ใบหยก1

เมื่อเกิดศูนย์การค้าขึ้นที่ใด เชื่อว่าพื้นที่โดยรอบนั้นย่อมเป็นเค้กชิ้นสำคัญผู้ประกอบการจะชิ่งกันจับจองเป็นเจ้าของ ทั้งนี้พื้นที่กลางเมืองยังเนื้อหอมต่อเนื่อง โดยเฉพาะที่ดินย่านราชปรารภที่มีกลุ่มใบหยกเป็นเจ้าตลาดธุรกิจในย่านนั้น ล่าสุดยังคงพัฒนาธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการทุ่มงบกว่า 500 ลบ. ผุดศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าขายปลีก  ทำให้พื้นที่บริเวณนั้นคึกคักขึ้นอีกเท่าตัว

ทั้งนี้นายพันธ์เลิศ ใบหยก ประธานกลุ่มใบหยก เปิดเผยถึงแผนดำเนินธุรกิจว่า  ปัจจุบันกลุ่มใบหยก บริหารธุรกิจหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ที่ถือเป็นรายได้หลักของกลุ่มใบหยก และทำรายได้โดยรวมเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกปี ซึ่งขณะนี้กลุ่มใบหยกบริหารโรงแรมในเครือ 5 แห่ง แบ่งเป็น โรงแรมบริเวณประตูน้ำ 3 แห่ง, โรงแรมที่เชียงใหม่ 1 แห่ง และโรงแรมที่แม่ฮ่องสอน 1 แห่ง โดยเฉพาะโรงแรมใบหยก 2 ที่มีอัตราเข้าพักของนักท่องเที่ยวและใช้บริการห้องอาหารวันละ 3,000-4,000 คน หรือเฉลี่ย 1 ล้านคน ในแต่ละปี

สำหรับธุรกิจศูนย์การค้าที่กลุ่มใบหยกบริหาร ภายใต้อาคารใบหยก 1 และใบหยก 2 ถือเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้สูง เนื่องจากในบริเวณประตูน้ำอยู่ในย่านธุรกิจ มีนักท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการค้าขายเสื้อผ้าและสินค้าแฟชั่น มาซื้อสินค้าในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีร้านค้าที่เปิดให้บริการรวมกว่า 5,000 ร้าน สร้างยอดขายปีละประมาณ 30,000-40,000 ล้านบาท

ใบหยก2

จากการเติบโตดังกล่าว กลุ่มใบหยกจึงทุ่มงบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นที่ตลาดการค้าในเครือที่ซอยราชปรารภ 1 ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 40 ปี เปิดเป็นศูนย์การค้า “b-gallery fashion arena” (ใบหยก แกลลอรี่) ศูนย์รวมแฟชั่นแห่งใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับ เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าขายปลีก ซึ่งถือเป็นลูกค้าหลักของผู้ประกอบการย่านประตูน้ำ เชื่อว่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ ด้วยจุดเด่นของการออกแบบที่ทันสมัย โล่ง กว้าง อีกทั้งยังเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 04.00-20.00 น. เพื่อตอบรับลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อสินค้าราคาขายส่ง ก่อนนำสินค้ากลับไปจำหน่ายต่อ

“ศูนย์การค้า b-gallery fashion arena ตั้งใจทำให้เป็นผลงานชิ้นโบแดงของกลุ่มใบหยก ด้วยการออกแบบที่แตกต่างจากศูนย์การค้าทั่วไป รวมถึงเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่มากกว่า และเพื่อผลักดันแบรนด์ใบหยก ซึ่งถือเป็นแบรนด์ศูนย์การค้าแบรนด์หนึ่งให้เกิดการรับรู้ในกลุ่มลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ในอนาคตยังมีแผนปรับปรุงศูนย์การค้าใบหยก 1 และใบหยก 2 หลังจากที่เปิดมานานกว่า 20 ปี” นายพันธ์เลิศ กล่าว

นอกจากนี้กลุ่มใบหยกยังร่วมลงทุนกับบริษัททัวร์สัญชาติญี่ปุ่น (H.I.S.) ด้วยงบประมาณ 600 ล้านบาท ตั้งธุรกิจสายการบินราคาประหยัด (โลว์คอสต์แอร์ไลน์) ภายใต้ชื่อ “เอเชีย แอตแลนติก แอร์ไลน์” ในรูปแบบการเช่าเหมาลำ เพื่อรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ที่เข้ามาในไทยเป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเริ่มเปิดให้บริการบินตรงกรุงเทพฯ-โตเกียว และวางแผนขยายเส้นทางบินเพิ่มในอนาคตทั้งญี่ปุ่นและจีน

ที่มา: แนวหน้า