รีวิวฉบับที่ 1223 … สวัสดีค่ะ วันนี้จะพาไปชมโครงการใหม่จากพฤกษาที่มาเปิดทำเลในย่านบางพลัดกับโครงการ Urbano ราชวิถี คอนโด High Rise วิวแม่น้ำเจ้าพระยาเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในอนาคต โดยใกล้สถานี สิรินธรในระยะเดินได้ง่าย และมาพร้อมกับ Facilities ในชั้น Roof Top ให้ได้ใช้งานพร้อมเสพบรรยากาศแม่น้ำเจ้าพระยากันในมุมสูง อยากรู้ว่าตัวโครงการเป็นอย่างไรตามไปอ่านรีวิวโครงการด้วยกันเลยค่ะ

 

Fact @ 26 October 2016

  • Urbano Rajavithi (เออร์บาโน ราชวิถี)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : เขตบางพลัด
  • คอนโด High Rise 27 ชั้น 323 ยูนิต และร้านค้า 2 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 19 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 161 คันคิดเป็น 50% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น n/a%
  • ที่ดินประมาณ 1-3-1.8 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q4 2016
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : n/a
  • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท หรือประมาณ 97,000 บาท/ตร.ม.
  • 2 Bedrooms 47 – 64.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท
  • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 110,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ ได้ที่: พาชมทำเลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ (ภาพรวม)
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วค่ะ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างค่ะ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.783767, 100.496930

ที่ตั้งโครงการอยู่บนถนนราชวิถีฝั่งขาเข้าเมือง อยู่ระหว่างช่วงแยกบางพลัดและสะพานกรุงธน (ซังฮี้) ใกล้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงต่อขยายบางซื่อ-ท่าพระ สถานี สิรินธร

ทำเลโครงการอยู่ในย่านบางพลัด แต่เริ่มเดิมทีทำเลนี้เป็นย่านที่เป็นชุมชนขนาดใหญ่มาแต่ดั้งเดิม ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเป็นโครงการแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวตามตรอกซอกซอย และตึกแถวหน้าถนนใหญ่ ซึ่งปัจจุบันพอมีระบบรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งบนเส้นจรัญสนิทวงศ์นี้ก็ทำให้มีรูปแบบการพักอาศัยที่หลากหลายมากขึ้น อย่างคอนโด High Rise ที่อยู่ติดถนนใหญ่ และ Low Rise ในซอยย่อย เพื่อมาเกาะรางรถไฟฟ้าเส้นใหม่นี้ด้วย

ความสำคัญของทำเลนี้คือมีตัวเลือกในการเดินทางที่หลากหลาย ซึ่งจะเป็นกลุ่มคนที่ขับรถหรือเน้นการเดินทางด้วยระบบรถสาธารณะก็มีความสะดวกเช่นกันค่ะ อย่างการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวนั้นหากวิ่งเข้าเมืองก็ง่าย ขึ้นสะพานกรุงธนข้ามเข้าฝั่งพระนคร ขับตรงไปอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้เลย หรือขึ้นทางด่วนศรีรัชบริเวณแยกยมราช นอกจากนี้ยังมีทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ที่เปิดให้บริการสำหรับคนในย่านฝั่งธนฯ ได้ใช้กันแล้ว ซึ่งสามารถลดการจราจรที่ติดขัดในย่านนี้ได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว สำหรับทางพิเศษนี้จะเริ่มต้นเส้นทางจากบริเวณทางเชื่อมกับถนนวงแหวนรอบนอกตะวันตก ยาวมาเรื่อยๆ ตามแนวรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ไปบรรจบกับทางพิเศษศรีรัช โดยจะมีทางขึ้น-ลงที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ ทางขึ้น-ลงบางบำหรุ ซึ่งเชื่อมเข้าถนนสิรินธรแล้วมุ่งหน้าตรงมาถนนราชวิถีได้เลย

ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถ ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะทำเลนี้อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า สถานีสิรินธร โดยมีระยะห่างประมาณร้อยกว่าเมตรบวกลบนิดหน่อย แต่ยังไม่สามารถกำหนดระยะชัดเจนได้เนื่องจากว่ายังไม่ทราบตำแหน่งขาขึ้น-ลงชัดเจนนะคะ ซึ่งจากที่เช็คกับเว็บไซต์รฟม. ตำแหน่งสถานีจะอยู่บริเวณแยกบางพลัดนี้แหละค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นระยะห่างประมาณ 1xx ม.นี้ก็ถือว่าอยู่ในระยะที่เดินได้ง่ายแน่นนอน และนอกจากนี้ยังมีอีกตัวเลือกในการเดินทางสำหรับคนที่ทำงานแถบศิริราช ไปจนถึงสาทร คือการเดินทางด้วยเรือด่วนเจ้าพระยา ซึ่งท่าเรือจะอยู่บริเวณช่วงใต้สะพานกรุงธน มีระยะห่างจากโครงการไปประมาณ 600 ม. ซึ่งเป็นระยะที่เลยระยะเดินได้สบายไปหน่อย แต่สำหรับใครที่ฟิตๆ หน่อยก็ยังพอเดินได้ ไม่งั้นก็อาจจะเลือกนั่งพี่วินไปลงตรงท่าเรืออีกต่อก็ไม่ยากค่ะ

หากใครมองหาแหล่งศูนย์การค้า ไว้เดินเล่นในวันหยุดไม่ต้องเข้าเมืองไกลก็ถือว่ามีให้เลือกเดินอยู่พอสมควรในละแวกนี้ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่บนถนนบรมราชชนนี ซึ่งมีทั้งศูนย์การค้า Community Mall และ Hyper Market วัดระยะแล้วจะอยู่ห่างจากโครงการไปประมาณ 3-4 กม. ถือว่าเป็นระยะที่ขับรถหรือนั่งแท็กซี่ไปได้ไม่ยากค่ะ หรือจะขยับเข้ามาใกล้โครงการอีกหน่อยก็จะมีห้างตั้งฮั่วเส็งบนถนนสิรินธรให้ไปเดินเล่นกันได้เช่นกัน

คลิกเพื่อชมภาพขนาดใหญ่

ซูมเข้ามาใกล้กับโครงการมากขึ้น เมื่อพูดถึงความอุดมสมบูรณ์ถือว่าหายห่วง เพราะอยู่ใกล้ตลาดใหญ่ อย่างตลาดกรุงธน มีร้านอาหาร Street Food เป็นแบบรถเข็นขายกันคึกคักมากเกือบตลอดฝั่งถนน รวมทั้งยังมีร้านอาหารใต้ตึกแถวที่เปิดให้เลือกซื้อเลือกกินกันค่อนข้างมากในราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า แต่หากวันไหนอยากจะกินเป็นมื้อพิเศษ หรู และได้บรรยากาศดีขึ้นมาหน่อย ก็ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะแถบริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีร้านอาหาร สวนอาหาร ให้เลือกกินชิลๆ กันพอสมควรค่ะ

สำหรับการเดินทางของวันนี้จะขอเน้นไปที่คนที่ใช้ทางด่วนเป็นหลัก หรือคนที่มาจากในเมือง โดยเราจะเริ่มต้นบนทางด่วนลงแยกยมราชแล้วตรงเข้าถนนพิษณุโลก เลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่ 5 บริเวณแยกพาณิชยการ และเลี้ยวซ้ายอีกทีเข้าถนนราชวิถีในบริเวณแยกราชวิถี จากนั้นขับตรงข้ามสะพานกรุงธน เมื่อลงสะพานมาแล้วให้เบี่ยงซ้ายเตรียมกลับรถ โดยโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือห่างจากจุดกลับรถไปประมาณ 85 ม.

เริ่มต้นเส้นทางกันบนทางด่วนศรีรัช ช่วงมุ่งหน้าไปยังยมราชนะคะ

เราจะวิ่งตามเส้นทางป้ายยมราชมาเรื่อยๆ บริเวณนี้จะเป็นจุดลงไปแยกยมราชค่ะ

ลงทางด่วนมาจะเจอกับแยกยมราชที่เป็นจุดบรรจบกับถนนพิษณุโลกและถนนหลานหลวง โดยเราจะมุ่งหน้าไปทางถนนพิษณุโลกกันนะคะ

ขับตรงมาบนถนนพิษณุโลกกันแล้วด้านข้างจะเห็นโรงพยาบาลมิชชั่น

บนถนนเส้นนี้มีสถานศึกษาค่อนข้างเยอะ ทั้งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล พระนคร, โรงเรียนราชวินิต มัธยม, มหาวิทยาลัยนานาชาติเอเชีย-แปซิฟิก และฝั่งขวามือฝั่งเดียวกับโรงเรียนราชวินิต มัธยมก็เป็นที่ตั้งของสนามม้านางเลิ้ง (ราชตฤณมัยสมาคม) ซึ่งนิยมใช้แข่งม้ากัน

มุ่งหน้าตรงมาอีกหน่อยถึงแยกพาณิชยการแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนพระรามที่ 5

เลี้ยวเข้ามาถนนพระราม 5 แล้ว จะเห็นว่าถนนนี้เป็นถนนเส้นเล็กๆ ด้านข้างเต็มไปด้วยต้นไม้รายล้อมตลอดเส้น เป็นบรรยากาศที่ร่มรื่นดีมากๆ ทีเดียวค่ะ หลังจากชื่นชมบรรยากาศแล้วเราก็มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ผ่านจุดตัดกับถนนศรีอยุธยาซึ่งเป็นถนนเส้นคู่ขนานกับถนนราชวิถี วิ่งไปบรรจบกับถนนสามเสนและถนนจตุรทิศ

ผ่านแยกที่ตัดกับถนนศรีอยุธยามาแล้วมาเจออีกแยกนึงก็จะเป็นแยกราชวิถีแล้วค่ะ โดยเราจะเลี้ยวซ้ายเพื่อตรงไปยังฝั่งธนฯ ข้ามสะพานกรุงธนกัน

ถนนราชวิถีนี้มีความสำคัญคือเป็นถนนที่มีเส้นทางเชื่อมระหว่างในเมืองฝั่งพระนครและฝั่งธนฯ โดยเริ่มต้นจากแยกสามเหลี่ยมดินแดงผ่านอนุสาวรีย์ชัยฯ และข้ามไปยังฝั่งธนฯด้วยสะพานกรุงธน ไปบรรจบกับถนนจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญของฝั่งธนฯ และถนนสิรินธรบริเวณแยกบางพลัด และด้วยความที่เป็นถนนที่เชื่อมฝั่งธนเข้าไปยังในเมืองของฝั่งพระนครได้ บนถนนเส้นนี้ก็จะค่อนข้างมีปริมาณรถหนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วนพอสมควร และสำหรับเขตดุสิตนี้จะเป็นเขตพระราชฐานมีทั้งพระราชวัง รัฐสภาและเป็นที่ตั้งของกระทรวงต่างๆ ดังนั้นพื้นที่แถบนี้จะไม่สามารถขึ้นที่อยู่อาศัยใหม่อย่างคอนโดมิเนียมได้นะคะ ดังนั้นคอนโดและที่อยู่อาศัยอื่นๆ ก็มักจะไปขึ้นบนฝั่งธนฯ กันแทน

กลับมาที่รูปกันต่อนะคะ หลังจากที่เราเลี้ยวเข้าถนนราชวิถีมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยจะผ่านสวนสัตว์ดุสิต ซึ่งเป็นสวนสัตว์เก่าแก่เปิดให้เข้าชมมานานหลายปีแล้ว ส่วนอีกฝั่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนวชิราวุธ โรงเรียนชายล้วนชื่อดังในย่านนี้

ตรงมาอีกหน่อยก็จะเจอแยกอู่ทองใน เป็นสามแยกที่ตัดเข้าถนนอู่ทองใน ซึ่งเป็นถนนสายเล็กๆ ตรงไปยังพระบรมรูปทรงม้าและทะลุออกถนนศรีอยุธยาที่เป็นถนนคู่ขนานได้ค่ะ

จากแยกอู่ทองในถัดมาก็จะเป็นทางเข้ารัฐสภาแล้วค่ะ ฝั่งตรงข้ามเป็นถนนพิชัยซึ่งจะไปตัดกับถนนสุโขทัยและถนนนครไชยศรี จะเห็นว่าถนนในย่านนี้มีถนนย่อยเยอะมาก เพื่อลัดเข้าถนนต่างๆ ได้เยอะทีเดียว ใครไม่คุ้นชินแถบนี้ก็จะค่อนข้างงงหน่อย แต่เส้นทางไปโครงการนี้เราจะไม่หลงแน่นอนเพราะเราจะตรงไปเรื่อยๆ บนถนนราชวิถีนี่แหละค่ะ

เลยจากรัฐสภาก็เป็นพระราชวัง พระที่นั่งวิมานเมฆ มีรั้วกั้นสวยงามมาก

เลยจากพระที่นั่งวิมานเมฆแล้วจะเจอแยกการเรือน ซึ่งตัดกับถนนนครราชสีมา

ถัดมาก็จะเป็นมหาวิทยาลัยสวนดุสิต บริเวณนี้จะคึกคักหน่อยเพราะเป็นเขตมหาวิทยาลัยมีนักศึกษานักเรียนค่อนข้างเยอะ ด้านฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นอาคารสำนักงานต่างๆ และมีร้านค้าขายอาหาร ของกินค่อนข้างคึกคัก

ตรงมาอีกหน่อยก็จะขึ้นสะพานกรุงธนกันแล้วค่ะ และบริเวณใต้สะพานก็จะมีจุดกลับรถ

เราขึ้นสะพานกรุงธนหรือสะพานซังฮี้กันต่อเพื่อข้ามไปยังฝั่งธนฯกันนะคะ สำหรับสะพานซังฮี้นี้เป็นสะพานหลักของทำเลโครงการและคนในละแวกย่านบางพลัดที่จะใช้เชื่อมเข้าในเมืองฝั่งพระนคร ดังนั้นสะพานนี้ก็จะค่อนข้างขึ้นชื่อเรื่องรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนเหมือนกันนะ ใครที่ทำงานฝั่งพระนครนั้นก็ควรจะเผื่อเวลาในการเดินทางด้วยนะคะ

ข้ามฝั่งกันมาแล้ว ขับตรงมาอีกหน่อยจะมีสะพานลอยข้ามแยกบางพลัดนะคะ แต่โครงการจะถึงก่อนบางพลัด ดังนั้นเราจะเบี่ยงเข้าเลนซ้ายไม่ขึ้นสะพานข้ามแยกนะ

บรรยากาศบริเวณนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารตึกแถวสมัยดั้งเดิม มีความคึกคักและมีความอุดมสมบูรณ์สูง เพราะอยู่ในแหล่งที่อยู่อาศัยเก่าแก่และมีตลาดกรุงธนถัดไปไม่ไกล ส่วนบริเวณทางขึ้นสะพานข้ามแยกนี้จะมีทางเข้าเล็กๆ ที่มีไปรษณีย์ บางพลัดอยู่ด้านหน้า ตรงนี้จะเป็นทางเข้า-ออกโรงเรียนเขมะสิริอนุสรรณ์ โรงเรียนหญิงล้วนชื่อดังในย่านนี้ค่ะ

ถัดมาอีกหน่อยเป็น Mini BigC ให้ข้ามถนนมาซื้อของใช้ของกินเล็กๆ น้อยๆ กันได้ค่ะ

ก่อนจะถึงแยกบางพลัดแถบนี้จะคึกคักมากเพราะอยู่ใกล้กับตลาดกรุงธนด้านในแล้ว ด้านหน้าริมฝั่งถนนก็มีร้านค้าขายอาหารทั้งใต้ตึกแถวและร้านรถเข็นให้เลือกซื้อของเข้าไปกินได้ ถือเป็นทำเลที่หาของกินได้ง่ายและเดินใกล้ๆ ไม่ต้องขับรถไกล เหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตในคอนโด ซึ่งไม่ได้เน้นการทำอาหารมากนักค่ะ เมื่อเราขับมาถึงบริเวณนี้ก่อนแยกบางพลัดข้างหน้าก็จะเห็นจุดกลับรถกันแล้ว

เมื่อกลับรถมาก็ให้เบี่ยงซ้ายได้เลยค่ะ โดยตัวโครงการจะอยู่ห่างจากจุดกลับรถไปประมาณ 85 ม. เป็นระยะที่เบี่ยงรถเข้าได้ไม่ยากค่ะ และไม่ต้องกลับรถไกล

และแล้วเราก็เข้ามาถึงที่ตั้งโครงการแล้วนะคะ สำหรับถนนทางเข้า-ออกนี้ต่อไปจะเป็นจุดทางเข้า-ออกหลักของโครงการค่ะ ซึ่งทางซ้ายปัจจุบันเป็นที่ตั้ง Sale Office ก็จะเปลี่ยนเป็นพื้นที่สวนหน้าโครงการ และด้านขวานั้นเป็นส่วนที่ตั้งอาคารค่ะ

ปัจจุบันตัวโครงการมีการล้อมรั้วเตรียมปรับหน้าดินเพื่อก่อสร้างไว้เรียบร้อย

เข้าไปดูในไซท์โครงการกันบ้างนะคะ ทางด้านหลังของโครงการนั้นจะเป็นชุมชนบ้านเดี่ยวสูงไม่เกิน 2 ชั้น ดังนั้นเรื่องของวิวนั้นจะไม่ถูกบล็อกแน่นอน

ในฝั่งทิศตะวันออกอยู่ติดกับอพาร์ทเม้นท์ริเวอร์ วิลล์สูง 8 ชั้น ซึ่งก็จะมีความสูงเทียบเท่ากับจำนวนชั้นจอดรถของโครงการพอดีค่ะ โดยชั้นห้องพักอาศัยนั้นจะเริ่มจากชั้น 9 – 24 ดังนั้นหากความสูงในแต่ละชั้นของโครงการและอพาร์ทเม้นท์มีความสูงพอๆ กันนั้น ห้องพักในทิศตะวันออกชั้น 9 ก็จะไม่ถูกบล็อกวิวค่ะ ส่วนชั้น 9 ขึ้นไปก็ไม่ต้องห่วงเพราะได้วิวเปิดโล่งแล้วค่ะ

เส้นทางที่ 2 ที่เราจะพาไปจะเป็นเส้นทางที่เดินไปยังสถานีสิรินธรในอนาคตนะคะ แต่ยังไม่คอนเฟิร์มนะว่าเป็นเส้นทางนี้แน่นอนหรือไม่ เพราะอาจจะมีขาขึ้น-ลง ข้ามมายังฝั่งเดียวกับโครงการเลย ก็จะสามารถลดระยะการเดินทางและเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น ไม่ต้องข้ามถนนค่ะ เอาเป็นว่าเราลองเดินไปดูกันค่ะ ว่าบรรยากาศโดยรอบเส้นทางนี้จะเป็นอย่างไร

จากทางเท้าหน้าโครงการ มีความกว้างพอสมควรให้เดินได้สบายๆ ด้านข้างตลอดทางก็เป็นร้านค้าต่างๆ ใต้ตึกแถว

ถัดไปไม่กี่ตึกแถวก็จะเห็นร้านอาหาร อย่างร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านซาลาเปา ร้านข้าวต่างๆ ให้เลือกซื้อเลือกกินกันในราคาย่อมเยา สบายกระเป๋าค่ะ

ถัดมาอีกหน่อยจะมีทางม้าลายให้ข้ามไปอีกฝั่ง ซึ่งก็จะมีร้านค้าขายอาหาร และตลาดกรุงธนด้วย บรรยากาศจะคึกคักกว่าฝั่งนี้อยู่หน่อย แต่ถ้าเราจะเดินตรงไปก็จะเป็นแยกบางพลัด ซึ่งถ้าในอนาคตสถานีรถไฟฟ้าสิรินธรทำสะพานข้ามมายังฝั่งนี้ก็จะเป็นเส้นทางหลักที่เราจะใช้เดินกันแทนการข้ามไปยังอีกฝั่ง แต่เดี๋ยววันนี้เราจะพาข้ามทางม้าลายกันก่อนนะคะ

การข้ามทางม้าลายนั้นจะข้ามทั้งหมด 2 ต่อ เพราะมีเกาะกลางคั่นอยู่ บรรยากาศในฝั่งนี้ก็จะเป็นตึกแถวอายุอานามพอๆ กับอีกฝั่ง หากเลี้ยวซ้ายไปก็จะไปทางตลาดกรุงธน ซึ่งเป็นตลาดสดขนาดใหญ่ของละแวกนี้ แต่เดี๋ยวเราจะข้ามถนนแล้วเลี้ยวไปทางขวามุ่งหน้าไปทางแยกบางพลัดกันนะ

เดินมาอีกนิดหน่อย ใกล้จะถึงแยกบางพลัดแล้วก็จะเริ่มเห็น Barrier สีส้มแสดสดใสและป้ายให้เลี่ยงเส้นทางเนื่องจากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินกันอยู่

เดินเลี้ยวเข้ามาบนถนนจรัญสนิทวงศ์กัน จะเห็นความคืบหน้าของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในช่วงสถานีสิรินธร ว่ามีการวางตอม่อและเสาเพื่อรองรับระบบรางรถไฟฟ้ากันแล้ว โดยกำหนดการของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจะแล้วเสร็จประมาณ 2562 ซึ่งก็น่าจะทันใช้ตอนโครงการเสร็จพร้อมโอนนะคะ

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะคะ

สภาพแวดล้อมโดยรอบโครงการส่วนใหญ่เป็นชุมชนดั้งเดิม ทั้งบ้านเดี่ยวและตึกแถว มีความสูง 1-2 ชั้น จะมีแต่ทางทิศตะวันออกที่ติดกับอพาร์ทเม้นท์สูง 8 ชั้นค่ะ โดยรวมถือว่าเป็นตึกสูงไม่กี่ตึกในย่านนี้ ดังนั้นเรื่องของวิวจะเปิดโล่งในทุกๆ ทิศ เพราะถึงแม้ว่าจะมีอพาร์ทเม้นท์ 8 ชั้นด้านข้างก็ไม่ได้บล็อกวิวแต่อย่างใด เพราะชั้นห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 9 ขึ้นไปค่ะ

  • ทิศเหนือ : ชุมชนบ้านเดี่ยว สูง 1-2 ชั้น
  • ทิศตะวันออก : อพาร์ทเม้นท์ รีเวอร์ วิลล์ สูง 8 ชั้น
  • ทิศใต้ : ถนนราชวิถี, Mini BigC, ตลาดกรุงธน และตึกแถว
  • ทิศตะวันตก : ตึกแถวสูง 2 ชั้น

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • ตลาดกรุงธน ~150 ม.
  • โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ~300 ม.
  • โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์คอนแวนต์ ~1.8 กม.
  • โรงเรียนเซนต์คาเบรียล ~2 กม.
  • ตั้งฮั่วเส็ง ~2.1 กม.
  • พาต้าปิ่นเกล้า ~2.4 กม.
  • เมเจอร์ปิ่นเกล้า ~2.4 กม.
  • เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ~4.4 กม.
  • โรงพยาบาลวชิระ ~2.6 กม.
  • โรงพยาบาลยันฮี ~2.8 กม.


เจาะลึกตัวโครงการ

โครงการ Urbano ราชวิถี คอนโด High Rise วิวแม่น้ำเจ้าพระยา บนถนนราชวิถี อยู่ระหว่างแยกบางพลัดกับสะพานกรุงธน ตัวโครงการมีความสูงทั้งหมด 27 ชั้น ในชั้น 1 เป็นส่วน Lobby และที่จอดรถ โดยชั้นจอดรถจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 1-8 ส่วนชั้น 9-24 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด และสำหรับส่วน Facilities ของโครงการจะอยู่ในชั้นบนสุด 25-27 เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้ Facilities พร้อมกับชมวิวมุมสูงดูแม่น้ำเจ้าพระยาไปได้ด้วยค่ะ

ดูจาก Model โครงการกันนะคะ ที่ดินโครงการมีขนาดประมาณ 1 ไร่กว่า ลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หันด้านยาวขนานไปกับถนนราชวิถี มีทางเข้า-ออกอยู่ทางเดียวด้านหน้าเยี่ยงไปทางซ้ายมือ เข้ามาภายในโครงการจะมีสวนอยู่ด้านข้าง และอีกฝั่งเป็นส่วน Drop-Off เข้าไปยัง Lobby โครงการด้านใน และถัดมาจากส่วน Drop-Off นั้นจะเป็นร้านค้าภายในโครงการมีทั้งหมด 2 ยูนิต

สำหรับห้องพักในฝั่งทิศตะวันตกเฉียงใต้ที่หันหน้าไปทางถนนพระราม 8 นั้นส่วนใหญ่ตรงกลางจะเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดเล็กสุดของโครงการ มีห้อง 2 Bedroom(A) อยู่ฝั่งซ้ายสุดเป็นห้องมุม และทางฝั่งขวาซึ่งจะอยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้นนั้นจะมีห้อง 2 Bedroom(B) อยู่ตรงกลางระหว่างห้อง 1 Bedroom และ 2 Bedroom(D) ขนาดใหญ่สุด 64.5 ตร.ม. ถึงแม้ว่าห้อง 2 Bedroom(B) จะมีขนาดเท่ากับห้อง 2 Bedroom(A) นั้นแต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่นะคะ อย่างห้อง 2 Bedroom(A) จะได้เปรียบในเรื่องของความเป็นห้องมุมได้วิว 2 ด้าน ส่วน 2 Bedroom(B) นั้นจะเป็นห้องที่อยู่ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยามากกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับใครที่ให้ความสำคัญกับจุดเด่นไหนมากกว่ากันนะคะ ส่วนห้องขนาดใหญ่สุดอย่างห้อง 2 Bedroom(D) นี้เป็นห้องเด่นของโครงการเพราะหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาและเป็นห้องมุมได้วิวทั้ง 2 ทิศด้วย

พูดถึงห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้กันบ้างนะคะ จะเป็นห้องที่ได้รับแดดค่อนข้างมากกว่าทิศอื่นๆ แต่ก็แลกมากับทิศทางของลมที่ค่อนข้างดี หากต้องการระบายอากาศหรือระบายความร้อนภายในห้องบ้าง

ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ หันหน้าไปทางแยกบางพลัด จะมีห้องที่ได้ทิศนี้เพียงห้องเดียวคือ 2 Bedroom(A) ส่วนอีกฝั่งนั้นเป็นโถงลิฟต์โดยสารของโครงการค่ะ

อีกทิศคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่หันหน้าไปทางสะพานพระราม 6 ซึ่งการวางห้องก็จะคล้ายกับทิศใต้ คือมีห้อง 1 Bedroom อยู่ตรงกลางและวางห้อง 2 Bedroom ไว้ด้านที่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา และสำหรับห้องในทิศเหนือจะไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องของแดดมากนัก เมื่อเทียบกับทิศอื่นๆ

และทิศสุดท้ายคือทิศ Hilight ของโครงการ นั่นก็คือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งหันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ ทิศนี้จะมีแต่ห้องขนาดใหญ่ 2 Bedroom ชั้นละ 2 ห้องเป็นห้องมุม ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาชัดเจนตั้งแต่ชั้น 9 ไปจนถึงชั้น 24 เลย แต่ก็จะมีสเน่ห์แตกต่างกันนะคะ อย่างในชั้นล่างๆ หน่อยก็จะรู้สึกใกล้ชิดกับแม่น้ำเจ้าพระยามากกว่าห้องชั้นบน  ส่วนห้องชั้นบนๆ ก็จะได้วิวมุมสูงขึ้น นอกจากจะเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วก็จะเห็นแสงสีในฝั่งพระนคร บนเขตดุสิตที่เขตพระราชฐาน มีพระราชวัง และกระทรวงต่างๆ ด้วยค่ะ

ขึ้นมาที่ชั้น 25-27 เป็นชั้น Facilities หลักของโครงการ โดยประกอบไปด้วย Infinity Edge Pool และ Relaxing Deck, Sky Gym หรือห้องออกกำลังกายที่สามารถชมวิวมุมสูงได้, Cubic Hub หรือห้องอเนกประสงค์ มีทั้งพื้นที่นั่งเล่น พื้นที่ทำงาน และ Mini Bar ให้นั่งเล่นพักผ่อนชิวๆ และ ในชั้นบนสุดจัดให้เป็น Rooftop Garden หรือเป็นสนามหญ้าทั้งชั้นในเดินเล่นสูดอากาศพร้อมชมวิวในมุมสูงได้ดี

อีกฝั่งนึงหรือด้านทิศเหนือ มีห้อง Sky Lounge และ มุมสวนอีกจุดให้ได้นั่งเล่นกันเพลินๆ

ส่วนสระว่ายน้ำนั้นจะหันหน้าไปฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาที่เป็นวิวขายของโครงการและด้วยสระแบบ Infinity Edge Pool นั้นก็ให้ความรู้สึกถึงผืนน้ำจากสระว่ายน้ำที่เชื่อมต่อกับวิวภายนอกได้ดี ลักษณะของสระเป็นรูปตัว U มีขนาดความกว้างมากสุดอยู่ที่ 15 ม และความยาวมากสุดที่ 20 ม. ก็ถือว่าเป็นขนาดที่สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้ค่ะ

จาก Model แล้วเรามาดูรูป Perspective โครงการกันหน่อย จากรูปนี้เป็นรูปทัศนียภาพจำลองภายใน Lobby ตกแต่งในสไตล์ Modern ภายใต้แนวคิด “Revitalize Urban Living” เน้นโทนเทาดำ เรียบหรู บริเวณนี้วางชุดเฟอร์นิเจอร์ไว้นั่งเล่น หรือนั่งคอยได้

มาดูที่ Master Plan กันบ้างนะคะ ที่ดินโครงการรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีเนื้อที่ดินทั้งหมด 1-3-1.8 ไร่ เริ่มจากทางเข้า-ออกโครงการจะอยู่ติดถนนราชวิถีฝั่งขาเข้าเมือง มุ่งหน้าไปสะพานซังฮี้ ตรงเข้ามาจะเป็นถนนล้อมตัวโครงการไว้ แบ่งเป็น 2 เลนสวนกัน มึที่จอดรถในชั้นนี้ประมาณ 14 คัน สำหรับผู้เข้ามาติดต่อโครงการ และส่วนด้านหลังโครงการก็เหมาะเป็นที่จอดรถสำหรับ Loading ของเข้าภายในอาคาร ก่อนขึ้นไปสู่ที่จอดรถชั้นบน 2-8 สำหรับจำนวนที่จอดรถทั้งหมดอยู่ที่ 161 คัน คิดเป็น 50% ซึ่งถือว่าให้มาระดับนึงไม่มากไม่น้อยไป เมื่อหักลบกับการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ อย่างรถไฟฟ้า ส่วน Facilities ในชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สวนด้านข้างค่ะ จาก Master Plan แล้วก็ดูให้มาพอสมควร ถ้ามีการจัดที่นั่งเล่นหรือต้นไม้ใหญ่ให้ดูร่มรื่นน่าใช้งานก็จะเหมาะกับการมาพักผ่อนเดินเล่นได้ดีค่ะ

เข้ามาภายในอาคารจากจุด Drop Off จะเป็นส่วน Lobby เล็กๆ เชื่อมกับ Mail Box และโถงลิฟต์โดยสารด้านซ้ายบน ส่วนด้านข้างกับ Lobby แต่อยู่ภายนอกทางเข้า Lobby ก็คือร้านค้าอีก 2 ยูนิตค่ะ โดยแยกทางเข้าร้านค้าออกชัดเจนจาก Lobby เพราะเผื่อคนภายนอกเข้ามาจับจ่ายซื้อของกับร้านค้าในโครงการก็ไม่สามารถเข้ามาภายใน Lobby ได้

ขึ้นมาที่ชั้น 9-24 เป็นชั้นพักอาศัยทั้งหมด มีจำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 19 ยูนิต จัดวางตำแหน่งห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ไว้ตรงกลางให้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนห้องมุมฝั่งทิศตะวันออกเฉียงใต้ที่หันหน้าไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาจะเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่สุด 64.5 ตร.ม. โดยถูกคั่นออกจากห้องอื่นๆ ด้วย Corridor สั้นๆ สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้อง 2 Bedroom(D) 64.5 ตร.ม. ได้ดีมากขึ้น ถัดมาเป็นห้อง 2 Bedroom(C และ B) ขนาด 47.5 ตร.ม. อยู่ระหว่างห้อง 1 Bedroom และ ห้อง 2 Bedroom(D) สำหรับห้องนี้ถึงแม้จะไม่ได้เป็นห้องมุมที่สามารถมองวิวได้ 2 ทางแต่ก็ถือว่ายังเป็นห้องมุมที่ติดกับห้องอื่นๆ เพียงด้านเดียว ซึ่งก็มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าห้องกลางปกติค่ะ อีกฝั่งคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือจะมีห้องมุมเพียงห้องเดียวคือ 2 Bedroom(A) 47.5 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้อง 2 Bedroom 47.5 ตร.ม. แบบเดียวที่ได้ห้องมุมได้วิว 2 ฝั่ง และอยู่ใกล้กับลิฟต์โดยสาร แต่ก็แลกกับวิวแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่ไกลออกไปหน่อย

การจัดวาง Corridor แบบนี้นั้นทำให้ช่องทางเดินค่อนข้างโปร่งโล่ง เพราะมีช่องแสงเข้ามาค่อนข้างมาก รวมทั้งระบายอากาศภายในโถงทางเดินได้ดีด้วยค่ะ ในส่วนของตำแหน่งโถงลิฟต์โดยสารนี้จะอยู่ฝั่งทิศตะวันตกสุดปลายทางเดินเลย ทำให้ห้องพักอีกฝั่งเดินค่อนข้างไกลพอสมควรและเสียพื้นที่สำหรับทำห้องมุมเพิ่มได้อีกห้องไปด้วย สำหรับอัตราส่วนลิฟต์ของโครงการนี้อยู่ที่ 107.7 : 1 ถือว่ามีความหนาแน่นอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานค่ะ

วิวโครงการนี้ก็เป็นอีกจุดขายนึงของโครงการนี้เช่นเดียวกันนะคะ ดังนั้นแล้วเราจึงได้ไปเก็บภาพวิวจากโดรนกันมาให้ผู้อ่านได้เห็นกันก่อน ว่าวิวเมื่อตึกเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง

ทิศ A หรือ ตะวันออกเฉียงใต้ ทิศที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานซังฮี้และข้ามไปฝั่งพระนครเขตดุสิตซึ่งเป็นเขตพระราชฐาน ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวัง กระทรวงและโรงเรียนและเขาดินค่ะ และเลยไปไกลสุดสายตาจะเห็นพื้นหลังเป็น Skyline ตึกสูงในเมือง ซึ่งในยามค่ำคืนฝั่งนี้จะมีสีสันให้เห็นค่อนข้างมากกว่าวิวฝั่งธนฯ

ทิศ B หรือ ตะวันตกเฉียงใต้ หันไปทางถนนพระราม 8 ส่วนใหญ่เป็นวิวสภาพแวดล้อมในย่านจรัญสนิทวงศ์นะคะ ที่ภายในซอยเล็กซอยน้อยยังคงเป็นชุมชนดั้งเดิม อยู่อาศัยกันมานาน ไม่มีโครงการตึกสูงมาบังวิวมากนัก ทำให้ได้วิวที่เปิดโล่งมาออกไปได้ไกลสุดสายตา สำหรับจุดเด่นของทิศนี้เลยคือวิวสะพานพระราม 8 ที่เป็นอีกสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับสะพานกรุงธน (สะพานซังฮี้)

ทิศ C หรือ ตะวันตกเฉียงเหนือ วิวในทิศนี้จะหันหน้าไปทางแยกบางพลัดที่ตัดถนนจรัญสนิทวง์และถนนสิรินธร วิวของทิศนี้ส่วนใหญ่เป็นวิวชุมชนดั้งเดิมเห็นเป็นโครงการแนวราบเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็พอจะเห็นอาคารสูงอย่างคอนโดเกิดขึ้นติดถนนจรัญสนิทวงศ์เรื่อยๆ ตามตำแหน่งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินค่ะ และนอกจากนี้ก็จะเป็นแสงสีจากท้องถนนอย่างถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนสิรินธร เลยไปถึงทางด่วนใหม่ที่พึ่งเปิดได้ไม่นานอย่างทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้วย

และทิศ D หรือ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จากรูปมองให้ไปทางซ้าย ฝั่งสะพานพระราม 7 นะคะ โดยรวมทิศนี้จะเป็นโครงการแนวราบซึ่งเป็นชุมดั้งเดิมเช่นเดียวกับทิศอื่นๆ ในฝั่งธนฯ แต่อีกจุดเด่นคือได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงโค้งแม่น้ำและสะพานพระราม 7 ไกลๆ ด้วยค่ะ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • Infinity Edge Pool + Relaxing Deck
  • Sky Fitness
  • Sky Lounge
  • Cubic Hub

  • Living Area
  • Working Station
  • Mini Bar

  • Rooftop Garden
  • สวนหย่อมรอบโครงการ
  • ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว
  • อัตราส่วนลิฟท์ 107.7 :  1
  • Service Lift 1 ตัว
  • ที่จอดรถประมาณ 161 คันคิดเป็น 50%
  • ระบบ CCTV / Access Card

  • Product Walkthrough

    ตัวโครงการมีรูปแบบการขายคือ Fully Fitted โดยจะได้ส่วน Pantry ครัวและห้องน้ำตามห้องตัวอย่างเลยค่ะ นอกนั้นจะเป็นพื้นที่เปล่า โดยลูกบ้านสามารถหาซื้อเฟอร์นิเจอร์ได้เอง ตามความชอบและสไตล์ของแต่ละบุคคล ซึ่งก็ต้องเผื่องบประมาณในส่วนเฟอร์นิเจอร์และค่าตกแต่งห้องต่างๆ ไว้ด้วยส่วนนึงนะคะ

    ห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูห้องแรกคือห้องที่มีจำนวนมากที่สุดในโครงการเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. เหมาะสำหรับอยู่อาศัย 1-2 คน มีฟังก์ชันครบและจัดโซนได้เป็นสัดส่วนชัดเจน เน้นพื้นที่นั่งเล่นค่อนข้างใหญ่ โดยรวมเป็นพื้นที่รับประทานอาหารไว้ด้วย ส่วนพื้นที่ห้องนอนจะมีขนาดเล็กลงมาหน่อยเมื่อเทียบกับส่วนนั่งเล่นกั้นด้วยประตูบานเลื่อนเป็นสัดส่วน ฝั่งปลายเตียงวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องสำอางไม่มีที่ว่างสำหรับแขวนทีวีนะคะ ข้างเตียงเป็นระเบียงที่สามารถออกมาชมวิวสูดอากาศภายนอกได้จริง เพราะมีการแยกส่วนระเบียงซักล้างไว้ต่างหากเรียบร้อย ครัวที่ได้เป็นครัวปิดเหมาะกับการทำอาหารได้ดีระดับนึงค่ะ ส่วนห้องน้ำของห้องนี้จะมีพื้นที่ค่อนข้างเล็กแต่มีการแบ่งส่วนเปียกส่วนแห้งได้เป็นสัดส่วนดีค่ะ

    จากด้านหน้าห้องเข้ามาจะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ด้านในสุดเป็นส่วนห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน ตัวห้องจะค่อนข้างโปร่งโล่งด้วยความสูงฝ้าเพดาน 2.8 ม.

    พื้นห้องยกระดับขึ้นมาจากพื้นโถงทางเดินเล็กน้อย สามารถกันฝุ่นจากพื้นโถงทางเดินได้ระดับนึงค่ะ ส่วนพื้นภายในห้องนั้นเป็นพื้นลามิเนตจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป เฉดสีพื้นได้เหมือนตามห้องตัวอย่าง

    ในส่วนพื้นที่นั่งเล่นนั้นมีขนาดค่อนข้างใหญ่ 3.4 x 3.2 ม. รวมพื้นที่รับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นไว้ด้วยกัน ส่วนระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาอยู่ที่ประมาณ 3 ม. สามารถวางทีวีขนาดใหญ่ได้ถึง 60″ เลยค่ะ

    สำหรับฝั่งที่วางชุดโซฟาและโต๊ะรับประทานอาหาร สามารถสลับที่กันเพื่อให้โต๊ะรับประทานอาหารอยู่ใกล้กับทางเข้า-ออกครัวมากขึ้น และตำแหน่งดูทีวีก็ไม่เยื้องกับตำแหน่งโซฟามากนัก ส่วนใครที่อยากได้ขนาดโต๊ะรับประทานใหญ่หน่อยเป็น 4 ที่นั่ง ก็ลดขนาดโซฟาเป็นขนาดเล็ก 2 ที่นั่งได้ค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามชุดโซฟาเป็นส่วนที่วางทีวี โดยสามารถซื้อแบบลอยตัวหรือใครมีงบประมาณหน่อยก็ทำเป็นชุด Built-in รวมกับชั้นเก็บของและที่วางรองเท้าด้านข้างด้วยจะได้เป็นชุดเดียวกันดูสวยงาม ส่วนด้านข้างที่เห็นเป็นประตูบานเลื่อนกระจกนั้นคือประตูที่เชื่อมเข้าส่วนครัวค่ะ

    ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องนอนกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก 3 ตอน สามารถเปิดได้กว้างกว่าบานเปิดแบบ 2 ตอน ซึ่งก็จะได้พื้นที่เชื่อมต่อมากขึ้น

    บานประตูทำ Fitting ได้แข็งแรง เดินรางเลื่อนไว้ด้านล่างโดยฝังไว้ใต้พื้นทำให้ระดับของวงกบและพื้นห้องมีขนาดเท่ากัน เดินได้ง่าย ไม่สะดุด ส่วนมือจับเป็นแบบมาตรฐาน ด้านข้างติดผ้าสักหลาดให้สามารถปิดได้แนบสนิทมากขึ้น

    เข้ามาที่ห้องนอนซึ่งอยู่ถัดจากส่วนนั่งเล่น มีขนาด 2.4 x 3.4 ม. บริเวณปลายเตียงเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

    ขนาดเตียงที่วางได้พอดีคือ 5 ฟุต ค่ะถ้าเป็นไซส์ 6 ฟุตจะเบียดพื้นที่ทางเดินด้านข้างไปทำให้ไม่มีพื้นที่ทางเดินเหลือ

    พื้นที่ทางเดินด้านข้างที่ติดกับประตูบานเลื่อนจะเหลืออยู่ไม่มาก ไม่สามารถเดินผ่านได้ ส่วนปลายเตียงกว้าง 0.7 ม. สามารถเดินได้สบาย

    ส่วนฝั่งที่ติดกับระเบียงซักล้างนั้นกว้าง 0.6 ม. เป็นความกว้างที่สามารถวางโต๊ะหัวเตียงขนาดเล็กๆ ได้

    บริเวณปลายเตียงจัดเป็นตำแหน่งวางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องสำอางค์ ขนาดกะทัดรัด

    ประตูบานเลื่อนกระจกเป็นแบบเปิดออกไป 2 ทางตรงกลาง ส่วนด้านข้างเป็นบาน Fixed กรอบบานเป็นอลูมิเนียม และกระจกได้เป็นสีชาแบบนี้ช่วยกรอกแสงจากภายนอกเข้ามาได้ดีกว่ากระจกใสหรือกระจกเขียวตัดแสงนะคะ แต่ก็แลกมากับบรรยากาศภายในห้องที่จะไม่ได้ดูโปร่งโล่งเท่ากับกระจกใสปกติ สำหรับสเป็คกระจกนี้จะได้เหมือนกันทั้งหมดในทุกบานและทุกห้องค่ะ

    ระเบียงในห้องนอนเป็นระเบียงสำหรับไว้ชมวิว เพราะเป็นระเบียงที่ไม่ได้ทำไว้สำหรับเป็นระเบียงซักล้างหรือวาง CDU แอร์ ขนาดระเบียงอยู่ที่ประมาณ 2.6 x 0.6 ม. ออกจะแคบไปหน่อยสำหรับวางเก้าอี้เล็กๆ จะเหมาะกับการยืนชมวิวเสพบรรยากาศริมระเบียงมากกว่า

    ด้านข้างด้านนึงมีก็เปิดเป็นช่องว่างแบบนี้ให้ด้วยทำให้สามารถชมวิวได้กว้างมากขึ้น เมื่อเทียบกับด้านข้างเป็นผนังทึบทั้ง 2 ด้าน

    เข้ามาต่อที่ส่วน Service ของห้องนี้กันบ้างนะคะ ซึ่งประกอบไปด้วยห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงซักล้าง โดยโซนนี้จะถูกกั้นด้วยประตูบานเลื่อนกระจก แยกเป็นสัดส่วนชัดเจนและทำให้พื้นที่ครัวเป็นครัวปิด เหมาะกับการทำอาหารมากขึ้น

    จากพื้นห้องนั่งเล่นลามิเนตจบขอบด้วยไม้สำเร็จรูป มาที่พื้นครัวเป็นพื้นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. เหมาะกับการปูเป็นพื้นครัวเพราะง่ายต่อการทำความสะอาดและดูแลรักษาง่ายต่อการใช้งานหนักๆ มากกว่า เช่นทำน้ำมันกระเด็นลงพื้นหรือน้ำหกลงพื้นก็เช็ดทำความสะอาดได้เลยและพื้นไม่บวมเหมือนพื้นลามิเนตด้วย

    ชุด Pantry ทั้งชุดและกระจกกรุผนังบริเวณชุดครัวนั้นจะได้เป็นสเป็คมาตรฐานของทุกห้องค่ะ ยกเว้นตู้เย็นและของตกแต่งจากห้องตัวอย่าง

    ตู้ลอยด้านบนหน้าบานเป็นแบบ Glossy สวยงาม และให้ Soft Closed ทั้งหมด

    Pantry ให้มาไม่ได้ใหญ่มาก ซึ่งก็เป็นไปตามขนาดของห้องครัว โดยท็อป Pantry ได้เป็นหินสังเคราะห์ บานเปิด Soft Closed ปิดิวด้วยลามิเนต มีช่องเก็บของ 1 ช่องและลิ้นชักอีกหนึ่ง ด้านล่างได้ไมโครเวฟที่ฝังในเคาน์เตอร์เรียบร้อย ดูสวยงามแต่หากมองในแง่ของการใช้งานอาจจะไม่ได้สะดวกนัก

    อ่างล้างจานหลุมเดี่ยวฝังในเคาน์เตอร์ เก็บของกับท็อปหินสังเคราะห์ได้เรียบร้อย

    ด้านข้างอ่างล้างจานเป็น Hob & Hood จาก Franke ที่จะให้เป็นมาตรฐานในทุกห้องมาพร้อมกับ Pantry ครัวเลย โดยเตาเป็นหัวเซรามิก 2 หัว และ Hood ใช้ระบบหมุนเวียนค่ะ

    ไมโครเวฟจาก Franke เช่นกันค่ะ

    ขนาดพื้นที่ทางเดินครัวกว้าง 0.7 ม. พอเดินไปมาได้ค่ะ แต่ถ้าเปิดลิ้นชักหรือบานเปิดตู้ ก็จะติดขัดหน่อยเพราะเหลือพื้นที่ไม่มาก ส่วนด้านข้างครัวนั้นมีประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงซักล้างที่แยกกับระเบียงภายในห้องนอนชัดเจนนะคะ ไม่ได้เป็นระเบียงที่เชื่อมกัน

    ขนาดระเบียงประมาณ 1.4 x 1.1 ม. กะทัดรัดวางเครื่องซักผ้าได้ และเหลือพื้นที่เล็กน้อยค่ะ ไม่พอสำหรับราวตากผ้าแบบขนาดกลางเท่าไหร่นักอาจจะต้องเพิ่มราวบาร์แขวนเสื้อผ้าตรงนี้ให้ชัดเจนมากขึ้น

    ด้านบนขวาแขวน CDU พร้อมติดกริลเบี่ยงลมร้อนออกไปภายนอก อีกด้านเป็นโคมไฟส่องสว่างส่วนระเบียง

    หันกลับมาอีกฝั่งของห้องครัวอยู่ติดกับห้องน้ำนะคะ โดยหากเราอยู่ส่วนห้องนั่งเล่นก็ต้องเข้าห้องครัวก่อนและเปิดเข้าห้องน้ำอีกที คล้ายๆ กับพื้นที่ครัวนี้เป็นพื้นที่เชื่อมฟังก์ชันต่างๆ ของโซน Service ทั้งหมด

    พื้นห้องน้ำลดระดับจากพื้นครัวเล็กน้อยแต่ใช้สเป็คกระเบื้องเหมือนกัน ภายในแบ่งเป็นส่วนเปียกและส่วนแห้งชัดเจน

    พื้นที่ส่วนแห้งวางตำแหน่งอ่างล้างมือและโถสุขภัณฑ์อยู่ใกล้ๆ กัน ผนังมีการทำ Low Wall ท็อปเป็นหินแกรนิตสีดำสวยดีค่ะ บริเวณนี้สามารถวางของได้เล็กๆ น้อยๆ และที่แปลกตาหน่อยคือช่องด้านข้างที่อยู่ฝั่งโถสุขภัณฑ์จะไม่ค่อยเห็นมีใครทำเท่าไหร่นัก ช่องนี้ถ้าใครไม่ได้ทำอะไรเลยก็ดูจะเสียพื้นที่ไปหน่อย อุตส่าห์ได้พื้นที่เพิ่มมาเล็กน้อย อาจจะทำเป็นชั้นวางของตกแต่งหรือวางหนังสือก็ได้นะ เผื่อใครที่ชอบนั่งในห้องน้ำนานๆ

    พื้นที่ระหว่างอ่างล้างมือกับโถสุขภัณฑ์ดูจะชิดใกล้พอสมควรนะคะ โดยพื้นที่ส่วนแห้งนี้มีความกว้างอยู่ประมาณ  1.4 แชร์กันระหว่าง 2 สุขภัณฑ์ก็เหลือฝั่งละ 70 ซม. ซึ่งก็ถือว่าแคบไปหน่อย แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาต่อการใช้งานภายในห้องน้ำ ตัวโถสุขภัณฑ์ให้มาขนาดกำลังดีนั่งสบายค่ะ

    อ่างล้างมือเซรามิกจาก American Standard พร้อม Built-in ตู้เก็บของใต้อ่างให้ด้วยสำหรับใครอยากจะเก็บของเล็กๆ น้อยๆ ได้ ทำบานเปิดปิดผิวด้วย Glossy สวยงามดีค่ะ

    มาที่พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเรียบร้อยแยกส่วนกับส่วนแห้งได้เป็นสัดส่วน

    ลักษณะการเปิดจะต้องเปิดเข้าหาตัวเองแบบนี้เพราะด้วยขนาดพื้นที่อาบน้ำที่ค่อนข้างเล็กพอสมควร พอบานสวิงเปิดไปจะติดและเข้า-ออกยาก สำหรับพื้นที่อาบน้ำนี้มีขนาดประมาณ 0.8 x 0.9 ม. ลดระดับพื้นลงมาเล็กน้อยจากพื้นส่วนแห้งและเปลี่ยนสเป็คสีกระเบื้องเป็นสีดำแทน

    ฝักบัวได้ทั้ง 2 แบบคือฝักบัวสายอ่อนและ Rain Shower ผนังด้านหลังฝักบัวทำ Low Wall มาให้ด้วยเพื่อวางครีมอาบน้ำ แชมพูต่างๆ ได้ ซึ่งดีกว่าให้ที่วางสบู่เยอะนะคะ เพราะจริงๆ แล้วแค่ที่วางสบู่ปกติก็ไม่พอวาง อันนี้ดูมีพื้นที่มากกว่าวางของได้เยอะขึ้น ไม่ต้องไปซื้อชั้นวางของเพิ่ม (สำหรับคนทั่วไปนะ แต่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลค่ะ เพราะอย่างสาวๆ เราก็คงมี Accessories เยอะกว่าปกติไปอีก ^^)

    ฝักบัวจาก Grohe มือจับแข็งแรง จับได้ถนัดมือ และหัวฝักบัวใหญ่ดีค่ะ

    ห้องถัดมาคือห้อง 2 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 47.50 ตร.ม. เป็นขนาดที่ขยับขึ้นมาหน่อยจากห้องที่แล้ว สำหรับอยู่อาศัยได้เป็นครอบครัวหรือคนที่มองหาห้องขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้การใช้งานฟังก์ชันภายในห้องสะดวกมากขึ้น ลักษณะการจัดวางแปลนของห้องแบบหน้ากว้างนี้ทำออกมาได้น่าสนใจ จะเห็นว่ามีส่วน study เป็นพื้นที่เล็กๆ เพิ่มขึ้นมาระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้อง ซึ่งน่าจะตอบโจทย์กลุ่มคนที่ต้องการพื้นที่ทำงานหรือมุมสงบที่ค่อยข้างชัดเจนเป็นสัดส่วน ไม่ต้องมาใช้พื้นที่ทำงานในพื้นที่เดียวกับส่วนนั่งเล่น

    ส่วนพื้นที่นั่งเล่นของห้องนี้ก็จะมีขนาดเล็กลงมาหน่อย คือมีความกว้างของระยะทีวีน้อยลงมาแต่ก็ยังสามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้อยู่ค่ะ ส่วนพื้นที่ครัวนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย มีพื้นที่ในการหยิบจับทำครัวมากขึ้นแต่ก็จะเป็นแบบครัวเปิดนะคะซึ่งก็ไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับครัวปิดที่เป็นสัดส่วนมากกว่า ส่วนระเบียงของห้องนี้จะไม่ได้แยกระเบียงซักล้างกับระเบียงชมวิวเช่นเดียวกับห้องแรกแต่จะได้เป็นระเบียงแบบยาวเชื่อมกับส่วนห้องนอนเล็กและส่วน Study ไว้ด้วยกันแทน

    จากทางหน้าห้องเข้ามาจะเจอกับส่วนพื้นที่นั่งเล่นก่อนค่ะ และด้านข้างกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นส่วนครัว

    พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดเล็กลงกว่าห้องนอนเล็กเมื่อกี้หน่อย เพราะเป็นพื้นที่ส่วนนั่งเล่นจริงๆ ไม่มีพื้นที่รับประทานอาหารมาแชร์พื้นที่ด้วย จึงสามารถใช้พื้นที่นั่งเล่นได้เต็มที่ ขนาดของพื้นที่นั่งเล่นนี้ประมาณ 2.45 x 2.35 ม. สามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ 3 ที่นั่งได้พอดีๆ ค่ะ ส่วนพื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับทีวีนั้นมีความกว้างพอสมควรให้เดินได้สะดวกกว้างพอให้วางโต๊ะกลางขนาดกลางได้ ถ้าใครไม่ได้เน้นมานั่งนอนกินหนมดูทีวีแบบที่จำเป็นต้องใช้โต๊ะกลางขนาดใหญ่ก็อาจจะลดขนาดโต๊ะลงมาหน่อยหรือเลือกโต๊ะกลางที่พับเก็บได้เพื่อให้มีทางเดินสะดวกมากขึ้นค่ะ ส่วนระยะห่างของทีวีกับโซฟานี้อยู่ที่ประมาณ 2.1 ม. สามารถวางทีวีขนาด 46″ ได้ค่ะ

    ฝั่งตรงข้ามเป็นส่วนครัวของห้องนี้ แต่จะได้เป็นครัวเปิดนะคะ ไม่ได้เหมาะกับการทำอาหารหนักมากนักแต่จะได้ขนาดของ Pantry ใหญ่ขึ้น เป็นรูปตัว L ส่วนสเป็คเหมือนเดิมกับห้องที่แล้วค่ะ

    พื้นที่รับประทานอาหารนั้นจะไม่ได้ให้นะคะ ลูกบ้านสามารถไปซื้อชุดโต๊ะเก้าอี้มาวางได้อิสระบริเวณนี้ หรือจะทำเพิ่มเหมือนห้องตัวอย่างเลยก็ได้ ซึ่งดูแล้วการจัดตำแหน่งโต๊ะกินข้าวตามแบบห้องตัวอย่างจะลงตัวที่สุดแล้วค่ะ

    ถัดจากส่วนครัวจะเป็นโถงทางเดินเล็กๆ แจกไปยังฟังก์ชันต่างๆ คือซ้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงกลางคือพื้นที่อเนกประสงค์ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นส่วน Study หรือพื้นที่ทำงานแยกส่วนกับพื้นที่นั่งเล่นไปเลยให้ชัดเจน เพื่อจะได้มีสมาธิในการทำงานหรือเป็นสัดส่วนมากขึ้น ส่วนฝั่งขวาเป็น Master Bedroom และห้องน้ำห้องเดียวของห้อง Type นี้ค่ะ

    ส่วน Study ในห้องมาตรฐานจะได้โล่งๆ นะคะ ไม่ได้ Built-in อะไรมาให้ โดยขนาดพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 3.3 x 1.7 ม. จะ Built-in โต๊ะทำงานได้ข้างใดข้างนึงนะคะ เพราะไม่มีที่พอสำหรับ Built-in หรือวางโต๊ะทำงานทั้ง 2 ข้างเพราะจะเหลือพื้นที่ทางเดินน้อยไปหน่อย ส่วนด้านในสุดเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังระเบียงด้านนอก

    เลี้ยวมาดูห้องนอนเล็กใกล้ๆ กันบ้าง ขนาดห้อง 2.45 x 3.2 ม. วางเตียงขนาด 3.5 – 5 ฟุตได้ แต่ไม่สามารถวาง 6 ฟุตได้นะคะ ดูจะคับไปหน่อย

    ด้านข้างเตียงบริเวณทางเข้าห้องมีพื้นที่สำหรับวางตู้เสื้อผ้าให้ ซึ่งตู้เสื้อผ้าที่เหมาะกับห้องนี้ควรเป็นตู้ที่มีบานเปิดเป็นบานเลื่อนมากกว่าบานเปิดออกมานะคะ เพราะจะไปกินพื้นที่ทางเดินมากขึ้น ยิ่งใครที่เลือกจะวางเตียงขนาด 5 ฟุตยิ่งควรเลือกตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนเลยค่ะ

    พื้นที่ทางเดินข้างเตียงมีฝั่งติดกับตู้เสื้อผ้ากว้าง 0.85 ม. ส่วนปลายเตียงกว้าง 0.4 ม. สามารถเดินได้นะคะ แต่ไม่ควรวางชั้นวางทีวีเพิ่ม ให้จะติดทีวีก็ควรเลือกแขวนไปกับผนังมากกว่า ส่วนข้างเตียงที่ติดกับประตูบานเลื่อนนั้นไม่มีพื้นที่ทางเดินเหลือนะคะ

    ประตูบานเลื่อนเป็นบานเลื่อนแบบ 2 บานใหญ่เลย

    ออกมาดูส่วนระเบียงมีสิ่งที่แตกต่างจากระเบียงห้องเล็กอยู่คือ ระเบียงนี้เป็นระเบียงยาวเชื่อมห้องนอนและส่วน Study ไว้ด้วยกันและมีฟังก์ชันที่ใช้ร่วมกันคือเป็นทั้งระเบียงชมวิวชิคๆ กับระเบียงซักล้าง อยู่ในพื้นที่เดียวกันไปเลยแตกต่างกับห้องนอนเล็กห้องแรก ส่วนสิ่งที่ได้เพิ่มขึ้นจากห้องแรกคือสเป็คที่มี Value มากกว่าอย่างราวกันตกแบบกระจก และจะเห็นว่าไม่มี CDU แอร์มารบกวน เดี๋ยวไปดูในรูปถัดไปค่ะ

    CDU แอร์ในห้องนี้เก็บขึ้นข้างบนพร้อมมีบานเปิด-ปิดให้สวยงามเรียบร้อย จะ Service มาล้างแอร์หรือซ่อมแอร์ก็ไม่ยากค่ะ ที่สามารถเก็บ CDU ได้แบบนี้เนื่องจากฝ้าเพดานที่ได้สูง 2.8 จึงทำแบบนี้ได้นะคะ แบบที่พอดีกับวงกบประตูพอดีๆ

    มาดูห้องนอนใหญ่กันต่อที่อยู่ฝั่งซ้ายมีของรูปนะ ก่อนจะไปดูห้องน้ำเป็นห้องสุดท้ายกัน

    ห้องนอนใหญ่นั้นมีขนาด 2.7 x 3.5 ม. สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ค่ะ แต่คิดว่าขนาด 5 ฟุตจะพอดีที่สุดนะไม่ฟิตทางเดินเกินไป

    ปลายเตียงสามารถ Built-in หรือวางชั้นวางทีวีได้ โดยยังมีพื้นที่ทางเดินให้เดินได้อยู่

    ส่วนอีกฝั่งเป็นที่วางตู้เสื้อผ้าค่ะ และมีตำแหน่งแอร์เหมาะสมดีนะ คือวางด้านข้างเตียงและเยี่ยงมาปลายเตียงนอนเวลานอนจะได้ไม่หนาวเกินไป

    ข้างเตียงฝั่งตู้เสื้อผ้ากว้างประมาณ 0.8 ม. ส่วนปลายเตียงนับจากปลายเตียงสุดผนังอยู่ที่ 0.6 ม. และอีกฝั่งที่ติดกับหน้าต่างไม่มีทางเดินนะคะ

    มาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องสเป็คเดียวกับห้องแรกค่ะ

    ลักษณะการจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำ สเป็คสุขภัณฑ์และการตกแต่งเหมือนกับห้องแรกเลย เพียงแต่เปลี่ยนตำแหน่งประตูค่ะ และจะสังเกตว่าสุขภัณฑ์ไม่เบียดกันมากนักเพราะว่าขนาดห้องน้ำใหญ่ขึ้นมาอีก เมื่อเทียบกับห้องแรก

    พื้นที่อาบน้ำกั้นด้วยฉากกั้นกระจกเช่นเดิม แต่ลงตัวมากกว่าเพราะได้เป็นบานเปิดเข้าไปด้านในพื้นที่อาบน้ำ เวลาอาบน้ำเสร็จน้ำก็ไม่หยดออกนอกส่วนเปียก สำหรับพื้นที่อาบน้ำนี้มีขนาดประมาณ 1.1 x 1.1 ม. กว้างขึ้นมาหน่อยจากห้องแรกแต่ความสบายในการใช้งานค่อนข้างต่างกันเหมือนกันนะ

    ส่วนฝักบัวและผนังด้านฝักบัวก็ได้เหมือนห้องแรกเลยค่ะ ทั้งสเป็คและ Low Wall ^^

    สำหรับห้อง 2 bedroom 1 bathroom อีกห้องซึ่งมีขนาด 47.5 ตารางเมตรเท่ากันกับห้องตัวอย่างที่ 2 แต่จะได้เป็นห้องมุมซึ่งสามารถมองวิวได้ทั้ง 2 ทิศ ทำให้ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องและห้องนั่งเล่นได้วิวจากภายนอกค่ะ ดังนั้นห้องนี้จะค่อนข้างโปร่งโล่งดี พูดถึงในแง่ของลักษณะการจัดวางฟังก์ชันและฟังก์ชันภายในห้องมีความแตกต่างกับห้องตัวอย่างที่ 2 ไปเลย คือไม่มีส่วนพื้นที่ทำงาน (study) เป็นสัดส่วน แต่ก็แลกมากับส่วนนั่งเล่นที่มีขนาดใหญ่ขึ้นและได้พื้นที่รับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่ง รวมทั้งห้องนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบทำครัวมากกว่าห้องที่ 2 เพราะได้ครัวปิดเป็นสัดส่วนดี ส่วนระเบียงนั้นเป็นระเบียงยาวเช่นเดิมแต่ตำแหน่งลงตัวมากขึ้นเพราะอยู่ติดกับครัวและส่วนนั่งเล่น

    ห้องแบบ 2 bedroom 1 bathroom ห้องที่ 3 มีขนาด 47 ตารางเมตรเล็กลงมาจากห้องก่อนหน้าอยู่เล็กน้อยค่ะ สำหรับตำแหน่งห้องนี้จะอยู่ติดกับบันไดหนีไฟ ลักษณะของห้องนี้เป็นห้องแบบหน้ากว้าง วางฟังก์ชันพื้นที่นั่งเล่นและห้องนอนทั้ง 2 ห้องไว้ติดภายนอกเพื่อให้ฟังก์ชันส่วนนี้ได้วิวและแสงธรรมชาติได้ดี การจัดฟังก์ชันโดยรวมถือว่าลงตัวแต่จะมีพื้นที่ทางเดินค่อนข้างเยอะหน่อยเมื่อเทียบกับห้องที่ผ่านมาทำให้เสียพื้นที่ไปหน่อยแทนที่จะทำให้ฟังก์ชันต่างๆ ให้มีพื้นที่มากขึ้น การวางตำแหน่งครัวจะอยู่ด้านหน้าทางเข้าห้องเป็นครัวเปิดขนาดเล็ก ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารได้ขนาด 4 ที่นั่งมีการเข้ามุมเป็นสัดส่วนไม่กินพื้นที่ทางเดิน ส่วนจุดเด่นของห้องนี้คือส่วนห้องนอนใหญ่ที่มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่เมื่อเทียบกับห้องอื่นๆ เหมาะกับคนที่ชอบพื้นที่ห้องนอนใหญ่หน่อย หรือเน้นการใช้ชีวิตอยู่ในห้องนอนเป็นส่วนใหญ่มากกว่าห้องอื่นๆ

    และห้องสุดท้ายคือห้องขนาดใหญ่สุดของโครงการเป็นห้องแบบ 2 bedroom 2 bathroom ขนาด 64.5 ตารางเมตรเป็นห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งเป็นทิศที่ได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ลักษณะการจัดวางแปลนเป็นแบบหน้ากว้าง ให้ส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องและส่วนนั่งเล่นอยู่ติดกับภายนอกเพื่อรับวิวและได้แสงธรรมชาติ ส่วนครัวเป็นครัวปิดขนาดใหญ่เหมาะกับการทำอาหารได้ดี ตั้งอยู่บริเวณหน้าทางเข้าห้อง ด้านข้างเป็นพื้นที่รับประทานอาหารที่มีขนาดใหญ่ขึ้นรองรับที่นั่งได้ 6 ที่นั่ง มีห้องน้ำรองรับภายนอกเรียบร้อย ซึ่งเป็นห้องน้ำที่ใช้ร่วมกับห้องนอนเล็ก และในส่วนของห้องนอนใหญ่นั้นเป็นห้องที่ได้วิวทั้ง 2 ทิศด้วยกระจกเข้ามุมและมีห้องน้ำในตัวเรียบร้อยค่ะ

    **รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ

    ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 26 October 2016

    • 1 Bedroom 30 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท หรือประมาณ 97,000 บาท/ตร.ม.
    • 2 Bedrooms 47 – 64.5 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น n/a ล้านบาท

    • Fully Fitted
    • ฝ้าเพดานสูง 2.8 เมตร (ชั้น 24 ฝ้าเพดานสูง 3 ม.)
    • Kitchen & Sink
    • Hob & Hood
    • จอง n/a บาท
    • ทำสัญญา n/a บาท
    • ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
    • ค่ากองทุน 650 บาท/ตร.ม.
    • ค่าส่วนกลาง 65 บาท/ตร.ม./เดือน

    **ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ


    เจาะลึกรวบยอด

    โครงการ Urbano ราชวิถี เป็นคอนโด High Rise จากพฤกษา ที่พึ่งเปิดตัวมาเกาะรางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บนทำเลย่านบางพลัด ซึ่งละแวกนี้ก็พอจะเห็นคอนโด High Rise กันมากขึ้นบนถนนจรัญสนิทวงศ์เพื่อเกาะรถไฟฟ้าให้ได้เลือกกัน แต่สำหรับโครงการนี้อีกจุดเด่นนึงคือได้วิวแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยค่ะ ดังนั้นใครที่กำลังมองหาคอนโดใกล้รถไฟฟ้าในอนาคต และให้ความสำคัญกับเรื่องวิวด้วยก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจค่ะ

    สำหรับย่านบางพลัดนี้ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยดั้งเดิม จะยังคงเห็นบ้านเดี่ยว ตึกแถวลักษณะหน้าตาสมัยก่อนกันอยู่ตลอด 2 ฝั่งข้างทางและในตรอกซอกซอย ซึ่งเมื่อเป็นทำเลที่อยู่อาศัยดั้งเดิมนี้ทำให้มีความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกินดีทีเดียว อยู่ใกล้ตลาดใหญ่ อย่างตลาดกรุงธน มีร้านอาหาร Street Food เป็นแบบรถเข็นขายกันคึกคักมากเกือบตลอดฝั่งถนน รวมทั้งยังมีร้านอาหารใต้ตึกแถวที่เปิดให้เลือกซื้อเลือกกินกันค่อนข้างมากในราคาย่อมเยาสบายกระเป๋า แต่หากวันไหนอยากจะกินเป็นมื้อพิเศษ หรู และได้บรรยากาศดีขึ้นมาหน่อย ก็ไม่ต้องไปไหนไกล เพราะแถบริมแม่น้ำเจ้าพระยาก็มีร้านอาหาร สวนอาหาร ให้เลือกกินชิลๆ กันพอสมควรค่ะ

    การเดินทางของโครงการถือว่าสะดวกทั้งคนใช้รถยนต์ส่วนตัวและคนที่มักจะพึ่งพารถสาธารณะเป็นหลัก อย่างใครที่เดินทางด้วยรถยนต์และมักจะเข้าเมืองไปทำงานปกติ ก็ใช้สะพานกรุงธนข้ามฝั่งได้ง่าย รวมทั้งปัจจุบันมีทางด่วนที่พึ่งเปิดใหม่ไม่นาน ช่วยระบายการจราจรที่ติดขัดได้ดีในย่านนี้ก็คือ ทางด่วนศรีรัชบริเวณแยกยมราช นอกจากนี้ยังมีทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร โดยจะมีทางขึ้น-ลงที่ใกล้โครงการมากที่สุดคือ ทางขึ้น-ลงบางบำหรุ ซึ่งเชื่อมเข้าถนนสิรินธรแล้วมุ่งหน้าตรงมาถนนราชวิถีได้เลย ส่วนการเดินทางโดยไม่ใช้รถนั้น ก็สามารถพึ่งพารถไฟฟ้าในอนาคตได้ โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือสถานีสิรินธร มีระยะเดินประมาณ 1xx ม. บวกลบนิดหน่อย เนื่องจากยังไม่รู้ตำแหน่งขาขึ้น-ลงแน่ชัดนะคะ แต่ที่แน่ๆ คืออยู่ในระยะเดินได้ง่าย ส่วนรถสาธารณะอื่นๆ ก็หาไม่อยากเพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่จะเรียกพี่วิน แท็กซี่ก็ไม่ยาก รวมทั้งอีกตัวเลือกหนึ่งในการเดินทางสำหรับใครที่ทำงานแถบศิริราช ไปถึงสาทรก็มีเรือด่วนเจ้าพระยาให้ใช้เดินทางกันได้ โดยท่าเรือจะอยู่บริเวณเชิงสะพานกรุงธนประมาณ 600 ม. ค่ะ

    ตัวโครงการเน้นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. เป็นหลัก จะมีห้องมุมเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยคือ 47.5 ตร.ม. และห้องฮอตฮิตที่ได้วิวหันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งถือเป็นวิวที่ดีที่สุดของโครงการคือห้อง 2 Bedroom 64.5 ตร.ม. เป็นห้องมุมแยกส่วนออกมาด้วย Corridor ค่อนข้างชัดเจนเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้น ส่วนการจัดวาง Typical Floor Plan ทำออกมาได้ดี ห้องทุกห้องสามารถมองวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้ทุกห้อง บริเวณ Corridor เป็นรูปตัว T ซึ่งก็มีช่องเปิดบริเวณโถงทางเดินมากขึ้น ช่วยให้แสงธรรมชาติส่องเข้ามาและระบายอากาศบริเวณโถงได้ดี

    ห้องพักอาศัยในโครงการนี้มีให้เลือกทั้งหมดคร่าวๆ คือ 3 แบบ ได้แก่ 1 Bedroom 30 ตร.ม., 2 Bedroom 1 Bathroom 47.5 ตร.ม. และ 2 Bedroom 2 Bathroom 64.5 ตร.ม. โดยรวมมีการจัดวางฟังก์ชันได้เป็นสัดส่วนดี โดยแต่ละห้องก็ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อแตกต่างกันไปนะคะ จะสรุปคร่าวๆ ดังนี้

    • ห้อง 1 Bedroom 30 ตร.ม. : เน้นพื้นที่นั่งเล่น ได้ครัวปิดเหมาะกับการทำอาหาร ระเบียงชมวิวแยกกับระเบียงซักล้างชัดเจน ห้องน้ำค่อนข้างเล็ก
    • ห้อง 2 Bedroom 2A 47.5 ตร.ม. : ห้องมุมได้วิว 2 ทิศ มีพื้นที่นั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารเชื่อมกันและมีขนาดใหญ่ พื้นที่นั่งเล่นชมวิวได้ ได้ครัวปิดเหมาะกับการทำอาหาร
    • ห้อง 2 Bedroom 2B 47.5 ตร.ม. : มีพื้นที่ Study (พื้นที่อเนกประสงค์) เพิ่มขึ้นมาแยกส่วนกับพื้นที่นั่งเล่น เหมาะกับคนที่ต้องการพื้นที่ทำงานเป็นสัดส่วนชัดเจน ได้ครัวเปิด ซึ่งเหมาะกับการทำอาหารเบาๆ มากกว่าการทำกับข้าวแบบจริงจัง มีพื้นที่นั่งเล่นเป็นสัดส่วนแต่จะอยู่ด้านในไม่ติดหน้าต่างและมีขนาดพื้นที่เล็กลงมาหน่อย ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารมีพื้นที่จำกัด ควรทำเป็นเคาน์เตอร์บาร์แบบ 2 ที่นั่งติดกับส่วน Pantry (เหมือนห้องตัวอย่าง)
    • ห้อง 2 Bedroom 2C 47 ตร.ม. : เหมาะกับคนที่ต้องการห้องหน้ากว้างได้รับแสงธรรมชาติเยอะ มองวิวได้จากห้องนอนทุกห้องและพื้นที่นั่งเล่น ไม่เน้นการทำอาหารหนักๆ
    • ห้อง 2 Bedroom 64.5 ตร.ม. : ห้องหันหน้าเข้าแม่น้ำเจ้าพระยา เด่นเรื่องของวิว และเป็นห้องขนาดใหญ่ มีห้องน้ำ 2 ห้อง ได้ห้อง Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัว เหมาะกับใครที่มองหาคอนโดมีพื้นที่มากหน่อย จะอยู่เป็นครอบครัวขยายได้ ชอบวิวสวยมองเห็นแม่น้ำ และทำอาหารหนักได้เพราะได้ครัวปิดเป็นสัดส่วน

    วัสดุของโครงการขายในรูปแบบ Fully Fitted แต่ได้ของค่อนข้างดีแบบแบรนด์ Urbano คือ พื้นลามิเนตในบริเวณห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนครัว ห้องน้ำเป็นกระเบื้องขนาด 60 x 60 ซม. พื้นระเบียงเป็นกระเบื้อง 30 x 30 ซม. ได้ Pantry ครบชุด ท็อปหินสังเคราะห์ ด้านหลังกรุด้วยกระจก ได้ Hob & Hood และไมโครเวฟ จาก Franke ส่วนสุขภัณฑ์จาก American Standard และ Grohe ค่ะ สำหรับฝ้าเพดานได้ฝ้าสูงทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ตามปริมาตรของห้องที่มีขนาดมากขึ้น ด้วยความสูงฝ้า 2.8 ม. และจะมีชั้น 24 ที่ห้องพักมีความสูงฝ้าอยู่ที่ 3 ม. ค่ะ

    สาธารณูปโภคให้มาครบครันดูน่าใช้งาน ด้วยการวาง Facilities หลักไว้บน Roof Top ทั้งหมด ซึ่งสิ่งที่สำคัญเลยคือเรื่องวิวที่ลูกบ้านทุกบ้านสามารถขึ้นมาเสพบรรยากาศของวิวแม่น้ำที่เป็นจุดเด่นของโครงการได้ทุกคน ไม่จำเป็นต้องอยู่ห้องที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยาเท่านั้น สำหรับ Facilities นั้น ก็จะมี Infinity Edge Pool + Relaxing Deck, Sky Fitness, Sky Lounge, Cubic Hub หรือห้อง Co-Working Space ที่มีทั้งส่วน Living Area, Working Station, Mini Bar ค่ะ

     

    Judgement

    การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

    ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

    เทียบกับราคา 110,000 บาท/ตร.ม., 26 October 2016

    • ทำเล 7.5/10 – มีความอุดมสมบูรณ์ หาของกินง่าย
    • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เข้าเมืองง่าย มีทางด่วนระยะไม่ไกล
    • ไม่ใช้รถ 8/10 – ใกล้รถไฟฟ้าในอนาคต ติดถนนใหญ่เรียกรถง่าย ไม่ไกลจากท่าเรือด่วนเจ้าพระยา
    • วัสดุ 7.5/10 – Fully Fitted แต่ให้ของค่อนข้างดี ได้ฝ้าสูง 2.8 ม.
    • แบบ 8/10 – ทำออกมาได้ดี เป็นสัดส่วน
    • สาธารณูปโภค 8/10 – Roof Top Facilities ได้ครบ น่าใช้งาน

    • UPPER CLASS
    • 7.75 / 10.00

    BOTTOM LINE

     Urbano ราชวิถี เหมาะกับคนที่มองหาคอนโด High Rise วิวแม่น้ำเจ้าพระยา ใกล้รถไฟฟ้าในระยะเดินได้ง่าย เดินทางสะดวกด้วยรถยนต์และรถสาธารณะ อยู่ในทำเลเก่าแก่มีความอุดมสมบูรณ์สูง ชอบ Roof Top Facilities ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยามุมสูงได้ มีห้องหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 30 – 64.5 ตร.ม. ต้องการแต่งห้องเอง มีงบเผื่อสำหรับเฟอร์นิเจอร์เรียบร้อย โดยมีงบประมาณคร่าวๆ ตั้งแต่ 2.9 – 7.xx ล้านบาท 

     

    ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้เราหน่อยนะคะ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปค่ะ

    สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )