รีวิวฉบับที่ 1127 … สวัสดีค่ะ ช่วงนี้บ้านเรามีการก่อสร้างรถไฟฟ้า ทางด่วน แถมมีถนนตัดใหม่ขึ้นมาหลายเส้นทาง Developer หลายเจ้าจึงเริ่มเข้าไปจับจองพื้นที่ทำเลใหม่ๆเหล่านี้กันอย่างคึกคัก วันนี้เราก็มีโครงการบ้านใหญ่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่มาฝากกัน กับโครงการ The Royal Tier บ้านเดี่ยวระดับ Luxury จาก ธงสิริ ซึ่งโครงการนี้อยู่ติดกับถนนใหญ่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ใกล้จุดตัดกับถนนกาญจนาภิเษก ตัวโครงการเป็นบ้าน 2 ชั้นครึ่ง ที่มี Double Volume สูง 7 เมตร กันเลยทีเดียว หน้าตาโครงการจะเป็นอย่างไรไปดูพร้อมๆกันเลยค่ะ ^^
Fact @ 14 July 2016
- The Royal Tier (เดอะ รอยัล เทียร์)
- บริษัท ธงสิริ กรุ๊ป จำกัด
- LUXURY CLASS (อ่านรายละเอียดของ Segment บ้านได้ที่นี่)
- โครงการตั้งอยู่ใน : 456 ถนนพรานนก พุทธมณฑลสาย 4 แขวงบางเชือกหนัง เขตตลิ่งชัน กรุงเทพ
- เนื้อที่โครงการ 6 ไร่ 1 งาน 79.2 ตารางวา จำนวน 18 ยูนิต
- Type A ที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 26 ล้านบาท
- Type B ที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 24 ล้านบาท
- Type C ที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ราคาเริ่มต้น 22 ล้านบาท
- เพดานชั้น 1 สูง 7 เมตร และ 3.5 เมตร , ชั้น 2 และ 3 สูง 3.5 เมตร
- ราคาเริ่มต้น 22 ล้านบาท
- ที่ดินเพิ่มลดตารางวาละ 150,000 บาท
- โครงการเริ่มก่อสร้าง : ตุลาคม 2558
- คาดว่าแล้วเสร็จทั้งโครงการ : สิงหาคม 2561
- เวปไซต์โครงการ : คลิกที่นี่
- สำนักงานขาย :02-408-8333, 085-155-0999
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
NEW! เพื่อนๆสามารถเลือกอ่านตามหัวข้อได้โดยกดปุ่มไปยังหัวข้อที่สนใจได้นะคะ
พิกัด : 13.754829, 100.411855
โครงการ The Royal Tier ตั้งอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างแยกไฟฉายมาถึงถนนกาญจนาภิเษก โดยตัวโครงการอยู่ค่อนมาทางถนนกาญจนาภิเษก ระหว่างทางจะผ่านถนนราชพฤกษ์ และถนนพุทธมณฑลสาย 1 ด้วย สำหรับรถไฟฟ้าที่ใกล้โครงการมากที่สุด คือ สถานีแยกไฟฉาย รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงบางซื่อ – ท่าพระ ตั้งอยู่บริเวณแยกไฟฉายบริเวณจุดตัดของถนนพระเทพฯตัดใหม่กับถนน จรัญสนิทวงศ์พอดี ซึ่งตอนนี้โครงการรถไฟฟ้ากำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดว่าน่าจะเปิดให้ใช้กันประมาณปี 2562
ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่ ซึ่งเป็นทำเลสำหรับคนที่อยากหาบ้านใหญ่ติดถนนใหญ่และใช้เส้นกาญจนาภิเษกเป็นหลักอาจจะใช้ชีวิตอยู่ในโซนที่เลยกาญจนาภิเษกไปแล้ว แต่ก็ไม่อยากได้บ้านที่เลยไปทางพุทธมณฑลสาย 2 ยังอยากได้บ้านที่อยู่ก่อนข้ามเส้นวงแหวนกาญจนาภิเษกไป เอาไว้เผื่ออยากจะวิ่งเข้าเมืองก็ทำได้ไม่ยากเพราะมีเส้นทางให้เลือกเยอะขึ้นอยู่กับว่าอยากไปโซนไหน
ถนนหลักของโครงการเป็นถนนที่ตัดขึ้นใหม่เพื่อใช้ระบายการจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ เนื่องจากถนนจรัญฯแต่เดิมเป็นถนนเส้นยาวที่ไม่มีแยกและทางลัดมากนัก โดยจะมีซอยใหญ่ๆ ที่สามารถใช้ที่เชื่อมไปออกถนนราชพฤกษ์ได้อยู่ 2 ซอยคือ ซอยจรัญฯ 13 และ ซอยจรัญฯ 35 จุดเริ่มต้นของถนนพระเทพฯตัดใหม่นี้เริ่มจากบริเวณแยกไฟฉาย บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตรงมาเรื่อยๆตัดผ่านถนนราชพฤกษ์ ถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไปบรรจบกับ ถนนกาญจนาภิเษก กินระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร ปัจจุบันถนนนี้สร้างใกล้เสร็จแล้ว มีรถเข้ามาวิ่งกันแล้วบ้างแต่ยังไม่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เนื่องจากบริเวณแยกไฟฉายมีการขุดเจาะอุโมงค์และทำสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินอยู่ ซึ่งถ้าถนนสายนี้เสร็จจะทำให้การจราจรบนถนนจรัญสนิทวงศ์ และถนนราชพฤกษ์คล่องตัวขึ้นมาก และยังช่วยเพิ่มช่องทางในการเดินทางเข้าเมืองของคนฝั่งพุทธมณฑล โดยไม่ต้องใช้ถนนบรมราชชนนีซึ่งในช่วงเวลาเร่งด่วนก็มีสภาพการจราจรที่หนาแน่นเช่นกัน
การเข้าถึงโครงการ เนื่องจากถนนพระเทพฯตัดใหม่เป็นถนนที่ตัดผ่านถนนหลายสาย จึงสามารถเข้าถึงโครงการได้จากหลายเส้นทาง เช่น ทั้งถนนจรัญสนิทวงศ์ , ถนน ราชพฤกษ์ , ถนน พุทธมณฑลสาย 1 และ ถนน กาญจนาภิเษก หากเป็นคนที่ทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ในละแวกนี้ก็ถือว่ามีเส้นทางให้เลือกในการเดินทางหลากหลาย ส่วนการเดินทางไปยังที่ต่างๆสามารถใช้เส้นทางไปถนนบรมราชชนนี ถนนเพชรเกษม ถนนรัตนธิเบศร์ ถนนพุทธมณฑล ถนนจรัญสนิทวงศ์ ปิ่นเกล้าหรือออกไปยังจังหวัดนครปฐมได้
การเข้าถึงโครงการหากมาจากถนนจรัญสนิทวงศ์ ราชพฤกษ์ พุทธมณฑลสาย 1 หรือเพชรเกษมให้ใช้ถนน พระเทพฯตัดใหม่วิ่งตรงมาเรื่อยๆจะไม่สามารถเลี้ยวเข้าหน้าโครงการได้เลย ต้องไปยูเทิร์นที่ใต้สะพานบริเวณจุดตัดระหว่างถนนพระเทพฯตัดใหม่กับถนนกาญจนาภิเษก และหากมาจากถนนบรมราชชนนีวิ่งเข้าถนนกาญจนาภิเษก จะต้องเบี่ยงซ้ายก่อนถึงสี่แยกเข้าสู่ถนนพระเทพฯตัดใหม่เพื่อไปยังโครงการค่ะ
เครดิตภาพจาก – http://www.sirat-orr.com/P06.html
ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ก่อสร้างทางสายหลัก , ทางขึ้น-ลงทางพิเศษ, ทางแยกต่างระดับ และ ระบบจัดเก็บค่าผ่านทางพร้อมสะพานลอยกลับรถเพื่อแก้ไขปัญหาจุดตัดถนนท้องถิ่นช่วงจากถนนกาญจนาภิเษกถึงสะพานพระรามหกจำนวน 5 แห่ง โดยกำหนดทางขึ้น-ลงไว้ 6 แห่งคือ
- บริเวณถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก)
- ทางขึ้นลงราชพฤกษ์
- ทางแยกต่างระดับบรมราชชนนี
- ทางขึ้นลงบางบำหรุหรือถนนสิรินธร
- ทางขึ้นลงจรัญสนิทวงศ์
- ทางขึ้นลงพระราม 6
- ทางขึ้นลงกำแพงเพชรตรงทางแยกต่างระดับศรีรัช (ด่วนขั้นที่ 2)
ทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้โครงการที่สุดคือ ทางขึ้น-ลง ราชพฤกษ์ อยู่บริเวณจุดตัดของถนนบรมราชชนนีกับถนนราชพฤกษ์ โดยมีกำหนดจะเปิดใช้บริการในปี 2559 นี้อีกด้วย
ถ้าโฟกัสที่ตัวโครงการเองในปัจจุบันต้องหวังพึ่งความอุดมสมบูรณ์บนถนนกาญจนาภิเษกซะมากกว่า เนื่องจากโครงการอยู่ใกล้จุดตัดระหว่างถนนพระเทพฯตัดใหม่ และถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งถนนกาญจนาภิเษกนี้ก็เป็นถนนใหญ่ที่สองข้างทางจะมีหมู่บ้าน ตึกแถว ร้านค้า ร้านอาหาร มี Community Mall อย่าง The Paseo Park ส่วนตลาดใกล้ๆโครงการก็มีตลาดน้ำคลองลัดมะยม ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้ หรือจะไปบนตรงแยกต่างระดับเพชรเกษมก็มี The Mall บางแค อีกตัวเลือกหนึ่งบนถนน จรัญสนิทวงศ์ ก็เป็นแหล่งชุมชนที่มีคนอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ อาคารบ้านเรือนส่วนใหญ่จะเป็นตึกแถวมีร้านค้าอยู่ด้านล่าง มีตลาดสดอยู่หลายแหล่ง เช่น ตลาดบางขุนนนท์ ตลาดบางขุนศรี ตลาดวังหลัง และมี Hypermarket เรียงกันอยู่ตามแนวถนน เช่น Tesco Lotus , แม็คโคร และ Foodland
ส่วนสภาพแวดล้อมของถนนพระเทพฯตัดใหม่ในตอนนี้ มีสภาพเหมือนถนนราชพฤกษ์ในช่วงแรกๆ คือพื้นที่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นที่โล่งมีหมู่บ้าน และ บ้านพักอาศัยอยู่บ้างยังไม่มีโครงการอะไรมาขึ้นมากนัก แต่แนวทางการพัฒนาถนนเส้นนี้ในอนาคตคาดว่าน่าจะเจริญรอยตามถนนราชพฤกษ์ สังเกตจากการที่มีโครงการบ้านระดับหรูมาขึ้นบ้างแล้ว โดยปัจจุบันถนนราชพฤกษ์ เป็นทำเลของหมู่บ้านโดยเฉพาะโครงการระดับหรูที่มาแย่งกันขึ้นทั้งสองฝั่งของถนน เป็นถนนที่มีความเจริญและอุดมสมบูรณ์ค่อนข้างสูงพอสมควร มีร้านอาหารทั้งรถเข็น ร้านเล็กใหญ่ มีตลาดทั้งแบบปูเสื่อขายแบกับดิน และ ตลาด Food Villa ที่มีร้านค้าร้านอาหารมากมาย
เนื่องจากโครงการนี้อยู่ใกล้จุดตัดระหว่างถนนพระเทพตัดใหม่และถนนกาญจนาภิเษก จึงอิงการใช้เส้นทางกาญจนาภิเษกเป็นหลัก การเดินทางในวันนี้เราจึงจะพาไปดูเส้นทางจากถนนบรมราชชนนี้เลี้ยวเข้าถนนกาญจนาภิเษก ดูสภาพแวดล้อมสองข้างทางของถนนกาญจนาภิเษก จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระเทพตัดใหม่ จนมาถึงโครงการค่ะ
เราเริ่มจากถนนบรมราชชนนีช่วงใกล้ทางแยกต่างระดับฉิมพลี ซึ่งเป็นจุดตัดระหว่างถนนบรมราชชนนีกับถนนกาญจนาภิเษก สังเกตป้ายด้านหน้าให้เตรียมชิดซ้าย ตามทางไปบางแคค่ะ
ขับมาอีกนิดนึงจะเจอทางแยก หากตรงไปจะไปยังบางบัวทอง แต่เราจะเลี้ยวซ้ายตามป้ายไปบางแค เพื่อเข้าถนนกาญจนาภิเษก
เรามาอยู่บนถนนกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นถนนกว้าง 12 เลน สองข้างทางของถนนเส้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นสิ่งปลูกสร้างแนวราบ มีเต้นท์รถมือหนึ่งมือสองให้เลือกตลอดเส้นทาง มีบ้านพักอาศัย ตึกแถว ปั๊มน้ำมัน community mall และมีร้านอาหารใหญ่ๆหลากหลาย
เราขับตรงมาจะเจอ Ptt Lift Plaza อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งเป็นปั๊มน้ำมัน ปตท. ปั๊มใหญ่ ด้านในมีร้านอาหารหลากหลาย เช่น แมคโดนัล, นิตยาไก่ย่าง, S&P, Black canyon และด้านหน้าปั๊มตอนกลางคืน จะมีร้านก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นปิ้งและร้านนมให้มานั่งกินกันได้
ระหว่างทางเราจะเห็นเต้นท์รถขนาดใหญ่แบบนี้ไปตลอดเส้นทาง
ตรงนี้มีร้านอาหารครัวเจ๊ง้อ ที่เป็นร้านอาหารเก่าแก่เปิดสาขาแรกมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2542 จนวันนี้ 17 ปี มีสาขาทั่วกรุงเทพและปริมณฑล
ไม่ไกลกันจะเจอปั๊ม ปตท. ฝั่งตรงข้ามเป็น Paseo Park ที่เป็น Community Mall สไตล์ญี่ปุ่น บนพื้นที่กว่า 50 ไร่ ที่มีคอนเซ็ปต์ “ญี่ปุ่น 3 ยุค” ได้แก่ ยุคเอโดะ (สมัยโบราณ), ยุคเฮเซ (สมัยปัจจุบัน) และจำลองบรรยากาศของญี่ปุ่นในอนาคตไว้ด้วย ภายในมีร้านของช็อป ของใช้หลากหลาย หรือใครอยากไปหาของกินก็มีให้เลือกเยอะมาก โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น โดยที่นี่เปิดบริการทุกวัน 10.00 – 22.00 น. ค่ะ
ขับตรงมาเรื่อยๆจะเห็นสมาคมชาวปักษ์ใต้อยู่ฝั่งตรงข้าม
มาถึงตรงนี้หากเราเห็นป้ายทางไปจรัญสนิทวงศ์ ให้เราเตรียมชิดซ้ายตามลูกศรนะคะ
หากตรงไปนี่จะไปทะลุถนนเพชรเกษมสามารถไปยัง The Mall บางแคได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่าจุดตัดระหว่างถนนกาญจนาภิเษกกับถนนพระเทพฯตัดใหม่ ไม่มีแยกที่จะสามารถทะลุเข้าถนนพระเทพฯตัดใหม่ได้ทันที หากเราตรงไปจะเลี้ยวเข้าถนนพระเทพฯตัดใหม่ไม่ได้ ดังนั้นเราต้องเลี้ยวเข้าถนนเส้นเล็กๆทางซ้ายมือเพื่อไปยังถนนพระเทพฯตัดใหม่กัน
เข้ามาบนถนนเส้นนี้จะเป็นถนน 1 เลนเส้นเล็กๆ สองข้างทางจะเป็นที่ดินว่างเปล่าซะเป็นส่วนใหญ่
ขับมาจนสุดทาง จะเจอทางแยกที่สามารถไปบรรจบกันที่ถนนพระเทพฯตัดใหม่ได้ทั้งหมด โดย
- เส้นทางสีน้ำเงินทางซ้ายมือ จะมีแยกที่สามารถไปสนามแบดมินตันศิริกาญจนา และหมู่บ้านสวนลากูนได้
- เส้นทางตามลูกศรสีแดงตรงกลาง หากตรงไปเลี้ยวซ้ายก็จะไปทะลุถนนตัดใหม่ได้เลย
- เส้นทางสีม่วง เป็นเส้นทางที่มาจากถนนพระเทพฯตัดใหม่ หากจะไปยังโครงการจะต้องมากลับรถใต้สะพานนี้ค่ะ
โดยทั้งแยกทั้งสามจะมาบรรจบกันตรงนี้ค่ะ เราอยู่บนถนนพระเทพฯตัดใหม่กันแล้วว
ขับตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอกับโครงการ The Royal Tier ค่ะ
สภาพแวดล้อมรอบๆโครงการค่อนข้างเงียบสงบ ไม่ค่อยมีสาธารณูปโภคในระยะใกล้ เนื่องจากเป็นถนนตัดใหม่ที่คงต้องรอความอุดมสมบูรณ์ในอนาคต สิ่งปลูกสร้างส่วนใหญ่จะเป็นที่พักอาศัยแนวราบ มีที่ดินว่างเปล่า สวน และคลองเล็กๆหลายสาย โดย
- ทิศเหนือ ติดกับคลองบางน้อยซึ่งเป็นคลองเล็กๆที่บรรยากาศดี ไม่มีกลิ่นเหม็น มีต้นไม้สร้างบรรยากาศสองฝั่งคลอง
- ทิศตะวันตก ติดกับที่ดินว่างเปล่าและสวน จึงไม่มีตึกสูงบังวิว แต่ในอนาคตยังไม่สามารถรับรองได้ว่าจะมีหมู่บ้านหรืออาคารพาณิชย์มาขึ้นหรือไม่นะคะ
- ทิศตะวันออก ติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น ที่ดินว่างเปล่า และสวน ฝั่งนี้จะติดกับถนนหลักของโครงการ จึงไม่ค่อยมีผลกระทบกับตัวบ้านสักเท่าไหร่
- ทิศใต้ ติดกับถนนพระเทพฯตัดใหม่ ซึ่งเป็นถนนทางเข้า-ออกหลักของโครงการ และทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ในปัจจุบันโครงการเช่าที่ตรงนี้เพื่อทำเป็นสำนักงานขายชั่วคราว ในอนาคตจะมีการรื้อถอนทิ้งเป็นที่ดินว่างเปล่าค่ะ
มาดูบรรยากาศรอบๆโครงการกันบ้างนะคะ ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของโครงการก็ติดกับถนนพระเทพฯตัดใหม่ ที่มีการทำทางฟุตบาทไว้เรียบร้อย ทางขวามือเป็นสำนักงานขายชั่วคราวของโครงการที่ในอนาคตจะมีการรื้อถอนเมื่อปิดการขาย
สำนักงานขายเป็นอาคารเล็กๆสีน้ำตาล มีการปลูกต้นไม้ค่อนข้างร่มรื่น
ภายในสำนักงานขายมีส่วนรับรองแขก ผังโครงการและโมเดลบ้านมาให้ดูเพื่อให้เห็นภาพโครงการชัดเจนขึ้น
ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของโครงการติดกับที่ดินว่างเปล่า จึงได้มุมมองที่เปิดโล่ง ไม่มีอาคารมาบัง มีการทำฟุตบาทริมทางไว้เรียบร้อย ด้านหน้าเป็นถนนพระเทพฯตัดใหม่
ทางทิศตะวันออก จะติดกับบ้านพักอาศัย 2 ชั้น และสวนกล้วย รวมทั้งพื้นผักสวนครัวของผู้พักอาศัยข้างๆ
ทางทิศเหนือ ด้านหลังโครงการเป็นคลองบางน้อยที่บรรยากาศสองฝั่งคลองร่มรื่นดีทีเดียว
สถานที่สำคัญใกล้เคียงต่างๆ เช่น
- The Paseo Park ~2 กิโลเมตร
- ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ~2.7 กิโลเมตร
- Villa de Bear ~ 4.5 กิโลเมตร
- Food Villa ~ 5.1 กิโลเมตร
- The Circle ~ 5.5 กิโลเมตร
- The Bloc ~ 5.6 กิโลเมตร
- ตลาดบางขุนศรี ~ 6.7กิโลเมตร
- Food Land สาขา จรัญฯ ~ 6.8 กิโลเมตร
- โรงพยาบาล ศิริราช ~ 8.7 กิโลเมตร
เจาะลึกตัวโครงการ
โครงการ The Royal Tier เป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นบนพื้นที่ 6-1-79.2 ไร่ มีจำนวนทั้งหมด 18 ยูนิต ด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยทำให้โครงการมีความ Privacy ค่อนข้างสูง ตัวโครงการสามารถเข้า – ออก ได้ทางเดียวคือจากถนนพระเทพฯตัดใหม่ ขณะนี้สร้างพื้นที่ส่วนกลางและบ้านตัวอย่างเสร็จแล้ว แต่บ้านมาตรฐานยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างค่ะ
จาก Master Plan จำลองผังโครงการจะเห็นว่าตัวโครงการมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ถนนทางเข้าหลักของโครงการเป็นถนนกว้าง 9 เมตร ด้านหน้าจะมีป้ายโครงการชัดเจน ทางซ้ายมือของโครงการจะเป็นที่ตั้งสำนักงานขายซึ่งในอนาคตจะมีการรื้อถอนออกเป็นที่ดินว่างเปล่า ดังนั้นทางเข้าโครงการจึงมีเฉพาะพื้นที่ถนนหลักที่กว้าง 9 เมตรค่ะ จากหน้าโครงการเข้าไปจะเจอซุ้มทางเข้าโครงการ 1 จุด โดยแบ่งทางเป็น 2 เลน เข้า-ออก มีซุ้ม รปภ.อยู่ตรงกลาง เข้า-ออกโครงการโดยใช้ระบบ Easy Pass ผ่านประตูรั้วไม้กระดก และประตูรางเลื่อนอัตโนมัติ มี CCTV ที่ซุ้มทางเข้าโครงการและรอบโครงการรวม 9 จุด เข้ามาด้านในโครงการจะเจอถนนหลักและถนนในซอยย่อยกว้าง 9 เมตร โดยภายในโครงการจะแบ่งบ้านพักอาศัยออกเป็น 3 ซอย ซอยละ 6 หลัง รวมเป็น 18 หลัง พื้นที่ Clubhouse จะอยู่ด้านหลังโครงการ ประกอบด้วย สวนหย่อม สระว่ายน้ำ ห้องนิติบุคคล และห้องออกกำลังกาย
ทางเข้าโครงการมีป้ายชื่อโครงการขนาดใหญ่หน้าตาเรียบๆ เห็นชื่อโครงการ The Royal Tier ชัดเจน ถนนทางเข้าโครงการกว้าง 9 เมตร พื้นถนนปูด้วยคอนกรีต รั้วโครงการเป็น Green Wall สลับกับระแนงไม้เทียมสูงประมาณ 5 เมตร ค่อนข้างร่มรื่น ส่วนที่ติดกับโครงการทางฝั่งนี้เป็นที่ดินว่างเปล่า ที่มีต้นไม้ปลูกอยู่รอบๆทำให้ทัศนียภาพจากโครงการค่อนข้างดี ไม่มีตึกสูงข้างเคียงมาบังให้อึดอัด จุดที่พี่ รปภ. นั่งอยู่ด้านหน้านี้เป็นจุดรักษาความปลอดภัยชั่วคราวเพื่อให้พี่ยามอำนวยความสะดวกสำหรับลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการ ในอนาคตตรงนี้จะเป็นถนนทางเข้าว่างๆ ยาวไปจนถึงซุ้มทางเข้าโครงการด้านในค่ะ
ถนนทางเข้าโครงการมีการลงไม้พุ่มสูงไว้กำลังดี ทำให้ดูร่มรื่น
ซุ้มประตูของโครงการมีป้อม รปภ. 1 ป้อมตรงกลางระหว่างทางเข้า-ออกที่แบ่งเป็น 2 เลน ลูกบ้านจะเข้า-ออกโครงการด้วยระบบ Easy Pass คือวางบัตรผ่านไว้หน้ารถก็สามารถผ่านเข้าไปได้เลยเป็น sensor ระยะไกลคล้ายๆทางด่วน ส่วนถ้าเป็นผู้มาติดต่อจะต้องแลกบัตรกับพี่ รปภ.ก่อนค่ะ ด้านหลังมีประตูรางเลื่อนอัตโนมัติให้อีกชั้นหนึ่งด้วย ทั้งทางเข้า- ออกมีกล้อง CCTV และในโครงการรวม 9 จุด
เข้ามาภายในโครงการจะเจอถนนหลักกว้าง 9 เมตร ทางขวามือเป็นรั้วโครงการ Green wall สูง 3 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร รวมเป็น 5 เมตร ด้านหลังมีรั้วปูนอีกชั้นหนึ่ง มองตรงไปเป็น Clubhouse ของโครงการ ส่วนทางซ้ายมือเป็นบ้านพักอาศัยที่แบ่งออกเป็น 3 ซอย
บรรยากาศภายในซอย จะมีบ้านอยู่ซอยละ 6 หลังโดยแบ่งเป็น 3 หลังหันหน้าเข้าหากัน ถนนเมนกว้าง 9 เมตร เท่ากับถนนหลัก ขนาดฟุตบาทหน้าบ้านค่อนข้างแคบและไม่มีต้นไม้ลงให้ บรรยากาศภายในซอยย่อยจึงยังดูไม่ค่อยร่มรื่นนัก
ตั้งแต่ซอย 2-3 เป็นต้นไปยังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง บรรยากาศในซอยไม่ต่างกับซอยแรกเลยค่ะ เดี๋ยวเราจะพาไปดู Clubhouse ที่อยู่ด้านหลังโครงการกันนะคะ
มาถึง Clubhouse ของโครงการ ที่ประกอบด้วยพื้นที่สวน สระว่ายน้ำ ห้องนิติบุคคล และฟิตเนส หน้าตา Clubhouse จะแหวกแนวออกมาจากตัวบ้าน จึงดูผิดคอนเซปต์ไปนิสส
สวนหย่อมของโครงการเป็นสนามหญ้ากว้างๆให้เด็กๆมาวิ่งเล่นกันได้
ส่วนตัว Clubhouse เป็นอาคาร 3 ชั้น ด้านล่างเป็นสระว่ายน้ำ ชั้นสองเป็นห้องนิติบุคคล ส่วนชั้น 3 เป็นห้อง Fitness เดี๋ยวเราจะพาไปดูพร้อมกันทีละส่วนนะคะ
สระว่ายน้ำของโครงการมีขนาด 4 x 9 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กกับผู้ใหญ่ ด้วยขนาดของสระเหมาะกับการแช่น้ำเล่นๆ เป็นอารมณ์พ่อแม่พาลูกมาเล่นน้ำมากกว่า ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่อยากว่ายน้ำจริงจัง
ด้วยความที่พื้นที่สระมีน้อย แต่โครงการอยากให้ออกกำลังกายได้ด้วย จึงติดระบบ Swim Jet ซึ่งเป็นระบบสร้างกระแสน้ำ น้ำจะออกมาเป็นระลอกคลื่นเสมือนเราว่ายน้ำอยู่ในแม่น้ำที่มีน้ำไหลเชี่ยว สามารถว่ายน้ำออกกำลังกายได้โดยอาศัยการว่ายทวนน้ำค่ะ
อ้อมมาด้านหลังสระว่ายน้ำ จะเป็นห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง อย่างละ 1 ห้อง ไม่มีจุดล้างตัวกลางแจ้งให้นะคะ
ขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นห้องนิติบุคคลในอนาคต
และชั้น 3 เป็นห้อง Fitness ขนาด 9 x 4 เมตร บรรจุเครื่องออกกำลังกายได้ประมาณ 9 เครื่อง และชุดโซฟานั่งพักประมาณ 4 ที่นั่ง บรรยากาศห้อง Fitness ค่อนข้างโปร่งเพราะมีกระจกล้อมรอบ สามารถออกกำลังกายพร้อมมองวิวรอบๆได้
มองกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเป็นประตูกระจกและผนังว่าเปล่า ซึ่งวิวด้านหลังนี้จะเป็นวิวต้นไม้และคลองบางน้อย ซึ่งเป็นคลองเล็กๆที่อยู่ติดกับโครงการ
สิ่งอำนวยความสะดวก
- สระว่ายน้ำ 1 สระ ระบบเกลือ ขนาด 9 x 4 เมตร แบ่งเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ ติดตั้งระบบ Swim Jet ให้
- ห้องออกกำลังกาย 1 ห้อง ขนาด 9x 4 เมตร ใส่เครื่องออกกำลังกายประมาณ 9 เครื่อง
- สวนหย่อม
- ระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 9 จุด
- รั้วรอบโครงการสูง 3 เมตร และรั้วโปร่งต่อเพิ่ม 2 เมตร รวม 5 เมตร
- Key Card Access ระยะใกล้
- เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง
- ประตูรั้วโครงการแบบ รั้วกั้นไม้กระดกและประตูเลื่อนอัตโนมัติ
- สัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic Sender & Motion Sensor ทุกหลัง
- ถนนหลักกว้าง 9 เมตร และถนนภายในกว้าง 9 เมตร
โครงการ The Royal Tier มีบ้านทั้งหมด 3 แบบ ตั้งแต่ Type A, B และ C โดยบ้านแต่ละหลังจะมีขนาดที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถเหมือนกัน แต่มีการจัดพื้นที่ใช้สอยต่างกัน โดยบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปดูเป็นบ้าน Type A ส่วนบ้านแบบอื่นๆเราจะมี Plan และภาพจำลองตัวบ้านมาให้ดูกันค่ะ
ผังบ้าน Type A มีที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ โครงการสร้างบ้านเต็มพื้นที่ มีที่รอบบ้านค่อนข้างน้อย เน้นการใช้งานพื้นที่ภายในบ้านมากกว่า ภายในเป็นบ้าน 3 ชั้นที่มีจุดเด่นคือพื้นที่ Double Voulume สูง 7 เมตรค่ะ
เริ่มจากชั้น 1 เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอโถงเล็กๆ ที่แยกออกไปทางซ้ายมือเป็นห้องรับแขกและห้องรับประทานอาหารที่ค่อนข้างโอ่โถงด้วยพื้นที่ Double Voulume โดยโถงนี้จะต่อเนื่องกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นชั้น 2 ที่เป็นชั้นลอย ทำให้นอกจากการได้ฝ้าเพดานสูงแล้วยังช่วยให้เกิดปฏิสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างผู้ที่อยู่ห้องโถงชั้นล่างและชั้นบนด้วย ด้านหลังบ้านมี Pantry สำหรับเตรียมอาหารที่ด้านหลังเป็นห้องครัวไทยไว้ประกอบอาหารโดยที่กลิ่นไม่ลอยมาติดส่วนอื่นๆโดยจากห้องนี้มีประตูทางออกหลังบ้านให้สามารถเดินไปยังห้องแม่บ้านได้ ถัดมาเป็นห้องผู้สูงอายุที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องน้ำรวมจะอยู่ข้างบันได รวมทั้งมีห้องเก็บของใต้บันไดให้ 1 ชุด
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องนั่งเล่นชั้นลอย ที่มองลงไปจะเห็นโถง Living Area ด้านล่าง ข้างๆชั้นลอยเป็นพื้นที่ระเบียงรูปตัว L สามารถจัดสวนนั่งเล่น หรือจะต่อเติมเป็นห้องเล็กๆอีกห้องก็ได้ค่ะ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็น Master Bedroom ที่มีห้องน้ำในตัวและสามารถกั้นห้อง Walk-in Closed ได้ด้วย ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเจอห้องโถงที่เชื่อมต่อกับห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด ซึ่งห้องทั้ง 3 ห้องนี้เราสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆได้ตามใจชอบค่ะ
ต้องบอกก่อนว่าโครงการมีการปรับฟังก์ชั่นในบ้านตัวอย่างที่ชั้น 1 และ 2 แตกต่างออกไปจากบ้านมาตรฐาน โดยพื้นที่สีเหลืองคือพื้นที่ที่แตกต่างจากบ้านมาตรฐานของจริง ใน Plan นี้จะแสดงผังของบ้านตัวอย่างโดยโครงการเปลี่ยนให้ส่วนครัวทั้งหมดกลายเป็น Pantry ลักษณะคล้ายเคาน์เตอร์บาร์มาให้ จากห้องผู้สูงอายุก็เปลี่ยนเป็นห้องครัวไทยขนาดใหญ่ที่มีการตัดห้องน้ำผู้สูงอายุไปอยู่กับห้องน้ำรวมที่ข้างบันได ทำให้ห้องน้ำในบ้านตัวอย่างมีฟังก์ชั่นครบทั้งส่วนอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำ ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมีการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใน Master Bedroom เล็กน้อย โดยวางผังห้องน้ำใหม่จากรูปตัว L ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่ยังคงฟังก์ชั่นคงเดิม และมีการกั้น Walk-in closet ให้เรียบร้อย ส่วนผังห้องอื่นๆจะยังคงเดิมตามมาตรฐานโครงการค่ะ
ซึ่งการปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นในบ้านหลังใหญ่แบบนี้เป็นเรื่องที่เราสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์ เนื่องจากโครงสร้างบ้านเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก การทุบ เจาะ หรือต่อเติมจึงสามารถทำได้ ดังนั้นภาพในรีวิวนี้หากเป็นบ้านมาตรฐานของจริงจะมีการจัดฟังก์ชั่นตามแบบโครงการ ส่วนบ้านตัวอย่างจะมีผังบ้านตามฟังก์ชั่นที่ปรับเปลี่ยนใหม่(สีเหลือง)นะคะ
ตัวบ้านเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้นใช้โทนสีขาว-เทา ก่อสร้างด้วยระบบคอนกรีตเสริมเหล็กชนิดหล่อในที่ ตัวบ้านมีระเบียงค่อนข้างเยอะ ด้วยพื้นที่รอบบ้านที่ค่อนข้างน้อย จึงมีพื้นที่ระเบียงใหญ่ให้เน้นการใช้งาน Outdoor ที่ชั้น 2 และ 3 แทน
หน้าบ้านจอดรถได้ ประมาณ 3 คัน ประตูรั้วบ้านเป็นรางเลื่อนเหล็กโปร่งทาสีดำ มีทางเข้า 2 ทาง คือประตูใหญ่ และประตูเล็กทางขวามือ
มองไปทางขวามือจะพื้นที่โล่งเป็นทางเดินไปยังข้างบ้าน หากเป็นบ้านแปลงมุมจะล้อมรั้วด้วยเหล็กโปร่งทาสีดำ ปลูกต้นไม้ให้เต็มแนวรั้ว
พื้นที่ข้างบ้านกว้าง 2 เมตร โครงการปูสนามหญ้าให้แบบนี้ทั้งหมด พื้นที่หน้าต่างของบ้านทางฝั่งนี้จะเป็นหน้าต่างโถงบันได และเป็นหน้าต่างของห้องผู้สูงอายุ เราสามารถจัดสวนหรือปลูกต้นไม้เพิ่มเติมได้เพื่อทัศนียภาพที่ดีเมื่อมองออกมาจากนอกบ้าน
เมื่อเลี้ยวมาทางหลังบ้าน จะเจอลานซักล้างที่ยกระดับขึ้นมาจากพื้นประมาณ 50 เซนติเมตร ปูด้วยกระเบื้องเซรามิคสีครีม ตรงนี้มีประตูทางเข้าห้องแม่บ้าน และห้องครัว ส่วนที่ผนังติดตั้งก๊อกน้ำและเต้ารับแบบกันน้ำมาให้เผื่อวางเครื่องซักผ้า หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ
เมื่อเลี้ยวมายังพื้นที่ข้างบ้านอีกด้านจะเป็นหน้าต่างของ Living area ระยะทางเดินประมาณ 2 เมตร สามารถปลูกต้นไม้จัดสวนเพื่อสร้างมุมมองที่ดีจากในบ้านได้ค่ะ
วนมาที่หน้าบ้านจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นที่มีหน้าต่างบานสูง และกว้างเกือบเต็มพื้นที่ผนัง หน้าบ้านมีชานตกแต่งยื่นออกมา ซึ่งชานนี้เหมาะกับใช้เป็นทางเดินผ่าน แต่ไม่ใช่ชานพักเพื่อเข้าบ้าน เนื่องจากช่องเปิดที่ห้องนั่งเล่นนี้เป็นหน้าต่างไม่ใช่ประตู
ลานจอดรถของจริงปูด้วยพื้นคอนกรีตโครงสร้าง Slab on ground สามารถจอดรถได้ประมาณ 3 คัน ที่ผนังกรุด้วยหินตกแต่ง มีโคมโฟติดตั้งไว้ให้ 2 ดวง พร้อมไฟดาวน์ไลท์บนฝ้าเพดาน 4 ดวง ทางเข้าบ้านเป็นประตูบานเปิดและข้างประตูมีหน้าต่าง 2 บาน ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าที่โถงทางเข้าบ้าน
กลอนประตูสแตนเลสทรงคลาสสิค
พื้นบ้านของบ้านตัวอย่างปูด้วยหินอ่อนธรรมชาติ ขนาด 80 x 80 เซนติเมตร ส่วนบ้าน Standard ใช้ หินอ่อนธรรมชาติ 60 x 60 ส่วนบ้าน Type B และ C ใช้กระเบื้องแกรนิตโต้ลายหินอ่อน ขนาด 80 x 80 ค่ะ
เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะเจอโถงต้อนรับ ที่จะเป็นส่วนเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ต่างๆในบ้านโดยบ้านมาตรฐานของจริงจะก่อ Low wall ทาสีขาวธรรมดามาให้ เราสามารถทำฉากกั้นตกแต่งแบบบ้านตัวอย่างได้ เนื่องจากการปรับผังบ้านตัวอย่าง ทางซ้ายมือของบ้านเปล่ามาตรฐานจะมีประตูไปสู่ห้องผู้สูงอายุ ในขณะที่บ้านตัวอย่างจะเป็นผนังทึบที่โครงการ Built-in ตู้เก็บของสูงถึงฝ้าเพดาน
มองกลับไปยังประตูทางเข้าจะเห็นว่าโถงนี้ค่อนข้างสว่างดี เนื่องจากโครงการติดตั้งประตูที่มีบานฟักกระจก รวมทั้งหน้าต่างกระจกสูงถึงฝ้าเพดาน ทำให้แสงธรรมชาติเข้าได้ดี
จากโถงทางเข้า มองไปทางซ้ายมือจะเป็นส่วนของ Living area ขนาด 14.9 x 4.8 เมตร ด้วยพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ค่อนข้างกว้าง เราสามารถจัดส่วนนี้ให้เป็นห้องนั่งเล่น และห้องรับประทานอาหาร โดยพื้นที่ตรงกลางสามารถวางกระถางต้นไม้ตกแต่ง สร้าง First impression ที่ดีแบบบ้านตัวอย่างก็ได้
เมื่อเข้ามาภายใน Living area มี Floor to celing สูงประมาณ 7 เมตร พื้นที่ทางซ้ายมือสามารถจัดเป็นห้องนั่งเล่นแบบนี้ได้
ลองเทียบระหว่างบ้านตัวอย่างกับบ้านเปล่ามาตรฐานให้ดู จะเห็นว่าฝ้าเพดานบ้านตัวอย่างมีการ Drop ฝ้าเพดาน และตกแต่งไฟเต็มที่ ในขณะที่บ้านเปล่าของจริงก็ Drop ฝ้าเพดาน และซ่อนไฟให้ด้วยเช่นกัน โดยไฟที่โครงการติดตั้งมาให้จะเป็นไฟสีขาว หากใครชอบแบบบ้านตัวอย่างก็สามารถเปลี่ยนไฟเพิ่มได้ตามใจชอบ โดยที่ไม่ต้องเสียงบในการ Drop ฝ้าเพดานเพิ่ม มองตรงไปจะเห็นว่าที่ผนังส่วนนั่งเล่นมีหน้าต่างมาให้รอบด้าน บานด้านล่างเป็นบ้านเลื่อนเปิดรับลมได้ ส่วนด้านบนเป็นบาน Fix ให้แสงธรรมชาติเข้าห้องได้ดี แนะนำให้หาผ้าม่าน 2 ชั้น (ผ้าม่านทึบและผ้าม่านโปร่ง) มาติดตั้งแบบในบ้านตัวอย่างนะคะ จะช่วยเพิ่มความ Privacy และวันไหนที่แดดร้อนมากๆเราจะได้ปิดม่านได้ด้วย
หากมองภาพรวมจะเห็นว่าห้องนี้เป็น Double Volume แน่นอนว่าข้อดีคือการได้พื้นที่สูงโปร่ง ช่วยให้บ้านมีระดับดูโอ่โถงมากขึ้น แต่หากมองไปทางซ้ายมือจะเห็นว่าโถงนี้เชื่อมต่อพื้นที่ชั้น 2 ที่เป็นชั้นลอย ดังนั้นการออกแบบพื้นที่แบบนี้จะเป็นการเพิ่มปฎิสัมพันธ์ของคนในบ้าน โดยคนที่ใช้งานพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 สามารถมองเห็นและสามารถพูดคุยกันได้แม้ไม่ได้อยู่ในชั้นเดียวกัน
หากจัดวางห้องนั่งเล่นในลักษณะนี้จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3.7 เมตร เหมาะกับการวางทีวีขนาด 60″ ขึ้นไปจะเป็นขนาดที่พอดีกับสายตา ที่หน้าต่างตรงมุมห้องทางซ้ายมือ มีการติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Motion sensor มาให้ด้วย
มองกลับไปยังอีกด้านของโถง สามารถจัดพื้นที่เป็นห้องรับประทานอาหารได้ ช่องเปิดของห้องนี้มีหน้าต่างรอบไม่แพ้ห้องนั่งเล่น โดยหน้าต่างด้านล่างเป็นบานเปิด และหน้าต่างด้านบนเป็นบาน Fix ให้แสงสว่างเข้า
ภายในโถงนี้ สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 7-8 ที่นั่งแบบในบ้านตัวอย่าง หรือจะจัดโต๊ะยาวและรองรับคนมากกว่านี้ก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ
ถัดจากพื้นที่รับประทานอาหารไปจะเป็น Pantry และห้องครัวไทย จากมุมมองนี้จะเห็นว่านอกจากการรับประทานอาหารปกติแล้ว พื้นที่ตรงนี้ยังเหมาะสำหรับการจัดปาร์ตี้ indoor เบาๆ โดยมีส่วน Pantry เป็นเคาน์เตอร์บาร์ในบ้านได้ ที่ผนังด้านหลัง Built-in ตู้โชว์ไวน์ หรือเครื่องดื่มก็เป็นไอเดียที่น่าสนใจค่ะ
หากใครไม่ชอบพื้นที่ห้องอาหารต่อเนื่องกับ Pantry ก็สามารถกันห้องเป็นพื้นที่ปิดได้ ที่ผนังทางซ้ายมือของส่วน Pantry มีประตูทางออกหลังบ้าน 1 จุด
โดยประตูนี้เป็นประตูกระจกฝ้า ช่วยให้แสงสว่างเข้าบ้านได้ดี เมื่อเปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ลานซักล้าง และสามารถไปยังห้องแม่บ้านที่อยู่ด้านหลังได้
ถัดไปเป็นห้องครัวไทย ที่บ้านเปล่ามาตรฐานของจริงจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้
พื้นห้องครัวเป็นกระเบื้องแกรนิตโต้ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
ภายในห้องครัวขนาด 4.40 x 4.45 เมตร พื้นที่กว้างขวาง โดยบ้านของจริงโครงการจะก่อครัวปูนมาให้ แต่ไม่ได้ Built-in ครัวบนและหน้าบานตู้มาให้นะคะ
กลับมาที่โถงทางเข้าบ้าน อีกด้านของโถงจะเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 และห้องน้ำรวม ซึ่งบ้านเปล่ามาตรฐานโครงการจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้
เข้ามาภายในห้องน้ำรวมรูปตัว L โครงการมีการแบ่งฟังก์ชั่นออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนอ่างล้างหน้า พื้นที่วางโถสุขภัณฑ์ และส่วนอาบน้ำ โดยมีการแยกส่วนเปียกส่วนแห้งชัดเจน พื้นที่ใช้งานไม่รวมพื้นที่อาบน้ำส่วนเปียกมีขนาดประมาณ 1.28x 3.10 เมตร ขนาดไม่กว้างมากนัก พื้นห้องน้ำเป็นกระเบื้องนาโนแบบหยาบขนาด 60 x 60 เซนติเมตร ส่วนผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร
ที่ผนังอ่างล้างหน้าไม่มีกระจกเงาติดมาให้ เผื่อให้เลือกบานกระจกดีไซน์ที่ต้องการมาติดตั้งเอง อ่างล้างหน้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าแบบลอยตัว มีเคาน์เตอร์ด้านล่างให้
ตู้เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า เมื่อเปิดออกมาสามารถใส่ของจำพวกผลิตภัณฑ์และของใช้ภายในห้องน้ำได้เยอะพอสมควร
อ่างล้างหน้าขนาดของ Cotto ค่อนข้างใหญ่ พร้อมก๊อกน้ำสแตนเลสก้านโยกของ Cotto เช่นกัน
โถสุขภัณฑ์ของ Cotto พร้อมสายชำระและที่แขวนกระดาษทิชชู่
ที่พื้นข้างๆโถสุขภัณฑ์มีท่อระบายน้ำสแคนเลสทรงยาวมาให้ หน้าตาเรียบร้อยดีนะ
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องอาบน้ำ ที่มีประตูกระจกนิรภัยบานเปิดเพื่อกั้นส่วนอาบน้ำให้เรียบร้อย
ที่ขอบประตูมียางใสกันน้ำกระเด็นออกให้ด้วย เลือกของมาให้ค่อนข้างดีสำหรับการใช้งาน
พื้นห้องอาบน้ำมีการลดระดับจากพื้นปกติลงไปเล็กน้อย และมีท่อระบายน้ำให้เหมือนตรงส่วนแห้ง พื้นที่อาบน้ำประมาณ 1.1 x 1.25 เมตร
ฝ้าเพานของห้องอาบน้ำจะลาดเอียงเล็กน้อยเนื่องจากเป็นพื้นที่ใต้บันได ที่ผนังติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำแบบลดระดับฝักบัวได้มาให้ แต่ไม่มีที่วางสบู่ ต้องมาติดตั้งเองนะคะ
ฝักบัวอาบน้ำสแตนเลสขนาดใหญ่ดี
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดาน มีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์ทรงสี่เหลี่ยมมาให้ 2 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ การมีหน้าต่างบานกระทุ้งที่ผนังด้านบนนอกจากจะช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าห้องได้ดีแล้ว ยังช่วยให้มีที่เปิดระบายอากาศ ลดความอับชื้นในห้องน้ำได้ด้วย
ถัดไปเป็นช่องว่างระหว่างบันไดและห้องน้ำ ที่เป็นทางเดินเล็กๆไปยังห้องเก็บของใต้บันได
ประตูห้องเก็บของเป็นประตูไม้จริงมีเกร็ดระบายอากาศ ด้านบนประตูมีสวิตซ์ไฟให้เปิดไฟในห้องเก็บของได้
ลองเอาบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงมาให้ดู ซึ่งในวันที่เราไปเก็บข้อมูลตัวบ้านยังไม่เรียบร้อยดี จึงเก็บภาพรวมมาให้ดูกันก่อนนะคะ จะเห็นว่าบ้านจริงมีการจัดพื้นที่แตกต่างจากบ้านตัวอย่าง โดยบ้านตัวอย่างจะจัดให้มี Pantry และห้องครัวไทยเหมือนกัน แต่ในบ้านมาตรฐานของจริงจะมีห้องผู้สูงอายุที่มีห้องน้ำให้ด้วย ภายในห้องน้ำของผู้สูงอายุจะติดตั้งเก้าอี้อาบน้ำและราวจับเพื่อความปลอดภัยเวลาคุณปู่คุณย่าเข้าห้องน้ำ ส่วนห้องน้ำรวมข้างๆบันไดจะเป็นห้องน้ำแบบ Powder room คือมีแค่ส่วนล้างหน้าและจุดติดตั้งโถสุขภัณฑ์ให้ แต่ไม่มีห้องอาบน้ำ จากตรงนี้เดี๋ยวเราจะพาขึ้นบันไดไปดูชั้น 2 กันค่ะ
ตัวบันไดบ้านก่อสร้างด้วยโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ลูกตั้งและลูกนอนเป็นไม้จริง รวมทั้งราวบันไดก็เป็นไม้จริง ติดแผงกระจกใสเขียวตัดแสงมาให้
โดยบันไดทางขึ้นเป็นรูปตัว U มีชานพัก 2 จุด แต่พื้นตรงชานพักบันไดเป็นรูปสามเหลี่ยม อาจจะทำให้สะดุดระหว่างขึ้นลงบันไดได้ต้องระวังนิดนึงนะคะ
ระหว่างทางขึ้นบันได มีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ ทำให้โถงบันไดสว่าง ช่วยให้ประหยัดพลังงานไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอพื้นที่ชั้นลอยขนาด 6.3 x 5.3 เมตร พื้นที่ค่อนข้างกว้าง เหมาะกับการจัดเป็น Living area ที่เน้นความเป็นส่วนตัวขึ้นมามากกว่าชั้น 1 หรือจะวางโซฟา ติดตั้งทีวี พร้อมมุมเขียนหนังสือ ทำให้เป็นมุม Family area อีกจุดของบ้านก็ได้ หากจัดห้องแบบนี้จะมีระยะดูทีวีอยู่ที่ประมาณ 3.8 เมตร เหมาะกับการดูทีวีขนาด 60″ ขึ้นไปจะเป็นระยะที่พอดีกับสายตา มองตรงไปจะมีราวกันตกสูงประมาณ 1 เมตร เป็นราวไม้จริง พร้อมแผงกระจกใสเขียวตัดแสง
จากตรงนี้สามารถมองลงไปเห็นโถงด้านล่าง ช่วยให้เกิดปฎิสัมพันธ์ต่อกันได้ทั้งโดยการพูด การฟัง และการมองเห็น เช่น ในเวลาที่พ่อแม่มีแขก แล้วลูกๆขึ้นมานั่งเล่นข้างบน หากแขกของพ่อแม่กลับไปแล้ว ลูกๆก็สามารถรับรู้ได้โดยการมองเห็นจากตรงนี้ หรือจะเรียกหากันจากตรงนี้ก็ได้ เป็นต้น
ลองนำภาพบ้านตัวอย่างมาเทียบกับบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงให้ดู จะเห็นว่าบ้านเปล่ามีการ Drop ฝ้าเพดาน ติดตั้งไฟดาวน์ไลท์และไฟซ่อนมาให้เรียบร้อย ตอนกลางวันห้องนี้ก็สว่างดีแม้ไม่เปิดไฟ เนื่องจากมีหน้าต่างรอบห้องเลย มองตรงไปจะเป็นหน้าต่างบานเปิดคู่ที่ขนาบด้วยหน้าต่างบาน Fix สูงถึงฝ้าเพดาน ด้วยความสว่างขนาดนี้เราสามารถหาผ้าม่านสองชั้นมาติดแบบในบ้านตัวอย่างได้ จะได้ช่วยกรองแสงและเพิ่มความ Privacy ทางซ้ายมือมีประตูบานเปิดสามารถออกไปยังระเบียงได้
ถ่ายระเบียงบ้านข้างๆ Type เดียวกันมาให้ดู จะเห็นว่าระเบียงของห้องนี้เป็นระเบียงรูปตัว L ค่อนข้างกว้าง เราสามารถเลือกได้ว่าจะปูพื้นด้วยกระเบื้องแบบนี้ หรือจะปูเป็นพื้นหญ้าเทียมก็สามารถคุยรายละเอียดกับโครงการได้ค่ะ ด้วยขนาดของดาดฟ้าที่ค่อนข้างกว้าง เราสามารถจัดสวนดาดฟ้าไว้นั่งเล่นตอนเย็น หรือนั่งดูดาวตอนกลางคืน ใครไม่ชอบดูดาว ประมาณว่าเป็นคนไม่ชอบ outdoor ก็สามารถกั้นเป็นห้องอเนกประสงค์ได้เพิ่มอีกห้องหนึ่งเลยค่ะ
กลับมาด้านในอาคารอีกครั้ง เมื่อมองกลับไปจะเห็นประตูทางเข้า Master Bedroom ที่บ้านมาตรฐานจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้
พื้นห้องนอนเป็นพื้นไม้จริง มีการปิดคิ้วรอยต่อให้เรียบร้อยดี
เข้ามาภายใน Master Bedroom ขนาดพื้นที่รวม 12.2 x 8.8 เมตร ห้องกว้างมากก ภายในห้องนี้จะมีห้องน้ำในตัวและมีพื้นที่ที่สามารถ กั้นเป็น Walk-in Closet ได้ ซึ่งผังในบ้านตัวอย่างกับบ้านมาตรฐานของจริงจะต่างกันเล็กน้อย ที่ห้องน้ำในบ้านจริงจะมีขนาดเล็กกว่าห้องน้ำบ้านตัวอย่าง
บ้านมาตรฐานของจริงจะมีห้องน้ำในตัว พื้นที่ข้างๆห้องน้ำเป็นที่โล่ง สามารถ Built-in ส่วน Walk-in closet ได้ โดยตัวห้องน้ำมีการวางพื้นที่เป็นรูปตัว L ประตูห้องน้ำหันเข้าสู่ห้องนอน โดยวันที่เราไปเก็บข้อมูลห้องน้ำในบ้านเปล่ายังไม่เรียบร้อยดี หากใครสนใจสามารถไปดูที่โครงการได้ค่ะ
กลับมาที่ห้องนอนบ้านตัวอย่าง เฉพาะพื้นที่ส่วนนอนมีขนาด 5.9 x 4.9 เมตร สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบายมาก ที่หัวเตียงมีพื้นที่พอให้วางโต๊ะหัวเตียงได้ทั้งสองฝั่ง
ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็เหลือที่เดินเยอะมากกก เราสามารถ Built-in ตู้วางทีวีแบบในบ้านตัวอย่าง หรือจะหาโต๊ะวางทีวีเก๋ๆสักตัวมาวางก็ยังมีพื้นที่เหลือเฟือ พื้นที่ข้างทีวีสามารถวางโต๊ะเขียนหนังสือได้ เผื่อใครชอบเอางานกลับมาทำที่บ้าน
ถัดไปเป็นพื้นที่ห้อง Walk-in closet ที่โครงการไม่ได้กั้นห้องมาให้ แต่เราสามารถกั้นพื้นที่และ Built-in ตู้เสื้อผ้า พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งแบบนี้ได้ ทางซ้ายมือเป็นทางเข้าห้องน้ำ โดยบ้านมาตรฐานจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้
พื้นห้องน้ำมีการลดระดับจากพื้นห้องปกติเล็กน้อย ปูด้วยกระเบื้องนาโนแบบหยาบ ขนาด 60 x 60 เซนติเมตร มีการปิดคิ้วรอยต่อเรียบร้อย
เข้ามาภายในห้องน้ำขนาด 3.5 x 5.6 เมตร เป็นห้องน้ำที่กว้างดีทีเดียว มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน คือส่วนอ่างล้างหน้า ส่วนวางโถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำส่วนแห้งที่มีอ่างจากุซซี่ให้ และห้องอาบน้ำส่วนเปียกที่มีการกั้นห้องให้เป็นสัดส่วน
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีการก่อ Low wall มาให้ วางของได้เล็กน้อย ที่ผนังด้านบนของบ้านมาตรฐานของจริงจะไม่มีการติดตั้งกระจกเงาหรือชั้นวางของมาให้นะคะ โครงการจะให้เป็นผนังว่างเปล่าเผื่อให้ผู้อยู่อาศัยติดตั้งเองค่ะ
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าด้านล่างโครงการจะติดตั้งมาให้แบบนี้เลย ตู้ด้านล่างมีชั้นวางของซ้าย-ขวา ส่วนตรงกลางเป็นตู้บานเปิดไว้เก็บพวกของใช้ในห้องน้ำได้
อ่างล้างมือทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดปานกลางของ Cotto พร้อมก๊อกน้ำสแตนเลสก้านโยก
ข้างๆกันเป็นอ่างจากุซซี่ ที่ผนังมีหน้าต่างกระจกบานเปิดกว้างมาก แนะนำให้หาผ้าม่านหรือมูลี่มาติด เพื่อลดความเซ็กซี่ขณะอาบน้ำ
อ่างจากุซซี่ที่โครงการให้มามีขนาด 1.10 x 1.80 เมตร สามารถเปิดไฟขณะแช่น้ำได้ด้วย
ฝักบัวอาบน้ำที่อ่างจากุซซี่มีขนาดใหญ่ดี
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นส่วนวางโถสุขภัณฑ์ของ Cotto รุ่นอัตโนมัติ กดปรับระดับน้ำได้ โดยโครงการติดตั้งสายชำระ ที่แขวนกระดาษทิชชู่ พร้อมเต้ารับแบบมีฝาครอบกันน้ำให้เรียบร้อย
ข้างๆกันเป็นห้องอาบน้ำที่กั้นห้องเป็นประตูกระจกนิรภัยให้
พื้นห้องอาบน้ำมีการลดระดับพร้อมปิดคิ้วรอยต่อให้เรียบร้อย พื้นที่อาบน้ำมีขนาดประมาณ 1.10 x 0.85 เมตร ขนาดพอดีๆ ไม่แคบจนเกินไป
ที่ผนังห้องอาบน้ำมีการ Drop ลงไปเพื่อทำเป็นที่วางของจำพวกสบู่ แชมพูสระผม หรืออุปกรณ์อาบน้ำ และติดตั้งชุดฝักบัวอาบน้ำพาดผ่านช่องวางของไปเลย ติดตั้งได้แปลก แต่สามารถใช้งานได้สะดวกดีนะ เพราะขณะอาบน้ำเราก็หยิบสบู่หยิบแชมพูตรงฝักบัวได้เลย โดยชุดฝักบัวอาบน้ำเป็นของ Cotto พร้อม Rain Shower ค่ะ
ฝักบัวขนาดพอดีมือของ Cotto
ถัดไปเราจะพาขึ้นไปดูชั้น 3 กันต่อ บันไดตรงนี้ก็เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นไม้จริง ตัวราวบันไดเป็นไม้จริงพร้อมติดตั้งแผงกระจกใสเขียวตัดแสงเหมือนกับบันไดส่วนอื่นๆ
มองกลับไปยังโถงบันไดระหว่างทางขึ้นชั้น 3 จะมีหน้าต่างสูงโปร่งรอบทิศทาง แสงธรรมชาติเข้าดีมากๆเลย
เมื่อขึ้นมายังชั้น 3 จะเจอกับโถงขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อห้องนอน 3 ห้อง โดยเราจะพาไล่ดูตั้งแต่ Bedroom 1 >Bedroom 2 และ Bedroom 3
ที่ผนังของห้องโถงมีหน้าต่าง 4 บาน เป็นบานเปิด 2 บานตรงกลาง ขนาบด้วยบาน Fix ที่มุมบนของห้องทางขวามือโครงการจะติดตั้งสัญญาณกันขโมยแบบ Motion Sensor มาให้ด้วย 1 จุด
เรามาเริ่มกันที่ห้องนอน 1 ขนาด 6.3 x 5.6 เมตร ภายในห้องมีการแบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือส่วนห้องนอน ห้อง Walk-in closet และห้องน้ำ
พื้นที่เฉพาะส่วนห้องนอนมีขนาดประมาณ 4.5 x 5.6 เมตร สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆด้วยขนาดห้องที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อลองเทียบบ้านตัวอย่างกับบ้านเปล่ามาตรฐานของจริงจะเห็นว่า บ้านจริงมีการ Drop ฝ้าเพดานพร้อมติดตั้งไฟดาวน์ไลท์และไฟซ่อนให้ มีหน้าต่าง 4 บานรอบห้อง ทำให้ห้องนี้มีความสว่างกำลังดี ช่องเปิดไม่มากไม่น้อยเกินไป
พื้นที่ปลายเตียงสามารถ Built-in ทีวีติดผนัง หรือจะตั้งโต๊ะวางทีวีก็ยังได้ ข้างๆกันทางซ้ายมือเป็นประตูไปยังห้อง Walk-in closet และห้องน้ำ
ภายในห้อง Walk-in closet มีขนาดประมาณ 1.8 x 2.7 เมตร เราสามารถติดตั้งตู้เสื้อผ้าพร้อมโต๊ะเครื่องแป้งแบบบ้านตัวอย่างได้ ทางขวามือเป็นประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งบ้านจริงโครงการจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้
เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีการก่อ Low wall มาให้ วางของได้เล็กน้อย ที่ผนังด้านบนของบ้านมาตรฐานของจริงจะไม่มีการติดตั้งกระจกเงาหรือชั้นวางของมาให้เหมือนกับห้องน้ำชั้น 2 ตู้ด้านล่างมีชั้นวางของซ้าย-ขวา ส่วนตรงกลางเป็นตู้บานเปิดไว้เก็บพวกของใช้ในห้องน้ำได้
ข้างๆกันเป็นส่วนวางโถสุขภัณฑ์ของ Cotto โครงการติดตั้งสายชำระ ที่แขวนกระดาษทิชชู่ พร้อมเต้ารับแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อย
พื้นส่วนอาบน้ำมีการลดระดับเล็กน้อยเพื่อให้น้ำไม่ไหลมากเปียกส่วนแห้ง พื้นที่อาบน้ำมีขนาด 1.7 x 0.95 เมตร ขนาดกว้างดี มีท่อระบายน้ำให้ 2 จุด เพื่อช่วยให้สามารถระบายน้ำขณะอาบน้ำได้เร็วยิ่งขึ้น
ฝักบัวขนาดใหญ่ดี
มองขึ้นไปบนฝ้าเพดานมีการติดตั้งไฟดาวน์ไลท์มาให้ 3 ดวง พร้อมพัดลมดูดอากาศ
ถัดไปเป็นห้องนอนที่ 2 ขนาดประมาณ 6 x 5.6 เมตร ขนาดพอๆกับห้องนอน 1 และมีการจัดฟังก์ชั่นเหมือนกันเลย คือแบ่งพื้นที่ห้องนอน Walk-in closet และห้องน้ำ โดยเราสามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้องอเนกประสงค์อื่นๆก็ได้ตามใจชอบนะคะ
ลองนำบ้านตัวอย่างมาเปรียบเทียบกับบ้านมาตรฐานของจริงให้ดู พื้นที่เฉพาะส่วนห้องนอนมีขนาดประมาณ 4.6 x 5.6 เมตร ขนาดห้องค่อนข้างกว้าง สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ บ้านจริงมีการ Drop ฝ้าเพดานพร้อมติดตั้งไฟดาวน์ไลท์และไฟซ่อนให้ รวมทั้งมีหน้าต่าง 4 บานรอบห้องเหมือนห้องนอนแรกทุกประการค่ะ
ข้างๆกันเป็น Walk-in closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ มีขนาดประมาณ 1.1 x 1.4 เมตร สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้า พร้อมโต๊ะเครื่องแป้งได้แบบบ้านตัวอย่าง
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นห้องนอนที่ 3 ซึ่งโครงการจัดบ้านตัวอย่างเป็นห้องทำงานมาให้ดูกัน บ้านเปล่ามาตรฐานจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้นะคะ
เมื่อเข้ามาภายในห้องขนาดประมาณ 6.5 x 5.2 เมตร พื้นที่ค่อนข้างกว้าง หากจะทำเป็นห้องนอนก็สามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้สบายๆ แต่หากจัดเป็นห้องทำงานก็สามารถวางโต๊ะทำงานได้ 1 ชุด พร้อมโต๊ะรับแขกขนาด 4 ที่นั่ง ห้องนี้มีระเบียงให้ 2 จุด คือที่ประตูทางออกด้านหน้า และทางซ้ายมือ
ระเบียงทางหน้าบ้านถูกกั้นด้วยประตูบานเปิดเดี่ยวที่ขนาดด้วยประตูกระจกบาน Fix ขนาดช่องเปิดมีระยะเท่ากับพื้นที่ระเบียง แม้จะอยู่ในห้องก็เห็นระเบียงได้ทั้งหมด และด้วยความที่ราวระเบียงเป็นกระจกใส ทำให้มุมมองจากตรงนี้ไม่รู้สึกอึดอัด หากใครไม่ค่อยชอบออกไปนั่งเล่นที่นอกระเบียงบ่อยๆก็แนะนำให้ปลูกต้นไม้ จัดสวนนอกระเบียงนะคะ จะได้เพิ่มพื้นที่สีเขียวไว้พักสายตาได้
พื้นระเบียงมีการลดระดับเล็กน้อย ปูพื้นด้วยกระเบื้องขนาด 40 x 40 เซนติเมตร
เราถ่ายจากระเบียงบ้านมาตรฐานมาให้ดูกัน ซึ่งในอนาคตจะมีการปูกระเบื้องมาให้นะคะ ราวระเบียงจะเป็นราวเหล็กทาสีดำ ติดแผงกระจกใสเขียวตัดแสงให้ จะเห็นว่าที่แผงกระจกราวระเบียงถูกยกขึ้นด้านล่างจึงมีช่องว่างให้น้ำไหลจากพื้นระเบียงลงสู่ด้านล่างตรงๆที่พื้นระเบียงจึงไม่มีท่อระบายน้ำ
ที่ผนังห้องด้านข้างมีประตูทางออกระเบียงอีกจุด เป็นประตูกระจกบานเปิดเล็กๆ พื้นที่ผนังตรงนี้หากเรา Built-in ชั้นวางหนังสือเต็มผนังแบบห้องตัวอย่างก็เป็นการเพิ่มฟังก์ชั่นให้พื้นที่แนวตั้งได้เป็นอย่างดี
ออกมาที่ระเบียงที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ เราสามารถจัดพื้นที่เป็นลานนั่งเล่น หรือจัดสวนหย่อมเล็กๆก็ได้ค่ะ
จากระเบียงมองกลับเข้าไปที่ประตูห้องจะได้มุมมองแบบนี้ ทางขวามือจะเป็นบานหน้าต่างที่สามารถมองเข้าไปเห็นพื้นที่โถงชั้น 3 ได้
เรากลับเข้ามาในห้อง เมื่อมองกลับไปยังประตูทางเข้าห้อง ข้างๆกันเป็นทางเข้าห้องน้ำที่โครงการจะติดตั้งประตูไม้จริงมาให้ในบ้านเปล่า
เข้ามาภายในห้องน้ำขนาด 3.15 x 1.64 เมตร มีการแบ่งพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนอ่างล้างหน้า ที่มีการ Built-in เคาน์เตอร์ด้านล่างแต่ไม่มีกระจกเงาให้ ส่วนวางโถสุขภัณฑ์ และห้องอาบน้ำส่วนเปียกที่มีการกั้นห้องให้เป็นสัดส่วนเหมือนกับห้องน้ำในห้องนอนห้องอื่นๆ สุขภัณฑ์ใช้ของ Cotto ค่ะ
อุปกรณ์เต้ารับและสวิตซ์ไฟใช้ของ Panasonic
มาดูผังบ้าน Type B ที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ กันบ้างค่ะ บ้านหลังนี้จะต่างกับบ้าน Typeแรกตรงที่เมื่อเข้าบ้านมา จะเจอ Living area ที่เป็นโถง Double Volume ทันที ความสูงฝ้าเพดาน 7 เมตร เท่ากับบ้านแบบแรก พื้นที่บ้านทางซ้ายมือจะจัดฟังก์ชั่นเหมือนบ้าน Type A คือ ด้านหลังบ้านมี Pantry สำหรับเตรียมอาหารที่ด้านหลังเป็นห้องครัวไทยที่มีประตูทางออกหลังบ้านให้สามารถเดินไปยังห้องแม่บ้านได้ ถัดมาเป็นห้องผู้สูงอายุที่มีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องน้ำรวมจะอยู่ข้างบันได รวมทั้งมีห้องเก็บของใต้บันไดให้ 1 ชุด
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องนั่งเล่นชั้นลอย ที่มองลงไปจะเห็นโถง Living Area ด้านล่าง ข้างๆชั้นลอยเป็นพื้นที่ระเบียงรูปตัว L สามารถจัดสวนหรือจะต่อเติมเป็นห้องเล็กๆอีกห้องได้ ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็น Master Bedroom ที่เดินเข้ามาจะเจอ Walk-in closet และห้องน้ำขนาดใหญ่ก่อน ถัดไปค่อยเป็นห้องนอน ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเจอห้องโถงที่เชื่อมต่อกับห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำในตัวทั้งหมด โดยฟังก์ชั่นที่เพิ่มมาในบ้านในชั้นนี้คือห้องพระขนาดใหญ่ให้คนในบ้านใช้ร่วมกัน
ภาพจำลองแบบบ้าน Type B ที่มีจุดเด่นมีการเล่น Double Volume ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าบ้านไปจนถึงพื้นที่ในตัวบ้าน
บ้านแบบสุดท้ายคือบ้าน Type C ที่ดินประมาณ 100 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตร.ม. แบบ 5 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ ตัวบ้านเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าค่อนข้างยาว เมื่อเข้ามาในบ้านจะเจอ Living area ที่เป็น Double volume เต็มพื้นที่หน้าบ้าน ส่วนพื้นที่หลังบ้านทางซีกซ้ายมีการวางฟังก์ชั่นเป็นห้องรับประทานอาหาร, Pantry และครัวไทย ที่มีประตูเปิดออกไปยังห้องแม่บ้านด้านหลังได้ ข้างๆกันเป็นห้องผู้สูงอายุที่มีห้องน้ำให้ในตัว ตัวโถงบันไดจะอยู่กลางบ้าน ใกล้กับห้องน้ำรวม
ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอโถงชั้นลอยที่มีพื้นที่ค่อนข้างเล็กเพราะไม้เน้นใช้งานมาก ข้างๆเป็น Master Bedroom ขนาดใหญ่ ด้านในแบ่งฟังก์ชั่นเป็นห้องน้ำ ห้องแต่งตัว และส่วนห้องนอน ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเจอโถงที่เชื่อมต่อกับห้องนอน 3 ห้องที่มีห้องน้ำและ Walk-in Closet ในตัว รวมทั้งห้องพระ 1 ห้องให้สมาชิกในบ้านใช้ร่วมกันได้
ภาพจำลองแบบบ้าน Type C ที่มีตัวบ้านค่อนข้างยาวและหน้าแคบกว่าแบบอื่นๆ หน้าตาบ้านมีความโมเดิร์นและดูเป็นวัยรุ่นมากขึ้น โดยการยื่นหลังคาโรงรถดีไซน์เรียบๆ และใช้หน้าต่างกระจกกรอบอลูมิเนียมสีดำที่หน้าบ้านแทนการใช้หน้าต่างกรอบ UPVC สีขาวสไตล์คลาสสิค
**รายละเอียดของวัสดุต่างๆเช่น ยี่ห้อ และรุ่น ของจริงอาจจะเป็นรุ่นนี้หรือเทียบเท่านะคะ
ราคาและเงื่อนไขการขาย @ 14 July 2016
- Type A เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตารางเมตร ราคา 26,000,000 บาท หรือ 65,000 บาท/ตารางเมตร
- Type B เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตารางเมตร ราคา 24,000,000 บาท หรือ 60,000 บาท/ตารางเมตร
- Type C เนื้อที่ประมาณ 100 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 400 ตารางเมตร ราคา 22,000,000 บาท หรือ 55,000 บาท/ตารางเมตร
- จองและทำสัญญา n/a บาท
- ดาวน์ n/a% ผ่อนดาวน์ n/a งวด
- ที่ดินเพิ่มลด ราคาตร.วาละ 150,000 บาท
- ค่าส่วนกลาง 60 บาท/ตร.วา/เดือน จัดเก็บล่วงหน้า 2 ปี
- ค่าจดจำนอง ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายในการโอนกรรมสิทธิ์ ผู้ซื้อแล้วผู้ขายชำระฝ่ายละครึ่ง
- ค่าประกัน มิเตอร์ไฟฟ้า ประปา ผู้ซื้อเป็นผู้ชำระ
**ราคาที่เอามาลงในบทความเป็นราคา ณ วันที่เข้าไปเก็บข้อมูลทำรีวิว ดังนั้นราคาต่างๆอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
โครงการ The Royal Tier เป็นโครงการบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่บนถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 หรือที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า ถนนพระเทพฯตัดใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ได้มีเจ้าใหญ่อย่าง Grand Bangkok Boulervard จาก Sc Asset และ Palazzo จาก AP ซึ่งล้วนเป็นโครงการบ้านใหญ่ระดับ 20 กว่าล้านมาเปิดตัวในระดับราคาใกล้ๆกัน การมาของที่อยู่อาศัยเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้หนึ่งว่าทำเลนี้มีแนวโน้มการเจริญเติบโตที่ไปในทิศทางที่ดี เหมือนกับถนนราชพฤกษ์ช่วงแรกที่ยังเป็นถนนใหญ่ว่างเปล่า แต่ปัจจุบันสองข้างทางเต็มไปด้วย Community Mall ร้านอาหาร และมีหมู่บ้านระดับ High End ที่มี Developer หลายเจ้าเข้ามาพัฒนาจนเกือบเต็มพื้นที่แล้ว
โดยตัวถนนพระเทพฯตัดใหม่ นี้เป็นถนนที่เชื่อมถนน จรัญสนิทวงศ์ เข้ากับ ถนนราชพฤกษ์ และ ถนนกาญจนาภิเษก ด้วยความที่เป็นถนนตัดใหม่ สภาพแวดล้อมรอบๆจีงยังไม่มีสาธารณูปโภคในระยะใกล้ ไม่มีแยกและไม่มีทางด่วน แต่แผนในอนาคตอันใกล้จะมีทางด่วนศรีรัชที่น่าจะเปิดให้ใช้กันได้ในปี 2559 นี้และแผนการก่อสร้างรถไฟฟ้าบริเวณรอบๆ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สีแดง หรือส่วนต่อขยายสายสีเขียวก็ล้วนเป็นโครงการในอนาคตที่จะช่วยผลักดันให้ทำเลนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
ความอุดมสมบูรณ์ของโครงการหลักๆจะอิงเส้นกาญจนาภิเษก เพราะโครงการอยู่ใกล้บริเวณที่เป็นจุดตัดระหว่างถนนกาญจนาภิเษกกับถนนพระเทพฯตัดใหม่ ที่มีร้านค้า ร้านอาหาร หรือมี Community mall อย่าง The Paseo Park ส่วนตลาดใกล้ๆโครงการก็มีตลาดน้ำคลองลัดมะยม ให้ไปจับจ่ายซื้อของกันได้ ส่วนความอุดมสมบูรณ์ใกล้ๆที่สามารถไปใช้ได้ บนถนนราชพฤกษ์ มี Community mall, Food market มีร้านอาหารขนาดใหญ่ไปจนถึงขนาดเล็กให้เลือกหลากหลาย หรือจะไปบนถนนจรัญสนิทวงศ์ก็จะเป็นย่านชุมชนเก่าแก่ มีตลาดให้เลือกซื้อของสดมากมาย หรือจะตรงไปย่านปิ่นเกล้าก็ง่ายค่ะ
การเดินทางโดยใช้รถ สามารถเดินทางค่อนข้างสะดวกเพราะถนนเส้นนี้ตัดกับถนนสายสำคัญหลายสาย เช่น ถนน จรัญสนิทวงศ์ , ถนน ราชพฤกษ์ , ถนน พุทธมณฑล สาย 1 และ ถนน กาญจนาภิเษก หลักๆคือเส้นกาญจนาภิเษกใช้เชื่อมออกไปทางถนนพระราม 2 และ ถนน รัตนาธิเบศร์ ได้อีกด้วย แต่บริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ – ราชพฤกษ์นั้นไม่มีทางด่วนในบริเวณใกล้เคียง จึงเป็นสาเหตุหนึ่งของการจราจรที่ติดขัดจะต้องไปขึ้นที่ทางด่วนบริเวณสะพานตากสิน หรือ ทางด่วนยมราช แต่ในอนาคตจะมีโครงการทางพิเศษสายศรีรัช – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะมีการสร้างทางด่วนบริเวณใกล้กับโครงการ โดยทางขึ้นลงทางด่วนที่ใกล้ที่สุดคือ ทางขึ้น-ลง ราชพฤกษ์ อยู่บริเวณจุดตัดของถนนบรมราชชนนีกับถนนราชพฤกษ์ โดยมีกำหนดจะเปิดใช้บริการปี 2559 นี้การมาของทางด่วนจะทำให้การเดินทางของคนละแวกนี้สะดวกขึ้นมาก
การเดินทางโดยไม่ใช้รถ เนื่องจากที่ตั้งโครงการตั้งอยู่บนถนนตัดใหม่ซึ่งรถโดยสารสาธารณะยังไม่มีวิ่งผ่านมากนัก จะมีก็แต่รถประจำทางสาย 146 วงกลมบางแค-ถนนกาญจนาภิเษก แต่ต้องไปขึ้นบนถนนกาญจนาภิเษก ตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่สามารถเรียกแท็กซี่ได้ง่าย บนเส้นทางนี้ในอนาคตน่าจะมีรถโดยสารสาธารณะผ่านมากขึ้น สำหรับโครงการรถไฟฟ้าที่น่าจะได้ใช้เร็วที่สุดอยู่บนถนนจรัญสนิทวงศ์ ตอนนี้กำลังมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ช่วงบางซื่อ–ท่าพระ ซึ่งในตอนนี้ก่อสร้างไปได้เยอะความเหมือนกันคาดว่าอีกไม่กี่ปีคงได้เปิดใช้กัน
วัสดุที่โครงการให้มาตามมาตรฐานโครงการหรู คือ ตัวโครงสร้างเป็นก่ออิฐเสริมเหล็กชนิดหล่อในที่ ผนังฉาบเรียบทาสี หน้าต่างใช้กรอบ UPVC กระจกใสเขียวตัดแสง ส่วนประตูบ้านทั่วไปใช้ไม้จริง พื้นห้องชั้น 2 ขึ้นไปรวมทั้งลูกตั้งลูกนอนบันได ใช้ไม้จริงทั้งหมด มีการ Drop ฝ้าเพดาน พร้อมติดไฟดาวน์ไลท์และซ่อนไฟให้ทุกห้อง สุขภัณฑ์ให้ของ Cotto
การออกแบบโครงการจัดสรรบ้าน 18 ยูนิต ในพื้นที่ 6 ไร่เศษ โดยจะเน้นไปที่ความ Privacy เนื่องจากเพื่อนบ้านน้อย โดยในซอยจะมีเพื่อนบ้านไม่เกิน 6 หลัง และด้วยข้อจำกัดของโครงการขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถจัดพื้นที่สีเขียวได้เยอะ อย่างตรงฟุตบาท ตรงประตูรั้วหน้าบ้านไม่มีพื้นที่ให้ลงต้นไม้ใหญ่และออกแบบส่วนกลางกับตัวบ้านยังไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันเท่าไหร่นัก จุดเด่นของโครงการคือตัวบ้านที่มีการออกแบบมาน่าสนใจ หากเทียบกับโครงการใกล้เคียงในระดับเดียวกันส่วนใหญ่จะเป็นบ้านสองชั้น บนขนาดที่ดินพอๆกัน แต่โครงการนี้ให้บ้าน 3 ชั้น ที่มีจุดเด่นเป็น Double Volume สูง 7 เมตร ทำให้ภายในบ้านมีบรรยากาศโอ่โถง ห้องนั่งเล่นดูอลังการ สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นได้ค่อนข้างเยอะ เหมาะกับคนที่ชอบบ้านฝ้าเพดานสูงๆ ซึ่งบ้านขนาดใหญ่แบบนี้ แน่นอนว่าสามารถรองรับครอบครัวใหญ่ที่ประกอบไปด้วยคนหลายวัย ตั้งแต่เด็ก วัยรุ่น คนวัยกลางคน และคนชรา ซึ่งโครงการได้ออกแบบห้องผู้สูงอายุให้อยู่ชั้น 1 มีห้องน้ำในตัว ภายในห้องน้ำมีการติดตั้งที่นั่งอาบน้ำและราวจับที่ผนังไว้ให้เพื่อความปลอดภัยของผู้สูงอายุ รวมทั้งจัดให้มีห้องน้ำในห้องนอนทุกห้อง สมาชิกในบ้านจะได้ไม่ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกัน ส่วนห้องอื่นๆก็มีฟังก์ชั่นที่ยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ง่าย โดยรวมแล้วออกแบบฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์ครอบครัวใหญ่ได้ดี ส่วนห้องนอนที่อยู่ชั้น 3 ก็ให้หลานๆอยู่กันไปนะคะ ผู้ใหญ่ก็อยู่แค่ชั้น 1 กับ 2 พอจะได้ไม่ต้องขึ้นบันไดเยอะจ
สาธารณูปโภคของโครงการให้มาไม่เยอะ มี Facilities พื้นฐาน อย่างสวนหย่อม สระว่ายน้ำ ห้องนิติบุคคล และ Fitness ให้ แน่นอนว่าหากเทียบกับโครงการใกล้เคียงที่นี่ถือว่าให้มาน้อย แต่ถ้าเทียบกับตัวโครงการเองที่มีบ้านพักอาศัยแค่ 18 ยูนิต ก็ถือว่าไม่น้อยจนเกินไปนัก ในเรื่องของความปลอดภัยจะมีพี่ยามดูแลความปลอดภัย 24 ชั่วโมง มีระบบ CCTV ที่ Main Gate และภายในโครงการ 9 จุด เข้า-ออกโครงการโดยใช้ระบบ Easy Pass ภายในบ้านสัญญาณกันขโมย ระบบ Magnetic senser และ Motion Sensor ทุกหลัง
Judgement
ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 40%, ความปลอดภัย 15%, การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 15%, วัสดุ 10%, พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 10%, และสาธารณูปโภค 10%
เทียบกับแพคเกจ 22-26 ล้านบาท, 14 July, 2016
- ทำเลและความสะดวกในการเดินทาง 8/10 – ติดถนนใหญ่ เดินทางด้วยรถยนต์สะดวก แต่ไม่มีสาธารณูปโภคในระยะใกล้
- ความปลอดภัย 8/10 – รั้วกั้นไม้กระดกและประตูบานเลื่อนอัตโนมัติ พร้อมรปภ.หน้าหมู่บ้าน และมีสัญญาณกันขโมยให้ภายในบ้าน
- การออกแบบและพื้นที่ใช้สอย 8.25/10 – ตัวบ้านออกแบบได้สวยมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มี Double Volume สูงโปร่ง
- วัสดุ 7.5/10 – มาตรฐานของระดับนี้
- พื้นที่สีเขียวและสภาพโครงการ 7/10 -เป็นโครงการเล็กๆที่ยูนิตน้อย สงบและเป็นส่วนตัวสูง รอบโครงการมีการลงต้นไม้ที่รั้วไว้ให้ แต่พื้นที่สีเขียวถือว่าน้อยตามข้อจำกัดของโครงการขนาดเล็ก หน้าตา Clubhouse ไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกับตัวบ้าน
- สาธารณูปโภค 7/10 – ให้มาครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อม ห้องนิติบุคคล แต่ไม่เยอะ พอดีๆกับ 18 ยูนิต
- 7.79 / 10.00
BOTTOM LINE
The Royal Tier เป็นโครงการบ้านเดี่ยวติดถนนใหญ่ระดับ Luxury เหมาะกับครอบครัวใหญ่ที่ชอบโครงการยูนิตน้อย มีความ Privacy สูง มีความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยึดติดแบรนด์ ไม่เน้นใช้พื้นที่ส่วนกลาง ชอบใช้พื้นที่ในบ้านมากกว่า และมองหาทำเลที่ไกลเมืองหน่อย แต่เดินทางสะดวกและคาดหวังความอุดมสมบูรณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีงบประมาณ 22-26 ล้านบาท หรือมีกำลังผ่อนต่อเดือนประมาณ 154,000-182,000 บาท
ช่วยกันคอมเม้นท์ แบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆที่กำลังหาบ้านหน่อยนะคะ
สมัครสมาชิกพร้อมรับข่าวสารเพิ่มเติม (คลิกที่นี่ )