รีวิวฉบับที่ 1693 … The SHADE สาทร 1 เป็นผลงานคอนโดมิเนียมแรก จาก Developer เจ้าเก่าอย่าง สถาพร เอสเตท ที่เชี่ยวชาญเรื่องการทำบ้านแนวราบมาก่อน และมองเห็นว่าตลาดคอนโดก็เป็นที่น่าสนใจในเทรนด์ปัจจุบัน เลยเลือกทำเลแรกที่จะมาเปิดตัวในย่าน สาทร-พระราม 4 ซึ่งโครงการก็ทำการบ้านมาดีในเรื่องของการวางผังอาคารให้เลี่ยงการมองเห็นเพื่อนบ้านได้ พร้อมทั้งยังมีการใส่ Innovation เกี่ยวกับการอยู่อาศัยมาให้ด้วยทั้ง Smart Locker, Smart Home Solutions ตัวโครงการขายแบบพร้อมเฟอร์นิเจอร์ครบมาเลย

Fact @ 18 September 2018

  • The Shade Sathon 1 (เดอะ เชดด์ สาทร 1)
  • บริษัท สถาพร เอสเตท จำกัด / Sathaporn Estate
  • HIGH CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
  • โครงการตั้งอยู่ใน : ซอยสาทร 1 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา
  • คอนโด Low Rise 1 ชั้น 2 อาคาร 282 ยูนิต
  • อาคาร A จำนวน 166 ยูนิต, อาคาร B จำนวน 112 ยูนิต
  • จอดรถที่ชั้น 1 และลงใต้ดินอีก 3 ชั้นที่อาคาร B
  • ที่จอดรถช่องจอด 142 คัน คิดเป็น 50% (แบบไม่ซ้อนคัน)
  • ที่จอดรถแบบคาดว่าซ้อนคัน 175 คันคิดเป็น 63%
  • ยูนิตต่อชั้นสูงสุด 26 ยูนิตที่อาคาร A
  • ที่ดินประมาณ 2-1-73 ไร่
  • เริ่มก่อสร้าง : ต้นปี 2562
  • คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ตุลาคม 2563
  • 1 Bed 1 Bath ขนาด 28 – 46.5 ตร.ม. (244 ยูนิต)
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 52, 56 ตร.ม. (9 ยูนิต)
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 60 ตร.ม. (25 ยูนิต)
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • ราคาห้องเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ 135,000 บาท/ตร.ม.
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำสุด-สูงสุด n/a บาท/ตร.ม.
  • EIA (การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม) : อยู่ระหว่างดำเนินการ
  • เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
  • โทร  : 087-669-1111

เพียงแค่การกด Like ก็เท่ากับการสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกจาก Think of Living แล้วครับ

สามารถเลือกอ่านตามหัวข้อต่างๆได้โดยกดปุ่มด้านล่างครับ


เจาะลึกเรื่องทำเลที่ตั้ง

พิกัด : 13.718429, 100.550467

แผนที่จากทางโครงการ The SHADE สาทร 1 ตั้งอยู่ในซอยศรีบำเพ็ญ ถนนพระรามสี่ เดินทางได้สะดวกสบายสำหรับการใช้รถยนต์ และรถสาธารณะ ใกล้ MRT สถานีลุมพินีและคลองเตย เป็นทำเลในซอยที่สามารถออกถนนหลักสำคัญได้หลายเส้นอย่างพระราม 4, เชื้อเพลิง, สาทร โดยรอบๆจะไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้า Community malls สถานการศึกษาทุกระดับชั้น โรงพยาบาล โรงภาพยนตร์ สถานบันเทิงและสวนสาธารณะที่เป็นปอดของกรุงเทพฯ อย่างสวนลุมพินีก็อยู่ไม่ไกล

The SHADE สาทร 1 ตั้งอยู่ติดซอยศรีบำเพ็ญ ซึ่งเป็นตัวเมืองอันเป็นชุมชนเก่าด้านหลังซอยสาทร 1 และถนนพระราม 4 โดยถนนบริเวณนี้จะถูกใช้เป็นทางลัดเพื่อไปออกนางลิ้นจี่ สาทร สวนพลู เกอเธ่ พระรามที่ 4 พระรามที่ 3 ถนนจันทน์ ทางด่วนหรือแม้กระทั่งถนนนราธิวาสฯ ทำให้เป็นถนนที่มีทางหนีทีไล่เยอะ เข้าออกได้หลายทาง มีทั้งทางที่รถติดมากและทางที่รถไม่ติดเลย ซึ่งถ้าใครอยากจะอยู่ในพื้นที่แถวนี้ก็ต้องเชี่ยวชาญเรื่องทางลัดทางเล็กทางน้อย ใช้ให้ครบและรู้ให้ทั่วว่าเส้นไหนจะติดเมื่อไรครับ

ในพื้นที่ย่าน สาทร-ศรีบำเพ็ญ-เย็นอากาศ-นางลิ้นจี่ รอบๆโครงการจะค่อนข้างเงียบสงบ สิ่งปลูกสร้างเป็นพักอาศัยเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าดูพื้นที่โดยรอบอย่างที่บอกไปว่าทำเลนี้ใกล้กับย่านธุรกิจย่าน สีลม สาทร พระราม4 และอีกฝั่งจะเป็นทางออกไปถนนพระราม 3 สถานที่สำคัญรอบๆโครงการส่วนใหญ่จึงจะเป็นอาคารสำนักงานต่างๆชื่อดังหลายตึก

แต่ภายในตัวซอยเอง ก็มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งร้านอาหาร, Cafe, มินิมาร์ท, ซูเปอร์มาร์เกต และคอมมูนิตี้มอลล์ไซส์เล็กอยู่กระจายในพื้นที่ ส่วนศูนย์การค้าจะต้องออกไปตามถนนใหญ่หน่อย อาทิเช่น เซ็นทรัลพระราม 3 ใกล้ๆยังมี Community mall The Up พระราม 3, Vanilla Moon และ De’ Forest ยังมีตลาดนางลิ้นจี่, Tops Super, แม็คโคร และ Tesco Lotus ให้คุณแม่บ้านพ่อบ้านจับจ่ายใช้สอย / นอกนั้นก็จะเป็นโรงเรียน โรงพยาบาล สถานทูต ส่วนสวนสาธารณะจะมีสวนลุมพินี และ สวนเบญจกิติในบริเวณใกล้ๆ ซึ่งรวมๆแล้วก็ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์พอสมควร

จะเห็นว่าตำแหน่งของที่ดินโครงการ นั้นอยู่ในเหล่าซอยเหมือนรวงรังผึ้งบริเวณนี้ที่ออกถนนหลักรอบๆได้หลายเส้นเลย ทั้งพระราม 4 / เชื้อเพลิง / พระราม 3 / สาทร / นราธิวาสราชนครินทร์ ซึ่งเป็นถนนสำคัญทั้งสิ้น ซึ่งในแอเรียพื้นที่รอบๆนี้จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่มีความสงบกว่าตรงโซนเจริญกรุง จันทน์เพราะแถวนั้นเป็นย่านค้าขาย อีกทั้งพื้นที่นี้หลายๆคนคงพอเห็นบ้านหลังใหญ่ให้เห็นระหว่างทางเต็มไปหมด เป็นพื้นที่ของคนมีฐานะเก่ามาบุกเบิกเป็นที่อยู่อาศัยเอาไว้เพราะใกล้ถนนหลักหลายด้านแต่อยู่ในซอยนี่แหละ

การเดินทางโดยใช้รถ สามารถใช้เส้นทางไปลัดออกถนนต่างๆได้หลากหลาย ทั้งถนนเย็นอากาศ ถนนนางลิ้นจี่ ถนนสาทร ถนนพระราม4 ถนนจันทน์ ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีทั้งอาคารสำนักงาน และโรงเรียนชื่อดัง แต่ถ้าใช้เส้นทางออกมาทางถนนนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ถนนพระราม 3 การจราจรจะติดขัดน้อยกว่า สำหรับสภาพแวดล้อมรอบๆโครงการส่วนใหญ่เป็นบ้านพักอาศัยชุมชนเก่าในละแวกนี้ มีคอนโด Low Rise และอพาร์ทเมนท์แทรกตัวอยู่บ้าง บรรยากาศค่อนข้างสงบกว่าช่วงต้นซอย ส่วนบริเวณโดยรอบทำเลนี้จะว่าไปก็ใกล้กับย่านธุรกิจย่านสาทร สีลม อโศก สามารถเดินทางไปได้สะดวกแต่จำเป็นที่จะต้องใช้รถ ข้อดีคือใกล้กับทางขึ้นและลงทางด่วน มีเส้นทางลัดเลาะภายในซอยเยอะ สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถก็สามารถเรียกรถสาธารณะต่างๆได้

นี่ครับ ผมลองไปหาจุดทางขึ้นลงทางด่วนใกล้ๆ รอบๆโครงการมาให้ดูว่ามีประมาณไหนบ้าง ก็ไม่ไกลทั้งทางด่วนเฉลิมมหานคร(ขึ้นลงทางพระราม 3) / จุดขึ้นลงทางด่วนบ่อนไก่ที่แยกพระราม 4 – คลองเตย / หรือจะไปขึ้นตรงแยกด่วนสาธุ เพื่อใช้ไปได้ทั้งสีลม-สาทร หรือดาวคะนองก็ได้ เรียกว่าเป็นทำเลที่ใช้ทางเลือกทางด่วนได้หลากหลายจริงๆ

โดยเส้นทางที่ผมเลือกมาในวันนี้ก็เป็นแบบ เส้นสีน้ำเงินในแผนที่นี่แหละครับ มาจากในตัวเมืองสุขุมวิทใช้ทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าลงใต้ ตามป้าย พระราม 3 มาเรื่อยๆไปดูกัน

(เสริมนิดนึง จริงๆแล้วถ้าดูจากแผนที่เส้นทางสีแดงจะใกล้กว่านะครับ ถ้าใครต้องการทำความเร็วกว่าแนะนำใช้เส้นทางนี้ แต่ผมไปเส้นสีน้ำเงินเพื่อต้องการให้เห็นสภาพแวดล้อมความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องอาหารการกิน ความเจริญบนถนนนางลิ้นจี่ เย็นอากาศ และศรีบำเพ็ญครับ)

ผมอยู่บนทางด่วนพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าลงใต้ออกเมือง ตามป้าย ดาวคะนองมาต่อเนื่องนะครับ ซึ่งพอหลังๆจะมีป้าย “พระราม 3” มาแทรก ให้เราอิงจุดนี้ เพราะเราจะลงบนเส้นพระราม 3 ก่อนครับ

พอลงจากทางด่วนมาแล้ว เราจะมาบรรจบเชื่อมกับถนนพระราม 3 นั่นเอง

ซึ่งพอเราเข้าสู่ถนนพระราม 3 แล้ว ให้เราค่อยๆชิดขวาไปเรื่อยๆนะ ไม่ต้องรีบปาดหน้าอะไร ทยอยๆเปลี่ยนเลนไปชิดขวา เพราะอีกไม่ไกล เราจะต้องเลี้ยวขวาที่แยกนางลิ้นจี่ด้านหน้า

มาถึงที่แยกนางลิ้นจี่แล้ว ตรงนี้ชิดขวา 2 เลน เพื่อสามารถเลี้ยวขวาได้

พอเราเลี้ยวขวามาแล้ว จะเข้าสู่ถนนนางลิ้นจี่ล่ะ ก็ให้เราตรงยาวๆไปเลย

ตรงนี้จะเป็นแยกไฟแดงที่เราต้องวิ่งตัดผ่านถนนรัชดาภิเษก รอสัญญาณไฟ และลิดใต้ทางด่วนเฉลิมมหานครที่มาตอนแรกด้วย

หลังจากข้ามแยกไฟแดงมาแล้ว เราจะเจอไฟแดงที่สอง ซึ่งตรงนี้ซ้ายมือเราจะเห็นถนนจันทร์เก่า(สามารถไปออกสู่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ได้) และขวามือเป็นซอยอมร(สามารถไปออกถนนพระราม 3 ได้) แต่เรายังตรงต่อไปอีกนิดหน่อยครับ

ตรงโซนนี้ริมตึกแถวด้านขวาคือโซนด้านหน้าของตลาดนางลิ้นจี่ ซึ่งเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์เก่าแก่ของพื้นที่ มีลักษณะอาหารการกินเป็นสตรีทฟู๊ดซึ่งคงเอกลักษณ์ของพื้นที่ตรงนี้อยู่ มีอาหารอร่อยๆให้เลือกเพียบ

หลังจากนั้นเลยตลาดมานิดเดียว ขวามือเราจะเห็นซอยนางลิ้นจี่ซอย 3 ที่ผมแคปภาพมาให้ดูเพราะว่า เมื่อก่อนใครๆย่านนี้ก็จะมาพึ่ง “Tops Market นางลิ้นจี่” ที่อยู่ข้างหน้าใช่ไหมล่ะ แต่ตอนนี้เค้าย้ายมาอยู่ในซอยนี้แล้วนะ

แปลงที่ดินของ “Tops Market นางลิ้นจี่” ที่เมื่อก่อนเคยอยู่หัวมุมสามแยกตัดกับถนนเย็นอากาศตอนนี้มีการล้อมรั้วพื้นที่ใหม่แล้ว ซึ่งกำลังก่อสร้างเป็น Community Life Style Mall แห่งใหม่ครับ ซึ่งถ้ามีร้านสวยๆ อาหารดีๆเพิ่มขึ้นมาก็ดีแก่คนแถวนี้ ตรงนี้ให้เราเลี้ยวขวาเลยครับ

หลังจากเลี้ยวขวามาแล้วเราก็จะเข้าสู่ซอยเย็นอากาศ โอ้.. เห็นป้ายบอกย้ายท็อปไปแล้วคนแถวนี้แอบใจหายเล็กๆ ยังดีแค่ย้ายไปใกล้ไม่ได้หายไป ทีนี้เราก็ตรงกันต่อเลย วิ่งไปให้สุดซอยเย็นอากาศไปเลยนะครับจะเจอกับสามแยก

หลายๆคนก็คงทราบกันแล้วว่าโซนนางลิ้นจี่ เย็นอากาศพวกนี้ เป็นย่านของกลุ่มที่มีมีบ้านแนวราบกำลังทรัพย์สูงหลายหลังที่มาอยู่อาศัยบุกเบิกพื้นที่ เพราะฉะนั้นเราจะเห็นสภาพแวดล้อมที่เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่อยู่ริมทางสองฝั่ง และมีต้นไม้ปลูกร่มรื่นแบบนนี้ระหว่างเดินทางสลับๆกันไป

วิ่งเข้ามาได้เลยครึ่งทางนิดนึงนะครับ ตรงนี้จะเจอสามแยกกับซอยเย็นอากาศ 2 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนานาชาติ Garden อยู่ด้วย

ถัดมาจะเจอกับร้าน Infusion Eatery & Bar ร้านนี้ดังพอสมควรนะ เป็นร้านอาหารสไตล์โฮมเมด แนวฟิวชั่น ที่บรรยากาศร้านสงบๆหน่อย แต่ราคาก็สูงขึ้นมานิดนึงตามวัตถุดิบครับ

สิ้นสุดซอยเย็นอากาศแล้วนะครับ จะเป็นสามแยก ซึ่งตรงนี้ถ้าเราเลี้ยวซ้ายจะไปออกได้ทั้งพระราม 4 และก็สาทร แต่เราเลี้ยวขวาตรงนี้นะครับ

ในซอยศรีบำเพ็ญนี่ถือว่าเป็นซอยที่ไม่เปลี่ยวนะครับ มีแหล่งร้านอาหารตามสั่งริมทางให้เห็นเป็นระยะๆเลย รวมไปถึงมินิมาร์ทก็หาไม่ยาก จะติดก็ตรงฟุตบาทเดินเท้ามันแคบเดินค่อนข้างยากหน่อยนั่นเอง

ในซอยศรีบำเพ็ญสิ่งที่เห็นชัดหน่อยก็คือเป็นแหล่งรวม “พื้นที่พักอาศัย” ที่มีทั้งอพาร์ทเมนท์ คอนโด Hostel บ้านเดี่ยว เต็มไปหมด อย่างคอนโดข้างหน้าทางขวามือเป็นของลุมพินีที่มาเปิดตั้งหลายปีมากๆแล้ว(สมัยนั้นยังสร้าง 9 ชั้นได้อยู่เลย)

เขยิบมานิดเดียวทางซ้ายมือจะเป็นปากซอยไกรสีห์ ซึ่งจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ประจำอยู่ตรงนี้ และเป็นวินที่ใกล้โครงการที่สุดแล้ว ไม่ถึง 100 เมตรครับ / อีกทั้งทางขวามือที่ใต้ตึกของคอนโดลุมพินีนั้น จะเป็นพวกส่วนของ Shop ปล่อยเช่าพื้นที่ซึ่งก็เปิดให้คนภายนอกมาใช้บริการได้ มีทั้งมินิมาร์ท ร้านทำผม ทำเล็บ ตู้เอทีเอ็มอยู่ด้วย

อัตราค่าโดยสารพี่วินครับ เชื่อว่าถ้าหลายคนอยู่ตรงนี้ในชั่วโมงเร่งด่วนคงได้ใช้เป็นแน่

ถึงหน้าแปลงที่ดินโครงการแล้วครับ ปัจจุบันส่วนด้านหน้าที่ติดถนน โครงการทำเป็น Sale Office Gallery ขึ้นมาให้เห็นเด่นๆครับ

ซึ่งตรงข้ามกับโครงการ ก็จะมีชุดตึกแถวร้านค้า เป็นร้านอาหารตามสั่งเสียเป็นส่วนใหญ่ ก็ถือว่าเดินข้ามโครงการมาก็มีให้เลือกเลย 4 ร้านนะ

และก็ฝั่งตรงข้ามๆเยื้องๆกับประตูทางเข้าโครงการจะเป็นสีลมเซาว์น่า

ในส่วนถ้าเราเลยแปลงโครงการไปนั้น ซอยศรีบำเพ็ญนั้นสามารถตรงไปออกได้ 2 ทางคือ 1. ไปออกถนนเชื้อเพลิงใต้ทางด่วน และไปแยกใต้ด่วนพระราม 4 ได้ / 2. ไปออกถนนนางลิ้นจี่ได้ โดยตัดเข้าซอยประสาทสุขด้านหน้าอีกนิดนึงครับ

ให้ดูด้านหน้า Sale Office Gallery อีกครั้งเต็มๆครับ ทำเป็นส่วนของอาคารชั้นเดียว ซึ่งด้านในจะมีทั้งโมเดล และห้องตัวอย่าง

ผมลองเดินเข้ามาในที่ดินโครงการนะครับ ซึ่งฝั่งทิศเหนือคือถนนด้านหน้าโครงการ สองฝั่งที่ไม่มีอาคารมาประชิดคือเหนือและใต้ครับ แต่ตะวันออกและตะวันตกจะมีโครงการเพื่อนบ้านอยู่ก็คือลุมพินี และศรีบำเพ็ญคอนโด ตอนแรกก็แอบกังวัลใจว่าจะมีการบล็อควิวกันรึเปล่า แต่พอผมเอาผังอาคารมาแปะลงใน Google Maps(รูปถัดไปด้านล่าง) ก็จะเห็นว่าโครงการมีการคิดเรื่องการวังผังเลี่ยงการบังอาคารมาได้ดีทีเดียว

นี่ครับ ผมลองตีขอบเขตที่ดิน พร้อมเอาตำแหน่งอาคารและห้องมาแปะให้ดูกัน ตึกด้านหน้าคือตึก A และด้านหลังคือตึก B เราจะเห็นว่าโครงการให้ความสำคัญในการวางตำแหน่งห้องที่มีการคิดเรื่องจะต้องเห็นอาคารสูงข้างเคียง โดยถ้าใครอยู่ในห้องตำแหน่งไหนถ้ามองตรงๆจากในห้องจะไม่เห็นอาคารสูงที่อยู่ติดกับฝั่งตะวันออกและตะวันตกทั้งคู่เลย ถึงจะเห็นพื้นที่ด้านในโครงการกันเอง ถ้าใครเลือกชั้นเตี้ยหน่อยก็จะเป็นวิวพื้นที่ส่วนกลางระหว่างอาคารด้วยครับ

สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น

  • Garden International school
  • โรงเรียนอนุบาลบ้านสานฝัน
  • โรงแรมไอบิส สาทร
  • Crescent International school
  • Tops Market Nanglinchee
  • โรงแรมสุโขทัย
  • สวนลุมพินี
  • โรงพยาบาล BNH
  • โรงพยาบาล, โรงเรียน กรุงเทพคริสเตียน
  • โรงพยาบาล, โรงเรียน, วิทยาลัย เซนต์หลุยส์
  • Central Plaza Rama 3
  • The Up Rama 3
  • Vanilla Moon
  • Makro สาทร


เจาะลึกตัวโครงการ

The SHADE สาทร 1 เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น 2 อาคาร ที่แบ่งอาคาร A ด้านหน้า จำนวน 166 ยูนิต, อาคาร B จำนวน 112 ยูนิต รวมทั้งหมดแล้ว 282 ยูนิต โดยจะมีรูปแบบห้องพักอาศัยเป็น 1-2 ห้องนอน ช่วงขนาดอยู่ที่ 1-2 ห้องนอน 28 – 60 ตร.ม. แล้วแต่ตำแหน่ง และมีห้องให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย

ในส่วนที่ติดถนนด้านหน้าจะแบ่งพื้นที่เป็น Retail Shop ให้เช่าทั้งหมด 4 ยูนิต โดพื้นที่ตรงนี้คนนอกสามารถมาใช้ Shop ได้ แต่ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะการจะเดินเข้าหรือรถเข้าออกเข้าไปด้านในโครงการจะต้องใช้ Keycard Access ทั้งหมด

ในส่วนของเรื่อง Facade โครงการเป็น Modern Contemporary ร่วมสมัยทั่วไป แต่จะมีการใช้วัสดุของไม้ มาเป็นส่วนตกแต่งผิวอาคารด้านหน้าเป็นเส้นแนวตั้งเพื่อให้ดูมีความธรรมชาติมาร่วมนิดหน่อย โทนสีอาคารจะเป็น Earth Tone สลับกับสีขาว

ตำแหน่งของอาคาร A จะอยู่ฝั่งด้านหน้าติดกับถนนซอยศรีบำเพ็ญซึ่งจะมีรูปทรงเป็น U Shape และ อาคาร B ด้านหลังเป็น I Shape ซึ่งถ้าดูจากผังที่ผมแปะใน Google Maps ก่อนหน้านี้อย่างที่บอกว่าโครงการจัดรูปทรงตึกออกมาได้ดีในเรื่องของการหลบเลี่ยงมองเห็นคอนโดสูงข้างๆจากฝั่งตะวันออกและตะวันตก

โดนส่วนที่มองเห็นกันเอง ถ้าชั้นล่างๆหน่อยก็จะเห็นเป็นพื้นที่ส่วนกลางนั่นเองครับ โดยทั้งคู่แต่ละอาคารก็จะมี Lobby ทั้งคู่ แต่ Lobby ตัวอาคาร A จะพิเศษหน่อยเป็นแบบเพดานสูง Double Volume สูงถึง 5 เมตร และจะมีห้อง Living Room เป็นส่วนกลางรวมอีกส่วนที่ชั้น 2 อาคาร A (เป็นแบบ Double Volume ด้วยเช่นกัน)

มาที่พื้นที่กึ่งกลางระหว่างอาคาร A และอาคาร B กันบ้างครับ พื้นที่แนวราบชั้น 1 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำระบบเกลือ ซึ่งมีขนาด 5 x 22 เมตร ลึก 1.20 เมตร และมีโซนแยกส่วนจากุชชี่ด้วย / และที่เราเห็นอาคารเล็กๆนั้น โครงการจะทำเป็นส่วนของ ClubHouse แยกอาคารออกมาเป็น 3 ชั้น ซึ่งภายในจะประกอบไปด้วยห้องน้ำ, ห้องอเนกประสงค์, Fitness

ทางฝั่งนี้เป็นฝั่งที่หันออกไปทางทิศตะวันตกซึ่งติดกับคอนโดลุมพินีสูง 9 ชั้น และ บมจ.แจ๊กเจียอุตสาหกรรมที่มีอาคาร 5 ชั้นตรงด้านหลัง ซึ่งโครงการก็วางผังอาคารไม่ให้มีห้องพักอาศัยหันมาทางนี้เลย

และพื้นที่ส่วนกลางสุดท้ายก็คือ Rooftop Garden ที่ดาดฟ้าตึก A นั่นเองครับ โครงการตั้งชื่อเล่นเก๋ๆมาว่า Sunset Garden

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายนอก ส่วนของ Exterior ด้านหน้าโครงการ

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายใน พื้นที่ส่วนกลางบริเวณระหว่างอาคาร A,B เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ ขนาด 5 x 22 เมตร ลึก 1.20 เมตร และมีโซนแยกส่วนจากุชชี่ด้วย และพร้อมพื้นที่นั่งเล่นใต้ซุ้มศาลาตกแต่ง กับเตียงนอนอาบแดด

ส่วนของอาคาร ClubHouse ที่ผมบอกไปในโมเดลครับ ฝั่งที่หันมาทางสระว่ายน้ำชั้น 2-3 จะทำเป็นผนังกระจกทั้งหมด ซึ่งตัวชั้น 1 จะต้องเดินสโลปลงนิดนึงเป็นส่วนของห้องน้ำ ห้องแต่งตัวแยกชายหญิง / ชั้น 2 ออกแบบเป็นห้องอเนกประสงค์ และชั้น 3 จะเป็นส่วนของห้องออกกำลังกาย

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายใน พื้นที่ส่วนกลาง ภายในอาคาร ClubHouse ชั้น 3 ที่เป็นพื้นที่ส่วนกลางห้องออกกำลังกายรับวิวสระว่ายน้ำ

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายใน พื้นที่ส่วนกลางบริเวณ Lobby อาคาร A เป็นพื้นที่ Double Volume สูงถึง 5 เมตร และตกแต่งภายในเป็น Mood&Tone ที่ดูเข้มขรึมหน่อยเป็น Black&White ลายหินอ่อน

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายใน พื้นที่ส่วนกลางบริเวณ Lobby อาคาร B จะอยู่ติดกับโถงลิฟต์ แต่เปิดช่องแสงหลักออกไปยังพื้นที่ส่วนกลางระหว่างอาคารที่ด้านนอกเป็นสระว่ายน้ำ พร้อมทั้งทั้งเป็นโต๊ะเคาน์เตอร์แบบยาวเอาไว้มานั่งเล่นหรือทำงานก็ได้

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายใน พื้นที่ Mail Box Area ภายในอาคาร ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ด้านหน้าลิฟต์โดยสาร ทั้งสองอาคารก็จะเป็นแบบนี้เช่นเดียวกัน

Perspective ภาพจำลองบรรยากาศภายนอก พื้นที่ส่วนกลางบริเวณ Rooftop Garden ที่ดาดฟ้าตึก A ที่มีชื่อเล่นเก๋ๆอย่าง Sunset Garden

Ground Plan การเดินรถภายในโครงการนี้ทั้งหมดจะเป็นแบบทูเวย์สามารถสวนทางกันได้ จอดรถได้ที่ชั้น 1 ใต้อาคาร และที่ด้านในอาคาร B จะมีทางลงไปใต้ดินได้อีก 3 ชั้นเป็นพื้นที่จอดรถ ซึ่งจะมีช่องจอด 142 คัน คิดเป็น 50% (แบบไม่ซ้อนคัน) และที่จอดรถแบบคาดว่าซ้อนคัน 175 คันคิดเป็น 63%

ฝั่งด้านหน้าโครงการ จะเป็นส่วนของอาคาร A มีการแบ่งพื้นที่เป็น Retail Shop ทั้งหมด 4 ยูนิต และด้านในจะมีกับ Grand Lobby ซึ่งจะเป็นแบบกินพื้นที่ 2 ชั้น แต่ที่อาคาร B ก็มี Lobby นะแต่จะเป็นแบบชั้นเดียว ระหว่างอาคาร A,B จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักเริ่มจากสระว่ายน้ำระบบเกลือ 5×25 เมตร และมีอาคาร ClubHouse ที่แยกตัวออกมา 3 ชั้น ซึ่งชั้น 1 จะเป็นส่วนของห้องน้ำห้องแต่งตัวแยกชายหญิง

ที่ชั้น 2 เป็นส่วนชั้นพักอาศัยแรก โดยเริ่มที่อาคาร A ด้านหน้าก่อน อาคารนี้จะเป็นรูปทรงตัว U ที่เอาตำแหน่งลิฟต์ไว้ตรงกลาง จะได้เฉลี่ยการเดินไปห้องพักของลูกบ้านทั้งสองฝั่งไม่ไกลมาก จะมีบางส่วนเป็น Void จากล็อบบี้ชั้นล่าง โดยห้องพักหลักจะเป็น 1 Bed และมี 2 Bed แค่ห้องเดียวเท่านั้นมีจำนวน 15 Unit/floor

อาคาร B ด้านหลังจะเป็นรูปทรงตัว I เข้าใจง่ายๆ โดยเลือกเอาตำแหน่งลิฟต์ไว้มุมใกล้กับอาคาร Clubhouse ทำให้มีห้องที่ต้องเดินไกลอยู่บ้าง จะสังเกตได้อย่างนึงว่าห้องที่ตำแหน่งอยู่ด้านในวิวส่วนกลาง จะเป็นไซส์ขนาดใหญ่หน่อยอย่าง 38, 60 ตร.ม. และห้องไซส์เล็กหันออกด้านนอกอาคารทางทิศใต้ (แต่ฝั่งนี้ก็ไม่ได้โดนบังวิวอาคารสูงใดเป็นบ้านพักอาศัยทั่วไป) ซึ่งจะมีจำนวนห้อง 16 Unit/floor

ที่ชั้น 3 ส่วนที่เปลี่ยนไปคืออาคาร A ด้านหน้า จะขยายพื้นที่ห้องพักขึ้นเป็นรูปตัว U เต็มตัวแล้ว ทำให้เป็นชั้นที่มีจำนวนห้องพักเต็มที่สุดของอาคาร A คือ 26 Unit/floor ครับ  เอ้อ เมื่อกี้ยังไม่ได้บอก เราจะเห็นว่ามีบางส่วนที่เป็น Single Corridor Loaded (โถงทางเดินเดี่ยว) เพราะฝั่งนี้เป็นฝั่งที่อยู่ติดกับคอนโดลุมพินี ที่โครงการออกแบบไม่ต้องเห็นเพื่อนบ้านครับ แต่จะสามารถเปิดหน้าต่างเพิ่มลมและแสงแบบเฉียงเพื่อเข้ามายังโถงทางเดินได้ด้วย

ชั้น 5-8 แปลนชั้นจะเหมือนกับชั้น 4 ก่อนหน้าเลยครับ ส่วนที่ต่างไปก็คือตำแหน่งห้อง A520 (อาคาร A) ซึ่งถูกรวมเป็นห้อง 2 Bedroom แทนครับ (จากชั้นก่อนหน้าเป็น 1 Bed สองห้อง) ทำให้ชั้นนี้มีห้องลดลงเป็น 25 Unit/floor ครับ

สรุปสิ่งอำนวยความสะดวก

  • ชั้น 1 : Grand Lobby Double Volume ที่อาคาร A
  • ชั้น 1 : Pocket Lobby ที่อาคาร B
  • ชั้น 1 : Retail Shop 4 Unit
  • ชั้น 1 : สระว่ายน้ำออกกำลังกายระบบเกลือ 5 x 25 เมตร ลึก 1.2 เมตร แยกโซนจากุชชี่
  • ชั้น 1 : Pool Deck / Pool Bed / Pavillion
  • ชั้น 1 : อาคาร Club House 3 ชั้นประกอบไปด้วย W.C./ Multipurpose / Fitness
  • ชั้น 2 : Living Room แบบ Double Volume ที่อาคาร A
  • ชั้น ดาดฟ้า : Rooftop Gaden ที่อาคาร A
  • Smart Locker
  • Co-Inspiration Space
  • ลิตฟ์โดยสาร 2 ตัว/อาคาร , ไม่มี Service Lift
  • จอดรถที่ชั้น 1 และลงใต้ดินอีก 3 ชั้นที่อาคาร B
  • ที่จอดรถช่องจอด 142 คัน คิดเป็น 50% (แบบไม่ซ้อนคัน)
  • ที่จอดรถแบบคาดว่าซ้อนคัน 175 คันคิดเป็น 63%
  • Shuttle Car Service ไป MRT ลุมพินี 1 คัน
  • ระบบ CCTV / Access Card


Product Walkthrough

รูปแบบห้องพักอาศัยที่นี่จะมีทั้งหมด 3 กลุ่มนะครับ โดยโครงการจะขายเป็นแบบ Fully Furnished มาให้เลย

  • 1 Bed 1 Bath ขนาด 28 – 46.5 ตร.ม. (244 ยูนิต)
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 52, 56 ตร.ม. (9 ยูนิต)
  • 2 Bed 2 Bath ขนาด 60 ตร.ม. (25 ยูนิต)

ส่วนอุปกรณ์ทั้ง 4 ชิ้นในรูปด้านบนนี้เป็นสิ่งที่โครงการให้มาเพิ่มเป็นมาตรฐานอีกนะครับ ทั้ง

  • เครื่องซักผ้า 8 kg. และอบผ้าได้ 5 kg. ของ Electrolux
  • แอร์ในทุกห้องนอน ของ Panasonic ระบบ Nanoe-G
  • Digital Door Lock ของ MAZI แบบ 4 Way Access
  • เครื่องทำน้ำร้อนของ Stiebel (จากเยอรมัน)
  • ระบบ Home Automation สั่งการเปิดปิด ไฟ แอร์ ทีวี

ห้องตัวอย่างแรกที่จะพาไปดูคือ 1 Bedroom ขนาด 34.90 ตร.ม. โดยห้อง Type นี้จะแบ่งฟังก์ชั่นการใช้งานแบบง่ายๆเป็นฝั่งขวาจะเป็นส่วนของพักอาศัยที่เอาห้องนั่งเล่นชิดกับส่วนประตูก่อนและได้ Space ที่ค่อนข้างกว้างพอสมควรรวมกับพื้นที่รับประทานอาหารไปเลย(หรือเป็นมุมโต๊ะทำงานในตัวก็ได้) แต่ว่าจะไม่ได้แสงธรรมชาติมากนักต้องอาศัยช่องแสงที่ผ่านมาจากทางครัว ส่วนของห้องนอนจะอยู่ด้านนอก ซึ่งได้ชุดเฟอร์มาตามแปลนเลยค่อนข้างลงตัวแล้ว

ฝั่งซีกซ้ายทั้งหมดจะเป็นส่วนของที่มีการใช้งานหนักโดยเราจะเห็นว่าแยกเปลี่ยนเป็นงานพื้นกระเบื้องทั้งหมด ได้แก่ ห้องน้ำ, ห้องครัว(ปิด), ระเบียง เรียงตัวกันไปครับ โดยตำแหน่งของครัวจะสามารถใช้ประตูกั้นระหว่างระเบียงช่วยเสริมในเรื่องของการระบายกลิ่นได้ แต่พื้นที่ระเบียงจะค่อนข้างเล็กหน่อย แค่พอออกไปยืนสูดอากาศได้เท่านั้น เพราะครึ่งนึงเป็นพื้นที่วางคอมแอร์ฯ

เข้ามาในห้องส่วนแรกเป็น Common Area ที่รวมฟังก์ชั่นระหว่างห้องโถงนั่งเล่นรับแขก กับส่วนรับประทานอาหารครับ เราจะเห็นว่า Space ในพื้นที่นี้ค่อนข้างกว้างพอสมควร ตัวพื้นในห้องจะเป็นกระเบื้องไวนิลลวดลายไม้ โทนสีอ่อน และความสูงจากพื้นถึงฝ้าเพดานคือ 2.50 เมตร

ทางฝั่งซ้ายมือจะเห็นชุดเฟอร์ชิ้นแรกที่โครงการทำมาให้เลยคือเจ้า “ตู้เก็บรองเท้า” ซึ่งตำแหน่งค่อนข้างดีเหมาะในการใช้ นอกจากจะเก็บรองเท้าแล้ว ภายในตู้ชิ้นนี้มีการแบ่งสัดส่วนให้เก็บของชิ้นทรงยาวอย่างร่ม ถุงกอล์ฟ ไม้กวาด อะไรพวกนี้ได้อีกด้วยนะ

ต่อเนื่องมาจากตู้เก็บรองเท้า จะเป็นชุด Built-In ติดผนังอย่างโซนชั้นวางทีวีครับ โดยทางโครงการจะให้มาหน้าตาแบบนี้เลย ปิดผิวด้วยลามิเนตลายไม้สีอ่อน เพื่อต้องการให้ห้องนี้เป็นโทนสว่าง ดูสบายตา ระยะนั่งดูทีวีประมาณ 2.60 เมตร โดยเลือกทีวีไซส์ 40-50 นิ้วกำลังเหมาะครับ

ด้านบนเป็นรตำแหน่งที่ติดตั้งตัวแอร์อยู่เหนือชั้นวางของแบบลอยตัว ไม่มีหน้าบาน เอาไว้สำหรับเป็นมุมโชว์ของสะสมส่วนตัว

ส่วนของด้านล่างก็จะเป็นแบบลิ้นชัก 4 ช่องครับ ด้านใต้สามารถวางพวกรองเท้าเพิ่มได้นะครับ เอาใส่กล่องเก็บรองเท้าเอาไว้ หรือถ้าอยากได้พื้นที่เก็บของเพิ่ม ก็เอาทีวีแขวนผนังซะ จะได้พื้นที่ในการวางของเพิ่มนั่นเอง

ฝั่งตรงข้ามกับชั้นวางทีวี ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่เห็นจะได้ทั้งหมดเช่นกัน ยกเว้น Decorate ส่วนของผนัง ที่ติดกระจก ติดลวดลายไม้นั่นเอง (ของจริงจะเป็นผนังฉาบเรียบทาสี)

ชุดตู้ที่ติดผนังตรงนี้เจ๋งดีครับ แบ่งช่องในการเก็บของได้คุ้มค่ากับพื้นที่มากๆ พวกตัว Fitting เป็น Soft Closed ทั้งหมด

รวมไปถึงชุดโซฟาแบบ 2-3 ที่นั่งในห้องตัวนี้ด้วย ด้านล่างก็มีซ่อนที่เก็บของลิ้นชักบานเลื่อนได้ จะเห็นว่าค่อนข้างให้ความสำคัญต่อพื้นที่การเก็บของในห้องตามมุมต่างๆพอสมควรเลยครับ

ถัดมาข้างๆกับพื้นที่วางโซฟา จะเป็นมุมของโต๊ะรับประทานอาหาร (หรือจะเป็นโต๊ะนั่งทำงานไปด้วยก็ได้ 2 in 1 ) เนื่องจากผังห้องนี้เอา Living Area ไว้ชิดด้านใน และกั้นทุกโซนเป็นสัดส่วนหน่อย เลยจะทำให้ไม่ได้แสงธรรมชาติมากนัก มุมนี้ผมแนะนำให้ติดไฟส่องสว่างเพิ่มขึ้น หรือจะทำแบบห้องตัวอย่างที่เป็นไอเดียมาให้เลยก็ได้ครับ

มองไปอีกฝั่งนึงจะเห็นประตูสองบาน ทางฝั่งซ้ายเป็นส่วนของทางเข้าพื้นที่ครัว และทางฝั่งขวาจะเป็นบานประตูห้องนอน ซึ่งโครงการไม่ได้ติดตั้งบานประตูมาให้นะครับ

เข้ามาในส่วนของห้องนอนแล้ว เอาจริงๆ Space พื้นที่การเดินต่างๆก็ถือว่าดีทีเดียวเลยนะครับ อย่าลืมว่าโครงการให้เฟอร์ฯมาแบบนี้เลย (ยกเว้นฟูกที่นอน) (และก็ส่วนตกแต่งผนัง)

ลองกดมุมกล้องต่ำให้ดูหน่อย เพื่อให้เห็นพื้นที่การเดินในส่วนทั้งด้านข้างและปลายเตียงค่อนข้างโอเค

พื้นที่ด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่งประมาณ 60 กว่าซม. ซึ่งนอกจากเดินได้สบายและ จะสามารถวางเจ้าเฟอร์ฯโต๊ะข้างหัวเตียงทั้งสองฝั่ง เราจะได้วางโคมไฟได้ (มีลิ้นชักเก็บของด้วย)

ที่ปลายเตียงตัวชุดเฟอร์ที่มีมาตรฐานคือ ชุดโต๊ะเครื่องแป้ง และติดกันจะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้า Built-In , ตำแหน่งของแอร์ก็จะอยู่เหนือโต๊ะเครื่องแป้งตรงนี้

หน้าตาของชุดตู้เสื้อผ้าแบบ Built-In ที่โครงการทำมาให้แบบสูงจรดฝ้าเพดาน ซึ่งหน้าบานฝั่งนึงจะเป็นกระจกดเงาเอาไว้ให้ส่องหลังจากแต่งตัวเสร็จ และอยู่ใกล้ช่องแสงด้วย

ชุดหน้าต่างช่องแสงในห้องนี้ให้ขนาดมาค่อนข้างกว้าง กรอบบานวงกบเป็นอลูมิเนียมสีดำ ฟิคการเปิดเกือบทั้งหมด โดยตำแหน่งที่เปิดได้จะเป็นขวาบน เป็นแบบบานกระทุ้งครับ

ออกมาจากห้องนอน ทางขวามือจะเป็นส่วนของประตูทางเข้าห้องครัว ซึ่งโครงการจะให้เป็นประตูกระจกใสบานเลื่อนมาให้ และทำเป็นรางเลื่อนด้านบนมาให้ด้วย (ซึ่งทำรางบนแบบนี้คือช่วยในเรื่องการข้ามโซนจะได้ไม่ต้องกลัวเดินสะดุด) และพื้นในโซนครัวจะเปลี่ยนเปกระเบื้องแกรนิตโต้สีสว่าง เพื่อที่จะได้ทำความสะอาดง่าย ไม่กลัวน้ำเหมาะกับพื้นที่ครัว

พื้นที่ครัว ได้เป็นครัวโซนปิด เหมาะแก่การทำอาหารทานเองได้แบบจริงจัง โดยภาพรวมด้านบนก็จะเป็นส่วนของตู้แขวนผนังทั้งหมดยาวต่อเนื่องเก็บของแบบจุใจเลย ทางซ้ายมือสุดเป็นทางเข้าห้องน้ำ และขวามือติดกับเป็นที่วางตู้เย็น และทางออกไประเบียง

และถึงแม้เป็นแค่ห้อง 1 Bedroom แต่น้ำหนักของพื้นที่ครัวค่อนข้างแบ่งช่องเก็บของต่างๆได้เยอะมากและเป็นแบบกันกระแทกทั้งหมด มีช่องพอดีกับตัวเครื่องซักผ้ามาเลย

โครงการเค้ามีเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้ 1 ชิ้นด้วยนะตรงนี้ ก็คือ “เครื่องซักผ้าและอบผ้าในตัว” ของ Electrolux แบบในห้องตัวอย่างมาให้เลย เป็นไซส์ซักผ้าได้ 8 kg., อบผ้าได้ 5 kg.

ในส่วนของ Top ครัวจะเป็นหินแกรนิตสีดำ ผนังต่อเนื่องด้านหลังที่เป็น Backsplash จะมีมาให้ด้วย เป็นวัสดุเป็นไวนิล(ลายหินธรรมชาติสีขาว) ซึ่งมันดูสวยงามดีนะ Contrast กับท๊อปครัวดี / และส่วนของ Hob&Hood ได้เป็นของ FRANKE

ส่วนทางฝั่งขวามือของพื้นที่ครัวติดกัน เป็นฟังก์ชันของระเบียง ซึ่งพื้นจะกั้นด้วยธรณก่อขึ้นมาระดับนึงเพื่อกันน้ำฝนสาด และบานกระจกกั้นครึ่งนึงเป็นพ่นฝ้า(เพื่อไม่ให้เห็นส่วนคอมแอร์, อีกครึ่งนึงเป็นบานใส)

พื้นที่ระเบียงครึ่งนึงฝั่งซ้ายจะเป็นตำแหน่งวางแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ หันลมร้อนออกด้านนอก และมีระแนงเหล็งกั้นสายตาจากภายนอก ส่วนของพื้นที่ใช้งานระเบียงไม่ได้กว้างมาก พออออกไปยืนสูดอากาศได้ เนื่องจากโครงการรู้ว่าไซส์ระเบียงไม่ต้องใหญ่มากนักสำหรับตาก เพราะว่าให้เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอบผ้าในตัวมาให้แล้ว

จากที่ระเบียง มองกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นประตูส่วนทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งในห้องน้ำไม่ได้ติดตั้งประตูมาให้นะครับ

ในส่วนของห้องน้ำ ห้องตัวอย่างไม่ได้ลดสเต็ปพื้นบริเวณทางเข้ามาตรงพื้นที่ส่วนแห้งที่เป็นส่วนแรก โดยการจัดการใช้งานจะเรียงตัวกันตั้งแต่ อ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ และด้านในสุดเป็นพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียก

ฝั่งขวามือสุดติดกับประตูทางเข้า จะเป็นส่วนของโซนอ่างล้างมือ มีตู้เก็บของเป็นสัดส่วนด้านบนพร้อมหน้าบานกระจกเงา ส่วนด้านล่างเป็นอ่างล้างมือเซรามิกที่ได้พื้นที่วางของรอบอ่างได้ และเสริมที่มีที่เก็บของใต้อ่างด้วย

ติดกันด้านข้างๆ เป็นส่วนตำแหน่งของสุขภัณฑ์ ได้ระยะ การหยิบจับมาตรฐานครับ ยี่ห้อจะเป็นของ TOTO

ด้านในสุดเป็นส่วนของพื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียก โดยพื้นที่อาบน้ำค่อนข้างกว้าง 1.0 x 1.30 เมตร โดยโครงการจะให้กระจกนิรภัยฉากกั้นมาเลย มีการเซาะร่องผนังด้านใน เพื่อไปติดตั้งชั้นวางเก็บของเพิ่มในส่วนอาบน้ำ และชุดฝักบัวยังมีเสริมในส่วนของ Rain Shower มาให้ด้วย


ห้องตัวอย่างอีกห้องคือ 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 60 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในโครงการนี้แล้วครับ เหมาะสำหรับสมาชิก 2-3 คนแบบเป็นครอบครัวขนาดเล็กก็ได้ โดยส่วนแรกสุดจะเป็น Common Area ทรงยาวที่มีพื้นที่ทานอาหารและห้องนั่งเล่นรวมกันและติดกันด้านนอกเป็นระเบียง ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องแสงธรรมชาติส่งมายังโถงรวมนี้ด้วย ห้องนี้จะได้เป็นพื้นที่ครัวปิดยังทำอาหารจริงจังได้เหมือนกันนะครับ การจัดวางส่วนห้องนอนทั้งคู่เอาไว้ชิดฝั่งผนังหน้าต่างเพื่อเน้นรับแสงแดดธรรมชาติ และห้องน้ำอยู่ชิดผนังทางเดินด้านใน ซึ่งทั้งคู่มีฟังก์ชันอาบน้ำมาให้พร้อมเลย

โดยส่วนแรกสุดจะเป็น Common Area ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาว ที่มีพื้นที่ทานอาหารและห้องนั่งเล่นรวมกันและติดกันด้านนอกเป็นระเบียง ซึ่งทำหน้าที่เป็นช่องแสงธรรมชาติส่งมายังโถงรวมนี้ด้วย

มองย้อนกลับมาที่ประตูทางเข้าก่อนนะครับ ฝั่งนึงที่เห็นกระจกกั้นอยู่นั้นเป็นโซนครัวปิด และข้างๆประตูอีกฝั่งยังเป็นพื้นที่ตู้เก็บของและรองเท้ามาให้เหมือนกัน

ตู้เก็บของและเก็บรองเท้าแบบ Built-In ห้องนี้จะได้ขนาดที่กว้างกว่า สามารถเก็บรองเท้าและของใช้ต่างๆได้เยอะกว่า

มองไปอีกฝั่งเป็นส่วนของพื้นที่ครัวครับ ซึ่งถึงแม้ตำแหน่งจะอยู่ชิดกับด้านในทางเข้าประตู โครงการเลยให้เป็นผนังประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอนแบบสูงถึงฝ้าเพดานมาแทน เพื่อที่จะได้เป็นทั้งพื้นที่ครัวปิด และยังได้แสงธรรมชาติผ่านเข้ามาได้ กับดูเป็นพื้นที่โปร่งสายตา

ตัวบานเลื่อนนั้นสามารถเปิดออกได้ทั้งฝั่งซ้ายและขวา โดยสามารถไปกองชิดไว้ฝั่งใดฝั่งนึงก็ได้ครับ แล้วแต่การใช้งาน เวลาเราไม่ได้ใช้งานพื้นที่ครัว ก็สามารถเปิด 2 ตอนถึงไว้ เพื่อที่จะได้เชื่อมพื้นที่กับโถงรวมให้ดูกว้างยิ่งขึ้น

ตัวพื้นส่วนครัว ยังเปลี่ยนแยกการใช้งานเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้สีขาวอยู่เหมือนกันนะครับ ทำความสะอาดง่าย

การแบ่งพื้นที่เก็บของ ช่องวางไมโครวเฟ และพื้นที่ทำอาหารของครัว จะเหมือนๆกับห้องแรกที่พาไปดูนะครับ ซึ่งพวกวัสดุอุปกรณ์ต่างจะเหมือนกัน ไม่เล่าซ้ำละกันนะครับ

ด้านล่าง Pantry ก็เป็นตู้แบ่งเป็นช่องเก็บของต่างๆมาได้เยอะเหมือนกัน และก็แบ่งพื้นที่วางเครื่องซักผ้าแบบ 2in1 อบผ้าได้ด้วย เอาไว้ตรงนี้ด้วย

มองออกมาจากส่วนห้องครัว ตรงข้ามกับจะเป็นพื้นที่โซนรับประทานอาหาร ซึ่งห้องตัวอย่างจะวางเป็นโต๊ะรับประทานอาหารแบบ 4 ที่นั่งมาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งด้วยพื้นที่แล้วเราสามารถปรับเพิ่มเป็นแบบ 6 ที่นั่งยังได้ด้วยนะครับ และแนะนำว่าโต๊ะตัวนี้เวลาไม่ได้ทานอาหารก็ทำเป็นโต๊ะที่นั่งทำงานกว้างๆสบายๆไปด้วยเลย

ถัดมาจากพื้นที่รับประทานอาหาร จะมีพื้นที่อีกเล็กน้อย ซึ่งตรงนี้เรามีตัวเลือกการจัดห้องได้หลายแบบนะครับ ระหว่างจะเอาโต๊ะข้างโซฟามาวาง, ทำเป็นมุมโต๊ะทำงานเป็นสัดส่วนแยก หรือไม่ก็ทำตู้ Built-In ชั้นวางของใช้ของโชว์เพิ่ม แล้วแต่ความต้องการของเจ้าของห้อง

ถัดมาเป็นส่วนของ Living Zone นั่งเล่นรับแขก ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่โครงการให้มาเป็นชุดดังในภาพเลยนะครับ ทั้งโซฟา โต๊ะกลาง และโซนชั้นวางทีวีทั้งหมดครับ จะได้เป็น Mood Tone เดียวกันเป็นโทนสว่างลายไม้ธรรมชาติ ระยะดูทีวีประมาณ 2.30 เมตร โดยระยะขนาดนี้จัดทีวีไซส์ 40-42 นิ้วกำลังดี

หน้าตาชุดโซฟาที่ได้เป็นแบบ 2-3 ที่นั่ง มีพนักพิงแขนฝั่งนึง และยังเหมือนเดิมมีลิ้นชักเก็บของด้านใต้ข้างล่างได้

ชุดชั้นวางทีวีทีเป็นเฟอร์บิวท์จากโครงการ ยังสามารถเก็บของได้เยอะเหมือนกัน โดยมีแบบหน้าบานปิดด้านล่าง และชั้นบนเป็นแบบเปิดโล่งเหมาะกับโชว์ของ

ส่วนที่ติดกันกับพื้นที่นั่งเล่นคือ ฟังก์ชันระเบียงครับ ซึ่งโครงการจะทำเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 2 ตอนมาให้ (พ่นฝ้ามาฝั่งนึง ฝั่งขวา เพื่อที่จะได้บังส่วนมองเห็นคอมแอร์ฯ) โดยห้องนี้จะได้มีแอร์ทั้งหมด 3 ตัว หันลมร้อนออกด้านนอกอาคารครับ

ส่วนของพื้นที่ระเบียง สามารถใช้งานได้ครึ่งนึง ซึ่งการใช้งานกว้างกว่าห้อง 1 Bed แรกที่พาไปดูหน่อย อย่าลืมนะเราไม่ต้องตากผ้าที่ระเบียงนะครับเพราะมีเครื่องอบผ้า 😀  ผมว่าทำเป็นมุมทำสวนกระถางก็ดีนะ

กลับมาด้านในห้องตรงกลางอีกครั้ง จะมีส่วนของโถงทางเดินที่ความกว้างพอสมควรแจกทางไปยังห้องต่างๆ โดยเหนือพื้นที่ตรงนี้จะเป็นตำแหน่งของแอร์ Wall Type ขนาดที่ BTU มากสุดครับ (ประมาณ 18,000 BTU) / เดี๋ยวเราไปดูห้องแรกทางซ้ายมือสุดอย่างห้องนอนเล็กกันก่อน

ห้องนอนเล็ก ผมลองกดมุมกล้องลงล่างเพื่อให้ดูพื้นที่ระยะทางเดินก่อนนะครับโดยรวมๆแล้ว 3 ฝั่ง ข้างเตียงและปลายเตียงจะเหลือที่ประมาณ 40- 60 ซม. ซึ่งก็เดินได้อยู่ครับ (เตียงยังมีลูกเล่นเก็บของใต้เตียงได้เหมือนเดิมนะ)

ให้ดูภาพมุมกว้างส่วนของห้องนอนเล็ก ประมาณนี้ครับ โดยเอาเตียง Queen Size วางไว้กลางห้องครับ ขนาดของช่องแสงจะเหมือนกับห้อง 1 Bedroom แรกที่พาไป ค่อนข้างกว้างพอสมควร

พื้นที่ทางเดินด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่ง โดยฝั่งขวาจะเป็นทางเดินไปยังพื้นที่ตู้เสื้อผ้า และฝั่งซ้ายมีโต๊ะข้างหัวเตียง 1 ตัวและสามารถเดินไปเปิดปิดผ้าม่านได้ปกติ

ส่วนของปลายเตียงถ้าใครเป็นคนชอบนอนดูทีวี ก็สามารถเอาทีวีแขวนผนังแบบห้องตัวอย่างได้ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็แขวนผนังตามนี้นะฮะ

ชุดตู้เสื้อผ้าก็จะเหมือนกันทุกห้องเป็นแบบมาตรฐานแบบนี้ครับ ห้องเมื่อกี้ไม่ได้ให้ดูชัดๆเรื่องตัวมือจับที่ยื่นออกมาเล็กน้อย อีกทั้งมีการซีลสักหลาดกันฝุ่นไว้ด้วย

ออกมาจากห้องนอนเล็ก จะเห็นประตูสองห้อง ไปดูส่วนของฝั่งตรงข้ามกันต่อที่เป็นห้องน้ำ

ห้องน้ำห้องนี้เป็นส่วนที่ใช้ร่วมกันระหว่างส่วนนั่งเล่นรับแขก กับส่วนของผู้อยู่อาศัยในห้องนอนเล็กครับ ซึ่งฟังก์ชันจะเป็นแบบ Full Option แยกพื้นที่ส่วนแห้งและส่วนเปียก(พื้นที่อาบน้ำ) โดยจะเป็นแบบทรงผืนผ้า เรียงตัวการใช้งานเข้าใจง่ายๆ อ่างล้างมือ สุขภัณฑ์ และอาบน้ำครับ

โดยวัสดุต่างๆก็จะเหมือนกับห้องน้ำแรก เป็นชุดของ TOTO เป็นหลัก แต่ว่าจะได้พื้นที่เก็บของมากกว่าอย่างตู้ และพื้นที่รอบอ่างล้างมือครับ

พื้นที่อาบน้ำแยกส่วนเปียกด้วยกระจกนิรภัย อยู่โซนด้านในสุด พื้นที่อาบค่อนข้างกว้างแบบพิเศษเป็น L Shape ซึ่งผมแนะนำว่า ตรงพื้นที่ทางซ้ายมืเราสามารถติดตั้งพวกชั้นวางเก็บของใช้ในการอาบน้ำเพิ่มเอาเองก็ได้ ไหนๆก็ได้พื้นที่มาแล้ว

ออกมาจากห้องน้ำมาดูส่วนของห้องสุดท้ายอย่าง Master Bedroom ซึ่งเปิดเข้ามาจะเห็นส่วนด้านนอกห้องน้ำ อย่างตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้ง

หันไปทางขวาหน่อย จะเห็นว่าห้องนอนใหญ่นี้จะมีห้องน้ำในตัวเลย

ซึ่งถ้าดูจากฟังก์ชันห้องน้ำแล้ว เรียกว่าเหมือนกับห้องน้ำด้านนอกเป๊ะเลย จะมีส่วนที่แตกต่างกันก็คือ ในเรื่องของความกว้างในทางเดินโซนพื้นที่แห้ง ที่ห้องนี้จะกว้างกว่านั่นเอง

ออกจากห้องน้ำ มองไปอีกฝั่งจะเป็นส่วนพื้นที่วางเตียงนอนครับ โดยตำแหน่งเตียงจะไปอยู่ใกล้กับช่องแสงในห้อง เพื่อให้ได้ความโปร่งโล่ง และยังสามารถเอาทีวีแขวนผนังได้

ระหว่างด้านข้างหัวเตียงฝั่งขวาจะมีชุดโต๊ะทำงานอยู่ได้ขนาดโอเคนะ หรือถ้าไม่ทำงานในห้องนอน ตรงนี้ก็คงทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งนั่นเองครับ

พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งซ้ายเหลือสำหรับทางเดินกว้าง 55 ซม. ได้ชุดโต๊ะข้างหัวเตียง(แบบมีลิ้นชัก) มาเหมือนกัน โดยรูปแบบช่องแสงมาตรฐานเหมือนกับห้องก่อนหน้าครับ

Image 1/12
A1

A1

เนื่องจากโครงการนี้มีตำแหน่งห้องที่รูปทรงค่อนข้างหลากหลาย เลยมีรูปแบบย่อยของแต่ละห้องนอน ให้เลือกหลายแบบหน่อยนะครับ โดยผมเอาแปลนห้องทั้งหมดมาแปะไว้ให้ส่วนนี้แล้ว ใครชอบขนาดไหน ตำแหน่งตรงไหนก็ลองมาดูเอานะครับ

**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะครับ

ราคาและเงื่อนไขการขาย @18 September 2018

  • 1 Bed 1 Bath ขนาด 28 – 46.5 ตร.ม. | ราคาเริ่มต้นประมาณ 3.69 ล้านบาท
  • 2 Bed 1 Bath ขนาด 52, 56 ตร.ม. | ราคาเริ่มต้นประมาณ 7 ล้านบาท
  • ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรทั้งโครงการ Average 135,000 บาท/ตร.ม.

  • Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ Built-In, ลอยตัว, เครื่องปรับอากาศ 1-2 ตัว
  • ฝ้าเพดานสูง 2.50 เมตร
  • Kitchen & Sink
  • Hob & Hood
  • จอง 1 Bed 10,000 บาท / 2 Bed 20,000 บาท
  • ทำสัญญา 5%
  • ดาวน์ประมาณ 5% ผ่อนดาวน์ 20 งวด
  • ค่ากองทุน 600 บาท/ตร.ม.
  • ค่าส่วนกลาง 55 บาท/ตร.ม./เดือน

**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ครับ


เจาะลึกรวบยอด

ทำเล โครงการ The SHADE สาทร 1 จัดเป็นโครงการคอนโดมิเนียมใจกลางเมือง อยู่ในตำแหน่งของทำเลซอยที่ไม่ใช่ถนนใหญ่ หากใครเชี่ยวชาญเป็นคนพื้นที่ก็จะรับทราบดีกว่าพื้นที่บริเวณนี้มีทางลัดเลาะได้เยอะมาก แม้ว่าในช่วงเวลาเร่งด่วนที่รถติดมากๆก็ยังพอมีทางหนีทีไล่ไปออกถนนต่างๆได้เกือบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นพระรามที่ 4, พระรามที่ 3, สาทร, ถนนจันทน์, ถนนนราธิวาสฯ, ถนนเชื้อเพลิง ตลอดจนจุดขึ้นลงทางด่วน ทำให้เป็นทำเลที่เหมาะกับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวมากกว่าคนที่ไม่ได้ใช้รถยนต์นะครับ

การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล จัดว่าสะดวก สามารถใช้เส้นทางไปลัดออกถนนต่างๆได้หลากหลาย ทั้งถนนเย็นอากาศ ถนนนางลิ้นจี่ ถนนเชื้อเพลิง ถนนพระราม 4 ถนนสาทร ซึ่งเป็นถนนสายหลักทั้งสิ้นที่มีทั้งอาคารสำนักงานเป็นย่านธุรกิจ และโรงเรียนชื่อดัง ข้อดีอีกอย่างคือใกล้กับทางขึ้นและลงทางด่วน ทั้งสองสายอย่างเฉลิมมหานครและด่วนศรีรัช

การเดินทางแบบไม่ใช้รถยนต์นั้น ทางโครงการจัดให้มี Shuttle Car Service รองรับพาลูกบ้านไปยัง MRT ลุมพินี แต่ด้วยจำนวนเพียงคันเดียว อาจจะต้องรอกันนานหน่อย ซึ่งถ้ารอไม่ไหวก็เดินออกไปหน้าโครงการไม่ถึง 100 เมตรจะมีพี่วินมอเตอร์ไซค์ให้เรียกใช้ได้ ส่วน Taxi ซอยนี้เป็นซอยที่มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นระดับนึง และคนนิยมใช้เป็นทางลัดไม่น้อย ทำให้มี Taxi วิ่งผ่านหน้าโครงการอยู่บ่อยๆเรียกง่ายครับไม่ต้องกังวลว่าไม่อยู่ติดถนนใหญ่จะเรียกใช้ยาก

วัสดุ ที่รูปแบบการขายโครงการนี้คือ Fully Furnished ที่ให้มาครบเลยทั้งเฟอร์ Built-In และลอยตัว, ชุดครัว Hob&Hood, พื้นเป็นกระเบื้องยางไวนิล, Floor to Ceiling 2.50 เมตร และในห้องน้ำได้ของ TOTO ฉากกั้นกระจก  เครื่องทำน้ำอุ่น Rain Shower, แถมที่นี่ยังให้เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วนอย่าง แอร์ เครื่องซักผ้าอบผ้า Digital DoorLock และระบบ Home Automation(ควบคุมไฟ,แอร์,ทีวี) เรียกว่าให้มาสมกับราคา

การออกแบบ อันดับแรกเริ่มจากการวางผังอาคารที่หลบเลี่ยงวิวอาคารสูงจากเพื่อนบ้านทั้งสองฝั่ง ทำได้ดี รวมถึงมีการคิดเรื่องทางลม Flow ไหลผ่านระหว่างอาคารมาด้วยครับ ส่วนถัดมาหน้าตาตัวอาคารเป็นสไตล์ Modern Contemporary ร่วมสมัยทั่วไป | รูปแบบห้องพักที่นี่เน้นแต่ 1 Bedroom เป็นหลัก แต่ก็รองรับมีห้อง 1 Bed Plus กับ 2 Bed อยู่ด้วย เผื่อใครจะอยู่อาศัยจริงจังเป็นครอบครัว ทำให้มี Layout ห้องค่อนข้างหลากหลาย ซึ่งทั้งหมดเราจะเห็นว่าเอาส่วนห้องห้องนั่งเล่นชิดด้านใน ห้องนอนรับแสงธรรมชาติติดผนังด้านนอก แยกครัวปิด เรียกว่ากั้นเป็นสัดส่วนทั้งหมด แต่จะให้ความสำคัญกับพื้นที่ระเบียงน้อยหน่อยเพราะว่าไม่ต้องตากผ้านั่นเอง

สาธารณูปโภค ถ้าเรามองผิวเผินถึงจำนวนยูนิต ที่สองร้อยปลายๆแล้ว อาจจะเยอะหน่อยสำหรับ Low Rise แต่มาดูเค้ามีสระว่ายน้ำไซส์ใหญ่ พื้นที่นั่งเล่นรอบสระ Lobby แยกแต่ละอาคาร สวนดาดฟ้า มีการจัดเอา Smart Locker มาให้ และมีการทำอาคาร ClubHouse 3 ชั้น แยกส่วนออกมาให้อีกจุดทั้งห้องอเนกประสงค์และก็ Fitness ด้วยครับ ซึ่งจริงๆแล้วก็ให้เหมาะสมกับจำนวนยูนิตเหมือนกัน อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคอนโด Low Rise ที่ให้ส่วนกลางเยอะแชร์ริ่งเยอะหน่อย เราจะได้สเกลความใหญ่ของส่วนกลางมากกว่าอาคารที่มียูนิตน้อยกว่านั่นเองครับ

Judgement

การให้คะแนน ให้แบบ Weight Average โดยมุ่งหาความคุ้มค่า เทียบกับราคาที่จ่ายไป โดยมีส่วนที่พิจารณาดังนี้

ทำเล 35%, การเดินทางโดยใช้รถ 15%, การเดินทางโดยไม่ใช้รถ 15%, วัสดุ 15%, การออกแบบ 10% และสาธารณูปโภค 10%

เทียบกับราคาประมาณ AVG ทั้งโครงการ 135,000 บาทต่อตารางเมตร, 18 September 2018

  • ทำเล 7.75/10 – ทำเลในเมืองใกล้สาทร พระราม4 ไม่ติดถนนใหญ่ อยู่ในซอยแต่ลัดเลาะออกง่าย มีทางหนีทีไล่เยอะ
  • เดินทางด้วยรถ 8/10 – เดินทางสะดวก ลัดเลาะได้หลากหลาย ใกล้ทางด่วนหลายจุด และมีที่จอดรถเยอะ
  • ไม่ใช้รถ 7.25/10 – ห่างจาก MRT ประมาณ​ 1 กิโลเมตร มีรถ Shuttle รับ-ส่ง, ใกล้วิน, เรียก Taxi ไม่ยาก
  • วัสดุ 8.5/10 – Fully Furnished เครื่องใช้ไฟฟ้าบางส่วน และ Home Automation ของค่อนข้างครบ
  • แบบ 7.5/10 – วางแผนตำแหน่งอาคารได้ดีไม่โดนบังวิวเพื่อนบ้าน และลมวิ่งผ่านได้ แบบห้องเน้นหลักไปที่ 1 Bed ครอบครัวเริ่มต้น เน้นให้ห้องนอนเป็นตัวรับแสงหลัก ห้องโถงอยู่ด้านใน แยกครัวปิด
  • สาธารณูปโภค 7.75/10 – จัดออกมาได้สวยมีการใช้งานหลักๆครบ สระ Clubhouse ล็อบบี้เพดานสูง ห้องทำงาน แต่จำนวนเพื่อนบ้านก็เยอะตามส่วนกลางที่ให้นะครับ มี Smart Locker และ สวนดาดฟ้าด้วย

  • HIGH CLASS
  • 7.80 / 10.00

BOTTOM LINE

The SHADE สาทร 1 เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหาบ้านในเมือง สมาชิกได้ตั้งแต่ 1-3 คน ชอบทำเลโซนสาทร-พระราม 4 เป็นหลัก ไม่ต้องการคอนโดใกล้ MRT มากนัก แต่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลเดินทางสะดวกใกล้ทางด่วน ที่ไม่อยากเสียเวลากับการเดินทางเข้าเมืองมาทำงาน และด้วยระดับราคาถือว่าไม่แพงมากหยิบจับได้ง่าย อาจจะซื้อไว้เพื่อการลงทุนหรือซื้อไว้เพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2  มีงบประมาณ 3.7 – 7 ล้านบาทหรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 26,000 – 49,000 บาท