รีวิวฉบับที่ 1571 … The Tree อ่อนนุช สเตชั่น เป็นโครงที่ผมเคยรีวิวไว้ช่วง Pre-Sale ตอนปลายปี 2016 ตอนนี้เวลาผ่านมา 2 ปีกว่า ตัวโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยเหลือเก็บงานนิดหน่อย และก็มีลูกบ้านก็เข้าอยู่กันไปบ้างแล้ว ผมเลยจะพาไปดูตัวโครงการกันสักหน่อยว่าทำออกมาเป็นยังไง ซึ่งในส่วนของทำเล กับ วิเคราะห์โครงการหลักๆ ผมจะนำข้อมูลบางส่วนจากรีวิวช่วง Pre-Sale มาให้ดูกันแบบคร่าวๆนะครับ

ส่วนใครที่ยังไม่เคยอ่านรีวิวโครงการนี้มาก่อน กดที่นี่เพื่อเข้าไปอ่านรีวิวฉบับ Pre-Sale

Fact @ 20 April 2018

  • The Tree On nut Station (เดอะ ทรี อ่อนนุช สเตชั่น)
  • บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)
  • UPPER CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment คอนโดได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ในเขต : ซอยสุขุมวิท 54 เขตพระโขนง
  • คอนโด Low Rise 8 ชั้น 1 อาคาร 166 ยูนิต
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 25 ยูนิต
  • ที่จอดรถประมาณ 73 คันคิดเป็น 44% รวมจอดซ้อนคัน คิดเป็น 52%
  • ที่ดินประมาณ 1-1-26 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : Q1/2560
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : Q4/2560 (พร้อมเข้าอยู่ Ready to Move in)
  • 1 Bedroom 25.75 ราคาเริ่มต้น 2.7 ล้านบาทหรือประมาณ 104,854 บาท/ตร.ม.
  • ฝ้าเพดานสูง 2.4 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 2.7 – 4.9 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการประมาณ 115,000 บาท/ตร.ม.
  • เพิ่มเติมข้อมูลทำเลรอบๆ BTS อ่อนนุช : อ่านมองหาทำเลน่าอยู่ใกล้ BTS อ่อนนุช คลิกที่นี่
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • Call Center : 1739

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.701622, 100.600345

thetreeonnutstatino_officialmap

ตัวทำเลของโครงการ The Tree อ่อนนุช สเตชั่น ผมเคยรีวิวเอาไว้แล้วเลยเอาบางข้อมูลส่วนมาให้ดูนะครับ แต่ไม่ลงรายละเอียดมากๆจะเน้นไปที่พาไปดูตึกเสร็จมากกว่า จะอยู่ในซอยสุขุมวิท 54 ซึ่งเป็นซอยที่ไปทะลุสุขุมวิท 50 ได้ตัวโครงการอยู่ไม่ไกลสถานี BTS อ่อนนุชและ Tesco Lotus เดินไปได้สะดวกนะ เพราะสภาพทางเท้าค่อนข้างดีและไม่เปลี่ยวเดี๋ยวผมค่อยพาไปดูหละกันเราไปดูเส้นทางเดินรถกันก่อนดีกว่า

thetreeonnutstation-1-4

ตัวโครงอยู่ฝั่งสุขุมวิทขาเข้าที่เป็นเลขคู่แต่ก็ยังเดินทางด้วยรถยนต์ค่อนข้างสะดวกมาก เพราะจากโครงการสามารถไปทะลุออกสุขุมวิท 50 ได้ซึ่งมีจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทราอยู่ตรงนั้นพอดี ส่วนทางด่วนเฉลิมมหานครก็ออกถนนใหญ่ไปกลับแล้วเข้าสุขุมวิท 62 โดยจุดกลับรถก็อยู่ไม่ไกลจากปากซอยเลย

map_02condo

ย่านอ่อนนุชถือเป็นโซนที่มีคอนโดมาขึ้นเยอะมากเรียกว่าถ้าคุณนั่งรถมาลง BTS อ่อนนุชเดินออกจากตัวรถก็จะเห็นคอนโดอยู่รอบๆตัวเต็มไปหมดเลยครับมีทั้ง High Rise Low Rise เต็มไปหมดซึ่งปัจจัยที่ทำให้คนมาอยู่แถวนี้กันเพราะราคายังพอคบหาได้ แต่ถ้าข้ามคลองพระโขนงไปแล้วราคาจะเป็นอีก Segment นึงแล้ว อีกปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลยคือความอุดมสมบูรณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าแถวนี้อยู่ง่ายมีร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆที่รองรับการอยู่อาศัยอย่างครบถ้วน

map_02place

สำหรับความอุดมสมบูรณ์นั้นอย่างที่บอกไปนะครับว่าย่านนี้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีคอนโดอยู่เยอะมากทำให้มีพวก Hypermarket และ Community Mall ทยอยมาเปิดกันอย่างคึกคักมีทั้ง Tesco Lotus ที่อยู่ติด BTS อ่อนนุช, Big C Extra ในซอยอ่อนนุชรวมถึง ตลาดสดที่อยู่ตรงข้ามด้วย ส่วน Community mall จะมี 2 จุดที่ใกล้ๆคือ Phyll อันนี้ติดโครงการเลยส่วน Century  Movie Complex ที่อยู่ตรง BTS กำลังก่อสร้างอยู่

อีกเหตผลที่สำคัญที่ทำให้บริเวณนี้คึกคักและมีคนอยู่เยอะเพราะบริเวณรอบๆมีสถานีที่ราชการและโรงเรียนตั้งอยู่เยอะไม่ว่าจะเป็น Wells International School, วิทยาลัยกรุงเทพ และ Bangkok Prep ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในซอยอ่อนนุช นอกจากนี้ยังมีอาคารสำนักงานอีกหลายอาคารด้วย เราเลยจะเห็นชาวต่างชาติมาอาศัยอยู่แถวนี้กันเยอะครับ

เรามาดูรายละเอียดเส้นทางการใช้ทางด่วนกันดีกว่าครับ เพราะเดินทางได้สะดวกเลยหละครับ ถ้าขึ้นอยากจะเข้าเมืองโดยใช้ทางด่วนเฉลิมมหานครก็วิ่งออกถนนสุขุมวิทไปกลับรถก่อนถึง BTS อ่อนนุช แล้วมาเลี้ยวขวาเข้าสุขุมวิท 62 ได้เลย แต่ถ้าเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนจราจรจะปิดช่องเลี้ยวขวาให้ไปกลับรถแทนนะครับ ส่วนขากลับก็ง่ายๆเลยลงทางด่วนตามป้าย สุขุมวิท 62 แล้วออกสุขุมวิทมาโครงการได้เลย

สำหรับทางด่วนรามอินทรา ขาขึ้นให้เราออกถนนใหญ่สุขุมวิทแล้วไปเข้าจากซอยสุขุมวิท 50 ได้เลย แต่ขากลับให้ลงทางด่วนแล้วเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปถนนเลียบทางรถไฟสายเก่าแล้วมาเข้าซอยสวัสดี 4 ทะลุออกท้ายซอยสุขุมวิท 50 ได้เลย ที่ให้มาทางนี้เพราะจะได้ไม่ต้องไปรถติดบนถนนใหญ่ซึ่งเวลาติดพี่แกติดจริงจังมากนะครับแยกอ่อนนุชเนี่ย

thetreeonnutstation-5-3jpg

สำหรับเส้นทางที่เราจะใช้ไปโครงการนี้คือการเดินจาก BTS อ่อนนุชไปโครงการนะครับ จะได้เห็นบรรยากาศระหว่างทางเดินด้วยว่าเป็นแบบไหน โดยระยะเดินจากบันไดเชื่อม BTS ไปโครงการประมาณ 480 เมตรเดินบนถนนใหญ่กับในซอยอย่างละครึ่งทางคือ 240 เมตรโดยประมาณครับ

ซอยโครงการนี้ถือว่าเดินง่ายนะเพราะต้นซอยเป็นสำนักงานเขตที่มีคนเข้าออกเยอะตลอดเวลาราชการและฝั่งตรงข้ามก็เป็น Community mall ที่ตัวอาคารทำเป็นแนวยาวไปจนถึงโครงการเลยและเค้าทำทางเท้าให้ใหม่ด้วยเลยเดินง่ายขึ้นเยอะ หรือจะเดินผ่านตัว Community mall ไปเลยก็ได้ไม่ร้อนแถมหาของกินได้ด้วย ว่าแล้วเราก็ไปดูพร้อมๆกันเลยครับ

ผมจะเริ่มจากทางออกที่ 2 ก่อนนะครับเพราะทางออกนี้เป็นทางออกที่เชื่อมกับ Tesco Lotus เผื่อใครอยากจะและซื้อของหน่อย

สถานีนี้ถือว่าเป็นสถานีที่มีคนมาใช้บริการเยอะพอสมควรเลยทำให้มีร้านอาหารตั้งอยู่ภายในสถานีด้วย (มีทั้ง 2 ฝั่งเลย) ตัวทางลงก็จะมีทางเชื่อมเดินเข้าห้างได้ง่ายๆ ไม่ต้องตากแดดตากฝน แต่เดี๋ยวเราใช้ช่องลงทางซ้ายมือนะจะพาลงไปดูบริเวณหน้าโลตัสหน่อย

ระหว่างทางลงก็เจอป้ายโครงการพอดีเลย ราคาเริ่มต้นที่ 2.35 ล้านบาทนะ

ลงสะพานมาปุ๊บก็จะเจอกับป้ายรถเมล์และร้านรถเข็นขายอาหารสำหรับคนทำงานช่วงเช้า ซึ่งตรงนี้ตัวฟุตบาทค่อนข้างกว้างมาก และยังมีทางเดินในพื้นที่โลตัสอีกนะ

ถ้าใครอยากเดินง่ายๆสบายๆก็เดินเข้ามาภายในพื้นที่ตัวห้างจะมีทางเดินโล่งๆแบบนี้เลย ภายในโลตัสพอจะมีร้านอาหารอยู่บ้างถ้าขี้เกียจไปห้างก็มากินที่นี่ได้นะ

เดินมาจนสุดพื้นที่โลตัสจะติดกับซอย 52 ซึ่งตรงนี้ตอนเย็นๆจะมีเต้นแอโรบิคด้วย

หันกลับมาดูทางขึ้น BTS บ้าง บันไดเลื่อนของฝั่งนี้อยู่ทางที่มาจากโครงการพอดีตอนเช้าเวลารีบๆไปทำงานนี่ช่วยได้เยอะครับไม่ต้องเดินขึ้นบันได เดี๋ยวเราขึ้นไปดูร้านขายขนมด้านบนหน่อย

บนสถานีด้านนี้จะมี McDonald’s กับร้านเครื่องดื่มอยู่หลายร้าน

เดินมาส่องพื้นที่ก่อสร้างอีกฝั่งที่กำลังก่อสร้างตรงนี้อีกหน่อยจะกลายเป็น Century Movie Plaza เจ้าของเดียวกับที่อนุสาวรีย์ชัยฯนะ ตอนนี้สร้างถึงชั้น 2 แหละ อีกไม่นานน่าจะได้มาเดินเล่นนะ

กลับมาที่โลตัสกันต่อ ในซอยสุขุมวิท 52 จะมีร้านอาหารแนวๆนี้อยู่พอสมควรเป็นร้านที่รองรับกลุ่มคนทำงานในย่านนี้

เดินต่อมาจะมีร้านอยู่ตามแนวถนนสุขุมวิทซึ่งทางเดินแยกกับฟุตบาทสาธารณะนะถ้าใครไม่แวะกินในนี้ก็เดินด้านนอกก็ได้ แต่ถ้าร้อนก็เดินหลบแดดในนี้ดีกว่า

สุดแนวร้านอาหารริมถนนสุขุมวิทจะเจอกับร้านอาหารกลุ่มสุดท้ายถัดจากตรงนี้จะไม่มีร้านอาหารแล้ว

แต่ทางเดินก็ยังคงเดินได้สบายๆอยู่เพราะมีทางเท้าที่กว้าง สะอาด และมีร่มเงาจากต้นไม้พอสมควร

เดินมาเรื่อยๆจะเจอบริษัท CATERPILLAR ซึ่งมีที่ดินติดกับโครงการ The Tree อ่อนนุช สเตชั่น บางส่วนนะ

ถัดมาเป็นบ้านพักอาศัยสูง 2 ชั้น

ติดกับบ้านพักก็ถึง Phyll แล้วถ้าจะเดินไปโครงการให้เราเดินลัดเข้า Phyll เลยก็ได้จะได้ไม่ร้อนแต่เดี๋ยวจะพาเดินไปดูบรรยากาศปากซอยหน่อย

หันกลับมาถ่ายให้ดูพื้นที่ของ Phyll (อ่านว่าฟิล) จะเห็นว่ามีร้านอาหารร้านกาแฟให้มานั่งอยู่บ้างแต่ยังไม่เยอะนัก ความคึกคักของที่ถือว่ายังไม่เยอะเท่าไหร่อาจต้องใช้เวลาสักพักถึงจะเริ่มคึกคักและมีร้านอาหารเยอะกว่านี้

ปากซอยสุขุมวิท 54 อีกฝั่งจะเป็นสำนักงานพระโขนงมีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยแต่ใครอยู่โครงการนี้คงไม่ต้องใช้หรอกเพราะเดินอีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแหละ

ตัวสำนักงานเขตจะกินพื้นที่ด้านหน้าตรงหัวมุมสุขุมวิท 54 ยาวเข้าไปด้านในโดยตัวอาคารภายในจะสูงตั้งแต่ 3 – 7 ชั้น

ช่วงเช้า-สายรถขาเข้าเมืองจะติดหน่อยตามปกติ

ถ่ายรูปด้านข้าง Phyll มาให้ดูว่า Community mall เค้ามีการทำทางเท้าแบบนี้แล้วมันช่วยให้ทัศนียภาพดูดีและน่าเดินมากขึ้นเยอะเลย

อีกฝั่งไม่แนะนำให้เดินนะเพราะไม่มีทางเท้าและรถจอดเพียบไหนจะมีคนเข้าออกสำนักงานเขตอีกมาเดินฝั่ง Phyll สบายๆดีกว่า

ถัดจากสำนักงานเขตจะเป็นอพาร์ทเม้นท์สูง 6 ชั้น และอาคารสำนักงานสูงใกล้ๆกัน

เดินมาสุดอาคาร Phyll ที่เป็นพื้นที่ห้างแล้วจะมีอาคารที่จอดรถแยกอีกอาคารซึ่งอาคารนี้จะเป็นอาคารที่ติดกับที่ดินของโครงการเลย

**รูปนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้เห็นภาพรวมของโครงการแบบคร่าวๆไม่สามารถใช้อ้างอิงอย่างเป็นทางการได้นะครับ

รอบๆโครงการไม่ได้มีีอาคารสูงมาบังยกเว้นด้านที่ติดอาคารจอดรถนะครับ ส่วนทิศอื่นๆ สะเป็นโกดังและอาคารสำนักงานสูงประมาณ 3-4 ชั้น

 

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Phyll
  • สำนักงานเขตพระโขนง
  • Tesco Lotus : 480 เมตร
  • ตลาดสดอ่อนนุช : 1.7 กม. (ระยะขับรถ)
  • Big C Extra : 1.7 กม. (ระยะขับรถ)
  • Wells International School : 400 เมตร

 


เจาะลึกตัวโครงการ

ตอนนี้ตัวโครงการสร้างเสร็จแล้ว จะเห็นว่าตัวอาคารอยู่ค่อนข้างชิดกับที่ดินเลย ทำให้ตำแหน่งของ Lobby อยู่ด้านหน้าสุดและโครงการออกแบบมาให้แบบไม่มีรั้วในส่วนนี้ ซึ่งทางเข้าออกของรถยนต์จะอยู่ติดๆ กัน โดยที่คนไม่สามารถเดินผ่านตรงนั้นไปได้นะ ต้องผ่านทาง Lobby อย่างเดียว

โครงการนี้จัด Facilities ไว้ที่ชั้น 2 ช่วยให้ลูกบ้านที่มาใช้งานมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพราะตัวโครงการมีหน้ากว้างมีพื้นที่ติดกับตัวถนนเยอะ และเป็นซอยที่มีผู้คนสัญจรไปมาเยอะมาก ตัวรั้วจริงๆจะไม่ได้ทึบแบบป้ายโฆษณานะครับ แต่จะเป็นรั้วทึบสลับรั้วโปร่ง เดี๋ยวตอนพาเข้าไปดูข้างในจะได้เห็นรั้วโครงการเป็นแบบไหน

ผังชั้นแรกจะเห็นว่ามีทางลาดลงไปชั้นใต้ดินด้วย เพราะที่นี่เค้ามีที่จอดรถให้ 2 ชั้นคือที่ชั้น Ground และใต้ดินโดยได้ที่จอดรวมซ้อนคันเป็น 52% ก็ถือว่าให้มากำลังดีสำหรับโครงการระดับราคานี้ที่ห่าง BTS ประมาณ 480 เมตร ส่วนกลางหลักๆจะอยู่บริเวณหน้าโครงการมี Lobby แบบฝ้าเพดานสูงได้ลิฟท์มา 2 ตัว อัตราส่วนอยู่ที่ 83:1 ถือว่าไม่หนาแน่นกำลังดีสำหรับอาคารขนาดเล็ก ตัวอาคารวางเต็มที่ดินไม่สามารถเอารถวิ่งวนรอบอาคารได้

เรามาดูในส่วนของทางเข้าโครงการด้วยรถยนต์กันก่อนนะครับ ส่วนของ Lobby เดี๋ยวเรากลับมาดูตอนจะขึ้นไปดู Facilities อีกที ทางเข้าโครงการมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบรั้วกั้นไม้กระดก Key Card Access เป็นแบบ Easy Pass และมีป้อมรปภ.อยู่ตรงทางเข้าเลย ตรงนี้ถ้าใครจะเดินเข้าไปภายในพื้นที่โครงการต้องเดินผ่าน Lobby เท่านั้นนะครับตรงนี้รั้วกั้นปิดทางเดินหมดเลย จะเดินได้อีกทีก็คือต้องเดินผ่านป้อมของรปภ. นะครับ

ที่จอดรถของโครงการนี้ให้มา 44% ถือว่ากลางๆนะ ได้เยอะกว่ามาตรฐานทั่วไปที่ 30% แต่ก็ไม่ได้แตะระดับ 50% บริเวณทางเข้าไปยังส่วนที่จอดรถจะมีที่จอดมอเตอร์ไซค์อยู่ด้านซ้ายมือ

สำหรับทางเข้า Lobby สามารถเข้าจากที่จอดรถด้านในได้ ไม่ต้องอ้อมไปเข้าจากหน้าโครงการ

ใครที่กังวลเรื่องการจอดรถภายในโครงการจะหนาแน่นและใช้งานลำบาก ก็ไม่ต้องกังวลครับ เพราะโครงการได้เตรียมช่องกลับรถไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

ส่วนการจอดรถของที่นีี่จะมีการจอดที่ชั้น 1 และชั้นใต้ดิน รถที่จอดชั้น 1 จะมีตัวอาคารบังแดดให้เกือบทั้งคัน จะมีโดนแดดบ้างนิดหน่อย แต่ถ้าใครอยากจอดรถแบบไม่โดนแดดเลยก็ไปจอดที่ชั้นใต้ดินได้เลยครับ

ส่วนพื้นที่ปลายอาคารทั้ง 2 ด้านจะเป็นพื้นที่สวนหย่อม ในรูปนี้จะเป็นพื้นที่สวนหย่อมด้านที่ติดกับอาคารจอดรถของ Phyll รอต้นไม้โตอีกหน่อยตรงนี้ร่มรื่นแน่นอนครับ เพราะโครงการมีลงต้นไม้ไว้พอสมควร

เข้ามาด้านในโครงการกันต่อนะครับ ทางลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดินจะอยู่ช่วงกลางๆของอาคาร ที่จอดรถของชั้นนี้ส่วนใหญ่จะจอดได้แค่ด้านเดียว

ถึงแม้ขนาดที่ดินของโครงการค่อนข้างเล็ก แต่พื้นที่รอบๆ อาคาร ทางโครงการพยายามใส่ต้นไม้มาให้เหมือนกันนะ อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้

พื้นที่ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ติดกับถนนด้านหน้าโครงการ ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ลงไว้พอสมควร ต้นไม้เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยในการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านที่ชั้นล่างๆ ได้เป็นอย่างดีครับ ส่วนรั้วที่เห็นในรูปตรงนั้นยังมีป้ายโฆษณาของโครงการอยู่ ถ้าเอาออกแล้วก็ไม่ต้องห่วงว่าจะดูโปร่งจนเกินไป เพราะมีการลงต้นโมกรอเอาไว้อยู่แล้ว

เดี๋ยวเราลงไปดูพื้นที่จอดรถด้านล่างกัน รูปนี้ผมถ่ายมาให้ดูว่าช่วงโค้งที่จะเลี้ยวลงชั้นใต้ดินมีระยะให้รถตีโค้งหลบกันได้นะ เวลาลูกบ้านจะผ่านจุดนี้ควรใช้ความเร็วต่ำๆนะครับ

ใครที่จอดชั้นใต้ดินสามารถขึ้นลิฟต์จากชั้นนี้ได้เลยเพราะมีโถงลิิฟต์มาให้ด้วย

พื้นที่จอดรถของชั้นล่างจอดได้มากกว่าชั้นบน เพราะจอดได้ทั้ง 2 ฝั่ง และในชั้นนี้มีงานระบบช่วยเรื่องการไหลเวียนของอากาศด้วยนะครับ เดี๋ยวเรากลับขึ้นไปที่ Lobby หน้าโครงการกันครับ

ตัว Lobby บริเวณพื้นที่ต้อนรับจะได้แบบ Double Volume เลยนะถึงแม้จะเป็นโครงการขนาดเล็กก็ตาม การให้พื้นที่แบบนี้จะช่วยให้บรรยากาศของโครงการดูโปร่งสบายตามากขึ้น ส่วนการตกแต่งนั้นถือว่าทำมาได้ค่อนข้างดีนะครับ สำหรับแบรนด์ The Tree ที่เป็น Low Rise การตกแต่งดูหรูหรามากขึ้น

ก่อนจะเดินเข้าไปยังโถงลิฟต์เราจะเจอกับส่วน Reception ก่อนซึ่งยังคงใช้การตกแต่งลายหินอ่อน

ในส่วนของโถงลิฟต์นั้นจะมีระบบ Key Card แยกทั้ง 2 ฝั่ง ลูกบ้านไม่ต้องกังวลว่าใครมาติดต่อที่ Lobby แล้วจะเนียนเดินเข้ามาตรงนี้ไม่ได้นะ ต้องใช้ Key Card เท่านั้น

มาดูที่ชั้น 2 กันต่อชั้นนี้จะเป็นชั้น Facility หลักๆ ของโครงการโดยสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ชั้น 2 ช่วยให้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นและพ้นสายตาของคนที่ผ่านหน้าโครงการ ตัวอาคารจะวางเป็นตัว L มีลิฟท์อยู่ตรงมุมอาคารด้านในชั้นนี้จะมียูนิตสำหรับพักอาศัยอยู่ด้วยนะซึ่งจากที่ดูในผังยังไม่เห็นประตูกั้นแยกส่วนพักอาศัยแต่ถ้าจะทำก็ไม่ยาก แค่ติดตั้งเพิ่มเท่านั้นเพราะผังเค้าออกแบบมาให้ลูกบ้านออกจากโถงลิฟท์เข้าใช้ส่วนกลางได้เลยไม่ต้องผ่านโซนพักอาศัย สระว่ายน้ำมีขนาดที่ 5 x 15 ม.พอว่ายได้นิดหน่อยเน้นแช่ตัวมากกว่าและมีสระเด็กแยกขนาด 5 x 5 ม.

ห้องพักของที่นี่จะเน้นไปที่ขนาด 1 Bed ทั้งหมดไม่มีห้อง 2 Bed เลยโดยแบ่งเป็นห้อง 1 Bed 25.75 – 34.3 ตร.ม.และ 1 Bed Plus 38.95 ตร.ม. เน้นกลุ่มคนทำงานอยู่กันไม่เกิน 2 คน ใครที่อยากได้ห้องใหญ่หน่อยมีที่เก็บของมีห้องอเนกประสงค์ก็เลือกห้องแบบ 1 Bed Plus ไป

ตัวโถงลิฟต์ในแต่ละชั้นจะมีการตกแต่งให้มีบรรยากาศเดียวกันกับส่วน Lobby โดยมีวัสดุลายหินอ่อนและกระจกเงา ตกแต่งในส่วนนี้ด้วย สำหรับด้านขวามือที่เห็นคือห้องติดตั้งมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งโครงการก็ทำ Built-in ติดมาให้ด้วย สำหรับโครงการ Low Rise เราจะไม่ค่อยได้เห็นรายละเอียดแบบนี้นะครับ ถือว่าทำออกมาได้ละเอียดดี ทางเดินไปยังส่วนกลางจะอยู่ที่ประตูด้านขวามือของโถงลิฟต์นะครับ

เดินมายังส่วน Facilities หลักของโครงการ จะเห็นว่าตรงทางเดินส่วนนี้มีการทำหลังคามาให้ นอกจากจะช่วยบังแดดบังฝนให้ลูกบ้านมาใช้งานได้แล้วยังช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับยูนิตด้านบนอีกด้วย ด้านขวามือจะเป็นห้องทำงาน ถัดไปเป็นห้อง Fitness และ ด้านซ้ายมือจะเป็นทางขึ้นไปสระว่ายน้ำ

เรามาดูที่ห้องแรกกันก่อนห้องนี้คือห้อง Living lounge เอาไว้นั่งอ่านหนังสือ เล่นมือถือเพลินๆ ส่วนวิวก็จะไม่ได้เห็นสระว่าย่น้ำนะ แต่เป็นแนวต้นไม้กั้นเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากกว่า

ส่วนห้องถัดมาจะเป็นห้องออกกำลังกาย ซึ่งจะพื้นที่ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วนมีเครื่องออกกำลังกายประมาณ 5 เครื่อง

ส่วนอุปกรณ์เล่นเวทจะอยู่อีกด้านของห้องด้านใน ตรงนี้ให้อุปกรณ์มาน้อยไปหน่อย

ถัดมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนที่เป็นสระว่ายน้ำ โดยมีพื้นที่อาบน้ำอยู่ปลายทางเดิน และห้องอาบน้ำกับห้องน้ำอยู่ด้านขวามือ ถ้าใครสงสัยว่าทำไมสระว่ายน้ำของที่นี่ต้องยกสูงขึ้น เพราะตัวโครงการต้องการเพิ่มพื้นที่จอดรถนั่นเองครับ ถ้าดูแปลนอาคารควบคู่ไปด้วยจะเข้าใจได้ง่ายขึ้น

พื้นที่อาบน้ำก็ให้กระจกกั้นมาด้วยนะ เวลาอาบน้ำจะได้ไม่เลอะเทอะมากนัก แต่น่าจะติด Sticker อะไรซะหน่อยนะ เด็กๆ วิ่งมาไม่ทันดูอาจจะจนกระจกเอาได้

ภายในห้องน้ำจะแบ่งแยกชายหญิง แต่ห้องที่พามาดูจะเป็นห้องของผู้ชายนะครับ ห้องนี้จะได้ห้อวซาวน่ามาด้วย

พื้นที่อาบน้ำจะหลบอยู่ด้านในอีกทีดูปลอดภัยและเป็นส่วนตัวดีครับ ตัวห้องอาบน้ำเองก็มีขนาดใหญ่นะเมื่อเทียบกับห้องอาบน้ำที่จัดพื้นที่กั้นด้วยผนังสำเร็จรูป

ออกมาดูที่ Facilities หลักอย่างสระว่ายน้ำกันดีกว่า ตัวสระว่ายน้ำมีขนาด 5 x 15 สระ เป็นระบบเกลือมีแยกสระเด็กมาให้เรียบร้อย ด้านข้างที่ติดกับส่วนพักอาศัยมีการลงต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้นอกจากจะให้ความร่มรื่นแล้ว  ยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องพักที่ชั้น 3 และ 4 ด้วย

ด้านข้างของสระว่ายน้ำจะมีวางชุดที่นั่งเอาไว้ให้ แต่กว่าจะนั่งได้ก็ต้องช่วงเย็นๆนะ แดดจะได้ไม่ร้อนมาก

สำหรับทางลงไปสระว่ายน้ำจะอยู่ที่ปลายของสระว่ายน้ำฝั่งที่ติดอาคาร โดยตรงบริเวณนี้จะหลังคาโปร่งให้ร่มเงาได้บ้าง ถ้าใครไม่ได้อยากว่ายน้ำแบบจริงจังก็มานั่งชิลๆตรงนี้ได้

อีกด้านของสระว่ายน้ำจะเป็นพื้นที่สีเขียวที่เชื่อมต่อกับพื้นที่สระว่ายน้ำ และพื้นที่สวนที่ด้านหน้าโครงการ

ตรงบริเวฯนี้ยังพอมีที่ให้มาเด็กๆ มาวิ่งเล่นได้บ้าง ททางโครงการได้ลงหญ้าเทียมเอาไว้ให้

ส่วนด้านที่ติดกับห้องพักจะมีการลงไม้พุ่มไว้ให้แบบทึบเลยครับ มองไม่เห็นด้านในเลย ตรงนี้ถือว่าช่วยให้ห้องที่อยู่ติดกับสวนได้มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

กลับเข้ามาที่โถงลิฟต์นะครับ ที่ชั้น 2 การจะเข้าไปยังส่วนพักอาศัยต้องใช้ Key Card เฉพาะชั้นนี้เท่านั้นนะครับ ลูกบ้านที่อยู่ชั้นอื่นๆ จะเข้าไปโซนห้องพักไม่ได้

 

 

 

โถงทางเดินกว้างตามขนาดมาตรฐานให้เดินสวนกันได้สบายๆ และที่ปลายอาคารทั้ง 2 ด้านก็มีการทำช่องเปิดเอาไว้รับแสงธรรมชาติ และช่วยให้ลมไหลผ่านโถงทางเดินลดความร้อนได้อีกด้วย

ผังชั้น 3 – 6 จะเหมือนกันโดยเป็นโซนพักอาศัยหมดแล้วและห้องขนาด 25 ตร.ม.จะได้วิวด้านนอกทั้งหมดส่วนวิวสวนและสระว่ายน้ำจะเป็นห้องขนาด 27 และ 38 ตร.ม. จำนวนยูนิตต่อชั้นอยู่ที่ 25 ยูนิต ห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้และตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งถ้าใครอยากได้ลมเยอะหน่อยก็เลือกห้องฝั่งวิวสระว่ายน้ำนะ เพราะทิศทางลมของประเทศไทยส่วนใหญ่ลมจะมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้และทิศใต้ ส่วนในหน้าหนาวลมจะมาทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

ผังชั้น 7 และ 8 จะเหมือนกันตรงที่ห้องพักหายไป 2 ห้องตามระยะร่นของอาคาร

 

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • สระว่ายน้ำ 5 x 15 สระ ระบบเกลือ ขนาด 1.2 เมตร แบ่งสระเด็กลึก 5 x 5 เมตร สระผู้ใหญ่ลึก 0.6 เมตร
  • ห้องออกกำลังกาย 1 ห้องที่ชั้น 2
  • Living lounge ที่ชั้น 2
  • สวนหย่อมด้านหน้า ด้านข้างของโครงการ และที่ชั้น 2
  • ลิฟท์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร
  • อัตราส่วนลิฟท์รวมทั้งโครงการ 83 :  1
  • Service Lift ไม่มี
  • ระบบ CCTV / Access Card

 


Product Walkthrough

สำหรับห้องตัวอย่าง The Tree อ่อนนุช สเตชั่น จะมีให้ดูเพียงแค่ขนาดเดียวคือ 1 Bedroom 25.75 ตร.ม. และเป็นการขายแบบ Fully Fitted คือมีเคาน์เตอร์ครัวพร้อมตู้ชุดบน Hob & Hood และห้องน้ำสำเร็จรูปแบบตกแต่งพื้นผนังด้วยกระเบื้อง สำหรับผังห้องนี้เป็นผังห้องขนาดเล็กที่พฤกษาใช้กับหลายโครงการและหลายแบรนด์นะเพียงแต่ Upgrade วัสดุตามระดับราคาสำหรับโครงการนี้ถือว่าให้มาน้อยไปหน่อยนะ

โดยรวมแล้วผังห้องถือว่าทำออกมาได้ลงตัวพอสมควรได้ระยะดูทีวีที่ดีได้พื้นที่ทานอาหารแบบเป็นสัดส่วนแต่ครัวได้เป็นครัวเปิดนะ คนอยู่ก็ไม่เน้นทำอาหารหนักไปนะครับห้องนอนวางเตียง 5 ฟุตจะลงตัวหน่อยเพราะมีพื้นที่เหลือให้รู้สึกไม่แน่นจนเกินไป แต่ถ้าใครอยากได้เตียง 6 ฟุตก็วางได้นะแต่โต๊ะเครื่องแป้งจะไปกินพื้นที่เปิดตู้เสื้อผ้าพอสมควร

ของจริงกลอนประตูได้แบบ Digital Door Lock แต่เป็นยี่ห้อ Colt แทนนะครับ ซึ่งใช้ได้ครบทั้งรหัสและ Key Card

โซนแรกของห้องจะเป็นพื้นที่นั่งเล่นซึ่งได้ระยะทีวีที่กว้างกำลังดีประมาณ 2.3 ม.สามารถวางทีวีขนาด 46″ – 52″ ได้และระยะทางเดินหน้าทีวีพอให้ทำชั้นวางทีวีแต่ถ้าอยากจะวางโต๊ะกลางด้วยอาจจะแน่นไปหน่อยแนะนำให้หาโต๊ะเล็กๆมาวางจะดีกว่า

พื้นที่วางโซฟาก็พอวางได้ 2 – 3 ที่นั่งถ้าอยากได้โต๊ะวางของข้างๆแบบในห้องตัวอย่างก็จะเหลือแค่ 2 ที่นั่ง  สำหรับฝ้าเพดานสูง 2.5 ม.นะ

สำหรับพื้นที่นั่งทานอาหารจะอยู่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัวซึ่งพอจะวางโต๊ะนั่งกินข้าวขนาด 2 คนได้ พื้นทั้งห้องได้เป็นพื้นลามิเนต

โดยตำแหน่งโต๊ะอาจจะต้องเลื่อนไปทางห้องนั่งเล่นหน่อย คนที่นั่งฝั่งนี้จะได้มีระยะนั่งที่สบายตัวขึ้น

เคาน์เตอร์ครัวที่แถมมาให้จะได้เป็นตู้ชุดบนและล่าง ขนาดอาจจะเล็กไปหน่อยไม่มีที่สำหรับเตรียมอาหาร และเครื่องดูดควันเป็นแบบหมุนเวียนภายในตัว แนะนำว่าให้หาช่างต่อท่อดูดออกไปด้านนอกที่ระเบียงจะดีกว่า ซึ่งปกติแล้วครัวในห้องขนาดเล็กแบบนี้จะเน้นทำอาหารเบาๆมากกว่านะ Top เคาน์เตอร์ครัวได้เป็นหินสังเคราะห์ ตัวลิ้นชักไม่มี Soft Close มาให้

ส่วนประตูออกไปยังระเบียงเป็นบานอลูมิเนียมสีดำบานเลื่อนเดี่ยวเวลาเดินอาจจะต้องเลื่อนเก้าอี้เก็บก่อนนะ

พื้นที่ระเบียงมีขนาดประมาณ 2.2 x 1 ม. วางเครื่องซักผ้าแล้วยังพอมีพื้นที่วางราวตากผ้าได้อยู่

ตัว CDU ของแอร์ติดตั้งแบบเป่าลมร้อนเข้าด้านใน แนะนำว่าถ้าใครไม่อยากให้พื้นที่ระเบียงร้อน หาตะแกรงเบี่ยงทิศทางลมแอร์มาติดนะครับ

เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อประตูห้องนอนจะอยู่ระหว่างโต๊ะกินข้าวกับโซนนั่งเล่น

เมื่อเข้ามาในห้องจะมีพื้นที่โล่งพอสมควร บรรยากาศในห้องจะไม่ได้แน่นหรืออึดอัดนะสำหรับห้องขนาด 25.75 ตร.ม.

เตียงในห้องตัวอย่างก็วางขนาด 5 ฟุตไว้เลยได้บรรยากาศกำลังดีไม่อึดอัดจนเกินไป แต่ระยะปลายเตียงเหลือน้อยไปหน่อย แต่ก็ยังพอให้ทีวีแบบแขวนผนังได้อยู่นะ ส่วนหน้าต่างห้องนอนน่าเสียดายที่ให้มาเล็กไปนิด น่าจะขยายหน้าต่างออกไปชิดผนังอีกสักหน่อย จะช่วยให้ห้องดูโปร่งกว่านี้

หันกลับมาดูทางหน้าห้องน้ำกันบ้าง จะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือใหวางโต๊ะเครื่องแป้งกับใส่ตู้เสื้อผ้าได้ แต่ต้องเป็นบานเลื่อนนะ ถ้าอยากได้บานเปิดแบบ swing ก็ต้องขยับโต๊ะเครื่องแป้งมาทางเตียงแล้วเอาโต๊ะหัวเตียงออกนะครับ หรืออีกทางเลือกคือทำ Built-in เข้ามุมทั้งชุดไปเลยจะลงตัวกว่า ไหนโครงการก็ไม่ได้แถมเฟอร์นิเจอร์ส่วนนี้มาให้อยู่แล้ว

เนื่องจากห้องน้ำของที่นี่เป็นแบบห้องน้ำสำเร็จรูปทำให้พื้นห้องน้ำจะยกสูงจากพื้นห้องนอนเพื่อวางท่องานระบบต่างๆ ซึ่งข้อดีของห้องน้ำสำเร็จรูปนอกจากจะประหยัดเวลาก่อสร้างแล้วยังควบคุมคุณภาพการผลิตได้ดีขึ้นด้วยพวกรอยต่อที่ชอบรั่วตามข้อต่างๆจะดีขึ้นเพราะผลิตและตรวจสอบคุณภาพจากโรงงานเลยไม่ต้องมาวัดใจกับช่างหน้างาน

การจัดวางตำแหน่งสุขภัณฑ์ต่างๆในห้องน้ำจะเป็นไปตามมาตรฐานของห้องน้ำสำเร็จรูป แต่วัสดุของผนังห้องน้ำดีขึ้นจากห้องน้ำสำเร็จรูปในยุคแรกที่เป็นไฟเบอร์เรซิ่น แต่ตอนนี้กรุด้วยกระเบื้องแทนแล้ว ช่วยให้ดูดีขึ้นมาพอสมควรเลยครับ

โถสุขภัณฑ์ได้ของ Cotto ระยะห่างระหว่างโถกับอ่างล้างหน้ากำลังดี

แต่ขนาดของอ่างล้างหน้าถือว่าเล็กไปหน่อยนะ ถ้าเช้าๆรีบล้างหน้าแปรงฟันที่น้ำกระเด็นเลอะรอบๆแน่นอน

พื้นที่อาบน้ำมีขนาดใหญ่กำลังดี อาบน้ำยืดแขกยืดขาได้สบาย พื้นที่ส่วนเปียกก็มีธรณียกสูงมากั้นน้ำไหลออกมา และประตูสามารถเปิดเข้าด้านในได้ น้ำจะได้ไม่เลอะเทอะออกมาข้างนอก

 

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

 

ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 20 April 2018

  • ห้อง A0314 ชั้น 3 พื้นที่ใช้สอย 26.02 ตรม. ราคา 3,269,000 ล้านบาท  หรือประมาณ 125,634 บาท/ตร.ม.
  • ห้อง A0605 ชั้น 6 พื้นที่ใช้สอย 26.02 ตรม. ราคา 3,583,000 ล้านบาท  หรือประมาณ 137,702 บาท/ตร.ม.

  • Fully Fitted
  • ฝ้าเพดานสูง 2.5 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood (หมุนเวียน)
  • จอง,ทำสัญญาและผ่อนดาวน์ (สอบถามเจ้าหน้าที่สำนักงานขาย ณ ปัจจุบันอีกที)
  • ค่ากองทุน 500 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

The Tree อ่อนนุช สเตชั่น เป็นทำเลที่อยู่ในโซนพักอาศัยอยู่แล้วซึ่งเป็นโซนที่มีคอนโดมาขึ้นกันเพียบ สถานีอ่อนนุชจะมีความคึกคักค่อนข้างมากเพราะเมื่อก่อนเป็นสถานีปลายทางของ BTS และเป็นสถานที่เชื่อมต่อกับ Tesco Lotus ใกล้ซอยอ่อนนุชที่มีแหล่งชุมชนอาศัยกันเยอะภายในซอย ทำให้ความอุดมสมบูรณ์รายรอบสถานีมีสูงเรียกว่ามีร้านที่ตอบสนองต่อการอยู่อาศัยครบเลย

สำหรับบริบทรอบโครงการในระยะเดินได้ถือว่าค่อนข้างดีในแง่ของการเดินทางโดยไม่ใช้รถไฟฟ้าเพราะมีระยะเดินไป BTS อ่อนนุช ประมาณ 480 เมตรแถมการเดินไป BTS เดินได้ไม่ยากด้วยเพราะมี Community mall Phyll ติดกับโครงการทำให้เดินผ่านตัว Phyll ได้เลยไม่ต้องเดินทางแดด แต่ถ้าจะเดินด้านนอกก็ไม่มีปัญหาเพราะเค้าปรับทางเท้ายกสูงขึ้นและมีต้นไม้ตามทางพอให้ร่มเงาทัศนียภาพเลยน่าใช้งานดูสะอาด ช่วงปากซอยฝั่งตรงข้ามของ Phyll ก็มีสำนักงานพระโขนงตั้งอยู่ทำให้มีคนมาติดต่อตลอดเวลาทำการ ตรงนี้ก็ช่วยให้บรรยากาศเดินได้ไม่เปลี่ยวและยังช่วยให้มีร้านอาหารราคาย่อมเยาตั้งอยู่ใกล้ๆด้วย เรียกว่าอยู่กินง่ายพอควร

การเดินทางโดยใช้รถยังเดินทางได้สะดวกถึงแม้จะเป็นสุขุมวิทฝั่งเลขคู่ขาเข้าเพราะท้ายซอยสามารถลัดเลาะไปทะลุออกซอยสุขุมวิท 50 เวลาลงทางด่วนก็ไม่ต้องไปเข้าถนนใหญ่สุขุมวิทให้รถติด สามารถใช้ทางลัดมาโครงการได้เลยตรงนี้ช่วยประหยัดเวลาได้เยอะนะครับช่วงเวลาเร่งด่วนตรงแยกอ่อนนุชนี่ติดแบบเอาเรื่องเลยหละ ส่วนทางด่วนตรงสุขุมวิท 62 ก็ไปใช้งานง่ายออกจากปากซอยมีที่กลับรถไม่ไกล เรื่องที่จอดรถให้มา 52% รวมซ้อนคันถือว่ากลางๆนะไม่น้อยจนเกินไปและระยะไม่ได้ไกลจาก BTS อาจช่วยลดปริมาณคนที่ใช้รถลงไปได้บ้าง

ตัวโครงการการออกแบบมาสวยตามมาตรฐานตัวอาคารสร้างแบบเต็มพื้นที่ได้ยูนิตมา 166 ยูนิต ความหนาแน่นถือว่ากำลังดีไม่แน่นไป ได้อัตราส่วนลิฟท์ที่ 83:1 ได้ลิฟท์มา 2 ตัว แบบไม่มีลิฟต์ Service เนื่องจากสร้างอาคารเต็มที่ดินเลยต้องเพิ่มชั้นใต้ดินช่วยเรื่องที่จอดรถได้ระดับนึง ตัวห้องออกแบบมาเน้นไปที่ห้องขนาดเล็กสำหรับคนทำงานหรือซื้ออยู่เป็นบ้านหลังที่สอง เพราไม่มีห้องขนาดใหญ่แบบ 2 Bedroom เลย ผังห้องทำมาได้ลงตัวดีการใช้งานทำได้เป็นสัดส่วนถึงแม้จะไม่ได้ครัวเปิดแต่ระยะการใช้งานฟังก์ชันต่างๆถือว่าโอเค ใครอยากได้พื้นที่เก็บของหรือห้องอเนกประสงค์เพิ่มก็เลือกแบบ 1 Bedroom Plus นะ

วัสดุของที่นี่ถือว่าให้มาน้อยนะเมื่อเทียบกับราคาแล้วได้แค่เคาน์เตอร์ครัวกับห้องน้ำสำเร็จรูปเท่านั้นเอง พื้นได้ลามิเนตทั้งหมดรวมถึงส่วนครัวด้วย พื้นระเบียงได้กระเบื้องเซรามิค ครัวได้ทั้งชุดบนและล่างแต่ให้มาน้อยไปหน่อยตู้บนได้แบบมีหน้าบานแค่ครึ่งเดียวและ Hood เป็นแบบหมุนเวียนไม่ได้ต่อท่อออกไปด้านนอก ส่วนผนังตรงเคาน์เตอร์ครัวกรุกระจกมาให้ถือว่าดีช่วยให้ทำความสะอาดง่ายขึ้น ห้องน้ำได้แบบสำเร็จรูปติดฉากกั้นกระจกมาให้แต่อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์เล็กไปหน่อย

ส่วนกลางจัดมาให้ครบตามสมัยนิยมมี สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย Living Lounge และสวนรอบๆโครงการ แต่ถ้าเทียบกับจำนวนยูนิตให้มาน้อยไปนิด แต่ออกแบบมาดีเพราะเอาส่วนกลางหลักๆไว้ชั้น 2 ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ชั้นบนสุดเหมือนอย่าง The Tree ตรงสุขุมวิท 64 แต่ก็ได้ความเป็นส่วนตัวพอสมควร สระก็ได้ขนาด 4 x 15 ม.พอว่ายได้แต่เอาไว้แช่น้ำเล่นจะเหมาะกว่า Lobby ได้แบบ Double Volume ย่อมเสียพื้นที่ขายมาเพิ่มพื้นที่ส่วนกลางช่วยให้ Lobby ดูดีและน่าใช้งานมากขึ้น

 

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคา 115,000 บาท/ตร.ม., 20 April 2018

  • ทำเล 8.0/10 – ทำเลต้นซอยสุขุมวิท 54 อยู่ติด Phyll และใกล้สำนักงานเขตมีความคึกคักไม่เปลี่ยว
  • เดินทางด้วยรถ 8.25/10 – เดินทางสะดวกมีทางลัดไปทางด่วนทั้ง 2 จุด
  • ไม่ใช้รถ 8.25/10 – ระยะห่างรถไฟฟ้า 480 สภาพทางเท้าดีเดินง่าย
  • วัสดุ 7.25/10 – ให้มาน้อยไปหน่อยเมื่อเทียบกับราคา
  • แบบ 7.75/10 – ออกแบบห้องมาลงตัวดีแต่ละฟังก์ชันใช้งานได้จริง
  • สาธารณูปโภค 7.5/10 – พื้นที่ส่วนกลางน้อยไปนิด ทำบรรยากาศโครงการออกมาดี

  • UPPER CLASS
  • 7.88 / 10.00

BOTTOM LINE

The Tree อ่อนนุช สเตชั่น เหมาะสำหรับคนที่อยากอยู่ในโซนอ่อนนุชเน้นเดินไป BTS สะดวกไม่ต้องต่อรถอีกรอบ มีไลฟ์สไตล์แบบหาของกินง่ายๆในราคาย่อมเยา ชอบโครงการขนาดเล็กไม่พลุกพล่าน ถ้าใช้รถส่วนตัวชอบใช้ทางด่วน ไม่เน้นการใช้งานส่วนกลางมากนัก มีงบประมาณระดับ 2.7 – 4.7 ล้าน หรือมีกำลังผ่อนประมาณ 19,000 – 38,000 บาท/เดือน 

ถ้าเห็นว่ารีวิวนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้ผมหน่อยนะครับ จะได้มีกำลังใจทำรีวิวถัดๆไปครับ

สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )