จะติดสัญญาณกันขโมย แบบตรวจจับการเคลื่อนไหว เอาไว้ด้วยครับ ถ้าเราตั้งให้มันทำงาน มันก็จะร้องเตือน เวลามีคนเดินผ่านครับ
ราวจับบันไดไม้จริง มีบานกระกระจกกันตก
ชานพักบันไดแนวยาว สี่เหลี่ยม เรียบร้อย ไม่มีขั้นสามเหลี่ยม ไม่ต้องกลัวสะดุด
ไฟกิ่งตรงชานพักบันได ให้ตามนี้
โถงบันได เจาะหน้าต่าง ทำเป็นช่องเปิดรับแสงธรรมชาติ ทำให้โถงบันไดไม่มืด ทั้งชั้น 2 และชั้น 3
ขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว เดินตรงไปจะเข้าห้องนอนใหญ่ Master Bedroom ซ้ายมือเป็นห้องนอนอีกห้อง ส่วนขวามือเป็น Family Room เราไปดูทางขวากันก่อนครับ
ขึ้นมาปุ๊บ ก่อนที่จะเข้าห้องอะไรใดๆ จะเจอกับ Family Room ที่อยู่หน้าบ้านของชั้นสอง เป็นห้องรวมตัวของสมาชิกในบ้าน
พื้นที่ของ Family Room ก็มีให้พอประมาณ สามารถนั่งร่วมกันได้ 3-4 คนแบบไม่อึดอัด ตามแต่ขนาดโซฟาที่จะวาง แต่ด้วยความที่มีเสาอยู่ตรงมุมห้องตรงนั้น ทำให้วางโซฟาตัว L ได้ลำบากหน่อย เค้าเลยแยกเป็นเก้าอี้สองตัว ผนังตรงนี้เปิดรับแสงสองด้านด้วยนะครับ เพราะอยู่ตรงมุมพอดี ด้านหลังได้เป็น Baywindow ด้วย
ห้องนี้จริงๆแล้วสามารถกั้นทำเป็นอีกห้องนึงได้เลย บางคนอาจจะใช้เป็นห้องทำงาน เพราะเป็นห้องที่ได้แสงธรรมชาติเยอะ
ระยะดูทีวีใส่ทีวีจอขนาดใหญ่ 50-60 นิ้วสบายๆ
เสาตรงมุมห้องตรงนี้แอบเกะกะเวลาจัดเฟอร์นิเจอร์เหมือนกันนะครับ
ถัดมา เข้ามาดูห้อง Master Bedroom กันต่อเลย เป็นห้อง Highlight ของบ้านหลังนี้ด้วย เข้ามาในห้องปุ๊บจะได้ First Impression ประมาณนี้ครับ เห็นว่าพื้นที่ใช้สอยของห้องนี้ให้มากว้างจริงๆ ด้านขวาคือตำแหน่งวางเตียง ปลายเตียงตรงที่เป็นภาพเขียนวางทีวีได้ ด้านซ้ายของภาพจะเป็นทางเข้าไปยังห้อง Walk-in Closet
พื้นชั้นสองนี้เป็นพื้นไม้มะค่าทั้งหมดเลยนะครับ
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้าห้องนอน จะเห็นเตียงอยู่ทางด้านซ้ายของทางเข้าห้อง ด้านขวาเป็นโต๊ะทำงาน
ให้ดูพื้นที่เตียงกันชัดๆอีกรูป ใส่เตียงขนาด 6 ฟุต ก็ยังมีพื้นที่เหลือเพียบ
ฝ้าเพดานในห้องนอน ตรงนี้ดรอปให้แบบนี้เลย ใส่ Downlight ให้ 4 ดวง และฝังไฟใต้ฝ้าให้ตามที่เห็นเลยครับ
มองย้อนกลับไปที่ทางเข้า จะเห็น Space ด้านหน้าที่ยังเหลือๆอยู่พอสมควร ผนังห้องของห้องนี้จริงจะไม่ได้กรุแบบนี้นะครับ อันนี้เค้าแต่งเพิ่มขึ้นมา แต่ของจริงจะติด Wallpaper ให้
พื้นที่ตรงนี้วางโต๊ะเครื่องแป้งเอาไว้ให้ดู แต่จะเห็นว่าข้างๆมันยังมีพื้นที่เหลืออีก เราอาจจะใส่เป็นตู้เสื้อผ้า หรือตู้เก็บของได้อีกเพียบเลยครับ
หน้าต่างห้องนอน เป็นผนังกระจกแบบนี้ครับ ส่วนใหญ่จะเป็นบาน Fixed ตายตัว แต่จะมีช่องเปิดได้เล็กๆ
บานสไลด์จะเปิดออกแบบนี้ ด้านนอกจะติด Grille บังสายตาเอาไว้ ไม่ให้คนที่มองจากข้างนอกมองเข้ามาง่ายๆ เพิ่ม Privacy ไปอีกระดับนึง
ทางเข้าไปยัง Walk-in Closet เจาะช่องไว้กว้างทีเดียว ตรงนี้ซ่อนประตูบานสไลด์แบบ บานคู่เอาไว้นะครับ คือสไลด์เข้าไปในผนังเลย
พื้นที่ Walk-in Closet ให้มาพอสมควร แต่แบบนี้ก็คงไม่พอหรอก เพราะคนที่อยู่บ้านระดับนี้เค้าก็น่าจะมีของเยอะเหมือนกันนี่เนอะ 😀 ด้านขวาตรงนี้จะเปิดออกไปยังระเบียงด้านนอกได้
พื้นที่ระเบียงด้านนอกกว้างพอสมควร เป็นระเบียงส่วนตัวที่ไม่มี Compressor Air มาวางให้เกะกะนะครับ สามารถนั่งเล่น ใช้งานได้เต็มที่ จะปลูกต้นไม้ นั่งจิบกาแฟ อะไรก็ว่าไป
มองออกไปทางด้านข้างจะเห็นระเบียงของบ้านข้างๆด้วยนะ ระเบียงตรงนี้จะมี Grille บังสายตาปิดให้อยู่ครึ่งนึง ติดโคมไฟที่ระเบียงไว้ด้วย และแถมเสามาให้อีกต้นนึง
มองจากระเบียงออกไปด้านนอก
กลับเข้ามาที่ Walk-in Closet เพื่อที่จะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ห้องน้ำ Master Bedroom ของที่นี่พื้นที่ค่อนข้างเยอะครับ แต่ลักษณะมันอาจจะจัดยากสักหน่อย เปิดเข้ามาปุ๊บ เจออ่างอาบน้ำแบบลอยตัว ตั้งอยู่กลางห้องน้ำเลย ติดกับหน้าต่าง ที่ใส่เป็นกระจกฝ้า 2 ด้าน ได้แสงธรรมชาติ แต่ไม่เสีย Privacy ครับ พื้นและผนังห้องน้ำห้องนี้ อัพสเป็คอีกแล้วนะครับ ไม่ได้ตามนี้นะ
หน้าตาอ่างอาบน้ำ ดูหรูหราไฮโซทีเดียว ยี่ห้อ Kohler ครับ
ชุดหัวก็อก และวาล์วเปิด-ปิด พร้อมฝักบัวที่ฝังอยู่ในอ่าง ดึงขึ้นมาใช้ได้เลย
มองย้อนกลับไป ตรงข้ามอ่างอาบน้ำ เป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ติดกับประตูทางเข้าห้องน้ำ ทางด้านขวา
เคาน์เตอร์ล้างหน้าแบบ His & Her มีตู้เก็บของด้านล่างบานใหญ่ 2 บาน
ตัวอ่างฝังลงไปในเคาน์เตอร์หิน (ของจริงไม่ใช่ลายนี้)
หัวก็อกดูดีขึ้นมาอีกระดับนึง แยกหัวเปิดน้ำร้อนน้ำเย็น
โคมไฟด้านข้าง ติดไว้ให้แบบนี้ หน้าตานี้เลยจ้า
ห้องน้ำใหญ่ ติดกระจกบานใหญ่กว่าห้องอื่นๆ มีหลอดไฟตรงอ่างพอดีด้วยนะ
อีกฝั่งหนึ่งจะกั้นเป็นส่วนโถสุขภัณฑ์ และ ห้อง Shower Box แยกกันต่างหากครับ กั้นห้องด้วยกระจก
ตรงนี้แอบอันตรายครับ เพราะประตูทางเข้าห้องน้ำ กับประตูทางเข้าห้องสุขา มันเปิดมาชนกันได้พอดี นอกจากจะไม่ค่อยสะดวกเวลาใช้งานแล้ว ก็จะต้องระมัดระวังหน่อยนะครับเวลาเปิด
เข้ามาในห้องสุขา
โถสุขภัณฑ์ของ Master Bedroom นี้จะเป็นแบบที่พิเศษกว่าห้องอื่นๆตรงที่จะเป็นแบบ Wall-Hung ครับ ซึ่งตัวโถจะไม่ติดพื้น มีความแข็งแรง รับน้ำหนักได้เป็นสิบๆ ร้อยๆกิโลแน่นอน ข้อดีของมันคือ มันใช้พื้นที่ในการติดตั้งน้อย เพราะตัวแทงค์มันจะฝังเข้าไปในผนัง แล้วมันก็จะง่ายต่อการทำความสะอาดด้วย
ตัวปุ่มกดชักโครก แบบ “หนัก” และ “เบา”
มาดูห้อง Shower Box บ้าง
พื้น Shower Box ลดระดับ ป้องกั้นไม่ให้น้ำเลอะออกไปที่พื้นข้างนอก ตรงผนังติด Door Stopper ไว้ด้วย
มีช่องหน้าต่างบานกระทุ้ง เปิดระบายอากาศ และกลิ่น
ชุด Handshower ปรับระดับสูง-ต่ำได้ ที่ผนังเจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำ
หัวก็อกห้องนี้ไม่เหมือนห้องอื่นอีกเหมือนกัน
หัวฝักบัว Hand Shower
ตัว Rain Shower ฝังอยู่บนเพดาน ตรงกับตำแหน่งที่เรายืนอาบน้ำพอดี
ห้องน้ำห้องนี้จะติดตั้ง Floor Drain ไว้ตรงกลาง ตรงกับตำแหน่งของ Rain Shower พอดีเลย ทำให้ระบายน้ำได้ดีขึ้น แต่ข้อเสียคือ เวลาเรายืนอาบน้ำ มันจะต้องเหยียบ Floor Drain ซึ่งบางคนก็อาจจะไม่ชอบครับ
ออกจากห้อง Master Bedroom เข้าไปยังห้องนอน 3 ที่อยู่ติดกัน
พื้นที่ใช้สอยห้องนี้ก็ไม่เล็กเลยครับ สามารถวางเตียง 6 ฟุต คู่กับโต๊ะทำงาน แล้วยังมีพื้นที่เหลือๆอีกเต็มเลย
พื้นที่โดยรวมของห้อง มองไปทาง Walk-in Closet และห้องน้ำ ยังมีพื้นที่เหลืออีกพอสมควร วางเฟอร์นิเจอร์ Built-in เพิ่มได้อีกแน่นอน
ระยะปลายเตียงค่อนข้างเยอะ ใส่ตู้ปลายเตียง และวางทีวีได้อีก
ข้างเตียง ใส่โต๊ะทำงานไว้แบบนี้ จะใส่ตัวใหญ่กว่านี้ก็ได้ หรือจะวางตู้เสื้อผ้าชิดผนังด้านขวาเพิ่มไปอีก ก็ทำได้
ทางเข้า Walk-in Closet
พื้นที่ Walk-in Closet สำหรับห้องนี้ ถือว่าไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ ยังไงก็คงจะใส่เสื้อผ้าไม่พอแน่ๆ คงต้องไปเพิ่มตู้ในห้องนอน แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรเพราะพื้นที่ยังเหลือ
ห้องน้ำห้องนี้พื้นที่ประมาณนี้ครับ มี 3 ฟังก์ชั่นเหมือนกัน
Shower Box ด้วยความที่อยู่ตรงมุม จึงทำฉากกั้นเป็นแบบ 5 เหลี่ยม เปิดเข้าจากมุมแทน ซึ่งพื้นที่อาบน้ำก็ย่อมเล็กกว่าอยู่แล้ว แต่ทำแบบนี้ก็เวิร์คที่สุดแล้วล่ะ สำหรับพื้นที่แค่นี้
ผนังใส่กระเบื้องโมเสกลายนี้ให้ด้วย
ถัดไป ขึ้นไปยังชั้น 3 ของบ้านกันบ้างครับ โถงบันไดชั้น 3 มีหน้าต่างช่องแสงอีกแล้ว ติด Chandelier ไว้ด้วย แต่ของจริงจะไม่ได้โคมหน้าตานี้นะครับ
ช่องแสงที่โถงบันได เขาเจาะไว้ทั้งด้านข้าง และ ด้านหน้า ทำให้ถึงแม้ว่าจะปิดม่านไปหนึ่งด้าน ก็ยังได้รับแสงอยู่
ขึ้นมาชั้น 3 แล้ว Layout ชั้นนี้ก็คล้ายๆเดิมนะครับ มีห้อง Family Room อยู่ทางขวามือ ส่วนตรงกลางเป็นห้องนอน 4 และซ้ายมือคือ ห้องนอน 5 ครับ
มองย้อนกลับไปที่โถงบันได จากทางเข้าห้องนอน 4 จะเห็นเป็นแบบนี้ ถือว่าเป็นโถงบันไดที่มีแสงสว่างเยอะพอสมควรเลยนะ
ไปดู Family Room กันก่อนครับ
พื้นที่ตรงนี้เหมือนเดิมไม่มีอะไรมาก
ให้ดูอีกมุม มองจากโซฟาย้อนกลับออกมา
ต่อไปเราไปเข้าห้องนอน 5 ที่อยู่ทางซ้ายมือก่อนละกันครับ
ห้องนี้แต่งไว้เป็นห้องของคุณลูกสาวคนเล็ก ใช้โทนสีเขียวขาว สว่างสดใสเชียว
ในห้องวางเตียงขนาด 6 ฟุตเอาไว้ แต่ยังมีพื้นที่เหลือ ใส่ตู้เก็บของข้างเตียงบานใหญ่ได้ 2 อันเลย
พื้นที่ปลายเตียงของห้องนี้มีไม่พอที่จะวางตู้ปลายเตียงครับ ไม่งั้นจะเดินเตะแน่ๆ เค้าเลยดีไซน์ให้ทีวีแขวนไว้บนผนัง แต่ถ้าไม่ใส่ทีวีก็จะวางเป็นกรอบรูปแบบนี้ก็ได้
อีกฝั่งหนึ่ง Access เข้าสู่ Walk-in Closet และห้องน้ำ
ห้องแต่งตัวของลูกสาวบ้านนี้น่าอิจฉาน่าดู พื้นที่เก็บของเต็มเลย มั่นใจว่าไม่พอ แต่ก็ถือว่าใช้พื้นที่ได้ค่อนข้างโอเคเลย
ด้านขวาเป็นตู้เสื้อผ้า และชั้นวางของ
ด้านซ้ายทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง และมุมแต่งตัว ติดกระจก
เข้ามาที่ห้องน้ำห้องนี้บ้าง ฟังก์ชั่นและพื้นที่คล้ายๆกับห้องน้ำห้องอื่นๆ
แตกต่างกันตรงพื้นที่ Shower Box ที่ห้องนี้จะได้เป็น Shower Box สี่เหลี่ยม พื้นที่ค่อนข้างเยอะ แบบนี้
ห้องน้ำห้องนี้มีช่องหน้าต่าง 2 ช่องด้วยนะครับ ข้างๆอ่างล้างมือ 1 จุด และใน Shower Box อีกหนึ่งจุด (ดูภาพบน)
สุดท้ายคือ ห้องนอน 4 (มีทั้งหมด 5 ห้องนอนนะครับ) ห้องนี้เป็นห้องนอนที่อยู่หน้าบ้าน ชั้น 3 จะสังเกตว่าห้องนอนทุกห้องของบ้านหลังนี้มีห้องน้ำในตัวทั้งหมดนะครับ ไม่ต้องแชร์ร่วมกับใคร เปิดประตูเข้าห้องนอนมาจะเจอทางเข้าห้องน้ำอยู่ซ้ายมือ และตัวห้องนอนอยู่ขวามือครับ
พื้นที่รอบๆเตียงค่อนข้างใหญ่ วางเตียง 6 ฟุตไปแล้ว พื้นที่ก็ยังหลวมๆ หัวเตียงมีช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ดังภาพ ทางขวาก็มีช่องหน้าต่างเล็กๆอีกช่องด้วย รับแสงสองด้านเลย
พื้นที่ปลายเตียงสบายๆ ถ้าห้องนี้เป็นห้องของลูกชาย รับรองว่า เอาเกม Playstation มาเสียบเล่นแน่นอน
พื้นที่ข้างเตียงประมาณนี้
มองย้อนออกไปทางหน้าห้อง
ระหว่างประตูทางเข้าห้อง กับทางเข้าห้องน้ำ ผนังด้านข้างตรงนี้มีพื้นที่เหลืออยู่ เค้าเลยใส่เป็นตู้เสื้อผ้า
พื้นที่ตู้เสื้อผ้าประมาณนี้ครับ
ห้องน้ำห้องนี้ได้ Shower Box แบบเข้ามุมเหมือนกัน เหมือนกับห้องนอน 3 ครับ
และนั่นก็เป็นการพาชมบ้านตัวอย่าง Haven 325 ตารางเมตรครับ นับว่าห้องเยอะ ดีเทลเยอะจริงๆ เล่นเอาตาลายเลยครับ @___@” บ้านตัวอย่างเขาจัดเฟอร์นิเจอร์แบบเต็มที่เพื่อให้เราเห็นการใช้งานจริงนะครับ แต่สำหรับดีเทลเรื่องวัสดุและสิ่งที่แถมให้จริงๆสำหรับบ้านมาตรฐาน ผมอยากจะแนะนำว่าเข้าไปดูที่โครงการเลยจะเห็นภาพมากกว่านะครับ เพราะโครงการสร้างเสร็จแล้ว มีบ้านจริงให้ดูทุกหลัง ถ้าได้เข้าไปดูก็จะรู้เลยว่าของจริงที่จะได้หน้าตาเป็นยังไงครับ ^__^
Price vs Performance
- แบบบ้าน Serene แปลง 1043 พื้นที่ใช้สอย 281 ตารางเมตร 52.5 ตารางวา ราคา 13.99 ล้านบาท (ราคาโปรโมชั่น)
- แบบบ้าน Haven แปลง 1057 พื้นที่ใช้สอย 325 ตารางเมตร 62 ตารางวา ราคา 24.99 ล้านบาท
- จอง 200,000 บาท
- ทำสัญญา 8%
- ค่าส่วนกลาง 70 บาทต่อตารางวาต่อเดือน จัดเก็บล่วงหน้าถึงวันที่ 31 ธ.ค. 56
เจาะลึกรวบยอด
ทำเลที่ตั้งของโครงการ นาราสิริ Hideaway อยู่ในซอยโยธินพัฒนา 3 สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการค่อนข้างเงียบสงบ เพราะอยู่ห่างจากถนนใหญ่ (เลียบทางด่วน) มาเกือบๆ 2 กม. มลพิษและความวุ่นวายของถนนใหญ่ก็จะมีน้อยลงไปพอสมควร แต่สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ ความสะดวกในการเดินทาง ที่จะต้องออกจากซอยก่อน แล้วถึงจะมาโผล่ที่ถนนใหญ่ได้ ซึ่งถ้าเป็นคนที่ไม่ใช้รถ ตรงนี้จะมีความแตกต่างค่อนข้างมาก สภาพชุมชนในซอยรอบๆเป็นที่อยู่อาศัย บ้านเรือน เสียเป็นส่วนมาก ความอุดมสมบูรณ์ในซอยจัดอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางต่ำ มีร้านค้าให้เห็นอยู่ประปราย หาของกินยากหน่อย แต่ก็ยังมี Lotus Express กับ 7-Eleven อยู่ในซอย แต่ถ้าออกมาที่ถนนใหญ่แล้วจะมีห้าง มี Community Mall และ ร้านค้าร้านอาหารต่างๆมากมาย เช่น CDC, The Crystal Park, Tesco Lotus, Chic Republic ฯลฯ ซึ่งก็เป็นข้อดีข้อเสียที่คนที่อยู่โครงการนี้ต้องแลกๆกันไป
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ แน่นอนว่าไม่มีรถไฟฟ้าแน่ๆล่ะ เรื่องหลักๆที่ต้องคำนึงถึง คือ ความสามารถในการออกมาเรียกรถ ไม่ว่าจะเป็น Taxi หรือ มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ตาม หน้าโครงการมีวิ่งผ่านบ้าง แต่ไม่ได้บ่อยขนาดนั้น อาจจะต้องให้พี่รปภ.ช่วยโบกให้ หรือเดินออกมาเรียกกลางๆซอยหน่อย ซึ่งก็คงต้องถือว่าลำบากหน่อย กลางวันไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นตอนกลางคืน มันก็ค่อนข้างเปลี่ยวอยู่เหมือนกันนะครับ
สำหรับคนที่ใช้รถจะกลับกัน ทำเลตรงนี้เรียกว่าควรจะมีรถเลยแหละ และคิดว่าคนที่จะมาเป็นลูกบ้านโครงการนี้ก็น่าจะมีกันอยู่แล้ว by default เนอะ ถ้ามีรถแล้วจะสะดวกขึ้นมาก เพราะซอยนี้ ทะลุออกถนนใหญ่ได้ 3-4 เส้น มีทางเลี่ยงทางลัดเยอะ สะดวกในโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร เพราะใช้ได้ทั้ง เกษตร-นวมินทร์, เลียบทางด่วน, นวมินทร์, ลาดพร้าว มีทางด่วนให้ใช้เข้าเมือง มีวงแหวนกาญจนาภิเษกให้ขึ้นไปสนามบินได้ แต่ทำเลนี้รถค่อนข้างติด และอาจจะติดมากๆได้ในบางวัน เช่นวันที่ฝนตกตอนเลิกงาน …โดยรวมแล้วก็ถือว่าสะดวกในโซนเมืองชั้นกลางถึงชั้นนอกแหละครับ
ความปลอดภัยของโครงการนี้ ก็จัดว่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของบ้านเดี่ยวทั่วไปครับ มีป้อมรปภ.หน้าหมู่บ้าน มีรั้วกั้นไม้กระดก ระบบ Access Card และ CCTV ที่ทางเข้า รั้วสูง 2.50 – 3.00 เมตร มาตรฐาน และตัวบ้านจะมีสัญญาณกันขโมยติดให้ทุกหลัง โดยรวมก็ถือว่าไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นเป็นพิเศษครับ แต่ก็ไม่ได้ให้มาน้อยผิดปกติ
สำหรับการออกแบบตัวโครงการ โครงการนี้ยูนิตมีจำนวนไม่มาก แค่ 60 หลังเท่านั้น ทำให้มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างดี พื้นที่สีเขียวของโครงการค่อนข้างเยอะ ดูร่มรื่นเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่มี แต่ด้วยขนาดที่ดินที่จำกัด เลยทำออกมาได้ไม่แกรนด์นัก เช่น Clubhouse ไม่ใหญ่เท่าไหร่, ถนนเมนกว้าง 12 เมตร ในขณะที่โครงการระดับเดียวกันจะได้ 16 เมตรแล้ว, ทางเข้าก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่มากนัก แต่ก็ดูดีกว่าโครงการข้างเคียงอยู่บ้าง เพราะมีระยะ Setback ร่นเข้าไป ตัวบ้านออกแบบมาเน้นพื้นที่ใช้สอยแบบจัดมาให้เต็มที่ เพราะเป็นบ้าน 3 ชั้น ปลูกเกือบเต็มแปลง ไม่เน้นพื้นที่รอบบ้าน พื้นที่ในบ้านก็เลยจะได้ค่อนข้างกว้างพอสมควร มีห้องเยอะ ฟังก์ชั่นเยอะ สามารถปรับปรุง เปลี่ยนแปลง Layout ของบ้านได้ค่อนข้างยืดหยุ่น แต่อันนี้ไปทำเองนะครับ โครงการไม่ได้ทำให้ (เพราะสร้างเสร็จไปแล้ว) จุดที่อยากจะติคือห้องน้ำของ Master Bedroom ที่น่าจะทำ Layout ออกมาได้ดีกว่านี้ เพราะดูไม่ค่อยโอ่อ่าเท่าไหร่ รวมถึงตำแหน่งของประตู ฉากกั้น ยังไม่ค่อยประทับใจ
วัสดุอุปกรณ์ภายในบ้าน ให้ของค่อนข้างสมฐานะกับบ้านระดับราคานี้ ครัวหินแกรนิต, หน้าบาน Starmark, ห้องน้ำ Kohler, กระเบื้องพื้น กระเบื้องผนัง, พื้นไม้มะค่าชั้น 2-3, บันได, บานเปิด-ปิดตู้ติดมุ้งลวด, แอร์ห้องนั่งเล่นแบบ 4 ทิศทาง ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวง ส่วนที่ไม่ได้ให้เขาก็เผื่อไว้อยู่แล้วว่าคนที่อยู่บ้านระดับนี้มักจะแต่งบ้านจัดเต็มในรูปแบบของตัวเองอยู่แล้วครับ ส่วนวัสดุของบ้านตัวอย่างดูจะแตกต่างไปจากบ้านจริงมากพอควร แต่ตรงนี้ก็เข้าใจได้ครับ
สุดท้ายคือเรื่อง สาธารณูปโภคในโครงการ ต้องถือว่าให้มาน้อยไปหน่อย และเล็กไปหน่อย ถ้าเทียบกับราคาบ้าน 15-25 ล้าน น่าจะได้ส่วนกลางที่ใหญ่กว่านี้ มีแค่สระว่ายน้ำ กับฟิตเนส ห้องน้ำส่วนกลางก็เข้าได้แค่ทีละคน แถมสระว่ายน้ำยังเสีย Privacy ไปหน่อยด้วย พื้นที่สวนสาธารณะก็จัดว่าโอเค แต่น่าจะลงต้นไม้ใหญ่ตรงกลางมากกว่านี้อีกนิดให้ร่มรื่นกว่านี้
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 15 – 25 ล้านบาท, 5 July 2013
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8.5/10 – ทำเลในซอยลึก ย่านเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา, ออกถนนใหญ่ได้หลายเส้น มีทางเลี่ยงทางลัดเยอะ, เดินทางด้วยรถสะดวก, ไม่ใช้รถค่อนข้างลำบาก ใกล้ห้างหลายจุด
- ความปลอดภัย 8.0/10 – รั้วกั้นไม้กระดก, รปภ.หน้าหมู่บ้าน, CCTV และ Access Card ที่ทางเข้า, สัญญาณกันขโมยทุกหลัง
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8/10 – โครงการยูนิตน้อย แต่ขาดความแกรนด์เมื่อเทียบกับราคา พื้นที่ใช้สอยในบ้านเยอะ ฟังก์ชั่นดี
- วัสดุ 7.5/10 – วัสดุเทียบกับราคาบ้าน ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 8.0/10 – โครงการไม่ใหญ่มาก แต่ใส่พื้นที่สีเขียวลงไปได้กำลังดี มีสวนสาธารณะขนาดใหญ่
- สาธารณูปโภค 7.0/10 – เทียบกับราคาแล้ว ควรจะได้ดีกว่านี้อีกนิด และใหญ่กว่านี้อีกหน่อย
- 8.05 / 10.00
BOTTOM LINE
นาราสิริ Hideaway เป็นโครงการบ้านเดี่ยว สำหรับคนที่มีครอบครัวที่อาจจะมีสมาชิกในครอบครัวเยอะหน่อย เช่น 4-6 คน เดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก มองหาบ้านเดี่ยวในโซนตะวันออกของกรุงเทพมหานคร แถวลาดพร้าว, เกษตร-นวมินทร์ ที่มีทางด่วนให้ใช้ไปไหนมาไหนได้สะดวก ในงบประมาณ 15-25 ล้านบาทครับ
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะครับ