Venio SK10_Web

รีวิวฉบับย่อที่ 1176 … สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะพาไปชมโครงการ VENIO สุขุมวิท 10 คอนโด Low Rise ตัวใหม่จาก Helix บริษัทในเครือของอนันดา ที่กำลังจะเปิด Pre-sale เร็วๆนี้ ตกแต่งในสไตล์ Timeless ผสมระหว่าง Modern กับ Classic ให้เฟอร์ครบแบบ Fully – furnished ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 10 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS อโศก 750 เมตรและ BTS นานา 650 เมตร มีทางเดินลัดไปออกสวนเบญจกิติได้  เนื่องจากโครงการไม่มีทำห้องตัวอย่างและยังไม่มีรายละเอียดของราคา รีวิวนี้จึงเป็นฉบับย่อนะคะ

Fact @ 13 September 2016

  • VENIO Sukhumvit 10 (เวนิโอ สุขุมวิท 10)
  • บริษัท เฮลิกซ จำกัด ในเครือ Ananda Development
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสุขุมวิท10 แขวงคลองเตยเหนือ เขตคลองเตย
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 162 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 24 ยูนิตที่ชั้น 3 – 8
  • ที่จอดรถประมาณ 68 คันคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ที่ดินประมาณ 1-0-53 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2559
  • าดว่าจะแล้วเสร็จ : มกราคม 2561
  • Studio 23.20 – 25.75 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 1 Bedroom 27.75 – 40.56  ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • 2 Bedrooms 49.30 – 71.30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.60 เมตร , ในห้องน้ำสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรเริ่มต้นประมาณ 150,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ n/a บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่  
  • โทร  : 02 – 316-2222

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ 

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.734915, 100.557010

Venio_โครงการ

แผนที่จากทางโครงการและสถานที่สำคัญรอบๆค่ะ

Venio_แผนที่เส้นทาง

โครงการ VENIO สุขุมวิท10 ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองย่านอโศก ที่รายล้อมไปด้วยคอนโด , ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่บนถนน อโศกมนตรี อีกทั้งในย่านนี้ก็มีการพัฒนาที่อยู่อาศัยเกิดขึ้นมากมายในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา มีคอนโดเกิดขึ้นมากมาย  Developer หลายเจ้ามั่นใจในทำเลนี้พอสมควรจึงมาลงทุนในทำเลนี้อย่างหนาแน่น ส่วนหนึ่งมาจากความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่เองด้วยที่ส่งให้คนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยในย่านธุรกิจใกล้กับที่ทำงาน จึงเป็นทำเลทางเลือกที่น่าจับตามองมากๆ และบนถนนสุขุมวิทในช่วงอโศก-นานาถือได้ว่าเป็นโซนที่มีชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะ ส่วนใหญ่มักจะเป็นชาวตะวันออกกลาง ซึ่งมาตั้งรกรากค้าขายในย่านนี้มานานแล้ว สังเกตบริเวณข้างทางจะมีร้านขายผ้า ร้านตัดเสื้อสูท ร้านอาหาร และร้านค้าของชาวตะวันออกกลางอยู่พอสมควร และในช่วงสุขุมวิทต้นๆอย่าง ซอย สุขุมวิท12 ซอยข้างๆโครงการจะมีชุมชนของชาวเกาหลี

ตัวโครงการเองอยู่ในซอยสุขุมวิท 10 ห่างจากหน้าปากซอยประมาณ 400 เมตร ซอยนี้ในเวลาปกติถือว่าเป็นซอยตันจึงไม่ค่อยพลุกพล่านและมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร ท้ายซอยเป็นพื้นที่ของโรงงานยาสูบและสวนเบญจกิติซึ่งเราสามารถเดินทะลุไปออกสวนเบญจกิติได้ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้กัน ถือเป็นจุดเด่นอีกจุดของทำเลเพราะเราสามารถออกไปใช้พื้นที่สีเขียวของสวนสาธารณะได้ในระยะที่เดินถึง ภายในสวนยังมีทางจักรยานและทางเดินเลียบคลองไผ่สิงห์โตที่เชื่อมไปออกสวนลุมพินีได้อีกด้วย และในช่วงโมงเร่งด่วนจะมีการเปิดทางให้รถวิ่งผ่านไปทะลุออกถนนพระราม 4 หรือรัชดาภิเษกฝั่งหน้าสวนเบญจกิติ

สำหรับการเดินทางเนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองจึงไปไหนมาไหนได้สะดวกใกล้ย่านรัชดาภิเษก พระราม9 พระราม 4 และสยามสแควร์ แต่การจราจรจะติดขัดหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนของการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ถือว่าสะดวกทีเดียวเดินออกมาที่ถนนใหญ่ก็สามารถเรียกรถ Taxi ได้และภายในซอยยังมีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งรับส่งอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเดินไปขึ้นได้สะดวกโดยอยู่ห่างจากBTS นานา 650 เมตร และ BTS อโศก 750 เมตร โดยBTS อโศกเป็นสถานี Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิท

Venio_แผนที่สถานที่

ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการ ถ้าภายในซอยบรรยากาศจะค่อนข้างเงียบๆ แต่พอออกมาบนถนนใหญ่จะมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร เช่น Korean Town ที่อยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 12 บนถนนสุขุมวิทเป็นถนนที่เกาะตามแนวรถไฟฟ้าดังนั้นจึงมีห้างน้อยใหญ่อย่าง Terminal 21 ศูนย์การค้าใหญ่ใจกลางอโศกที่รู้จักกันดีว่ามี Food Court ที่ถูกและดีและร้านค้าสำหรับช้อปปิ้งอีกมากมาย , The Emporium , The Emquartier ถัดมาอีกหน่อยทางชิดลม-เพลินจิต ก็จะมี Central Embassy และ Central ชิดลม หรือจะนั่งรถไฟฟ้าไปสยามเลยก็ใช้เวลาไม่นาน ถ้าอยากเดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายก็สามารถไปที่สวนสวนเบญจกิติ สวนลุมพินี และ สวนชูวิทย์ได้

ถนนอีกเส้นคือถนนอโศกมนตรี จะมีทั้งห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ ใกล้สถานศึกษาอย่างมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีแหล่งกิน เที่ยว ช็อปปิ้งครบมีตลาดให้เลือกไปเดินได้หลากหลายทั้งตลาดนัด มศว.ที่มีขายทั้งอาหาร ของกิน และเสื้อผ้าตั้งแต่เวลาสายๆถึงประมาณบ่ายสาม มีตลาดแกรมมี่ ตลาดรวมทรัพย์ ตลาดสุขตา ประสานมิตรพลาซ่า มีซอยคาวบอยที่เป็นแหล่งบันเทิงในยามค่ำคืน  อีกโซนที่สามารถนั่งรถไฟฟ้าไปได้ถึงในสถานีเดียวคือย่านรัชดา-พระราม 9 ที่มีศูนย์การค้าและแหล่งช็อปปิ้งขนาดใหญ่ค่อนข้างคึกคัก อย่าง Central พระราม 9, ห้างฟอร์จูนทาวน์ , Esplanade รัชดา ที่มีตลาดรถไฟอยู่ด้านหลัง , The Street เป็นต้น

แผนที่ระยะไกล2_2

โครงการตั้งอยู่ระหว่างย่านธุรกิจศูนย์รวมอาคารสำนักงาน อย่างอโศกและเพลินจิต ซึ่งถือว่าเป็นโซนธุรกิจที่มีอาคารสำนักงานขึ้นเรียงราย ที่ใกล้ๆโครงการกับได้แก่ อาคาร Times  Square , Exchange Tower และ Ploenchit Center ในบริเวณใกล้เคียงอย่างบนถนนอโศกมนตรี จะมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆหลายแห่งไม่ว่าจะเป็น อาคาร GMM Grammy, ชิโนไทย ทาวน์เวอร์, 253 Asoke และอื่นๆอีกมากมาย นอกจากนี้ยังมีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒที่เป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ ส่งผลให้มีโครงการน้อยใหญ่มาขึ้นบริเวณนี้จำนวนมาก

Venio_แผนที่การเดินทาง

สำหรับการเดินทางวันนี้จะเริ่มจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อโศก พอลงมาแล้วเดินตามทางไปเรื่อยๆแล้วเลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 10 ไปอีกประมาณ 400 ม. ค่ะ เดี๋ยวเราไปเดินดูบรรยากาศโดยรอบระหว่างทางไปโครงการกันค่ะ ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

เริ่มจากสถานีรถไฟฟ้าอโศก เดินไปลงทางออก 2 ค่ะ สถานีนี้จะมี Skywalk เดินเชื่อมเข้าไปยังอาคารต่างๆได้สังเกตได้จากป้ายบอกทางสีน้ำเงินด้านบนค่ะ

จากบนรถไฟฟ้ามองลงมาจะเห็นห้าง Terminal 21 อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม The Westin ซอยตรงกลางที่รถวิ่งเข้า ออกคือซอยสุขุมวิท 19 หรือ ซอยวัฒนา สามารถใช้ลัดไปออกถนนอโศกมนตรีได้

มุมมองจากสถานีรถไฟฟ้าอโศกมุ่งหน้าไปทางฝั่ง นานา ทางด้านซ้ายเราจะสังเกตเห็นว่ามีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเข้าไปยังโรงแรม เชอราตันได้ ถักไปเป็นทางเชื่อมเข้าอาคาร Times  Square

ทางฝั่งขวามีทางเชื่อมไปเข้าโรงแรม  The Westin Grande Sukhumvit ได้อีกจุดหนึ่ง

ลงมาจากสถานีรถไฟฟ้าอโศกแล้วเราจะเดินมุ่งหน้าไปทางนานาค่ะ

เดินตรงมาอีกหน่อยจะเป็นโรงแรม เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ที่เราเห็นว่าสามารถใช้ Sky walk เดินเชื่อมเข้าไปด้านในได้

ข้างๆกันเลยคือ อาคารสำนักงาน Times  Square  ฝั่งตรงข้ามจะเป็น Robinson สามารถใช้ Sky walk เดินเชื่อมเข้าอาคารได้เช่นกัน ข้างล่างมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่เยอะพอสมควร

เดินถัดไปอีกหน่อยมาจะเจอซอยกับสุขุมวิท 12 ระหว่างทางเราจะเจอกับร้านอาหารและร้านค้าตลอดทาง ที่ปากซอยนี้จะมี 7-11ด้วย

ถัดจากซอย สุขุมวิท 12 เป็น Korean Town ของขึ้นชื่อของที่นี่ก็จะเป็นอาหารเกาหลี โดยเฉพาะ ร้านเนื้อย่าง ซึ่งเป็นต้นตำรับมาจากเกาหลีจริงๆ บางร้านก็มีบริการย่างเนื้อให้ บรรยากาศตอนกลางคืนจะคึกคักกว่านี้ค่ะ

เดินถัดมาจะเจอกับซอยสุขุมวิท 10 โครงการ VENIO สุขุมวิท10 จะอยู่ในซอยนี้ค่ะ

บริเวณหน้าปากซอยสุขุมวิท 10 จะมีสวนชูวิทย์สวนสาธารณะขนาดย่อมๆบน พื้นที่ 6 ไร่ ของคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์

ถึงสวนจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ร่มรื่นพอสมควรเลยสามารถมาเดินเล่นยืดเส้นยืดสายได้

กลับเข้ามาในซอยสุขุมวิท 10 บริเวณหน้าปากซอยจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์มาคอยรับส่ง ทางฝั่งซ้ายเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ส่วนทางฝั่งขวายังคงเป็นพื้นที่ของสวนชูวิทย์

เดินถัดมาจะเจอกับทางเข้าของสวนชูวิทย์อีกทางหนึ่งค่ะ

ถัดเข้ามาช่วงกลางๆซอยจะเจออพาร์ตเม้นท์ คอนโด Low Rise โรงแรม สลับกับบ้านพักอาศัยไปตลอดทาง

เข้าซอยมาอีกเราเจอกับคอนโดสูงที่สร้างมานานแล้ว ทางฝั่งซ้ายเป็นสุขุมวิทปาร์ค ส่วนฝั่งขวาสุขุมวิทคาซ่า

เดินเข้ามาจนเกือบท้ายซอยจะเจอกับโรงแรม Centre point โครงการเราจะอยู่ด้านในตรงบริเวณที่รถแท็กซี่สีชมพู (ในภาพ) จอดพอดี

ที่ตั้งของโครงการ VENIO ค่ะด้านในมีเคลียร์ที่ดินเตรียมก่อสร้างและล้อมรั้วเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ติดๆกับโครงการเป็นคริสต์จักรมหาพรสุขุมวิท

ถัดจากคริสต์จักรไปจะเป็นท้ายซอยซึ่งมีพื้นที่ติดกับโรงงานยาสูบและสวนเบญจกิติค่ะ

หน้าประตูมีป้ายติดไว้สามารถเดินผ่านไปออกที่สวนได้ ส่วนรถยนต์จะสามารถผ่านได้เฉพาะชั่วโมงเร่งด่วน

Venio_แผนที่สวน_2**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

จากประตูทางเข้าท้ายซอยพอเดินผ่านเข้ามาจะเป็นพื้นที่ของโรงงานยาสูบและสวนเบญจกิติ เข้ามาถ้าเลี้ยวซ้ายจะมีทางเดินไปสวนเบญจกิติและมีทางลัดของรถยนต์ไปออกถนนรัชดาภิเษกฝั่งหน้าสวน พอออกมาแล้วสามารถใช้เส้นทางไปเลี้ยวเข้าถนนสุขุมวิทได้ จากทางเข้าท้ายสวนถ้าตรงไปจะไปออกถนนพระราม 4  ในปัจจุบันโรงงานยาสูบได้มอบพื้นที่เพิ่มอีก 61 ไร่ เพื่อทำสวนเบญจกิติส่วนต่อขยาย หรือ “สวนป่าเบญจกิติ” สำหรับใช้เป็นพื้นที่ปลูกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ในรูปแบบของสวนป่าที่มีความร่มรื่นในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ นอกจากนั้นนังมี “ทางจักรยานและทางเดินเลียบคลองไผ่สิงห์โต” เชื่อมจากสวนเบญจกิติไปถึงสวนลุมพินี ถือเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังโครงการในระยะเดินถึงค่ะ

จากประตูที่กั้นบริเวณท้ายซอยเดินเข้ามาจะเจอกับพื้นที่ของโรงงานยาสูบ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นเราต้องเดินข้ามสะพานนี้ไป

จากบนสะพานจะเห็นทางปั่นจักรยานเลียบคลองที่ไปเชื่อมออกสวนลุมพินีได้

บรรยากาศด้านในค่ะมีกั้นเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ ฝั่งขวาเป็นทางคนเดิน แต่จะไม่อนุญาตให้มอเตอร์ไซค์เข้าไปนะคะ

เดินถัดเข้ามาด้านใน ทางขวาเป็นพื้นที่ส่วนต่อขยายที่โรงงานยาสูบที่จะทำเป็นสวนป่าเบญจกิติค่ะ

ก่อนทางเข้าสวนส่วนต่อขยายจะมีทางเดินเล็กๆเป็นทางเดินไปสวนเบญจกิติค่ะ

เดินเข้ามาเป็นทางประมาณนี้

เดินถัดเข้ามาตามทางเรื่อยๆจะเจอกับสวนเบญจกิติ เป็นสวนพื้นที่ 430ไร่ ที่มีบ่อน้ำอยู่ตรงกลาง มองวิวรอบๆเห็นอาคารสำนักงานล้อมรอบ รอบๆบ่อน้ำเป็นลู่วิ่งและสวนหย่อม  มีลานสุขภาพสำหรับคนชอบออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังมีลานแสดงกลางแจ้งแบบลานเปิด

กลับมาที่ประตูทางเข้าท้ายสวนที่เราเดินลัดจากโครงการมาค่ะ เข้ามาถ้าเลี้ยวไปทางซ้ายจะเป็นทางรถวิ่งไปถนน รัชดาภิเษกฝั่งหน้าสวนค่ะ

ส่วนถ้าเดินตรงไปเป็นทางไปออกถนนพระราม 4 แต่ในวันที่ไปเก็บข้อมูลยังไม่ได้เปิดให้รถวิ่งผ่านค่ะ ถนนจึงโล่งๆแบบนี้

เดินถัดมาทางฝั่งขวามีสวนหย่อมเล็กๆ ส่วนทางฝั่งซ้ายเป็นทางไปลานจอดรถและสวนป่าค่ะ

ทางฝั่งขวาเป็นสวนหย่อมเล็กๆขนานกับทางปั่นจักรยาน

ลานจอดรถค่อนข้างกว้างสามารถรองรับคนที่จะมาออกกำลังกายได้เยอะพอสมควรเลย

เดินผ่านลานจอดรถมาเป็นทางเข้า สวนป่าเบญจกิติ

บรรยากาศภายในสวนป่าหรือสวนเบญจกิติส่วนต่อขยายร่มรื่นประมาณนี้ค่ะ

Venio_แผนที่สภาพแวดล้อม3**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

โครงการ VENIO สุขุมวิท 10 ตั้งอยู่บนที่ดิน 1-0-53 ไร่ ในซอยสุขุมวิท 10 เป็นซอยฝั่งเลขคู่ซึ่งจะมีความคึกคักน้อยกว่าสุขุมวิทฝั่งเลขคี่ ซอยใกล้เคียงคือซอย 8 และ 12 ซึ่งจะมีชาวต่างชาติโดยเฉพาะเกาหลีอยู่กันค่อนข้างเยอะ สภาพแวดล้อมและบรรยากาศรอบๆโครงการภายในซอยเป็นบ้านพักอาศัยหลังใหญ่ สลับกับอพาร์ตเม้นท์ คอนโด Low Rise และโรงแรม  ซอยนี้เป็นซอยตันบรรยากาศจึงค่อนข้างสงบไม่พลุกพล่าน ท้ายซอยมีทางเดินลัดไปออกด้านหลังสวนเบญจกิติได้ ส่วนรถยนต์จะผ่านได้เฉพาะเวลาเร่งด่วน มีแต่ละด้านของที่ดินติดกับ

  • ทิศเหนือ  – ติดกับบ้านพักอาศัย ในชั้นสูงๆทางทิศนี้จะได้วิวฝั่งถนนสุขุมวิท
  • ทิศตะวันออก – ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 10 และโรงแรม Centre Point เป็นตึกสูง
  • ทิศใต้ – ติดกับบ้านพักอาศัยและคริสต์จักรมหาพรสุขุมวิท ทิศนี้เป็นฝั่งท้ายซอยถ้าอยู่ในชั้นสูงหน่อยจะมองเห็นวิวสวนเบญจกิติค่ะ
  • ทิศตะวันตก – ติดกับบ้านพักอาศัยส่วนใหญ่จะสูง 1-2 ชั้น  ถัดไปเป็นซอย สุขุมวิท 8

ทิศเหนือ  ติดกับบ้านพักอาศัย ซึ่งบ้านในซอยนี้ส่วนใหญ่เป็นบ้านที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สูงประมาณ 1-2 ชั้นค่ะ

ทิศตะวันออก  ติดกับถนนซอยสุขุมวิท 10 และโรงแรม Centre Point ค่ะ

ทิศใต้   ติดกับบ้านพักอาศัย ถัดไปเป็นคริสต์จักรมหาพรสุขุมวิท เดินไปอีกหน่อยก็จะถึงทางเข้าพื้นที่ของโรงงานยาสูบและสวนเบญจกิติค่ะ

Venio_EN (4)

คริสต์จักรมหาพรสุขุมวิทค่ะ อยู่ติดกับประตูทางเข้าโรงงานยาสูบ

Venio_ENall1_2ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=B8crvbdG49Q

ภาพมุมสูงฝั่งมองไปทางท้ายซอยหรือฝั่งทิศใต้ของโครงการ ด้านหลังจะเป็นสวนเบญจกิติ คนที่อยู่ในชั้นสูงๆในทิศนี้ก็จะได้วิวสวนไปค่ะ

Venio_ENall2ภาพจาก https://www.youtube.com/watch?v=B8crvbdG49Q

ส่วนภาพมุมสูงมองไปทางฝั่งต้นซอยหรือทางด้านทิศเหนือจะได้เป็นวิวเมือง ฝั่งที่ติดกับโครงการเป็นบ้านพักอาศัยจึงไม่โดนตึกบังในระยะประชิด

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • สวนเบญจกิติ , โรงงานยาสูบ – 140 เมตร
  • Korean Town – 420 เมตร
  • สวนชูวิทย์ – 446 เมตร
  • อาคารสำนักงาน Times Square – 580 เมตร
  • โรงแรม Sheraton Grande Sukhumvit – 637 เมตร
  • โรงแรม Sofitel Sukhumvit – 700 เมตร
  • Robinson Sukhumvit – 800 เมตร
  • โรงแรม The Westin Grande Sukhumvit Bangkok – 800 เมตร
  • ศูนย์การค้า Terminal 21 – 900 เมตร
  • อาคาร interchange 21 – 1.1 กิโลเมตร
  • อาคาร Exchange Tower – 1.1 กิโลเมตร
  • Sinothai Tower – 1.3 กม.
  • Lake Ratchada –  1.4 กม.
  • Sermmit Tower – 1.4 กม.
  • รพ.บำรุงราษฎร์ – 1.65 กม.

 


เจาะลึกตัวโครงการ

Venio_FA (1)

โครงการ VENIO สุขุมวิท 10 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น จำนวน 162 ยูนิต ออกแบบในสไตล์ Timeless Design คือผสมกันระหว่างสไตล์ Modern และ Classic ตัวอาคารตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา มีการใช้เส้นสายทำให้ตัวอาคารดูมีมิติและดู Luxury มากขึ้น มีชั้นจอดรถใต้ดิน 1 ชั้น ชั้นล่างจะเป็นส่วนของ Facility และที่จอดรถทั้งหมด ชั้นพักอาศัยจะอยู่ในชั้น 2-8 และในชั้นดาดฟ้าจะมี Roof Garden อยู่อีกจุดหนึ่ง โครงสร้างเป็นแบบ Fully-Precast สามารถใช้ท้องพื้นเป็นฝ้าเพดานได้เลยจึงได้ฝ้าเพดานที่ค่อนข้างสูง

เนื่องจากทางโครงการไม่ได้ทำสำนักงานขายและไม่มีห้องตัวอย่าง เราจึงจะพาไปชมโมเดลของโครงการที่ตั้งอยู่ในออฟฟิศของ The Agent อาคาร FYI Center กันค่ะ

มาดูที่ตัวโมเดลกันก่อน ทางเข้าออกของโครงการอยู่ติดกับถนนซอย สุขุมวิท10 พอเข้ามาในโครงการถ้าจะจอดรถจะต้องเลี้ยวไปทางขวา ตรงไปไม่ได้เพราะจะมีประตูกั้นโซนส่วน Facility เพื่อให้คนที่ใช้พื้นที่ด้านในมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น โดยพื้นที่ส่วนกลางที่อยู่ด้านนอกจะมีสวนหย่อม และ สระว่ายน้ำ ส่วนด้านในอาคารมี Lobby  ฟิตเนส และห้องซักรีด ชั้น 2-8 เป็นยูนิตพักอาศัยล้วนๆ ส่วนชั้นดาดฟ้ามี Roof Top อยู่อีกจุดหนึ่ง ในชั้น 7 จะมียูนิตพิเศษคือ Type C3 ที่จะได้ระเบียงค่อนข้างกว้างซึ่งเดี๋ยวเราค่อยไปดูกันว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไร

จากทางเข้าโครงการ ถ้าจะไปจอดรถต้องเลี้ยวไปทางขวาค่ะ สุดทางเป็นประตูกั้นส่วน Facility และ Drop off

Venio_Model (4)_1

อีกมุมหนึ่งค่ะ จะเห็นว่าถ้าจะไปที่จอดรถจะต้องเลี้ยวไปทางขวาเพื่อไปจอดรถใต้อาคารหรือลงไปจอดชั้นใต้ดินก็ได้ ถ้าแค่วนรถมาส่งก็จอดได้บริเวณ Drop off และจะมีทางวนรถกลับออกมาที่หน้าโครงการค่ะ

Venio_Model (5)_1

พอเดินจากประตูที่กั้นส่วน Facility เข้ามา ถ้าตรงไปจะเป็นทางเดินไป Lobby ส่วนพื้นที่ส่วนกลางด้านหน้าโครงการจะมีสวนหย่อม และสระว่ายน้ำที่มีพื้นที่นั่งพักผ่อนอยู่รอบๆ

ภาพจำลองบรรยากาศบริเวณสระว่ายน้ำค่ะ สระเป็นระบบเกลือขนาด 10.2 x 6.7 เมตรลึก 1.2 เมตร มองมุมนี้จะเห็น Lobby และ ฟิตเนสที่อยู่ในอาคารด้วย มีวางที่นั่งพักผ่อนเอาไว้รอบๆและมีกั้นโซนแยกด้วย Screen wall ทำให้เวลามาใช้พื้นที่รู้สึกเป็นส่วนตัวพอสมควร

อีกมุมหนึ่งค่ะ สำหรับโซนนั่งพักผ่อนจะมีทั้งแบบม้านั่งยาวและ Cabana Daybed

มองจากมุมบนของอาคารฝั่งที่อยู่หน้าโครงการก็จะเห็นมุมมองประมาณนี้ค่ะ

Facility อีกส่วนหนึ่งคือสวนดาดฟ้า ชั้นนี้ลิฟต์จะขึ้นมาไม่ถึงจะต้องเดินขึ้นมาจากบันไดหนีไฟชั้น 8

การตกแต่งสวนดาดฟ้าจะจัดให้เป็น Geometric form หรือ รูปทรงเรขาคณิตเพื่อให้เข้ากับ Concept ของโครงการและเพื่อความสะดวกในการดูแลรักษา มีมุมนั่งพักผ่อนแทรกอยู่เป็นจุดๆ

บนอาคารห้องพักจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 2 – 8 แต่จะมีอยู่ 2 ห้องบนชั้น 7 ที่จะมีระเบียงค่อนข้างกว้างเป็น Outdoor zone ของตัวเอง ตรงส่วนที่ยื่นออกมา หลังคาเฉียงๆด้านบนเป็น Skylight ที่ทำให้เปิดรับแสงเข้ามาในห้องได้มากขึ้น

สำหรับการตกแต่งภายในก็ยังคุมโทน Timeless Style คือเน้นใช้สี เทา ดำ ขาว ทอง ให้บรรยากาศดู Luxury ใช้ไฟสี Warm โซนแรกที่เข้ามาให้อาคารคือ Lobby ทางด้านซ้ายเป็นบันไดทางขึ้นไปพื้นที่นั่งพักผ่อน

บริเวณที่นั่งพักผ่อนจะอยู่ระดับเดียวกับพื้นที่สระว่ายน้ำและสวนที่ยกระดับขึ้นมาจากพื้นถนนเล็กน้อย สามารถลงมานั่งพักผ่อนหรือนัดพบปะคนที่มาติดต่อได้

จาก Lobby จะมีทางเดินมาส่วนของห้องฟิตเนส จากภาพวางเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 6 – 7 เครื่อง ผนังฝั่งด้านหน้าโครงการมองออกไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ เป็นสระน้ำล้นมี Overflow ของน้ำไหลลงมาจากขอบสระ

VDO Presentation ของโครงการค่ะ ซึ่งจะเห็นภาพรวมต่างๆคลิกเข้าไปชมกันได้

มาตบท้ายกันด้วยผังโครงการอีกนิดนึง เริ่มจากชั้น 1 ดูจากแปลนเราจะเห็นเส้นทางเดินรถชัดเจนมากขึ้น ถ้าจะวนรถรับส่งสามารถมาจอดส่งที่บริเวณ Drop off ก่อนแล้วค่อยวนออกไป ถ้าจะจอดรถสามารถจอดได้ทั้งบริเวณใต้อาคารชั้น 1 หรือลงไปจอดชั้นใต้ดิน ทางเดินเข้า Lobby และ ส่วนกลางจะต้องเดินผ่านประตูที่กั้นด้านหน้า โดย Facility ที่ชั้นล่างมีสระว่ายน้ำ และ สวนหย่อม ส่วนในอาคารมี Lobby ห้องซักรีด และ ฟิตเนส

ที่จอดรถจะมีอยู่ในชั้นใต้ดินด้วยโดยมีลิฟต์โดยสารลงมาถึงชั้นใต้ดินเลย จอดรถแล้วไม่ต้องเดินไปขึ้นที่ชั้น 1 รวมๆแล้วจอดได้ประมาณ 40% แบบไม่ซ้อนคัน

ห้องพักอาศัยจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 2 – 8 ที่ชั้น 2 มีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากับ 22 ห้อง ห้องที่ตรงกับ Double ของ Lobby จะหายไป ชั้นนี้จะเน้นห้องขนาดเล็ก Studio และ 1 ห้องนอนทั้งหมด โดยห้องทางฝั่งทิศตะวันตกและทิศใต้ส่วนใหญ่จะวางเป็นห้อง Studio ขนาด 23.20 – 25.75 ตร.ม. (Type A1 – A3) มีห้อง 1 ห้องนอนแทรกอยู่บ้าง ส่วนทางฝั่งทิศเหนือเป็นห้อง 1 Bedroom Type B3 33.60 ตร.ม. มุมซ้ายบนเป็นห้อง 1 ห้องนอน Type B5 ขนาด 34.32 ตร.ม.กว้างขึ้นมาหน่อย โถงลิฟต์อยู่ตรงกลางอาคารแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งด้านล่างจะมีจำนวนยูนิตและความหนาแน่นน้อยกว่า จึงค่อนข้างเป็นส่วนตัวกว่าฝั่งด้านบน เป็นลิฟต์โดยสารทั้ง 2 ตัวไม่มีลิฟต์ Service อัตราส่วนลิฟต์ทั้งโครงการเท่ากับ 81 ห้อง/ลิฟต์ 1 ตัวอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานค่อนข้างไปทางดี มีบันไดหนีไฟ 2 จุด

ตั้งแต่ชั้น 3 – 6 แปลนจะเหมือนกัน ต่างกับชั้น 2 ตรงที่มีห้องเพิ่มเข้ามาบริเวณส่วนตรงกับ Lobby ทำให้มีจำนวนยูนิตต่อชั้นเท่ากับ 24 ห้อง ห้องที่เพิ่มมาเป็นห้อง 1 ห้องนอน Type B4 34 ตร.ม. และ Type B7 34.89 ตร.ม. ทางฝั่งทิศใต้วางเป็นห้องแบบ 1 Bedroom แทน ห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในชั้นนี้และมีจำนวนมากที่สุดในโครงการด้วย คือ คือ Type ฺB3A  มี 56 ห้องหรือคิดเป็น 36% ของทั้งโครงการ มีห้อง 2 ห้องนอนอยู่ทางฝั่งทิศใต้หรือ Type C2 53 ตร.ม. ห้องพักในโครงการนี้ส่วนใหญ่ไม่มีตึกสูงมาบังวิว เว้นแต่ทางฝั่งทิศตะวันออกที่เป็นโรงแรม Centre point แต่โครงการมีการออกแบบไม่ให้มีห้องไหนหันออกทางฝั่งนั้น จึงตัดปัญหาเรื่องบล็อกวิวไป ทางทิศใต้ในชั้นสูงๆเราจะเห็นเป็นวิวสวนเบญจกิติค่ะ

แปลนชั้น 7 คล้ายกับชั้น 3 – 6 ต่างกันตรงด้านหน้าโครงการฝั่งทิศตะวันออกมีห้องพิเศษคือ Type C3 2 Bedroom 71.30 ตร.ม.ที่ได้พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้าง

ขึ้นมาที่ชั้น 8 ห้องเหมือนกับชั้น 7 แต่เปลี่ยนห้องพิเศษ Type C3  71.30 ตร.ม. เป็น Type C1 2 Bedroom 49.30 ตร.ม.

ส่วนชั้นดาดฟ้าเป็นพื้นที่งานระบบต่างๆ และ Roof Garden เวลามาใช้พื้นที่ต้องเดินขึ้นมาจากบันไดหนีไฟชั้น 8 ค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 6.7 x 10.2 เมตร ลึก 1.2 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 6 – 7 เครื่อง
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • Mall Corner
  • ห้องซักรีด
  • ลิฟต์โดยสาร 2 ตัวต่อ/อาคาร อัตราส่วนลิฟต์เท่ากับ 81 : 1
  • Service Lift – ไม่มี
  • ที่จอดรถประมาณ 68 คันหรือคิดเป็น 40% ไม่รวมจอดซ้อนคัน
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

เนื่องจากโครงการไม่ได้ทำสำนักงานขายและไม่มีห้องตัวอย่าง เราจึงจะพาไปดูภาพจำลองบรรยากาศและแปลนทั้งหมดของโครงการกันก่อนนะคะ เฟอร์นิเจอร์จะให้แบบ Fully Furnished ให้ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน (Mex) , แอร์ , สุขภัณฑ์ (Grohe) และ เฟอร์นิเจอร์ (Made to order) แต่รายละเอียดและจำนวนว่าได้อะไรบ้างต้องสอบถามจากทางโครงการอีกทีค่ะ

เริ่มจากห้องแบบ Studio ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 แบบเริ่มจาก Type A1 23.20 ตร.ม. เป็นห้องที่มีขนาดเล็กที่สุด เข้ามาจะเจอกับส่วนของครัวก่อน เป็นครัวแบบเปิด ฝั่งตรงข้ามมีช่องให้ใส่ตู้เย็น และ ทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งภายในห้องน้ำมีทั้งส่วนแห้งและส่วนเปียกกั้นแยกจากกัน เดินถัดเข้ามาจึงจะเจอกับพื้นที่สำหรับนอนพักผ่อนอยู่หลบมุม ซึ่งดีกว่าห้อง Studio แบบที่เปิดเข้ามาแล้วเจอเตียงเลยในแง่ของความเป็นส่วนตัว หรือถ้าอยากได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มมากขึ้นเราก็สามารถกั้นห้องตรงส่วนนี้เพิ่มเองได้ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าซึ่งในแปลนวางไว้ไม่เต็มพื้นที่ถ้าเราอยากได้ตู้ที่ใหญ่ขึ้นก็สามารถขยายหรือแบ่งพื้นที่มาทำโต๊ะเครื่องแป้งได้ ฝั่งตรงข้ามเตียงวางเป็นชั้นวางทีวีซึ่งมีระยะที่ห่างพอสมควรที่จะวางโซฟาหรือ Daybed ไว้ปลายเตียงอีกตัวได้สบายๆ ระบียงจะอยู่ข้างๆชั้นวางทีวี

ต่อมาคือ Type A2 24 ตร.ม. และ Type A3 25.75 ตร.ม. เป็นห้อง Studio เหมือนกันแต่เป็นห้องแบบหน้าแคบหรือวางผังตามแนวยาว 2 Type นี้วางผังคล้ายๆกัน ต่างกันตรงตำแหน่งการวางโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้าในห้องน้ำ และขนาดของห้องและเคาน์เตอร์ครัว Type A2 มีขนาดห้องเล็กกว่าหน่อย เข้ามาจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำผนังจะมีการเว้าเข้าไปทำให้พื้นที่อาบน้ำมีขนาดเล็กลง แต่พื้นที่ตรงนี้เราสามารถ Built-in พวกชั้นวางของ ตู้เก็บของ หรือ ตู้วางรองเท้าเพิ่มเติมได้ ห้องน้ำของห้องนี้เปิดเข้ามาจะเจอกับอ่างล้างหน้าก่อน โถสุขภัณฑ์อยู่หลบมุมหลังประตู เดินถัดจากห้องน้ำมาเป็นส่วนของห้องนอนที่ข้างเตียงมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกัน ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางทีวี มีซอกอยู่ข้างๆชั้นวางทีวีสามารถหาโต๊ะทำงานขนาดเล็กมาวางเข้ามุมได้พอดี ระเบียง Type นี้จะมีพื้นที่กว้างกว่า Type แรกและมีกั้นแยกโซนสำหรับวาง condensing unit มาให้ด้วย ส่วน  Type A3 ขนาดห้องจะใหญ่กว่าเล็กน้อย มีส่วนความกว้างของห้องมากกว่าเล็กน้อย มีความต่างกันตรง ห้องน้ำเปิดเข้ามาจะเจอกับโถสุขภัณฑ์ก่อน อ่างล้างหน้าไปหลบมุมอยู่หลังประตูแทน พื้นที่อาบน้ำไม่มีการเว้าผนังเข้ามาแล้วทำให้ได้พื้นที่ใหญ่ขึ้น แต่ไปเว้าฝั่งหน้าห้องกินเข้ามาในส่วนอ่างล้างหน้าแทน ได้เคาน์เตอร์ครัวที่ยาวกว่า นอกนั้นการวางผังจะเหมือนกันค่ะ

ภาพจำลองบรรยากาศค่ะ จากภาพคาดว่าน่าจะเป็น Type A3 พื้นที่บริเวณตรงข้ามครัวเราสามารถหาชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่งมาวางเพิ่มได้ และปลายเตียงเราหาโซฟามาวางได้แบบนี้เพราะมีระยะเหลือเยอะพอสมควรค่ะ

มาดูต่อที่ห้องแบบ 1 ห้องนอนค่ะซึ่งมีหลายแบบให้เลือกด้วยกัน การวางผังของห้อง 1 ห้องนอนของโครงการนี้จะมีจุดที่คล้ายๆกันคือจะได้ประตูบานเลื่อนแบบเต็มบาน สูงถึงฝ้าเพานกั้นห้องนอนแยกออกเป็นสัดส่วน Type B1 27.75 ตร.ม. จัดแบบห้องหน้ากว้าง เข้าห้องมาจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัวแบบ L-Shape ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำซึ่งเข้าได้จากทั้งห้องน้ำและห้องนอน ซึ่งดีตรงที่ถ้ามีแขกมาก็ให้เข้าจากด้านนอกได้ไม่ต้องให้เดินผ่านห้องนอนให้เสียความเป็นส่วนตัว หรือถ้าเราอยู่ในห้องนอนก็เดินไปเข้าได้สะดวก ถัดไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งต่อเนื่องกับระเบียงขนาดใหญ่ อีกฝั่งเป็นห้องนอนกั้นด้วยบานเลื่อน

ส่วนอีกแบบคือ Type B2 29.50 ตร.ม. เป็นห้องหน้าแคบเข้ามาเจอครัวก่อนซึ่งมีพื้นที่วางชุดโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ที่นั่ง ฝั่งตรงข้ามมีพื้นที่สำหรับทำเป็นชั้นวางรองเท้า ห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนไปเก็บมุมด้านข้างได้ เวลาอยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนมาปิดแล้วหาม่านหรือมูลี่มาปิดอีกชั้นหนึ่งค่ะ ห้องน้ำของ Type นี้ก็เข้าได้จากทั้งห้องครัวและห้องนอน แบ่งเป็นส่วนแห้ง-ส่วนเปียก ได้พื้นที่อาบน้ำที่ค่อนข้างกว้าง และที่ระเบียงจะมีกั้นพื้นที่แยกสำหรับ condensing unit ของแอร์

ต่อมาคือ Type B3 , B3A , B3B ซึ่ง B3A เป็น Type ที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการ การวางผังของทั้ง 3 แบบจะคล้ายๆกันคือเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนของครัวเปิดก่อน ข้างๆเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่สำหรับวางชุดโต๊ะทานข้าวเข้ามุมแบบ 2 ที่นั่งได้ ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งอยู่ติดกับประตูทางออกไประเบียง ระเบียงมีขนาดค่อนข้างใหญ่ มีแยกโซนของ condensing unit ของแอร์เอาไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถออกไปใช้ระเบียงได้เต็มที่ ห้องนอนกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงถึงฝ้าแบบ 3 ตอน ทำให้เวลาที่อยากได้ความเป็นส่วนตัวก็เลื่อนมาปิดได้ หรือถ้าเปิดก็จะทำให้ห้องดูโล่งและโปร่งขึ้น ห้องนอนกว้างพอสมควรวางโต๊ะทำงานและตู้เสื้อผ้าได้ บริเวณข้างๆหน้าต่างมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะหรือชุดที่นั่งแบบเข้ามุมได้อีก ห้องน้ำของทั้ง 3 ห้องนี้เข้าได้จากทั้งห้องครัวและห้องนอนเช่นกัน โดยบานประตูห้องน้ำทางฝั่งห้องนอนจะเป็นบานเลื่อนช่วยลดปัญหาในการเปิดประตูแล้วชนกันได้ จุดที่ต่างกันคือ Type B4 จะเป็นห้องแบบหน้ากว้างได้เคาน์เตอร์ครัวแบบ L-Shape ได้พื้นที่นั่งเล่นกว้างกว่า แต่จะไม่มีส่วนที่ยื่นออกมาเอาไว้วางโต๊ะหรือชุดที่นั่งแบบเข้ามุม

ภาพจำลองบรรยากาศของ Type นี้ค่ะ ประตูบานเลื่อนที่ได้เป็นแบบสูงจากพื้นถึงฝ้า ส่วนเก็บเข้ามุมได้เวลาเปิดจะได้พื้นที่ต่อเนื่องกันโล่งๆแบบนี้ การวางผังแบบนี้ทำให้ห้องดูโปร่ง ไม่อึดอัดค่ะ

ส่วนของห้องนอนพอเปิดประตูบานเลื่อนก็จะได้พื้นที่ต่อเนื่องกับห้องรับแขกค่ะ

ห้องน้ำตกแต่งด้วยกระเบื้องโทนสีขาวสะอาดตา กั้นแยกส่วนแห้งและส่วนเปียกด้วยกระจกบานเลื่อน

1 ห้องนอนอีก 2 แบบที่มีจำนวนไม่มากนักคือ Type B5 34.32 ตร.ม. และ Type B5A 34.50 ตร.ม. เข้ามาเจอกับพื้นที่ต่อเนื่องของครัวและห้องนั่งเล่น ส่วนนี้เราสามารถหาชุดโต๊ะทานข้าวมาวางเพิ่มได้ การวางผังค่อนข้างโล่งคิดว่าทางโครงการน่าจะวางเฟอร์นิเจอร์ที่จะให้จริงๆ ซึ่งถ้าเราอยากจะได้อะไรเพิ่มเติมก็หามาวางเองได้ ห้องน้ำอยู่ฝั่งหน้าห้องก่อนเข้าห้องน้ำมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ไม่ต้องเอาออกไปวางที่ระเบียง ทำให้ใช้ระเบียงได้เต็มที่ ถัดมาด้านในเป็นห้องนอนซึ่งจะมีระเบียงอยู่ในห้องนอนค่ะ ข้างเตียงมีพื้นที่ยื่นออกไปเหมือนๆกับห้องก่อนหน้า สามารถหาโต๊ะหรือเก้าอี้มาวางเพิ่มได้ ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ฝั่งปลายเตียง มีระยะปลายเตียงเหลือเยอะเช่นกัน

ส่วน Type B6 34.68 ตร.ม.  เข้ามาจะเจอกับพื้นที่โถงเล็กๆ เราสามารถหาหรือBuilt-in เป็นตู้เก็บของหรือชั้นวางรองเท้าเพิ่มได้ ห้องนี้จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่งตรงกลางเป็นห้องนั่งเล่น ฝั่งซ้ายเป็นครัวและโต๊ะทานข้าวอยู่ด้วยกัน สามารถกั้นเปิดครัวปิดได้ ซึ่งสามารถช่วยกันกลิ่นเวลาที่เราทำกับข้าวไม่ให้ฟุ้งไปโดนส่วนอื่นๆของห้อง ทำอาหารเสร็จก็ยกมาที่โต๊ะนั่งทานข้าวได้เลย ด้านหลังเป็นระเบียงเปิดระบายอากาศได้ ถือว่าเป็นสัดส่วนดี ส่วนฝั่งขวาเป็นห้องนอนกั้นแยกจากห้องนั่งเล่นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน มีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำสามารถเข้าได้จากห้องนั่งเล่นและห้องนอน

Venio_Unitplan (10)

Type B7 34.89 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับส่วนของครัว เป็นครัวเปิด เคาน์เตอร์วางชิดผนังอยู่บริเวณหน้าห้อง ถัดมาในแปลนวางโซฟาเอาไว้กลางห้องด้านหลังเป็นโต๊ะที่สามารถใช้นั่งทำงานหรือทานข้าวก็ได้ ไม่สามารถดันชิดผนังได้เนื่องจากจะติดประตูทางออกไประเบียง ตำแหน่งวางทีวีจะสามารถติดตั้งได้บริเวณผนังหน้าห้องนอน ซึ่งระยะการดูทีวีจะไม่ตรงกับแนวโซฟาซะทีเดียว เหลื่อมกันเล็กน้อย ห้องนอน Typeนี้จะมีความต่างจากห้องอื่นๆตรงที่มีการกั้นห้องเป็นผนังทึบ ส่วนห้องน้ำสามารถเข้าได้ 2 ทางเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ บริเวณพื้นที่อาบน้ำมีทำช่องเอาไว้ให้เก็บวางสบู่ แชมพูด้วย

Type B8 40.35 ตร.ม. และ B8A 40.56 ตร.ม. ในแปลนวางเฟอร์เจอร์เอาไว้แบบโล่งๆ คิดว่าน่าวางเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการแถมให้จริงๆ ตัวแปลนสามารถจัดให้ใกล้เคียงกับ Type B3 ได้ในพื้นที่ที่กว้างกว่า และบริเวณหน้าห้องน้ำในห้องนอน มีทำเป็น Walk – in Closet แยกตู้เสื้อผ้าเป็น 2 ฝั่ง

มาดูห้องแบบ 2 ห้องนอนกันบ้าง เริ่มต้นด้วย Type C1 49.30 ตร.ม. เข้ามาจะเป็นส่วนของครัว ฝั่งตรงข้ามครัวเป็นห้องน้ำ และ ชั้นวางของ ถัดเข้าไปในแปลนไม่ได้วางเฟอร์นิเจอร์ไว้แต่สามารถจัดเป็นส่วนนั่งเล่นคล้ายๆกับแปลน Type C2 ด้านล่างได้ ทางฝั่งขวาในแปลนวางโต๊ะทานข้าวเอาไว้ก่อนทางออกไประเบียง ฝั่งตรงข้ามกั้นเป็นห้องเอาไว้ให้ ทำเป็นห้องนอนเล็กๆได้ ทางฝั่งซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ห้องน้ำเข้าได้ 2 ทางเช่นกัน

Type C2 53 ตร.ม. เข้ามาจะเจอกับครัวก่อน เคาน์เตอร์ที่โครงการให้เป็นรูปตัว L มีระยะเหลือพอจะทำเป็นเคาน์เตอร์แบบ Island หรือวางชุดโต๊ะทานข้าวเพิ่มได้ ถัดไปเป็นพื้นที่นั่งเล่นที่ติดกับประตูทางออกไปที่ระเบียง ระเบียงมีขนาดค่อนข้างกว้างมีกั้นพื้นที่สำหรับวาง condensing unit ของแอร์ซึ่งมีแบบนี้เกือบทุก Type ห้องนอนจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง ฝั่งขวาเป็นห้องนอนเล็ก หน้าห้องนอนเล็กมีพื้นที่สำหรับวางเครื่องซักผ้า ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่เอาไว้ใช้ร่วมกัน ส่วนห้องนอนใหญ่อยู่ทางฝั่งซ้ายพื้นที่ค่อนข้างกว้าง ที่มุมบนของแปลนจะเห็นเป็นพื้นที่โล่งๆซึ่งเราสามารถจัดเป็นมุมพักผ่อน หรือ ทำงานได้ ห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัวเข้าได้ทางเดียวคือจากในห้องนอน

ภาพจำลองบรรยากาศของแบบ 2 ห้องนอน ตรงส่วนของครัวในรูปวางโต๊ะทานข้าวเพิ่มเข้าไป ถัดมาเป็นพื้นที่นั่งเล่น

ในห้องนอนใหญ่ เข้ามาเราจะเจอกับเตียงนอนก่อน ถัดเข้าไปด้านในจัดเป็นมุมพักผ่อนมีวาง Daybed เพิ่มเข้ามาเอาไว้นอนอ่านหนังสือ หรือจะจัดเป็นมุมทำงานก็ได้

ห้องนอนอีกห้องทีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีพื้นที่สำหรับวางเตียง โต๊ะทำงาน และ ตู้เสื้อผ้าได้ครบ ห้องนี้ไม่มีห้องน้ำในตัวต้องไปเข้าข้างนอกค่ะ

สุดท้ายคือ Type C3 71.30 ตร.ม. นอกจากจะเป็นห้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแล้ว ยังเป็นห้องพิเศษที่มีแค่ 2 ยูนิตที่ได้ระเบียงขนาดใหญ่ เข้ามาจะเจอกับครัวและห้องน้ำแบบ Powder room คือไม่มีพื้นที่อาบน้ำอยู่ด้านหน้า ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น และมีกั้นห้องอเนกประสงค์เล็กๆเอาไว้ให้ทำเป็นห้องนอนอีกห้องหรือห้องทำงานก็ได้ ห้องนอนอยู่ด้านในส่วนห้องน้ำจะเข้าได้ทั้ง 2 ทาง


สรุป

ภาพรวมของทำเลโครงการ VENIO สุขุมวิท 10 ถึงแม้ว่าจะอยู่ในซอยแต่ก็จัดว่าเป็นอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ใกล้ย่านอโศกที่รายล้อมไปด้วยคอนโด , ห้างสรรพสินค้า และอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากBTS นานา 650 เมตร และ BTS อโศก 750 เมตรดังนั้นการเดินทางไปยังที่ต่างๆตามแนวรถไฟฟ้าจะค่อนข้างสะดวก ใกล้ห้างใหญ่อย่าง Terminal 21 , The Emporium , The Emquartier หรือจะนั่งรถไฟฟ้าไปสยามก็ใช้เวลาไม่นาน และในย่านนี้เป็นโซนมีชาวต่างชาติค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางและญี่ปุ่นซึ่งนอกจากจะซื้อคอนโดเพื่อพักอาศัยแล้ว ยังมีกลุ่มนักลงทุนซื้อไว้สำหรับปล่อยเช่าคนกลุ่มนี้ด้วย

สภาพแวดล้อมภายในซอยสุขุมวิท 10 จะเป็นบ้านพักอาศัย สลับกับอพาร์ตเม้นท์ และ โรงแรม ซึ่งซอยใกล้เคียงอย่างซอยสุขุมวิท 12 ก็จะมีสภาพแวดล้อมคล้ายๆกับและมีโครงการคอนโด Low Rise ขึ้นอยู่ท้ายซอยเหมือนกันคือ Circle S และ Circle Rein ในซอย 10 นี้เป็นซอยตันจึงไม่ค่อยพลุกพล่าน และจุดที่พิเศษของที่ตั้งโครงการคืออยู่ใกล้กับทางเดินลัดเข้าไปในสวนเบญจกิติ ซึ่งเราสามารถเดินออกมาแล้วเข้าไปใช้พื้นที่ของสวนสาธารณะได้สบายๆ เสมือนกับมีพื้นที่ส่วนกลางเป็นสวนขนาดใหญ่ และในสวนปัจจุบันมีการขยายพื้นที่ของโรงงานยาสูบทำสวนป่าเบญจกิติและมีทางปั่นจักรยานไปออกที่สวนลุมพินีได้ และในช่วงโมงเร่งด่่วนยังมีการเปิดทางให้ลัดไปออกถนนพระราม 4 และ ถนนรัชดาภิเษกได้อีก จึงถือว่าเป็นจุดที่น่าสนใจ เหมาะกับคนที่ชอบวิ่งจ้อกกิ้งในสวนทีเดียวค่ะ

สำหรับการเดินทางเนื่องจากอยู่ใจกลางเมืองจึงไปไหนมาไหนได้สะดวกใกล้ย่านรัชดาภิเษก พระราม9 พระราม 4 และสยามสแควร์ แต่การจราจรจะติดขัดหน่อยในช่วงเวลาเร่งด่วน ส่วนของการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ ถือว่าสะดวกทีเดียวเดินออกมาที่ถนนใหญ่ก็สามารถเรียกรถ Taxi ได้และภายในซอยยังมีวินมอเตอร์ไซค์วิ่งรับส่งอยู่ตลอดทั้งวัน ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าเดินไปขึ้นได้สะดวกโดยอยู่ทั้ง BTS นานาและBTS อโศก โดยสถานีนี้เป็นสถานีที่เป็น Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิท ถ้าเราอยากใช้ MRT ก็เดินไปใช้ได้สะดวก

การออกแบบโดยรวมทำออกมาได้ดี ใช้สไตล์ Timeless ในการออกแบบคือผสมกันระหว่างสไตล์ Modern และ Classic ตัวอาคารตกแต่งด้วยโทนสีขาว เทา มีการใช้เส้นสายทำให้ตัวอาคารดูมีมิติและดู Luxury มากขึ้น มีการกั้นโซนส่วน Facility ด้านหน้าโครงการเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน โครงนี้จะเน้นห้องแบบ 1 ห้องนอนเป็นหลัก โดยห้องที่มีจำนวนเยอะที่สุดคือ Type B3A 33.80 ตร.ม. ส่วน Type อื่นๆจะมีอย่างละเล็กน้อยคละกันไป การวางผังห้องเน้นกลุ่มลูกค้าเป็นคนที่ใช้ชีวิตในเมือง นักธุรกิจ หรือชาวต่างชาติ การออกแบบห้องจึงทำเป็นครัวปิดเหมาะกับคนเมืองที่ซื้ออาหารเข้ามาทาน ในห้องจัดเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกันไม่เน้นการกั้นห้องทึบแต่กั้นด้วยกระจกบานเลื่อนบานใหญ่แบบสูงถึงฝ้าเพดานทำให้ห้องดูโปร่งถึงแม้ว่าจะเป็นห้อง Studio หรือ ห้อง 1 ห้องนอน และเราจะได้พื้นที่ระเบียงค่อนข้างกว้างเพราะมีกั้นพื้นที่สำหรับวางคอยล์ร้อนของแอร์แยกต่างหาก สามารถใช้พื้นที่ระเบียงได้เต็มที่ซึ่งการวางผังจะเป็นแบบนี้เกือบทุกห้อง

วัสดุเนื่องจากไม่มีห้องตัวอย่างจึงยังไม่เห็นรายละเอียดอะไรมากมายนัก แต่จากการสอบถามเฟอร์นิเจอร์จะให้แบบ Fully Furnished ให้ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน (Mex) , แอร์ , สุขภัณฑ์ (Grohe) และ เฟอร์นิเจอร์ (Made to order) ส่วนจะได้เฟอร์นิเจอร์กี่ชิ้น หน้าตาเป็นอย่างไรต้องไปสอบถามกับโครงการอีกทีค่ะ

สาธารณูปโภคให้ตามมาตรฐานโครงการระดับนี้คือมีสวนหย่อม สระว่ายน้ำระบบเกลืออยู่ด้านนอกฝั่งหน้าอาคาร มีกั้นแยกโซนด้วย Screen wall เพื่อความเป็นส่วนตัว ด้านในอาคารชั้นล่างมี Lobby ห้องซักรีด และ ฟิตเนสซึ่งฟิตเนสมองออกมาก็จะเห็นวิวสวน ข้อดีของการแยก Facility เอาไว้ข้างล่างคือจะทำให้ลูกบ้านที่อยู่ในอาคารมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่มีชั้นไหนที่ต้องไปแชร์พื้นที่กับพื้นที่ส่วนกลางให้เสียความเป็นส่วนตัว  ส่วนชั้นดาดฟ้ามี Roof Top อยู่อีกจุดหนึ่ง สวนหย่อมที่ให้มาในโครงการนี้ก็เป็นตามมาตรฐานคอนโด Low Rise ทั่วไปแต่เนื่องจากอยู่ติดสวนสาธารณะจึงสามารถเดินไปใช้พื้นที่ได้สะดวก

ดังนั้นโครงการนี้จึงเหมากับคนที่ชอบทำเลใจกลางเมืองหรือทำงานอยู่ในละแวกนี้ จำเป็นต้องใช้รถไฟฟ้าสายหลักอย่าง BTS  เดินไปรถไฟฟ้าได้ในระยะ 650-750 ม. ไม่เน้นว่าจะต้องอยู่ห้องขนาดใหญ่แต่เน้นการจัดพื้นที่ใช้สอยได้ลงตัว ชอบความสงบ ซึ่งถ้าดูจากราคาเริ่มต้น 3.49 ล้านบาท กำลังทรัพย์ในการผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นจะตกอยู่โดยประมาณ  24,000 บาทค่ะ

Venio_Register

โดยโครงการ VENIO สุขุมวิทจะเปิดให้จองครั้งแรกออนไลน์เฉพาะชั้น 2 , 4 ผ่าน Ananda Booking Online ที่นี่ ในวันที่ 22 กันยายน และจะเปิด Pre-sales ในวันที่ 24 กันยายนนี้ สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่ 

สำหรับรีวิวฉบับย่อนี้ยังไม่สามารถสรุปและให้คะแนนได้นะคะ เนื่องจากยังมีข้อมูลรายละเอียดทั้งราคาและเงื่อนไขในการขาย หากโครงการเปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยและมีข้อมูลครบถ้วนแล้วจะนำมาอัพเดตให้ผู้อ่านอีกทีนะคะ

 

ถ้ามีความเห็นว่ารีวิวตัวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้หน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจในการทำรีวิวต่อไป

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )