สวัสดีครับ วันนี้ Mr.Oe ขอทำ Battle ที่ BTS ตลาดพลูเล่นๆครับ 🙂 Case นี้จริงๆตั้งใจเขียนตั้งแต่เดือนที่แล้วตอน Aspire เปิดตัว แต่ไม่ว่างเขียนซะที จนพี่ Aspire เขาขายจะหมดแล้วถึงมีเวลากลับมาเขียนนี่แหละ ซึ่งจังหวะดีนะ เนื่องจากเมื่อหลายวันก่อน U Delight ตลาดพลู มีการปรับราคาเปิดตัวจาก 2.19 มาเป็น 1.79 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปรับราคาทั้งโครงการที่แรงมาก เล่นเอาตะลึงไปทั้งบาง เพราะนี่คือ indicator หนึ่งที่สำคัญ ที่คนซื้อบ้านอย่างเราๆต้องจับตาดูครับ…
Fact : U Delight ตลาดพลู VS Aspire สาทร-ท่าพระ
ตัวข้อมูลของ U Delight ตลาดพลู เป็นข้อมูลเก่า ซึ่งปัจจุบันมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาใหม่หมดนะครับ โดยทำราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท สำหรับห้อง 1 Bedroom 30 ตารางเมตร Fully Fitted ราคาเริ่มต้นต่อตารางเมตรต้องแก้เป็น 59,667 บาท และ ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการอยู่ราวๆ 65,000 – 75,000 บาทต่อตารางเมตรครับ เทียบกับ Aspire ที่ราคาเฉลี่ยยังยืนอยู่ที่ 95,000 บาท ก็ถือว่าห่างกันพอสมควร
ภาพรวมทำเล จะเกาะ BTS ตลาดพลู และ The Mall นะครับ โดยทำเลแถวนี้พอรถไฟฟ้าวิ่ง ราคาปัจจุบันทำกันตารางเมตรละ แสน ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจกันแล้วสินะ การที่ Aspire สาทร-ท่าพระ ได้ทำเลติดถนนราชพฤกษ์ ตรงตำแหน่งทางขึ้น Sky Walk เดินไปรถไฟฟ้าพอดี จึงเป็นจุดแข็งอย่างแรง เมื่อเปิดตัวโครงการมาที่ราคาไม่เกินแสนบาทต่อตารางเมตร จึงได้รับความสนใจอย่างล้นหลามครับ
ดูกระแสมหาชนกันเอาเองครับ ว่า แรงไม่แรง สำหรับ Aspire สาทร-ท่าพระ by AP ซึ่งมันแสดงให้เห็นความต้องการ และความมั่นใจ ในทำเลตรง BTS ท่าพระนี้ ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตทีมการตลาดของ AP ด้วยครับ ที่สามารถสร้างกระแสทั้งใน online และ direct ได้แรงขนาดนี้ … พอคนมาแย่งกันเยอะแบบนี้ จึงไม่มีใครตัดสินใจนานครับ ช้านาทีเดียวห้องที่เล็งไว้ก็โดนสอยไปเรียบร้อย จึงมีการปิดการขายได้เยอะมาก
มาดูเปรียบเทียบตำแหน่งที่ตั้งของทั้งสองโครงการกันอีกทีนะครับ U Delight อยู่ริมถนนรัชดาภิเษกติด Parkland รัชดาท่าพระ ส่วน Aspire อยู่ริมถนนราชพฤกษ์ และอยู่ติด Parkland Grand ครับ ยังอยู่ในโซนที่เป็นคู่แข่งกันตรงๆ แต่ตัว Aspire จะได้เดินทางมุ่งหน้าไปกลับสาทรสีลม สะดวกกว่า U Delight ที่ได้สะดวกกว่าสำหรับคนที่เดินทางไปกลับทางด้านพระราม3 ครับ
BTS S10 สถานีตลาดพลู ตัวการในการพลิกเปลี่ยนทำเลย่านนี้ให้เปลี่ยนไป เพราะคนฝั่งธนหากใครมีเงินมากพอส่วนใหญ่ก็อยากได้บ้านใกล้รถไฟฟ้ากันทั้งนั้น เพราะการขับรถเข้าเมืองมันติดมากช่วงคอขวดสะพานข้ามแม่น้ำ เด็กๆที่ต้องไปโรงเรียนหรือคนทำงานย่านสาทรสีลม ถ้าไม่ต้องทรมานบนรถช่วงเช้าเย็นโดยการหันมาใช้รถไฟฟ้า คุณภาพชีวิตก็จะดีกว่ามาก (แต่ได้ข่าวว่า ตอนเช้าเกือบทุกวันรอหลายขบวนอยู่นะช่วงนี้)
เทียบระยะทางการเดินไปรถไฟฟ้า แบบถึงตัวสถานี ของ U Delight ตลาดพลู ระยะไม่เกิน 500 เมตร แต่ยังพอเดินง่ายและไม่เปลี่ยว ส่วน Aspire สาทร-ท่าพระ สบายกว่าม้ากกกก เพราะบันได Sky Walk พาดมาลงหน้าโครงการ (ฝั่งคนเดินเข้าออก) พอดี เดินขึ้น Sky Walk และเดินต่อไป 160 เมตร ก็ถึงตัวสถานีแล้วครับ คะแนนการใช้ BTS ของ Aspire ชนะเลิศ
ชี้ให้ดูจุดขึ้นลง Sky Walk ของ BTS จะเห็นว่า อยู่หน้า Aspire พอดีเลย
จุดขึ้นลง Sky Walk อีกมุมนะครับ เวลาเราเดิน ก็เดินอยู่บน Sky Walk ตลอดแนวจนไปถึงตัวสถานี
เส้นทางเดินไป BTS ของ U Delight จะอยู่ด้านหลัง ฝั่งถนนเทอดไท33 เดินไปไม่เกิน 500 เมตร ถือว่าไกล แต่ยังเดินได้ครับ
ถนนเทอดไท 33 เส้นทางเดินไป BTS ของ U Delight เป็นแบบนี้ เป็นเส้นที่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์มาก มี mini mart, ร้านค้า ร้านอาหารเยอะ สองข้างทางส่วนมากเป็นตึกแถว ไม่มีจุดเปลี่ยว แต่ก็ไม่มีฟุตบาททางเดินที่สบายเหมือนถนนใหญ่นะครับ
แหล่งอารยธรรมสูงสุดของย่านนี้คือ The Mall ซึ่งทั้งสองโครงการเรียกว่าเดินมา The Mall ได้ทั้งคู่ แต่ Aspire เดินใกล้กว่ามากๆ ระยะทางแค่ 160 เมตร ส่วน U Delight ระยะทาง 450 เมตรครับ
แนวเส้นทางการเดินไป The Mall ริมถนนรัชดาภิเษกของ U Delight ข้างทางค่อนข้างอุดมสมบูรณ์ เพราะมีร้านอาหาร แผงขายของกิน และตลาดด้วย
สภาพแวดล้อมรายรอบ อันนี้มีพลิกล็อคเล็กน้อย เพราะตัว Aspire อยู่ติดแยกเลยนะครับ ข้างๆ ก็ติดกับ Parkland Grand ด้านหลังติดคลองสำเหร่ และมีพื้นที่รกร้าง รวมถึงตึกร้าง ตึกเก่าที่ไม่ได้ดูดีสักเท่าไร ประเด็นคือการออกแบบอาคารไม่ได้หลบเลี่ยงการบังวิวในระยะประชิดด้วย ส่วนการอยู่ติดแยกจะมีมลภาวะทางเสียงและฝุ่นอันเป็นข้อเท็จจริงซึ่งทุกคนคงทราบดีอยู่แล้ว
สภาพแวดล้อมรายรอบ U Delight ตลาดพลู ด้านหน้าติดถนนหลัก ด้านหลังติดถนนรอง ทิศเหนือติด Parkland รัชดา-ท่าพระ แต่โครงการมีการออกแบบตึกแยกกันเป็นสองแท่ง เพื่อไม่ให้มีการบังวิวกันในระยะประชิด ทิศใต้เป็นแนวอาคารพาณิชย์ 4-5 ชั้น รายรอบไม่มีพื้นที่รกร้างหรือตึกร้าง … สภาพแวดล้อมรายรอบอาคารรวมถึงการออกแบบตึก ทำให้ U Delight มันเหมาะกับการอยู่อาศัยมากกว่า Aspire ถ้าพิจารณาแค่สภาพแวดล้อมรายรอบนะครับ
สรุปสาระสำคัญเรื่องทำเล
- ทำเลโดยรวม Aspire ดูดีกว่าพอสมควร
- การเดินทางโดยรถ ขึ้นอยู่กับว่าชอบใช้เส้นทางไหนประจำ Aspire สะดวกหากเข้าออกเมืองเส้นสาทรสีลม U Delight สะดวกหากเข้าออกเมืองเส้นพระราม3 ครับ Aspire ดูดีกว่าไม่มาก
- การเดินทางโดยไม่ใช้รถ Aspire สะดวกกว่ามากในการเดินทางด้วย BTS แต่ U Delight ได้เปรียบหากใช้ Taxi หรือพี่วิน เพราะสามารถใช้ทางเลี่ยงทางลัดได้หลากหลายกว่า แต่โดยรวม Aspire ยังดูดีกว่าครับ
- ความอุดมสมบูรณ์รายรอบโครงการ Aspire พึ่งพา The Mall และตลาดหน้า The Mall เป็นหลัก เดินใกล้สบายๆ ส่วน U Delight พึ่งพาร้านค้าร้านอาหารทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และยังพอเดินไป The Mall ได้เช่นกัน คะแนนสูสี
- สภาพแวดล้อมรายรอบอาคารสำหรับการอยู่อาศัยจริงจัง Aspire ทำเลดีจริงแต่สภาพแวดล้อมรอบรั้วโครงการยังไม่ค่อยเท่าไรนะครับหากดูภาพปัจจุบัน ยังมีที่เปล่าตึกร้างอยู่ใกล้และมีตึกบังระยะประชิดไปด้านหนึ่ง และการอยู่ใกล้แยกสะดวกจริงแต่ต้องทำใจเรื่องเสียงและอากาศครับ ส่วน U Delight สภาพแวดล้อมไม่มีจุดเปลี่ยว มีตึกติดกันระยะประชิดแต่มีการออกแบบหลบ ตัวตึกในร่นจากถนนไปพอสมควร คะแนนสภาพแวดล้อมสำหรับการอยู่อาศัย U Delight ดูดีกว่าครับ
สรุปคะแนนทำเลโดยรวม Aspire ดูดีกว่า U Delight พอสมควรครับแต่ไม่ได้ทิ้งกันหลุดหลุ่ยมากมายเมื่อพิจารณาภาพรวมจากการอยู่อาศัยจริง โดยที่เรายังไม่พูดถึงกันเรื่องราคาและความคุ้มค่านะครับ เอาไว้สรุปทีหลัง
หน้าตาตึก U Delight ตัวตึกจะร่นจากถนนไปพอสมควร ความสวยความงามไม่ขอพูดถึง คนเรามองความสวยไม่เหมือนกัน
จุดเด่นของตึก U Delight คือแยกเป็น 2 แท่ง มีอาคารที่จอดรถตรงกลาง บนสุดของอาคารที่จอดรถจัดเป็น Main Facility ขนาด 1 ไร่ ตัว Facility จึงยกระดับสูงขึ้นมาพ้นแนวอาคารพาณิชย์และบ้านที่อยู่รอบๆ
โมเดลจำลองให้ดูว่า ตัวตึกเขาแยกเป็นสอง เพื่อหลบการบังวิวกับตึก Parkland ที่อยู่ข้างๆนะครับ
Floor Plan ของโครงการ U Delight จะแยกตึกกัน Unit ต่อชั้นอยู่ที่ 17 ห้องต่อชั้น ความหนาแน่นระดับปานกลาง
Main Facility ของ U Delight ตลาดพลู ที่จัดวางไว้บนชั้น 5 ระหว่างตึก A และ B เป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ ราวๆ 1 ไร่ ซึ่งนอกจากจะมีของเบสิคอย่าง สระว่ายน้ำ(ระบบเกลือ), สวน, Fitness, Staem, Sauna, และ ห้องสมุดแล้ว… ยังมีของแปลกที่นี่ด้วยนะ คือ พื้นที่ปลูกผักสวนครัวร่วมกันครับ ปลูกแล้วเอาเข้าส่วนกลาง ขายให้ลูกบ้านเอาไปทำสลัด รายได้เข้าส่วนกลางครับ
สระว่ายน้ำ และพื้นที่ Facility ชั้น 5 ของ U Delight
รูปหน้าตาตึก Aspire สาทร-ท่าพระ
Floor Plan ของ Aspire ซึ่งยาวมาก เขาเลยเอามาแบ่งเป็น 2 Wing คือ Hikari กับ Tsuki (แปลว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์) ตัว Hikari จะอยู่ทางขวา เป็นรูปตัว L ด้านขวาสุดเจอบังวิวด้วย Parkland แบบเต็มๆ… Unit ต่อชั้นสูงสุดซัดไป 53 ห้อง ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก เกือบจะเท่าคอนโด Low Rise ขนาดเล็ก 1 โครงการเลยทีเดียว ลิฟท์มี 6 ตัว อัตราส่วนลิฟท์ 203 ห้องต่อลิฟท์ 1 ตัว เกินค่ามาตรฐานไปมาก
Floor Plan ฝั่ง Tsuki ซึ่งเป็นแนวตรงครับ
Facility ของ Aspire ซึ่งก็มีครบนะครับ แต่ความน่าใช้คงต้องทำใจ เพราะเอามาวางไว้ชั้นล่างสุด มันน่าใช้สู้ ชั้นบนๆที่ได้วิวและพ้นแนวสายตาบ้านข้างเคียงไม่ได้
รูปห้อง Fitness ของ Aspire
รูป Lobby และ Seating area ของ Aspire ทำออกมาสวยดีนะ
รูปสวนบนดาดฟ้าของ Aspire อันนี้ดี เพราะลูกบ้านที่ห้องวิวไม่สวย จะได้มีพื้นที่โล่งๆให้ดูบ้าง
เปรียบเทียบ Main Facility ของทั้ง 2 โครงการ (U Delight ทางซ้าย Aspire ทางขวา)
สรุปสาระสำคัญของเนื้อโครงการ
- รูปร่างหน้าตาตึก ไม่เปรียบเทียบกันนะครับ ต้องแล้วแต่คนชอบ
- ที่จอดรถแบบรวมจอดซ้อนคัน Aspire ให้มา 40% ของ U Delight ได้ 45% แต่ U Delight มีเก็บค่าจอดเดือนละ 300 ซึ่งเป็นมาตรการลดจำนวนคนจอดแช่โดยไม่จำเป็นที่ใช้เกือบทุกโครงการ คะแนนความพอเพียงของที่จอดรถ U Delight ทำได้ดีกว่าแน่นอนแม้จะเสีย 300 บาทก็เถอะ
- อัตราส่วนลิฟท์โดยสาร Aspire จัดมาที่ 203 ห้องต่อ ลิฟท์ 1 ตัว ส่วน U Delight ตึก A 183/1 ตึก B 142/1 คะแนนเรื่องลิฟท์ U Delight ดีกว่า
- ความหนาแน่นโดยรวม Aspire ตึกเดี่ยว 1,219 Unit ส่วน U Delight ตึกคู่ 548 และ 425 Units ทำให้ความหนาแน่นต่อชั้นของ Aspire สูงมากระดับ 53 ห้องต่อชั้น ส่วน U Delight มี 17 ห้องต่อชั้น คะแนนความหนาแน่นของ U Delight ดูดีกว่าขึ้นมาทันที
- Facility มี Lobby และร้านค้าทั้งคู่ สระว่ายน้ำระบบเกลือทั้งคู่ สระ Aspire ใหญ่กว่าสองเท่า Fitness Aspire 2 ชั้นใหญ่กว่า U Delight นอกจากนี้ Aspire มีซาวน่าและรูปแบบการจัดที่ดูทันสมัย แต่ก็มีจุดสลบตรงที่ดันเอา Facility ทั้งหมดนี้มาไว้ที่ชั้น 1 ซึ่ง Privacy กับความน่าใช้หล่นฮวบ ทำให้ Facility 1 ไร่ที่ชั้น 5 ของ U Delight ดูน่าใช้กว่านิดๆ
- ความปลอดภัย CCTV/Key Card/รปภ 24 ชั่วโมง เท่ากัน
- ค่าส่วนกลาง Aspire 38 บาท U Delight 35 บาท… แต่อย่าลืมค่าจอดรถเดือนละ 300 นะ … สูสี คะแนนพอๆกัน
สรุปเนื้อโครงการ โดยยังไม่ต้องพิจารณาความสวยงามและราคา Aspire ค่อนข้างหนาแน่นนะ อัดห้องมาซะเยอะ และไม่มีการออกแบบมาช่วยหลบบังวิวเลย การใช้งานที่จอดรถและลิฟท์ ต้องบริหารจัดการดีๆ ส่วน Facility ดีนะครับเพียงแต่เอามาไว้ที่ชั้น 1 ความน่าใช้มันหายไปเยอะมาก เมื่อเทียบกับ U Delight ที่มีการออกแบบไม่ให้เกิดการบังวิวระยะประชิด โครงการหนาแน่นน้อยกว่าหลายเท่า ที่จอดรถมากกว่าเล็กน้อย ลิฟท์สัดส่วนดีกว่า และส่วนกลาง 1 ไร่ที่ชั้น 5 ทำให้คะแนนเรื่อง Facility และเนื้อโครงการเฉือนชนะ Aspire ไปแบบไม่ยากเย็นนัก
ยกที่ 3 : เปรียบเทียบตัวห้อง
ผมขอเปรียบเทียบห้อง 1 Bedroom นะครับ โดยเริ่มจาก U Delight ก่อน ซึ่งมีสาระสำคัญที่ทำให้โครงการสามารถปรับลดโครงสร้างราคาซุกซ่อนอยู่ เดี๋ยวค่อยๆแกะกันไป
ห้อง 1 Bedroom มาตรฐานของ U delight ที่มีการปรับหลายอย่างอยู่นะครับ ที่เปลี่ยนมากๆคือ ครัว ที่ถอดเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันออกและแถมเป็นเตาไฟฟ้าแบบตั้งโต๊ะมาให้แทน ตู้แขวนเหนือ Pantry ถอดออกไม่มี ผนังข้างตู้เย็นที่เป็นกระจกปรับเป็นผนังคอนกรีต ปรับระแนงระเบียงตรงส่วนกั้นแอร์ทำให้เหลือเหล็กทอนกลับมาเป็นราวแขวนผ้าเพิ่มให้ และฉากกั้นอาบน้ำปรับเพิ่ม Spec เป็นกระจกนิรภัยครับ ตัวเฟอร์ไม่แถมตั้งแต่แรกนะ Option full fur คือจ่ายเงินเพิ่มอยู่แล้ว … ของที่เขาปรับออก มูลค่าไม่เท่าไร แต่ไปได้ส่วนลดมากๆจาก Total Construction cost ที่ Bid มาใหม่ ทำให้สามารถกดราคาห้องลงไปได้เยอะพอสมควร (ส่วนลดโดยเฉลี่ยคือ 300,000 บาท ทั้งโครงการ แต่บางห้องก็ได้หลักหมื่น บางห้องก็ได้เกิน 300,000 เยอะครับ)
รูปแบบห้องของ U Delight จัดมาค่อนข้างมาตรฐานและจะลงตัวพอดีเป๊ะ ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่เขาออกแบบมาสำหรับโครงการครับ
ภาพรวมห้อง
เฟอร์พวกนี้ไม่แถมนะ เขาขายแบบ Fully Fitted ให้บางส่วน
Option ของ Grand U คือจะมี เฟอร์ออกแบบพิเศษพอดีกับห้อง ซึ่งมีรายละเอียดของตัวเอง แต่ต้องเพิ่มเงินครับ
ระยะพื้นถึงฝ้า 2.6 เมตร ได้ไฟเป็นโคมยื่นแบบนี้
ระยะพื้นถึงฝ้า 2.6 เมื่อบวกกับเฟอร์ที่สูงถึงเพดาน ก็จะมี Space เก็บของได้แบบนี้
ภาพรวมห้องน้ำ ยังเป็นแบบมาตรฐาน
ฉากกั้นอาบน้ำ ที่ตอนนี้เปลี่ยน Spec เป็นกระจกนิรภัย
ผนังกระจกกั้นระเบียงตรงส่วนตู้เย็น ปรับเป็นผนังทึบแทนนะครับ บานเปิดก็เปลี่ยนแบบไป
ตัวระแนงเหล็กที่บังสายตาคอมแอร์จากด้านนอก ปรับแบบใหม่ มีเหล็กเหลือเลยเอามาทำเป็ราวตากผ้าเพิ่มให้ลูกบ้าน
ห้องนอน
ตู้เสื้อผ้าแบบฝังผนัง จะไม่เป็นตู้ยื่นๆออกมา
รูปแบบห้อง 1 Bedroom ของ Aspire ซึ่งใกล้เคียงกับ U Delight มากแต่การแบ่งห้องจะมีระยะของส่วนต่างๆที่แตกต่างกัน โดย Aspire ขายแบบ Fully Fitted ระยะพื้นถึงฝ้า 2.55 เมตร
แนวการตกแต่งเขาแต่งให้ดูแบบญี่ปุ่นนะครับ
ที่นั่งดูทีวี …
ห้องน้ำของ Aspire เป็นห้องน้ำสำเร็จรูปของ Mogen ที่มีข้อดีคือมาตรฐานโรงงานทำให้ปัญหาน้อย Defect น้อย แต่ก็จะมีอะไรแปลกๆหน่อยนะเช่น ตำแหน่งติดตั้งอ่างล้างหน้าที่ชิดผนังขวาแบบนี้ คนถนัดขวาแปรงฟันลำบาก
พื้นที่ในห้องน้ำจะญี่ปุ่นจ๋ามาก …เล็กนะครับ
ครัวกั้นด้วยชุดประตูกระจก มีโต๊ะทานอาหารอยู่ในครัวเลย
Pantry ให้มาไม่มีเตาและเครื่องดูดควันนะ ส่วนชั้นวางของเหนือ Pantry ไม่มีบานปิด
ระเบียง
ห้องนอน ช่องแสงและหน้าต่าง เล็กนิดเดียว
พื้นฐานของห้อง เกือบจะเหมือนกันนะครับ ขนาดเท่ากันที่ 30.5 ตารางเมตร ความสูงใกล้เคียงกันที่ 2.6 (U Delight) และ 2.55 (Aspire) ขายแบบ Fully Fitted เหมือนกัน วัสดุใกล้เคียงกัน สิ่งที่แตกต่างกันคือสัดส่วนและการให้น้ำหนักห้อง โดยของ U Delight ให้น้ำหนักห้องนอนกับ Living Area มากหน่อย ห้องนอนได้ Bay Window สามารถ Built โต๊ะยาวเลียบหน้าต่างได้เลย แต่ครัวเล็กใช้งานสองฝั่ง ส่วน Aspire ได้สัดส่วนครัวที่ดีกว่า ห้องนั่งเล่นระยะดูทีวีดี ส่วนห้องนอนได้ช่องหน้าต่างรับวิวน้อย
สรุปในส่วนของห้องพื้นฐาน ไม่ต่างกันสักเท่าไร ขึ้นอยู่กับว่า เราชอบแบบไหน (หากยังไม่พิจารณาเรื่องราคาห้องนะ) … คะแนนออกเสมอกันครับ
ยกที่ 4 : เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขการขาย
จริงๆ เป็นการเปรียบเทียบที่ออกจะสายไปสักหน่อย เพราะ Aspire เขาขายไปเรียกว่าสบายตัวแล้วนะครับ ราคาของ Aspire น่ะเริ่มต้นที่ 1.98 ล้านบาท ซึ่งเป็นห้องเล็ก เอามาเทียบกันไม่ได้ ถ้าเทียบกับห้อง 30.5 ตารางเมตรด้วยกัน Aspire จะเริ่มที่ สองล้านกลางๆ ซึ่งตอนนี้ราคานี้ก็ไม่มีแล้วซะอีก … ราคาเฉลี่ยของ Aspire อยู่ราวๆ 95,000 บาทต่อตารางเมตร
ส่วน U Delight ตลาดพลู ต้องบอกว่า จังหวะแก้เกมส์พลาดไปนะครับ หากออกราคาโปรโมชั่นที่โครงสร้างใหม่ตอน Aspire เปิดตัว คงฟัดกันสนุกสูสีกว่านี้ นี่ปล่อยให้ Aspire เข้าทำจนเก็บฉากไปแล้ว ถึงค่อยมาออกราคาโครงสร้างใหม่ … ตัวราคาใหม่ลูกค้าเก่าที่ซื้อไป จะถูกเรียกมาปรับราคามอบส่วนลดให้เช่นกันนะครับ ซึ่งราคาเริ่มต้นคือ 1.79 ล้านบาท (ปรับลดมาจาก 2.19 ล้าน) ขายแบบ Fully Fitted ราคาเริ่มต้น 59,667 บาทต่อตารางเมตร ราคาเฉลี่ยที่ผมเห็นอยู่ราวๆ 65,000 – 75,000 บาท … จริงๆผมว่าน่าเอาไปเทียบกับ Regent ตลาดพลูนะ 😀
เมื่อเอาราคาของ Aspire มาเทียบกับ U Delight ตลาดพลูแล้ว U Delight คะแนนดีกว่าอยู่แล้ว เพราะถูกกว่าหลายแสน แต่มันเอามาเทียบกันตรงๆไม่ได้นะครับ เวลาเทียบต้องดูบริบทที่ตั้งกับความคุ้มค่า
ทำเล Aspire กับราคาที่ตั้งมาถือว่าไม่แพงไม่ถูก อยู่ในระดับสังคมคาดหวัง เพราะเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน ก็ราคานี้กันทั้งนั้น … ส่วน U Delight ตลาดพลู เมื่อปรับลดราคาลงมาแล้ว จัดอยู่ในระดับต่ำกว่าราคาตลาดครับ แต่ต้องเล็งห้องให้ดี เพราะการปรับโครงสร้างราคาในครั้งนี้ มีห้องที่ลดมาหลักหมื่น – 700,000 บาท … (โดยเฉลี่ย อยู่ที่ส่วนลด 300,000 บาท) ระดับราคาต่อตารางเมตรของ U delight กลายเป็นย้อนยุคไปสมัย CASA เพิ่งเปิดตัวนู่นแนะครับ …คะแนนความคุ้มค่าด้านราคา เลยต้องยกให้ U Delight เขาไป…
ยกที่ 5 : บทสรุปส่งท้าย
โครงการ Aspire สาทร-ท่าพระ เป็น success story ที่เราเรียนรู้ได้นะครับ ในแง่มุมของผู้ประกอบการ จังหวะการเปิดตัว การทำการตลาด การจัดโปรโมชั่น และการวางโครงสร้างราคา รวมถึงการพัฒนารูปแบบห้องและตัวโครงการ ถือว่า AP ทำการบ้านมาดีมาก … แต่ในแง่ของคนซื้อบ้าน ที่ต้องมองหาบ้านที่เหมาะกับตัวเอง เราควรจะต้องใจเย็นๆหน่อยนะครับในการเลือกซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยเอง โครงการในลักษณะของ Aspire ต้องทำการบ้านแต่เนิ่นๆ ไม่งั้นต้องไปหาซื้อ Resales สถานเดียว ซึ่งการทำการบ้านเก็บข้อมูล มีสื่อ online มากมายให้เราถาม และศึกษานะครับ และสำหรับคนที่ชอบ Aspire แล้วซื้อไม่ทัน ก็ไม่ต้องเสียใจไปหรอกครับ บ้านของเรามันก็ต้องเป็นของเรา ใจเย็นๆหาข้อมูลให้พร้อม แล้วค่อยซื้อ Resales ก็ยังได้ ยอมโดนบวกกำไร ดีกว่าหน้ามืดตามัวยื้แย่งซื้อห้องแล้วหยิบของที่ไม่เหมาะกับเรามานั่งเสียใจทีหลังครับ
โครงการ U Delight ตลาดพลู คงต้องบอกว่า Grand U ใจกล้าที่ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง และออกมาแก้ไขโครงสร้างราคาใหม่หมดนะครับ Case นี้ เป็นเรื่องน่าเรียนรู้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นจังหวะในการเปิดตัวที่โครงการเปิดช่วงกระแสการเมืองแรงพอดี และการทำการตลาดที่ยังไม่สะเด็ดน้ำทั้งเรื่องสื่อ เรื่องโปรโมชั่น และการตั้งราคา… ยังดีที่กลับตัวทัน และแก้ไขอะไรหลายอย่างเพื่อทำให้ราคามันสามารปรับลงมาแข่งขันได้นะครับ… ราคาโครงการในตอนนี้ ถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ซื้อ ที่มีโอกาสได้เลือกหยิบของถูกครับ ซึ่งเราคงต้องเฝ้าดูอีกทีว่า สิ่งที่ Grand U ทำนี้ จะเป็นแรงกระตุ้นให้ Developer เจ้าอื่นๆ กล้าปรับราคามาสู่จุดที่สมดุลหรือไม่
ทุกอย่างมีขึ้นมีลงนะครับ อย่าได้คาดหวังว่าราคาคอนโดมันจะแพงขึ้นได้อย่างเดียว 🙂
อ้อ ผมไม่ฟันธงนะครับ ว่าผลสุดท้ายใคร WIN เพราะจริงๆแล้ว … ตลาดเป็นผู้ตอบคำถามนี้ไปเรียบร้อยแล้วครับ